Group Blog
 
All Blogs
 
ทำประกันชีวิตให้พอดี

สวัสดีค่ะ

พูดถึงการทำประกันชีวิต หลายคนอาจสงสัยว่า เราควรทำประกันชีวิตกี่กรมธรรม์ แถมประกันก็มีหลากหลายรูปแบบ เราควรทำประกันแบบไหนดี หรือควรทำทุนประกันมากน้อยแค่ไหน คำถามหรือข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการทำประกันเหล่านี้ K-Expert มีคำตอบเพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำประกันชีวิตให้พอดีมาฝากค่ะ

จริงๆ แล้ว การทำประกันชีวิตที่เหมาะสมไม่ได้อยู่ที่จำนวนกรมธรรม์ แต่อยู่ที่ความคุ้มครองหรือทุนประกันที่ควรทำให้ครอบคลุมความจำเป็นหรือความเสี่ยง รวมถึงการเลือกรูปแบบประกันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยความคุ้มครองที่เราควรทำเพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้นั้น มีดังนี้ค่ะ

คุ้มครองครอบครัว

ผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว หรือมีคนอยู่ในอุปการะต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ สามีภรรยา หรือลูกหลาน ถ้าวันหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเรา แน่นอนว่าเราคงอยากให้คนที่เรารักสามารถอยู่ต่อไปได้โดยไม่เดือดร้อน หรือมีเวลาในการปรับตัวได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งการทำประกันชีวิตจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงนี้ได้ สำหรับแบบประกันที่เหมาะสม คือ แบบตลอดชีพ โดยควรทำประกันให้มีความคุ้มครองครอบครัวอย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี (หรือ 36 เท่าของรายได้ต่อเดือน) ซึ่งประกันชีวิตแบบตลอดชีพเป็นประกันที่จ่ายเงินชดเชยให้ครอบครัวหรือผู้รับประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิต หรือจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันถ้ามีชีวิตอยู่จนถึงอายุตามที่กำหนดในกรมธรรม์ เช่น 90 ปี 95 ปี หรือ 99 ปี

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนเก็บเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูก นอกจากการออมเงินในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินฝาก กองทุนรวมแล้ว ก็ควรทำประกันชีวิตแบบตลอดชีพควบคู่กันไปด้วย โดยให้มีความคุ้มครองครอบคลุมค่าเล่าเรียนของลูก เพราะถ้าเราเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาก่อนเก็บเงินได้ครบตามระยะเวลาที่วางแผนไว้ การทำประกันก็ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า ลูกที่เรารักจะได้รับการศึกษาตามที่ต้องการ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ทำประกันเพื่อการศึกษาลูก โดยทั่วไปมักจ่ายเงินให้เป็นรายงวดตามอายุ หรือระดับการศึกษาของลูก หรือทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ โดยให้มีระยะเวลารับเงินเมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดสอดคล้องกับระยะเวลาใช้เงิน

คุ้มครองหนี้สินบ้าน

สำหรับผู้ที่มีภาระหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ และมักมีระยะเวลาผ่อนนานเป็นสิบๆ ปี การทำประกันจึงมีความสำคัญมาก เพราะถ้าผู้กู้บ้านเสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ไม่สามารถทำงานหารายได้ได้ตามเดิม ภาระผ่อนบ้านจะตกเป็นของลูกหลานหรือคนในครอบครัวที่เรารักทันที แต่ถ้าเราทำประกันชีวิตเอาไว้ เงินชดเชยที่ได้รับจากประกันสามารถนำมาชำระคืนยอดหนี้สินที่เหลืออยู่ได้ ซึ่งแบบประกันชีวิตที่เหมาะสม คือ แบบชั่วระยะเวลา โดยควรทำประกันให้มีระยะเวลาความคุ้มครองและทุนประกันสอดคล้องกับระยะเวลาในการผ่อนชำระและวงเงินสินเชื่อ ส่วนค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็จะขึ้นอยู่กับเพศ อายุของผู้ขอสินเชื่อ ทุนประกัน และระยะเวลาความคุ้มครอง

นอกจากนี้ ในการทำประกันต้องคำนึงถึงความสามารถในการชำระค่าเบี้ยประกันด้วยนะคะ เพราะถ้าซื้อประกันโดยไม่ได้พิจารณาว่า แบบประกันที่ทำนั้นให้ความคุ้มครองหรือทุนประกันแค่ไหนเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย ซึ่งบางแบบต้องจ่ายเบี้ยประกันที่สูง เพื่อให้ได้ความคุ้มครองเพียงพอกับความต้องการ อาจทำให้การจ่ายเบี้ยประกันกลายมาเป็นภาระทางการเงินแทนได้ค่ะ

สรุปได้ว่า การทำประกันชีวิตควรดูที่ทุนประกันเป็นหลัก อย่างน้อยให้เพียงพอสำหรับเป็นเงินทุนให้ครอบครัวดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่เดือดร้อนมากนัก และถ้ามีภาระผ่อนบ้านอยู่ด้วย ก็ควรทำประกันคุ้มครองหนี้สินเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนที่รักต้องแบกรับภาระผ่อนชำระหนี้บ้านในอนาคตค่ะ

------------------------------------------------------

Recommended! ตัวช่วยที่เกี่ยวข้องกับบล็อกวันนี้
>>> K-Expert Tool: โปรแกรมเลือกแบบประกันอย่างง่าย <<< โหลดฟรี




Create Date : 11 ธันวาคม 2558
Last Update : 11 ธันวาคม 2558 11:17:51 น. 0 comments
Counter : 943 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

K-Expert
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




ข้อมูลดี ฟรี มีประโยชน์ เพื่อชีวิตดีๆ ที่มีได้ทุกคน
Friends' blogs
[Add K-Expert's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.