"นิสสัน" เผยปีนี้จ่อเปิดตัวรถใหม่อีก 3 รุ่น เพิ่มรถซีดานขนาดกลางทำตลาด ช่วยโกยยอดขายทะลุแสนคัน ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ 15% ภายในปีཷ ฟุ้งมีนาคมทุบสถิติยอดขายทะลุ 1.2 หมื่นคัน ชี้ลูกค้ารถคันแรกเพิ่มกว่าครึ่ง อนาคตจ้องใช้โรงงานอินโดฯช่วยผลิตบางรุ่น

นายทาคายูกิ คิมูระ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาว่า (ปีงบประมาณ 54 สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2555) บริษัทมียอดขายรวมทั่วโลก 4.845 ล้านคัน คิดเป็นการเติบโต 15.8% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดโลก สำหรับในประเทศไทยมียอดขาย 76,500 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 18% และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 9.2%

เฉพาะเดือนมีนาคมที่ผ่านมามียอดขายสูงสุดถึง 12,700 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ดำเนินงานในประเทศไทยมากว่า 59 ปี และยอดขาย 5 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 43,000 คัน จากการตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้ที่ 10% คิดเป็นจำนวนยอดขาย 100,000 คัน และตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15% ภายในปี 2559

โดยในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่ถึง 3 รุ่น แบ่งเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางแบบ 4 ประตูภายในไตรมาสสอง และอีก 2 รุ่นภายในปีนี้ด้วย รวมถึงมีแผนจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 20 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 165 แห่ง

"เรามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 9.2% และจะเพิ่มเป็น 10% ในปีนี้นั้นเป็นไปตามแผน power up 2016 รวมถึงการเป็นผู้นำในตลาดอีโคคาร์ทั้งแบบซีดานและแฮตช์แบ็ก โดยจะพยายามเพิ่มส่วนแบ่งตามเป้าหมายให้ได้" นายคิมูระกล่าว

ด้านนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลตอบรับของลูกค้าต่อโครงการรถคันแรกว่า บริษัทเห็นว่าการต่ออายุโครงการรถยนต์คันแรกเป็นสิ่งที่ดี เพราะผู้ผลิตรถยนต์และประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ ซึ่งเดิมบริษัทมีสัดส่วนลูกค้ารถคันแรกราว 25% แต่ปัจจุบันพบว่าสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 50%

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีจำนวนผู้ยื่นเรื่องขอใช้สิทธิ์ราว 40,000 รายเท่านั้น จากจำนวนการส่งมอบรถยนต์คันแรกถึง 1.5 แสนคัน เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไปยื่นเอกสารในช่วงปลายปี ก็อาจจะเกิดปัญหาด้านการให้บริการจากจำนวนคนไปยื่นเรื่องรับสิทธิ์มากในช่วงปลายปี

สำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการอย่างนิสสัน อัลเมร่า และมาร์ชนั้น มีแบ็กออร์เดอร์ 25,000 คัน คาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ภายใน 4 เดือน และ 3 เดือนตามลำดับ ส่วนแผนการผลิตนั้น บริษัทก็ได้พิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้า โดยได้ให้บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้ช่วยผลิตรถยนต์ราว 40,000 คัน ทำให้ทั้งปีบริษัทมีกำลังการผลิตรวมที่ 2.2-2.3 แสนคัน รองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและส่งออก

"ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากโครงการรถคันแรก เราก็ต้องระวังในการเพิ่มกำลังการผลิต ว่าความต้องการที่เกิดขึ้นเป็นความต้องการจริงหรือเปล่า เพราะส่วนหนึ่งเป็นการดึงยอดขายในอนาคตเข้ามา เราก็วางแผนการผลิตให้สอดคล้อง แยกให้ออกระหว่างยอดขายปกติกับยอดขายที่เพิ่มพิเศษ ส่วนการดำเนินงานโครงการก็ต้องเป็นธรรม และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วย" นายประพัฒน์กล่าว

และในอนาคตหากบริษัทได้แนะนำรถรุ่นใหม่ ๆ เพิ่มเติมนั้น ก็ต้องพิจารณาทั้งความต้องการของตลาดในประเทศรวมถึงส่งออก มีทางเลือกทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศ หรืออาจจะให้โรงงานนิสสันในประเทศอินโดนีเซียผลิตรถยนต์สำหรับตลาดส่งออก

ด้านแผนการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15% ภายใน 2559 นั้น นายประพัฒน์กล่าวเสริมว่า บริษัทต้องมีรถใหม่ทำตลาดไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น ด้วยเซ็กเมนต์ที่หลากหลาย อาทิ รถยนต์ซีเซ็กเมนต์แบบซีดาน ซึ่งบริษัทยังไม่มีสินค้ากลุ่มดังกล่าว รวมถึงจะต้องมีการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และเพิ่มการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง