สวัสดีค่ะ
ถ้าถามว่า การลงทุนอะไรที่ทำให้นักลงทุนเจ็บตัวและติดดอยในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนน้ำมันเป็นหนึ่งในการลงทุนที่เพื่อนๆ หลายคนติดดอยกันอยู่ใช่มั้ยคะ เพราะถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีที่แล้ว ช่วงกลางปี 2014 ราคาน้ำมันยังสูงเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากย้อนอดีตไปช่วง 2 ปีก่อน แล้วไปบอกว่า ราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คงจะไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ทีนี้พอราคาน้ำมันปรับลงมา หลายคนก็มองว่า ยังไงเดี๋ยวราคาก็คงปรับขึ้นไปที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ แต่จนแล้วจนรอดราคาน้ำมันก็ไม่ปรับขึ้น มีแต่จะต่ำเตี้ยลง ทำให้เกิดชาวดอยน้ำมันขึ้นมามากมาย คำถามที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ จะถือต่อหรือขายคัทลอสไปเลยดี K-Expert มีคำตอบมาฝากเพื่อนๆ กันแล้วล่ะค่ะ
ก่อนอื่นเรามาไล่เรียงกันก่อนว่า สาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงคืออะไร ตัวการสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงก็คือ การผลิตเชลล์ออยล์ของสหรัฐฯ หรือการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน ซึ่งทำให้ปริมาณพลังงานในโลกเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับความต้องการใช้น้ำมันที่ยังไม่เพิ่มสูงขึ้นมากนัก เพราะเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ จีน ยุโรป หรือญี่ปุ่นเอง ก็ยังไม่ได้ขยายตัวได้สูงมาก นอกจากนี้ พอราคาน้ำมันปรับลง แทนที่กลุ่มโอเปกซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในการผลิตน้ำมันจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง เพื่อช่วยให้ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น ก็กลับคงกำลังการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม เพื่อจะบีบให้ผู้ผลิตเชลล์ออยล์ซึ่งมีต้นทุนในการผลิตน้ำมันที่สูงกว่าการผลิตน้ำมันดิบ ต้องเลิกผลิตและออกจากอุตสาหกรรมนี้ไปค่ะ
ในช่วง 1-2 ปีนี้ที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง ก็ต้องยอมรับว่า กลยุทธ์ของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างโอเปกได้ผลระดับหนึ่ง เพราะราคาน้ำมันในตอนนี้ที่ปรับลงมาที่ประมาณ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ทำให้ผู้ผลิตเชลล์ออยล์ต้องปิดตัวกันไปหลายราย จากต้นทุนในการผลิตเชลล์ออยล์ที่สูงกว่าการผลิตน้ำมันดิบ โดยต้นทุนของเชลล์ออยล์อยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ต้นทุนการผลิตน้ำมันของประเทศใหญ่ๆ ในตะวันออกกลางประมาณ 10-20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้น เห็นแบบนี้บางคนอาจจะเริ่มดีใจว่า อีกไม่นานเชลล์ออยล์ก็จะต้องปิดตัวลง แล้วราคาน้ำมันก็จะกลับขึ้นไปที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหมือนเมื่อก่อนใช่มั้ยคะ
อย่าเพิ่งด่วนดีใจกันไปค่ะ เพราะแม้ว่าผู้ผลิตเชลล์ออยล์จะเริ่มปิดตัวกันไปบ้างแล้ว แต่ข่าวร้ายก็ยังไม่หมดไป นั่นก็คือ อิหร่านซึ่งเดิมเคยถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติเพราะเคยมีการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ตอนนี้การคว่ำบาตรสิ้นสุดลงแล้ว ทำให้อิหร่านกลับมาผลิตน้ำมันได้อีกครั้ง โดยกำลังการผลิตน้ำมันของอิหร่านเองก็ไม่น้อยเลยนะคะ เพราะจะสามารถผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นได้อีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ดังนั้น แนวโน้มราคาน้ำมันในช่วง 1-2 ปีนี้ จะเป็นลักษณะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ถ้าไปดูคาดการณ์ราคาน้ำมันของกูรูในต่างประเทศอย่างสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ก็มองว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปีหน้าอยู่ที่ 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของโกลด์แมนแซคส์ซึ่งมองว่า ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ที่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ดังนั้น สำหรับคนที่ติดดอยน้ำมันกันอยู่ น่าจะพอสบายใจกันได้บ้างว่า ราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับตัวลงมามากแล้ว จึงไม่แนะนำให้คัทลอสนะคะ ส่วนจะซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยราคานั้น อยากให้ราคาเคลื่อนไหวนิ่งกว่านี้เสียก่อน เพราะราคาน้ำมันในช่วงนี้ แต่ละวันปรับตัวขึ้นลงค่อนข้างแรง และยิ่งเราลงทุนในกองทุนน้ำมันที่ถ้าซื้อวันนี้ แล้วต้องรอลุ้นราคาของกองทุนตามราคาปิดน้ำมันในเช้าวันรุ่งขึ้น ยิ่งยากที่จะคาดเดาได้ว่า จะได้ต้นทุนถูกหรือแพง เลยอยากแนะนำให้รอราคานิ่งกว่านี้ แล้วค่อยซื้อถัวจะดีกว่าค่ะ
สุดท้ายนี้ สิ่งที่อยากฝากเพื่อนๆ นักลงทุนเอาไว้คือ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหรือทองคำ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ (สูงกว่าหุ้นอีกนะคะ) เพราะราคาปรับขึ้นลงค่อนข้างแรง ดังนั้น ไม่ควรลงทุนเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำให้ลงทุนซัก 5-10% ของพอร์ตก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ
------------------------------------------------------
Recommended! ตัวช่วยที่เกี่ยวข้องกับบล็อกวันนี้
>>> K-Expert Tool: ผู้ช่วยจัดการสินทรัพย์ออนไลน์ <<< โหลดฟรี