blog สบายๆ style หนูเกด
Group Blog
 
All blogs
 

หนีเที่ยวลำปาง ภาค 1

.....ช่วง 28 ม.ค.- 23 ก.พ.2550 เกดได้มีโอกาสออกไปฝึกภาคสนามในโรงพยาบาลสบปราบ จ.ลำปาง จึงไม่ได้ up blog เลย วันนี้จะเล่าให้ฟังแล้วนะคะ ปูเสื่อรอได้เลย…

.....29 ม.ค.50 เราเดินทางโดยรถไฟไปถึงลำปางช่วงเช้า





.....เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุข(สสจ.)จังหวัดลำปางมารับพวกเราจากสถานีรถไฟไปส่งสสจ. พร้อมกับสัมภาระใบโต และกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยมากมายเพื่อเข้าประชุมก่อนแยกย้ายกันไปตามโรงพยาบาลชุมชนค่ะ

.....เราไปทำอะไรกันน่ะเหรอ? ก็ไปทำโครงการเกี่ยวกับทันตสาธารณสุขไงคะ แต่เกดขอข้ามเรื่องงานไปเล่าเรื่องท่องเที่ยวในช่วงวันที่ว่างงานดีกว่าเนอะ (ซะงั้น)

.....เสาร์แรก 3 ก.พ.50 ก็ไปเที่ยววัดพระธาตุจอมปิง ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าติโลกราช แห่งอาณาจักรล้านนาไทย มีสิ่งที่น่าสนใจคือ เงาของพระเจดีย์จะกลับหัวเมื่อแสงผ่านรูเล็กๆของหน้าต่างไปตกลงบนฉาก (หลักการคล้ายกล้องรูเข็ม)





รูของช่องหน้าต่างที่แสงลอดเข้ามาตกกระทบบนฉากผ้าขาว



ฉากผ้าขาวที่มารับแสงเกิดภาพพระธาตุเจดีย์กลับหัว





แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำมะนาว



.....จากนั้นไปวัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปาง ตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทยค่ะ







หน้าบันทำด้วยไม้







.....ตกเย็นก็ไปนั่งรถม้าชมเมือง อากาศเย็นสบายดี ส่วนน้องม้าก็ร่าเริงมากค่ะ



หมดไปอีก 1 วัน ไว้มาเล่าต่อพรุ่งนี้นะคะ ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายค่ะ




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 0:28:02 น.
Counter : 958 Pageviews.  

เขาใหญ่ 24-25 ธ.ค. 2548

เดือนธ.ค.48 นี้ เกดชีพจรลงเท้าจริงๆ ได้เที่ยวต่างจังหวัดทุกอาทิตย์ ตั้งแต่ไปภูกระดึง , อยุธยา , และที่เพิ่งไปมาคือ เขาใหญ่ค่ะ

เริ่มออกเดินทางตั้งแต่หกโมงเช้า (ความจริงจะออกตี 5 แต่ดันนอนไม่ตื่น) จากคำแนะนำของพี่ๆใน pantip ว่าให้ไปเส้นปราจีนบุรี เพราะเส้นทางไม่โหดเท่าไหร่ แบบว่าคุณสารถีสุดหล่อ “มือหมับหัดไข่” ค่ะ

เดินทางไปถึงแยกนเรศวร ก็ไปหาอาหารเช้าทานที่นั่นค่ะ คือ ปาท่องโก๋ตัวโตๆ กรอบมาก กับข้าวเหนียวหมูทอด หอมกลิ่นพริกไทยมากๆค่ะ จากนั่นก็มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ( 3077 ซึ่งหาในแผนที่ไม่เจอ )เย้ๆๆๆๆๆๆ

ถึงด่านตรวจอุทยานฯ ก็ชำระค่าเข้าผู้ใหญ่ 20 บาท, ส่วนเกด 10 บาท เพิ่งรู้ว่าบัตรนักศึกษามันดีอย่างนี้นี่เอง , ค่าพาหนะรถ 4 ล้อ 50 บาทค่ะ ระหว่างรอคิวก็อ่านป้ายต่างๆ แถวนั้น ได้ความว่า ห้ามส่งเสียงดัง , ตีเกราะ เคาะขวด นำเครื่องดนตรีไปถล่มไม่ได้ , ห้ามรถยนต์ที่เครื่องยนต์เสียงดังเข้า , อย่านำสัตว์เลี้ยงเข้าไป , จำกัดความเร็ว 60 km/h , ห้ามให้อาหารสัตว์ รวมๆแล้วก็ประมาณนี้อะค่ะ

เลยด่านมาหน่อยก็ถึงทางเข้าน้ำตกเหวนรกค่ะ



เดินเท้าเข้าไปกิโลกว่าค่ะ ชมนกชมไม้ เจอกระรอกแทะกิ่งไม้อยู่บนศีรษะเลยค่ะ เดินแป๊บเดียวก็เจอสิ่งก่อสร้างอันนี้อะค่ะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร



และไต่บันไดลงไป ถึงจุดชมวิว (เป็นการเที่ยวน้ำตกจากยอดลงมา 555)



ออกจากน้ำตกเหวนรก ก็มุ่งหน้าสู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อจองรถส่องสัตว์ ตอนนี้ขึ้นราคาแล้ว คันละ 10 คน ราคา 430 บาท และทานข้าวเที่ยง เมื่ออิ่มท้อง กองทัพของเราก็เดินทางไปยังจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ไปติดต่อจ่ายค่าพักที่นั่นเลย ผู้ใหญ่ 30 , นศ. 10 บาท , มีที่นอน หมอน เสื่อ เต็นท์ ให้เช่าค่ะ แต่เกดไม่ได้ใช้บริการ แหะๆ

เดินหาทำเลปลูกบ้านได้ก็ลุยเลยค่ะ ตอกเสาเข็ม เอ้ยสมอบกค่ะ หลังปลูกบ้านเสร็จก็มุ่งหน้าไปน้ำตกเหวสุวัต อยู่สุดถนนธนะรัชต์



มุมจากหน้าผาฝั่งน้ำตก



จากจุดชมวิว



จากพื้น ที่นี่เกดเสียหลัก เหยียบหินแล้วลื่น เท้าซ้ายซ้น นิ้วนางเขียว แล้วเริ่มม่วง ป่านนี้ยังเจ็บอยู่เลยค่ะ



จากเหวสุวัตก็ย้อนไปเที่ยวที่จุดกางเต็นท์ลำตะคอง บรรยากาศดีมากค่ะ มีลำน้ำไหล ลานกางเต็นท์กว้างกว่าที่ผากล้วยไม้อีก (แอบคิดว่าจะย้ายบ้านมาที่นี่ดีไหมน้า) คราวหน้าจะมากางที่นี่ดีกว่า



มีสะพานแขวนด้วยค่ะ





ในบ่อน้ำมีพืชน้ำ ออกดอกสีเหลือง สวยมากค่ะ



ต้นนี้อยู่ริมน้ำขึ้นปนๆกับต้นบอน



เขตกางเต็นท์มีแบ่ง Zone ด้วยค่ะ



หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่ทำการอุทยานฯ เพื่อทานข้าวเย็นและรอขึ้นรถไปส่องสัตว์ค่ะ ระหว่างทางเจอแมลงปอยักษ์ค่ะ



สัตว์ที่พบส่วนใหญ่เป็นกวาง เก้ง นอกจากนั้นก็เจอ เม่น ชะมด งู นกที่แอบหลับอยู่บนต้นไม้ค่ะ ทั้งหมดนี้ประทับใจเม่นมากๆ แบบว่าไม่เคยเห็นในธรรมชาติ แอบผิดหวังเล็กๆที่ไม่ได้เจอช้างป่าค่ะ เห็นแต่มูลช้าง

วันนี้ก็หมดลงด้วยการหาที่จอดรถค่ะ ในที่สุดได้จอดบนเนิน เตรียมตัวไหลลงเขาเต็มที่ 555 และเข้าที่พัก ปรากฏว่า เต็นท์ข้างๆที่มากางใหม่เอาสุนัขมาด้วย เฮ้อ……..โฮ่งๆๆๆๆๆ ครอกๆๆๆๆๆ (เขาห้ามเอามาไม่ใช่เรอะ !)

รุ่งขึ้นระหว่างเก็บของก็ได้ยินเสียงนกเงือกค่ะ เลยออกมาดู เจอนกเงือกเกาะอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ๆเต็นท์เลยค่ะ ตัวไม่ใหญ่มากค่ะ มองไปรอบๆก็เห็นบินจากกิ่งโน้น มากิ่งนี้ อีก 4 ตัว

หลังจากเก็บเต็นท์เสร็จก็ทานอาหารเช้าและเดินไปเที่ยวน้ำตกผากล้วยไม้ เลียบลำตะคองไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปได้ตลอดทางเลยค่ะ แต่เกดว่าระยะทางมากกว่า 1.2 km ที่บอกไว้ที่ป้ายนะคะ แหะๆ สงสัยเจ็บเท้า เลยรู้สึกว่าเดินไม่ถึงซักที









เห็ดค่ะ





เจอรังปลวกที่เหมือนโดนเหยียบอะค่ะ



ม้วนหางหน่อยซิลูก





โพรงอะไรหว่า



กล้วยไม้



ฝูงแมงมุม ขายาวมากเลยค่ะ น่ากลัวเนอะ



นั่งพักเหนื่อยที่น้ำตกไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาค่ะ เลยต้องรีบกลับ ระหว่างทางก็เจอต้นนี้ค่ะ สีเขียวอ่อนกับแก่ มีหยดฝนแหมะๆ สวยไปอีกแบบ



อยากฝากนักท่องเที่ยวทั้งหลายว่า เราไปเที่ยวป่า เราไปเป็นส่วนหนึ่งของป่า ควรช่วยกันดูแลรักษานะ เรื่องเสียงดังขณะเดินศึกษาธรรมชาติ มันก็รบกวนสัตว์ป่ามากพอแล้ว กรุณาอย่ามักง่ายทิ้งขยะ ไม่เป็นที่เยี่ยงนี้



ออกจากผากล้วยไม้ก็เดินทางกลับทางปากช่อง ผ่านอ่างเก็บน้ำมอสิงโต วังวาปี ดงเสือผ่าน ดงกระทิง ด่านช้าง จุดชมวิวกม.ที่ 30 โป่งช้าง ไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ และก็ออกจากอุทยานฯค่ะ

มื้อบ่ายแวะทาน steak ร้านครูต้อ ซื้อของฝากและกลับกทม.ค่ะ





 

Create Date : 26 ธันวาคม 2548    
Last Update : 26 ธันวาคม 2548 9:57:43 น.
Counter : 1345 Pageviews.  

ภูกระดึง สวรรค์ในหมอก ดอกไม้งาม 10-12 ธ.ค.2548

ถึงฤดูหนาวทั้งที กทม.ไม่ยักกะหนาวกะเขา เกดเลยต้องไปแสวงหาความหนาวถึง จ.เลย โดยเริ่มออกเดินทางจากหมอชิตในคืนวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค.48 ประมาณห้าทุ่ม ไปถึงผานกเค้าหกโมงเช้า จองตั๋วรถกลับกทม.ที่นั่นเลย แล้วต่อรถสองแถวไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เพื่อไปสมทบกับเพื่อนอีก 4 คน

เมื่อรวมพลกันครบก็รอคิวชั่งน้ำหนักสัมภารก เอ้ย สัมภาระ เพื่อจ้างลูกหาบอัตรา กก.ละ 10 บาท จากนั้นก็ลุยไต่ ปีน คลานขึ้นภูร่วมกับผู้คนนับพันคน เส้นทางก็โหดใช้ได้เลย เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน (แต่รู้สึกว่าจะกินตลอดทาง แหะๆ)

มีร้านค้าตามซำต่างๆ ช่วยชีวิต



เดินทางถึงหลังแปก็ปาไปบ่ายสาม ที่ขาดไม่ได้คือถ่ายรูปคู่กับป้ายสุด hot



พักเหนื่อยสักครู่และเดินต่อไปที่ลานกางเต็นท์ ไปสมทบกับเพื่อนอีกกลุ่มที่ขึ้นไปก่อนเรา 1 คืน บริเวณที่กางเต็นเหมือนหมู่บ้านย่อยๆเลยค่ะ ผู้คนนับหมื่นคน แห่กันไปเที่ยว ทุกอย่างต้องรอคิว แต่ก็ต้องทำใจเนอะ วันหยุดยาวทั้งทีผู้คนก็เที่ยวกัน



ยามพระอาทิตย์ตก เห็นแสงเรืองมาจากยอดไม้ มองเห็นได้จากลานกางเต็นท์



วันอาทิตย์ 11 ธ.ค.48เราตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระยะทาง 2,100 m เส้นทางผ่านเขตช้างป่า เห็นรอยเท้าสัตว์มีกีบเท้าตามข้างทาง



ผู้คนเดินตามกันไม่ขาดสาย พอไปถึงที่ผา ก็พบคนนั่งรอจับจองที่กันเต็มผา เหมือนมาเชียร์บอลยังไงไม่รู้ ทุกคนตั้งใจรอสิ่งเดียวกันคือ พระเอกของเรา



ต่อไปเป็นรูปต้นไม้ ดอกไม้ข้างทาง ซึ่งไม่ค่อยรู้จักชื่อเท่าไร









หม้อข้าวหม้อแกงลิงสีแดง เห็นเป็นระยะๆ



Fern ยอดม้วนเป็นรูปหัวใจ



ลูกสน : อันใหญ่สนสองใบ อันเล็กสนสามใบค่ะ



ต้นเมเปิ้ลที่น้ำตกถ้ำใหญ่







กองหินที่ก่อขึ้นเหมือนเจดีย์ ฐานเป็นหินก้อนใหญ่ ไล่เล็กลงๆขึ้นมาที่ยอด พบเห็นตลอดทาง เกดก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรค่ะ



ผาหล่มสัก (เกดไม่ได้ไปค่ะ ฝากเพื่อนไปแทน 555)



ทะเลหมอกยามเช้าวันจันทร์ 12 ธ.ค.48



ก่อนลงภูขอเก็บภาพลูกหาบก่อน ขอขอบคุณท่านจอมยุทธ ถ้าไม่ได้ท่านเหล่านี้ พวกเราตายแน่ๆ แต่ละคนแบกกันคนละ 50 kg ขึ้นไป




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2548    
Last Update : 26 ธันวาคม 2548 9:27:42 น.
Counter : 1557 Pageviews.  

1  2  

นิเฟอซัง
Location :
มหาสารคาม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




###ยินดีต้อนรับสู่ Blog น้อยๆของเกดค่ะ### อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมบ่อยๆ และลงชื่อใน

Free Counter

Sudoku from SudokuPuzz.com
Friends' blogs
[Add นิเฟอซัง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.