สวัสดีค่ะ
เมื่อพูดถึง ชีวิตติดลบ เรามักนึกถึงคนที่ผิดหวัง หรือผิดพลาดจากเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต และเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องที่ทำให้คนเราต้องพบกับ ชีวิตติดลบ คงหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างขาดไม่ได้ และถึงแม้ว่าเงินจะไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่การไม่มีเงินก็ทำให้ชีวิตลำบากจนเรียกว่าติดลบได้ แล้วแบบไหนที่เรียกว่ามีปัญหาการเงินจน ชีวิตติดลบ และจะมีแนวทางแก้ไขยังไงได้บ้าง K-Expert มีคำตอบมาฝากค่ะ
ถ้าเราอยากรู้ว่าการเงินของตัวเราเป็นยังไง ให้เรารวบรวมทรัพย์สิน หนี้สิน รายรับ และรายจ่าย ของตัวเราออกมา แล้วคำนวณเป็นสมการทางการเงิน ... เขียนมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งงงกันนะคะ ไม่ได้ยากอะไรค่ะ แต่ที่ให้เขียนเป็นสมการจะทำให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า การเงินของเราเป็นบวก เป็นศูนย์ หรือติดลบ ซึ่งสามารถแสดงด้วยสมการทางการเงิน 2 สมการ ดังนี้ค่ะ
สมการความมั่งคั่ง โดยเอาทรัพย์สิน ลบ หนี้สิน ถ้าคิดออกมาแล้วได้ค่าเป็นบวก แสดงว่าเรามีสุขภาพการเงินแข็งแรง ยิ่งเป็นบวกมากเท่าไร ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเรามีความมั่งคั่งมากเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าได้ค่าเป็นลบ ก็คือ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เรียกว่า ความลำบากเริ่มมาเยือนตัวเราแล้ว เพราะว่าเรามีภาระที่จะต้องชำระคืนหนี้สิน และที่สำคัญ ทรัพย์สินที่เรามี ถือว่า เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของเต็มตัว แต่ยังมีส่วนของเจ้าหนี้รวมอยู่ด้วย ดังนั้น ถ้ามีหนี้สินมาก ก็เป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เพราะถือว่าเรามี ชีวิตติดลบ มากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
อีกสมการหนึ่งคือ สมการเงินออม คิดคำนวณได้จาก รายรับ ลบ รายจ่าย โดยผู้ที่จะมีสุขภาพการเงินที่ดีได้ต้องมีรายรับมากกว่ารายจ่าย เพราะเมื่อรายรับลบรายจ่ายแล้วเป็นบวก ก็คือ เงินออม ของเรานั่นเอง แต่ถ้าหักลบกันแล้ว ออกมาติดลบ ก็บ่งบอกได้ว่าปัญหาการเงินเริ่มเข้าใกล้ตัวเรา เพราะเมื่อเงินที่เรารับเข้ามาไม่เพียงพอกับเงินที่ต้องจ่ายออกไป เราอาจต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อใช้จ่าย แล้วถ้าการเงินติดลบบ่อยๆ หรือกระเป๋าฉีกเป็นประจำ ต้องบอกว่า ถึงเวลาเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมรับมือกับภาวะ ชีวิตติดลบ ได้แล้วล่ะค่ะ
มาถึงตอนนี้ก็น่าจะพอรู้แล้วนะคะว่า สมการทางการเงินของเราเป็นยังไงกันบ้าง ถ้าใครที่มีสมการความมั่งคั่งและสมการเงินออมเป็นบวกทั้งคู่ คือ ทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน และรายรับมากกว่ารายจ่าย ต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ เพราะแสดงถึงสุขภาพการเงินที่แข็งแรง และยังสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้มากขึ้นจากเงินออมที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปลงทุน เพิ่มความคุ้มครองด้วยการทำประกัน หรือวางแผนเพื่อเป้าหมายในชีวิต และแนะนำว่า แต่ละเดือนสามารถหักเงินเดือนมาเก็บออมไว้ก่อนนำเงินไปใช้จ่าย สามารถเก็บในเงินฝากประจำ 24 เดือน หรือกองทุนรวมที่เราสนใจ ช่วยสร้างวินัยการออมและมั่นใจได้ว่าทุกเดือนจะมีเงินเก็บออมอย่างแน่นอน
ส่วนใครที่มีสมการใดสมการหนึ่งติดลบ ต้องบอกว่า อาการยังไม่หนักหนาเท่าไรที่จะแก้สมการจากติดลบให้กลายเป็นบวกค่ะ โดยถ้ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน แต่มีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับที่หามาได้ การแก้ปัญหาไม่ยากเลยค่ะ ควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการจดจะช่วยให้รู้พฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง รู้ว่าอะไรไม่จำเป็น สามารถปรับลดได้บ้าง ซึ่งช่วยอุดรอยรั่วของกระเป๋าสตางค์ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
หรือถ้าใครที่สามารถควบคุมการใช้จ่ายให้อยู่ในกรอบของรายได้ แต่กลับมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน อาจเป็นเพราะอยู่ในวัยกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แนะนำให้นำเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือนไปชำระคืนหนี้สินเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะหนี้สินระยะสั้น พวกหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่าย แต่ถ้าหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะยาวอย่างสินเชื่อบ้าน แนะนำให้รักษาวินัยในการผ่อนชำระให้ตรงเวลา และพยายามโปะเงินต้นให้ลดลง เพราะเมื่อยอดหนี้ลดลง ดอกเบี้ยจ่ายก็จะลดลง หมดหนี้ได้เร็วขึ้น และทำให้ความมั่งคั่งของตัวเราทยอยเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
แต่สำหรับใครที่ติดลบทั้งสองสมการ ดูแล้วมีปัญหาหนักที่สุด เพราะนอกจากเงินรายได้ไม่พอกับรายจ่ายแล้ว ยังมีหนี้สินล้นพ้นตัวอีกด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ แม้ชีวิตจะติดลบ แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ขอเพียงมีความตั้งใจและมีวินัยเป็นที่ตั้ง โดยเรื่องแรกที่ต้องทำเลยคือ จัดการกับรายจ่ายอย่างเข้มงวด ปรับ ตัด ลด ค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นลง และหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อให้มีเงินเหลือในแต่เดือนที่จะนำมาชำระคืนหนี้ให้หมดภาระไวขึ้น สิ่งสำคัญ พยายามไม่ก่อหนี้เพิ่ม ไม่เช่นนั้นจะยิ่งตอกย้ำภาวะ ชีวิตติดลบ ให้หนักยิ่งขึ้น
ไม่ว่าตัวเราจะมีสถานะ หรือสมการทางการเงินเป็นยังไง ถ้าเป็นบวก ก็ต้องพยายามรักษาสุขภาพทางการเงินให้แข็งแรงต่อไป แต่ถ้าติดลบ ก็ขอให้รู้ว่า ทุกอย่างสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ซึ่งการบริหารเงินรายรับ-รายจ่าย รับรู้รูปแบบการใช้ชีวิต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการวางแผนการเงิน เพราะบางครั้งจุดเปลี่ยนอาจอยู่เพียงแค่ปลายจมูกของเราเท่านั้นเองค่ะ
------------------------------------------------------
Recommended! ตัวช่วยที่เกี่ยวข้องกับบล็อกวันนี้
>>> K-Expert Tool: โปรแกรมรับ-จ่ายอย่างง่าย <<< โหลดฟรี