*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 

David Copperfield กับ ผม

วันที่ ๑๖ มีนาคม ๔๙ ที่ผ่านมา ผมได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตครับ ท่านผู้อ่านเคยเป็นไหมครับ “ตื่นเต้นจนไม่สู้ หูตาฟ่าฟาง ฟังไม่รู้เรื่องอะไรเทือกนั้นเลย” (สงสัย เปรียบเทียบคนละเรื่องกันแน่ ๆ ) จะเรื่องอะไรอีกละครับ ที่จะทำให้ผมตื่นเต้นที่สุดได้ ก็นาย David Copperfield ที่มาแสดงที่มหาวิทยาลัยของผม นั่นแหละครับ งานนี้ ผมได้ร่วมแสดงบนเวทีกับเขาด้วย .... ตื่นเต้นสุด ๆ


David Copperfield: An Intimate Evening of Grand Illusion


งานนี้ ผม “ตีตั๋วเด็ก” ครับ คือ ตั๋วเด็กนักเรียนครับ ไม่ได้ใช้อิทธิพลอะไรหรอก เพราะมันไม่มีจะให้ใช้อยู่แล้ว ราคาเดิม ๕๐ เหรียญ ได้ลดเพราะเป็นนักเรียน ๑๐ เหรียญ แล้วซื้อเป็นกลุ่มได้ลดอีก ๕ เหรียญ เหลือ ๓๕ เหรียญ ขาดตัว ปกติ ผมจะเป็นคนตื่นเต้นง่าย เวลาตื่นเต้นนี่ หัวใจเต้นโครมครามเลยทีเดียว แถมขี้เยี่ยวจะแตก (ขออภัยใช้คำหยาบ) การแสดงเริ่ม ๓ ทุ่มตรง ก็ต้องเข้าไปปลดทุกข์ก่อน สายไป ๕ นาที เลยครับ เสียดาย

หลังจากสบายใจจากการปลดทุกข์ก็วิ่งเข้าหอประชุม Assembly Hall ทันที ได้ที่นั่ง A๔ แถว ๘ เก้าอี้ตัวที่ ๑๒ นึกว่าเขาเริ่มแสดงแล้ว ที่ไหนได้ คณะผู้จัดทำนำภายนตร์ที่สร้างเอง กล่าวถึงบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ ที่ชื่นชมความสามารถของนายเดวิด เช่น ประธานาธิบดีเรแกน กับนางแนนซี่ เรแกน ที่มีอารมณ์ ที่อยากให้นายเดวิด เสกให้คนบางคนหายไป นายเดวิด ยังสามารถทำให้หญิงตั้งครรภ์โดยไม่ต้องแตะต้องตัว โดยเขาเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีคลินตัน มีความสามารถเหนือกว่า คือ แม้จะแตะต้องหญิง แต่ก็ไม่ท้อง ที่ตลกร้ายที่สุด ก็คือ ประธานาธิบดี บุช กล่าวว่า นายเดวิด ทำให้อาวุธนิวเคลียร์ในอีรักหายไป ทำให้เขาไม่สามารถหาเจอได้

หลังจากภาพยนตร์จบลง คณะผู้แสดงได้นำกล่องใหญ่ ๆ ขาว ๆ มาโชว์บนเวที เปิดโล่งทุกด้านให้ผู้ชมดูว่าไม่มีอะไร จากนั้นก็ปิดกล่อง ... ชะแว๊บ นายเดวิดขี้มอร์เตอร์ไซต์ ปรากฎตัวอยู่ในกล่องใบเมื่อกี้นั่นแหละครับท่านผู้ชม ...เป็นไปได้ไงฟะ ... เมื่อกี้ยังโล่งอยู่เลย เอาละ สายตาไม่ลดละ จ้องการแสดงของเขาที่น่าทึ่งต่อไปโดยเฉพาะตอนที่เขาเข้าไปนอนในกล่องเล็ก ๆ ที่มีภาพวาดขนาดเท่าลำตัวของเขา โผล่หัวและเท้าออกมา ให้เราเห็นได้ แล้วเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนส่วนตัวหดลงไปเรื่อย ๆ ๆๆ จนเท้ากับหัวของเขาติดกัน .... โอ๊ะโอว เป็นไปได้ไงเนี่ย ....

การแสดงของเขาไหลลื่นไปเรื่อย ๆ พร้อมภาพยนตร์ที่บันทึกเกี่ยวกับรางวัลเกียรติยศที่โลกจารึกเอาไว้ เช่น ขายบัตรได้มากกว่า ไมเคิล แจ๊คสัน ได้บันทึกในหนังสือ กินเนส บุ๊ค ในความที่สุด ถึง ๑๑ ด้าน ได้ตีพิมพ์ในอากรแสตมป์ของหลายประเทศ ฯลฯ น่าชื่นชมมากครับ

ต่อมาเขาเล่าเรื่องปู่ของเขาที่เขามีความผูกพันอย่างลึกซึ้ง และรถยนต์เก่าแก่ที่ปู่เขารักมาก กับเรื่องล๊อตเตอรี่ แล้วคณะผู้จัดการแสดงก็ปล่อยกล่องพลาสติกใส มีกุญแจล๊อก ๔ ตัว ลงมาจากเพดาน มาตั้งโชว์ไว้บนเวที ภายในบรรจุเลขของบางสิ่งเอาไว้ ... จากนั้น เขาจึงให้ผู้ชมใน Assembly Hall ร่วมการแสดง โดยการร่อน Frisbee มายังผู้ชม ด้วยความซ่าส์ กระโดดขึ้นรับทันที สำเร็จ เขาก็ถามผมว่า จะเลือกเลขอะไร ๒ เลข ระหว่าง ๑ ถึง ๒๐ ตอบแบบไม่คิด เลข ๗ กับ ๑๔ แล้วกัน .... แล้วก็ถามผมว่า จะเลือกสีอะไร ผมก็ตอบว่า “แดง” แล้วก็ถามต่อว่า จะเลือก Box หรือ Brief ก็กล่อง (Box) ดิ แต่ที่ตอบไป ไม่ได้ลื่นไหลแบบนี้หรอกนะครับ ... ก็คนมันตื่นเต้นนี่ครับ .... แล้วพอเขาถามว่า จะเลือก Brief หรือ Box ไอ้ผมมันก็นึกแต่ศัพท์กฎหมายอะดิครับ คำว่า Brief ในภาษากฎหมาย คือ การสรุปคำพิพากษาของศาล ... เอ มันยังไงกันฟะ ... นายเดวิด จะให้ผมสรุป อะไรฟะ .... ติดกับคำศัพท์เฉพาะกลุ่มครับ ... งงละซิครับ ... เวรกรรมแท้ ๆ เลย นี่ถ้าเขาพูดว่า brief case ผมคงจะงงตายเป็นทวีคูณเลย .... อะไรวะ จะให้สรุปคดี กลางที่แสดงเลยหรือ .... เหอ เหอ .... คนละเรื่องครับ..

นายเดวิด ยังไม่วาย หาคนร่วมแสดงต่อไป ให้ผมร่อน Frisbee ต่อไปยังบุคคลอื่น เขาก็ถามตัวเลขอีก ๒ จำนวน และคำถามอื่นๆ อีก ในลักษณะเดียวกัน คนสุดท้าย เป็นผู้หญิงจีน ก็ถูกถามตัวเลข แล้วก็วันเกิดของเธอ ... นายเดวิด ก็เขียนตัวเลขทั้งหมดไว้บนกระดาน กับสิ่งที่ของและวันเกิดของหญิงจีนรายนั้นครับ เรียบร้อย ได้ตัวเลข ๖ ตัว พร้อมสิ่งของ ๖ สิ่ง บนกระดานครับ

แล้วก็ให้ผมขึ้นไปบนเวที พร้อมกับผู้ที่ร่วมแสดงอีกสองคน แล้วก็มีสักขีพยาน ๘ คน ถือกุญแจไขกล่องไว้ นายเดวิด ให้ผมไปเอากุญแจมา ๔ ตัวจากสักขีพยานนั้น ผมหยิบมาให้เขา แล้วเขาก็ค่อย ๆ ไข มันออกมา ทีละอัน ทีละอัน จนได้ป้ายทะเบียน เขาให้ผมถือไว้ กอดไว้แน่เลย ..... จากนั้น เขาก็ค่อยๆ ไขกุญแจที่ล๊อกกล่องพลาสติกใสนั้น ออกมาจนหมด จนได้กระดาษที่พับ ๆ ไว้ ๑ แผ่นอย่างหนาเลยครับ เขายังไม่คลี่มันออกหรอกครับ แต่ส่งให้หญิงจีนเอาไปถือไว้

นายเดวิด เอาเทปที่เขาพูดบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาโชว์ครับ ... (ทำนองว่านี่ ฉันพูดทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วนะเนี่ย) โดยทำนายว่าคนร่วมแสดงจะพูดตัวเองอะไรบ้าง ...เขาเปิดเทปครับ ... คำพูดเสียงของเขาพูดว่า ผู้ร่วมแสดงคนแรก (คือ ผมนั่นแหละ) จะพูดถึงตัวเลข ๗ กับ ๑๔ และ กล่องกับสีแดง .... จนรายสุดท้ายนั่นแหละ ตรงหมด .... อะไรกันนี่ ......

นายเดวิด ให้หญิงจีนคนนั้น คลี่กระดาษที่หยิบมาจากกล่องพลาสติกใสที่ทุกคนในห้องส่งเห็นได้ คลี่ออกมา คลี่ออกมา .... ขนาดตัวอักษร เท่าหม้อแกง ถูกจารึกบนกระดาษแผ่นนั้น ที่ผมอยู่ใกล้มาก ก็ไม่เห็นว่ามันถูกหยิบออก และเปลี่ยนออกไปตอนไหน ... มันตรงหมดครับท่านผู้ชม ... รวมถึง ป้ายทะเบียน ที่ผมกอดไว้ในอกอย่างแน่น (กลัวคนแย่งไป) แกะผ้าที่หุ้มอยู่ออกมา ตัวเลขตรงกันเป๊ะ กับที่เราทั้งสามคนพูดออกไป ...... ตาค้างครับเพื่อนๆ หญิงจีนคนนั้น ก็คงตื่นเต้นไม่น้อยครับ นายเดวิด ขอให้เธอกล่าวแสดงความรู้สึก เธอถึงกับน้ำตาซึม พูดอะไรไม่ออกเลย ....

ไม่จบแค่นั้นครับ ... คณะผู้จัดการแสดงได้นำแท่งเหล็กขาตั้งมาวาง ๔ อัน แล้วนายเดวิด ให้ผมกับชายอีกคนหนึ่ง ไปจับขาเหล็กไว้ให้แน่น ..... ไม่ทันตั้งตัว รถเก่าแก่ ที่ปู่เขารักมาก ตอนกล่าวถึงประวัติตัวเองกับปู่นั่นแหละ มันโผล่มาจากไหน ..........................มันอยู่บนหัวของผมแล้ว เหนือขาตั้งที่ผมจับนั้นเอง .... อะไรกันนี่ .... มันมาจากไหน ถามผู้ชมข้างล่างว่าเห็นอะไร ทุกคนก็บอกว่า ไม่เห็นอะไรเลย นอกจากผมไปจับขาตั้งเหล็กนั้นไว้ แล้วก็มีเสาเหล็กเป็นฉากรองไว้รอบ ๆ ตัวผมแค่นั้น จู่ จู่ รถคันเบ้อเริ่ม ก็โผล่ออกมา ....เวรกรรม ... ผมต้องมนตร์ นะจังงัง เข้าแล้วซิครับ .....

เดวิด จับมือ ขอบคุณที่ร่วมแสดง(เปิ่น ๆ บนเวทีของเขา ที่เรียกเสียงฮาได้ตลอด) แล้วผมก็บอกว่า ประทับใจมาก ๆ ๆ แล้วเดินลงจากเวที ปากแห้งเลย ตาค้าง ลืมที่นั่งตัวเองเลย ที่บอกว่าแถวที่นั่งของตัวเอง คือ A ๔ แถว ๘ ที่นั่ง ๑๒ ลืมหมดครับ สงสัยคำที่เขาเรียกว่า “เบรอ จนลืมบ้านเลขที่” เห็นจะมีจริง ก็วันนี้แหละครับ เพื่อน ๆ คนไทยที่ไปดูด้วยกัน ต้องกวักมือเรียก จ้าละหวั่น ... มาตรงนี้ ที่นี่ของท่านอยู่ตรงนี้ ....เฮ้อ ...ก็มันตื่นเต้นนี่ครับ .... ..... ไม่ลองไม่รู้ .... .....

การแสดงสุดท้าย คือ การเสกให้คนหายไป จากห้องส่งไปยังออสเตรเลีย เขาก็ให้ถ่ายภาพร่วมกับคนในห้องส่งเอาไว้ แล้วก็ให้คนไปเขียนอักษรบนแขนของเขา จากนั้นก็พาคนในห้องส่งไปพบกับพ่อที่ทะเลแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย คน ๆ นั้น ก็วิ่งลงไปในทะเล เพื่อพิสูจน์ว่ามาทะเลจริง ๆ พร้อมควักเอาภาพที่เพิ่งถ่ายสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกี้นี้ มาให้ผู้ชมในห้องส่งดู แล้วนายเดวิด ก็หยิบทรายมากำมือหนึ่ง พร้อมเดินเข้าสู่ผ้าที่ทำเป็นกล่องสี่เหลี่ยม จู่ ๆ เขาก็โผล่เข้ามากลางห้องส่ง ไม่ใช่บนเวทีนะครับ พร้อมกับโปรยทรายที่เมื่อกี้เขาเพิ่งหยิบมานั่นแหละ ลงให้เห็นกันจะจะ .... โอ๊ะโอว ทำได้ไง

การแสดงแถมท้าย คือ เสกให้คน ๑๓ คน หายไป โดยเขาใช้ลูกบอลโยนเข้ามาในห้องส่งที่มีผู้ชมนั่งอยู่ แล้วให้คนที่มีบอลในมือ โยนลูกบอลต่อกันไปเรื่อย ๆ จนเขาบอกให้หยุด ใครถือบอลอยู่ก็ขึ้นไปบนเวที แล้วเขาก็เอาเก้าอี้ ๑๓ ตัวมาวางให้คนนั่ง เหมือนเดิม เอาผ้าคลุม แล้วเสกครับ เขาบอกว่า ให้ทำตามคำสั่งของเขา แล้วทุกคนจะไม่ตาย เหอ เหอ .... ใครเป็นนักกฎหมายให้เดินลงจากเวที ... ... เหอ เหอ ...อะไรทำนองนั้น เขาก็ทำท่าทำทางอะไรของเขาไปนั่นแหละครับ พอเปิดผ้าออกมา ๑๓ คน หายไป พร้อมไปปรากฎตัวอีกที ด้านไกลสุดของห้องส่ง (ด้านหลังผมอีกไกลมากครับ) คือ ต่อให้นักวิ่งร้อยเมตรมาแสดงก็ไม่ทันครับ .... ....ทำได้ไง

นี่คือความประทับใจของผมที่มีต่อการแสดงครั้งนี้ หลังจากแสดงเสร็จ มีหลายคนมาถามว่า ผมได้รับการเชิญไปเตี๊ยมเรื่องก่อนหรือเปล่า โถ่ ... ได้ก็ดีนะซิ อยากรู้เหมือนกันแหละ ว่าเขาทำไง นี่ขนาดผมนั่งอยู่ใกล้ ๆ ยังไม่เห็นเลย แล้วคนที่นั่งในห้องส่งไกล ๆ จะเห็นได้ไง ...




เพื่อน ๆ ละครับ เคยมีอะไรน่าตื่นเต้น จนขาสั่น หูตาฟ่าฟาง ฟังผิด ฟังถูกแบบผมหรือเปล่าครับ เล่าสู่กันฟังบ้างซิครับ




ปล. ช่วงอาทิตย์นี้ เป็นช่วงสปริงเบรกของผม คงไม่ได้เข้ามา up date บล๊อก ครับ เพราะเดินทางไกลแบบ Road trip เช่ารถขับกันไปไกลครับ .... กลับมาแล้ว จะเอาภาพมาฝากครับ .... บุญรักษา ชีวาเป็นสุข ... สวัสดีครับผม




 

Create Date : 17 มีนาคม 2549    
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 4:13:17 น.
Counter : 1755 Pageviews.  

Spring Break!



Ang Lee (UI-1980) accepts the Academy Award for his direction of Brokeback Mountain, Los Angeles, March 2006.


วันนี้ (๑๒ มี.ค. ๔๙) เปิดเวปไซต์ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ก็พบว่ามี Link ของ Department of Theatre มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ที่ประกาศว่า นาย Ang Lee เป็นศิษย์เก่าของคณะนั้น ได้รับรางวัลออสก้าร์ Academy Award ในเรื่อง Brokeback Mountain หรือ ภาพยนต์ที่มีชื่อในภาษาไทยว่า "มนต์รัก .. ประตูหลัง" บ้าง หรือไม่ก็ "แตก .. หลังเขา" บ้าง หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ "ภูเขาลูกนั้น...ที่ฉันเสียหลังให้" .... ก็ว่าไป .... แหม่ ... ทำไปได้ ... แต่ผมไม่ชอบดูหนังประเภทเศร้า ๆ หรือ นองเลือดเท่าไหร่หรอกครับ ผมชอบแบบ ขำ ขำ มากกว่าครับ เพราะผมเครียดมากพอแล้ว ในชีวิตจริง เวลาดูหนัง ต้องมีแต่รอยยิ้ม ๆ หัวเราะ อย่างเดียวเท่านั้น ... ไม่เอาแบบ ยิ้มทั้งน้ำตา ครับ


ห้องประกอบพิธีมอบรางวัล OSCAR คลิ๊ก เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม


เอ่อ ..อย่างไรก็ตาม ผมก็แสดงความยินดีด้วยครับ ท่าน Ang Lee อย่างน้อย ท่านก็เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ และท่านก็เป็นศิษย์เก่าร่วมสำนักอิลลินอยส์ด้วยกัน แม้ผมจะไม่เคยรู้จัก และไม่เคยให้ความสนใจเกี่ยวกับ รางวัลออสก้าร์ อะไรเลยก็ตาม .... อื่ม ... คิดไปคิดมาอีกที หากจะว่าไปจริง ๆ เกี่ยวกับ "ออสก้าร์" นี่ ผมเคยสนใจอยู่บ้างเหมือนกันแหละครับ ... ยอมรับเลยครับ ... แต่ OSCAR ของผม มันคือ "ปลาออสก้าร์ (OSCAR)" ที่มันแสนจะดุ แต่เลี้ยงไม่ยากนัก เพราะมันอดทน ให้อะไรมันก็กิน



ปลา Oscar หรือ Peacock Cichlid, Peacook Eye, Velet Cichild หรือ Water Buffalo ที่สวยงามมาก (click เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม)


ว่าจริง ๆ ผมยอมรับเลยว่าตัวเองเชยมาก กับวงการภาพยนต์ และเพลงต่างประเทศ เห็นเพื่อนสมาชิกเขียนเกี่ยวกับ ภาพยนต์และเพลงต่าง ๆ แล้วผมทึ่งมาก ๆ แล้วก็ละอายใจไม่น้อย อะไรฟะ ตูอยู่อเมริกาแท้ ๆ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เรียกง่าย ๆ ว่า "ไม่รู้สี่ รู้แปด" เลย ก็ว่าได้ เฮ้อ

ตอนนี้ ยิ่งแย่ใหญ่ หนังไทยกับเพลงไทย ก็ไม่ได้ติดตามอีก ไม่รู้ ดารานักร้อง เขาเหล่านั้น โผล่ขึ้นมาจากไหน มากมายนัก เพลงที่ร้อง ก็เหมือน "บ่น" อะไรไม่ทราบ ไม่มีจังหวะ ไม่มีทำนอง ไม่มีคล้องจอง สัมผัสนอก สัมผัสใน เหมือนเพลงสมัยก่อนแม้แต่น้อย .... เพิ่งรู้จักคำว่า ช่องว่างระหว่างวัย หรือ ช่องว่างระหว่างกาลเวลา จนกลายเป็นเหมือนคนผิดยุคผิดสมัย (Anachronism) มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ไม่เป็นไร ไม่รู้ก็แกล้งมึน ๆ ตีหน้าตาย ไปกะเขาแล้วกัน เหอ เหอ

อ้อ ... อีกอาทิตย์เดียวก็เป็นช่วง Spring Break อีกแล้ว ปกติ การเรียนในสหรัฐฯ (สำหรับการเรียนแบบ ๒ ภาคการศึกษา) จะมีกำหนดให้หยุดเป็นช่วง ๆ คือ ช่วงเทอมแรก (Fall) ระหว่างสิงหาคม ถึง พฤศจิกายน จะมีช่วงพักระหว่างเทอม ประมาณ ๑๐ วัน (Fall Break) แล้วแต่มหาวิทยาลัยกำหนด แล้วก็ปิดเทอมหน้าฤดูหนาว (Winter Break) หลังจากนั้น ก็เปิดเทอมใหม่ ในเดือน มกราคม ถึง เมษายน (Spring) ซึ่งก็มีช่วงหยุดประมาณ ๑๐ วัน เช่นกัน คือ Spring Break

ไม่รู้ว่า เขามีไว้ทำอะไรนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว Break คือ Break ต้องท่องเที่ยวครับ .... ไม่ใช่ช่วงเวลาเครียดเครียดของผม ต้องลุย ปีแรกผมไปเดินป่า แบบ Backpack Hiking ที่ Grand Canyon ปีที่สอง ผมไปเดินป่าแบบเดิม ที่ Big Bend รัฐเท็กซัส มา โคตรเหนื่อย ผมจึงได้ตระหนักว่า ผมคงจะแก่เกินไป สำหรับการไปทำกิจกรรมแบบนั้น โดยไม่ได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ระหว่างที่ต้องแบกของหนักประมาณ ๒๐ กิโลกรัม บนบ่าในเป้ขนาดใหญ่ เดินไปตามภูเขา ความรู้สึก แบบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร กลับมาเลยครับ ...โอ้ ... แต่ก็สนุกดี ถ้ามีโอกาส จะไปอีก

ปีนี้ เปลี่ยนเป็น Road Trip ก็เช่ารถกันหลายคน แล้วก็จะขับรถจาก Illinois ผ่าน Indiana, Ohio เข้าสู่หลายแห่งที่เป็นจุดหมายปลายทางในรัฐ New York, Connecticut, Boston, Rode Island ขากลับ ก็แวะเข้า Pennslyvania แล้วก็กลับมายัง Illinois : Land of Lincoln คงจะสนุกสนาน และเหนื่อยน่าดูครับ งานนี้ ตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน ๓๐๐ เหรียญต่อคนครับ การเดินทางไกล จะเกิดขึ้นในวันเสาร์ ที่จะถึงนี้แหละครับ

แต่ก่อนจะไปเที่ยวกัน ที่มหาวิทยาลัยของผม เขาเชิญนักแหกตาระดับโลก มาแสดงครับ ... คือ นาย David Copperfield ผมกะว่าจะไปนั่งใกล้ ๆ แล้วพอเขาขออาสาสมัคร เพื่อร่วมแสดง ในช่วงส่งกลับไปบ้านเกิด คือ ไทยแลนด์ ที่รักทันที อยากรู้จริง ๆ เขาจะส่งผมกลับไปทางไหน ... ด้วยวิธีการอะไร น่าสนใจจริง ๆ ครับ

เผื่อใครอยู่แถวนี้ แล้วสนใจจะมาดูนะครับ ... ผมเอาตารางมาแสดงไว้ด้วย ... สนใจ สอบถามราคา และจองบัตร ได้ครับ (แต่ไม่ใช่กับผม ... ลองดูลิ้งค์ข้างล่างแล้วกัน)



David Copperfield: An Intimate Evening of Grand Illusion (คลิ๊กได้เลย ไม่ต้องเขิน)

Date Mar 16, 2006

Time 9:00 pm

Location Assembly Hall

Cost $45.50/$35.50/$22.50 $10 UIUC discount/$5 group discount

Sponsor Assembly Hall

Event type Special Event


ปี ๒๐๐๓ ผมก็พลาดดูที่ Indiana มาหนหนึ่ง เพราะขี้เหนียวไปหน่อย ปีนี้ ไม่อยากพลาดอีก แม้จะเสียเงินแพงขึ้นกว่าครั้งที่ Indiana มากก็ตาม (ครั้งที่ Indiana ราคา ๑๖ เหรียญเอง ครั้งนี้ ต้องจ่าย ๓๕ เหรียญ นี่แหละ เสียน้อยเสียยาก เสียมาก เสียง่าย) แล้วผมจะเอาภาพงาม ๆ มาฝากครับผม ขอให้มีความสุขทุกท่านครับ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2549    
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 14:46:33 น.
Counter : 2883 Pageviews.  

T-Mobile: The Worst Cell Phone Company!

บริษัท T-Mobile Wireless ซึ่งให้บริการโทรศัพท์มือถือ ในสหรัฐฯ ได้ทำพิษให้กับผมเสียแล้ว ผมซื้อโทรศัพท์มือ ก็เพราะ คอมพิวเตอร์เสีย เจ้าหน้าที่ของ Dell บริษัทคอมพิวเตอร์ มันก็อ้างแต่ติดต่อผมไม่ได้ อยู่อย่างนั้นแหละ ทั้ง ๆ ที่ อีเมลล์ ก็มี นัดหมายเวลา อะไรกันให้แน่ชัด แล้วมาตรงตามเวลา ก็ได้ แต่ตัวแทน Dell ไม่ทำ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร




จะว่ากันไป ผมได้รักษาความบริสุทธิ์ทางหู โดยไม่ใช้โทรศัพท์ในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ ปี ๒๐๐๓ (๒๕๔๖) เป็นต้นมา นานพอสมควร แต่ผมก็ต้องมาเปิดซิงซื้อโทรศัพท์จนได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ท่าเจ้าหน้าที่ ของบริษัท Dell มันติดต่อผมได้ ตั้งแต่เดือน ธันวาคม ๒๕๔๘ ที่ผ่านมานี่แหละ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ยังไม่อยากใช้โทรศัพท์เหมือนเดิมนั่นแหละ เพราะรู้สึกว่า มันโล่งดีจริง ๆ เลยครับ

การใช้โทรศัพท์มือถือครั้งแรกในรอบเกือบ ๓ ปี ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่ง วันที่ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา ผมเห็นว่า แผนการใช้แบบเดิม มันไม่ค่อยจะคุ้มค่ากับการใช้ของผม โดยแผนปัจจุบัน ผมต้องจ่ายเดือนละ ๓๙ เหรียญ มีเวลาให้โทรศัพท์ ๖๐๐ นาที แถมกลางคืน และเสาอาทิตย์ ยังโทรได้กระหน่ำอีก แต่เอาเข้าจริง ๆ ผมใช้ไม่คุ้มค่าเลย

ผมตัดสินใจเปลี่ยนแผนการใช้ เหลือเดือนละ ๒๙ เหรียญ แต่ได้แค่ ๓๐๐ นาที กลางคืนที่เคยฟรี ก็ไม่ฟรี ผมก็คิดในใจว่า ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมก็ไม่ค่อยได้ใช้อะไรนี่ ในวันที่ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา ผมจึงโทรศัพท์ไปยังตัวแทนของ T-Mobile เพื่อเปลี่ยนแผนการใช้ที่ว่า อืม เดือนหน้าเราจะประหยัดลงไป ๑๐ เหรียญแล้ว

วันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๕๔๙ ผมเช็คค่าโทรศัพท์ในอินเตอร์ แทบเป็นลม ปรากฎว่าระบบแจ้งว่า ผมมีค่าโทรศัพท์ที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม อีก ๑๖๐ เหรียญ ไม่รวมค่าบริการรายเดือนที่กำหนดไว้อีก ๒๙ เหรียญ พร้อมภาษี อีก รวม ๆ ที่ต้องจ่าย คือ ประมาณ ๒๒๕.๑๙ เหรียญ ไอ้ความหวังว่าจะประหยัด ๑๐ เหรียญต่อเดือน นี่พังทลายไปต่อหน้าต่อตา แถมค่าบริการดังกล่าวนั้น สามารถใช้บริการได้นานถึง ๕ เดือนเลยด้วยซ้ำ

โอ้ T-Mobile บริษัทที่เลวที่สุดในสายตาของผม ได้ทำพิษให้ผมเสียแล้ว ผมไม่ยอมแพ้หรอก ด้วยเหตุนี้ ผมจึงโทรศัพท์ไปสอบถามตัวแทนของ T-Mobile ประมาณ ๕ ครั้งในวันนั้น (๒๔ ก.พ. ๒๕๔๙) ผลนะหรือ ไม่ได้เรื่องสักราย ทุกคนปฏิเสธที่จะแก้ไข และบอกว่า ผมไม่มีทางเลือก ต้องจ่ายลูกเดียว .... แต่ละรายละรายมีข้อเสนอให้ผมแตกต่างกันไป เช่นว่า จะเพิ่มจำนวนนาที ให้แทน แต่อย่างไรก็ต้องจ่ายเงินให้บริษัท หรือ จะจ่ายค่าผิดพลาดให้ ๑๐ เหรียญ เพราะการเปลี่ยนแผนย้อนหลังโดยไม่แจ้งให้ผมทราบ จะว่ากันไป นอกจากไม่ได้เรื่องแล้ว จำนวนนาที ที่ผมใช้ในการติดต่อตัวแทนเหล่านั้น ผมก็ต้องเสียเงินให้พวกเขาอีกต่างหาก ช้ำใจสองต่อเลยก็ว่าได้

สาเหตุของการที่ทำให้ค่าโทรศัพท์มันพุ่งกระฉูด ก็คือ บริษัท T-Mobile ตัวแสบ ได้ใช้อัตราค่าบริการ เดือนละ ๒๙ เหรียญ ๓๐๐ นาที ไม่ฟรีเวลากลางคืน ไปคิดย้อนหลัง กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คือ การใช้โทรศัพท์ของผม ตั้งแต่ต้นเดือน คือ วันที่ ๒ ก.พ. ๔๙ ที่ผ่านมา ด้วย ซึ่งผมมีแผนการใช้ อยู่ที่เดือนละ ๓๙ เหรียญ ๖๐๐ นาที โทรฟรีกลางคืนด้วย เรียกได้ว่า ถ้าเขาทำแบบนี้ ผมจะเป็นหนี้บริษัท T-Mobile ทันที ณ วินาที ที่ร้องขอการเปลี่ยนแผนการใช้ จำนวน ๑๕๐ กว่าเหรียญ ทันที เพราะกลางคืน ที่เคยโทรฟรี และโทรไปแล้ว ก็จะถูกคิดเงินด้วยอัตราใหม่ทันทีไปด้วย

หลังจากที่เห็นว่า คุยกับตัวแทนบริษัท คงไม่ได้เรื่องแล้ว ผมได้มีหนังสือแย้งไปยัง บริษัท T-Mobile ตั้งที่ Washington D.C. ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ก.พ. ๔๙ ที่ผ่านมา และทำหนังสือถึง ผู้บริหารของเขา กับฝ่ายกฎหมายของเขา เพื่อโต้แย้งหลักการคิดที่ไม่ถูกต้องของบริษัทนี้ ซึ่งขัดต่อหลักสัญญา ที่คู่สัญญา คือ ผม กับผู้แทนบริษัท ไม่ตรงกัน เพราะเท่าที่ผมเข้าใจ การแจ้งเปลี่ยนแผนการใช้ จะมีผลบังคับใช้ในการใช้โทรศัพท์เดือนถัดไปเท่านั้น ไม่มีสัญญาอันไหน มีผลย้อนหลังแบบนี้ได้

ในทางกลับกัน ผลมันจะตลกมาก หากผมเคยใช้เดือนละ ๒๙ เหรียญ ๓๐๐ นาที แต่ผมโทรศัพท์เกินไปสัก ๖๐๐ นาที ถ้าบริษัทฯ ทำแบบนี้ ผมก็เปลี่ยนแผนการใช้เป็นเดือนละ ๓๙ เหรียญ ๖๐๐ นาที โดยขอให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันแรกของรอบบิลล์นั้นได้ด้วย ซึ่ง T-Mobile ก็ไม่ยอมแน่ ๆ

ผมได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง อัยการสูงสุดของรัฐอิลลินอยส์ เพื่อแจ้งพฤติการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลของบริษัท T-Mobile แล้ว ตั้งแต่ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ และวันนี้ (๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙) ผมได้รับจดหมายตอบกลับมาจากอัยการสูงสุดของรัฐอิลลินอยส์แล้วว่า จะเร่งดำเนินการพิจารณาคำร้องทุกข์ของผมในเร็ว ๆ วันนี้ ก็หวังว่าเขาจะไม่เพียงแค่พูด หรือ บ้วน ๆ ให้พ้น ๆ ไปนะครับ

ลองดูหนังสือที่ Lisa Madign, Illinois Attorney General ตอบกลับมาหน่อยครับ

Thank you for contacting the Office of the Attorney General regarding your consumer complaint. We have received your complaint and will be reviewing it over the next few weeks to determine what assistance we may provide. Once we have reviewed the complaints and made a determination, we will send you written notification of our decision. Please know that your concerns are important to us. We thank you in advance for your patience.

Very truly yours,

Lisa Magigan

Ilinois Attorney General

ส่วนด้านล่างนี้ คือ สิ่งที่ผมเขียนไว้ก่อนเกี่ยวกับพฤติกรรมของ T-Mobile และจดหมายที่ผมส่งถึง CEO และ แผนกกฎหมายของ T-Mobile เพื่อให้เขาทบทวนพฤติกรรมอันเลวร้าย แล้วหาข้อสรุปที่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว แต่จนป่านนี้ ผมยังไม่ได้รับคำตอบอะไรจากบริษัทมือถือที่เลวร้ายที่สุดแห่งนี้เลย ได้แต่หวังว่า ผมคงไม่ต้องใช้วิถีทางทางกฎหมายที่จำเป็นทั้งหลายทั้งปวง เพื่อปกป้องประโยชน์ของผม ไม่ให้ถูกรังแก .... แต่ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ... อย่าว่า "สองสลึง" ของผมเลย ... แม้แต่สตางค์แดงเดียว ผมก็จะไม่ยอมจ่าย หากมันไม่เป็นธรรมต่อผม .....

สุดท้าย ขออนุญาตกล่าวว่า "การถูกรังแก เอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมนี่ มันเจ็บปวดรวดร้าวจริง ๆ ครับ ผมจะไม่ก้มหน้าแบบชาวพุทธ แล้ว ปลงด้วยคำว่า "สงสัยชาติที่แล้วเราไปโกงเขามามั๊ง" แล้วก็ตัดใจจ่าย ๆ ไป โดยเด็ดขาด ขอยืม คำสนธิว่า "งานนี้ ตายเป็นตาย ผมถอยไม่ได้แล้ว" ครับ....




T-Mobile is the worst cell phone company!

These are my two letters submitted to CEO of T-Mobile Company. The problem of the overcharge of montly billing happened to me at the end of February, 2006 after I used T-Mobile cell phone for two months, and decided to change the new rate plan to save my money.

In stead of being able to accomplish my purpose, T-Mobile charged me around $180 for the billing circle of February 2 and March 1, 2006. This amount is absolutely incorrect!

The first plan I used is $39 a month, which I can call for 600 minutes and unlimited minutes during weekday night and weekend. The new rate plan is $29 a month, which I have 300 minutes and unlimited weekend call. I changed the new rate plan on February 18, 2006. One week later, when I checked my billing amount on internet, T-mobile system indicated that I had to pay $142 at that time. Oh! My Lord Buddha! How comes?

I called customer services at least 4 times on that day; nobody solved this problem and everyone said that the billing amount was correct! I submitted several e-mails to customer care on T-Mobile system. Nothing has been corrected and clear until now.

However, I will not give up; I will take all necessary legal steps to protect my rights. As a customer, I will inform the Illinois Consumer Protection to initiate this bad conduct. As a lawyer, I will protect myself from the cheating conduct of T-Mobile Company by filing the complaint to contest the wrong doing of this company. As a police officer, I will inform an Illinois Attorney General to take the step to investigate the illegal conduct of this company. A notice will be given to this company as soon as possible.

This is the first letter that was submitted to CEO of T-Mobile Company at the end of February, 2006. But until now there is no response frome it even by e-mail. However, the such idiot billing has been sent to me and indicate that I must pay to T-Mobile almost $160 for one month service.

I felt very angry with this cheating commission of T-Mobile. For this reason, I will take all necessary steps to solve this problem from now! Beleive me, I will not give up and I will not pay even one penny if I think I don't have to!

Dear CEO of T-Mobile Company:

My name is .... First of all, I would like to inform you that I decided to buy cell phone from your company because of your good reputation. However, I am very disappointed with your service, and I will not suggest your product to any of my friends if the good resolution has not been met.

I would like to delineate my problem caused by your system. I have bought and used your cell phone since December 2005. My plan was $39 a month. Every thing sounds good until February 18, 2006.

On February 18, 2006, I changed the plan from $39 a month to $29 a month. The charge should have been active in the next month billing. However, your company has charged me retroactively since February 2, 2006. I have no idea there will be such preposterous transaction which your company engaged in this way. Under the United States law of contract, such contract will be considered as unconscionable one and unenforceable.

According to your preposterous activity, changing my plan backward to February 2, 2006 instead of next month billing, my account number, 431371590, appears that the 300 minutes had been gone over, and I have to pay more than $150 for the service. It is absolutely incorrect at all. The new plan, $ 29 a month, which I asked your service representatives to change on February 18, 2006, must be active in the next period, rather than retroactively.

Hope that you will resolve this problem. Any good resolution should be accomplished as soon as possible. Thank you for your consideration.

Faithfully yours,

Here is the second letter I will submit to this company in next few days if I have not gotten any good resolution from this bad company. I hope that everything will be going well.

Dear CEO of T-Mobile Company:
Reference: Letter to CEO of T-Mobile Company, February 27, 2006.
CC: Illinois Attorney General:

First of all, I would like to introduce myself again. My name is ..., a police inspector of Legal Affair Office, Royal Thai Police. I am a Thai government officer, who has been studying in JSD/ Ph.D. program at University of Illinois College of Law. Most importantly, I am your customer, T-Mobile Company.

According to my first letter on February 27, 2006 submitted to CEO of T-Mobile Company, until now the problem about billing is still not correct. I would like to recapitulate and clarify the problem caused by your system again. I have bought and used your cell phone since December 2005. My plan was $39 a month. Every thing sounds good until February 18, 2006. On February 18, 2006, I changed the plan from $39 a month to $29 a month. The charge should have been active in the next month billing. However, your company has charged me retroactively since February 2, 2006. As I have already indicated, there is no legal basis to enforce such preposterous transaction which your company engaged in this way. No contract will be enforced retroactively. What your representative did should be considered as unconscionable and unenforceable contract.

The result of such preposterous activity committed by your representatives, changing my plan backward to February 2, 2006 instead of next month billing, my account number, 431371590, I have to pay at the end of the billing, March 1, 2006, is almost $160 for the one month service fee. It is absolutely incorrect at all. The new plan, $ 29 a month, which I asked your service representatives to change on February 18, 2006, must be active in the next period, rather than retroactively.

I have called your representatives more than five times before the end of February, 2006 to change and correct what I have requested. They refused to solve this problem. I am willing to pay your service if such service fee is reasonable. What your company did to me sounds like I was being cheated.

I called your representatives on March 7, 2006, around 22:10 hrs. I asked what the result will be if I request to change the rate plan from at the time. Your representative said that T-Mobile Company will not charge me with the new plan rate until April 1, 2006. In other word, if the customer requests T-Mobile to change the new rate plan, the new rate plan will be effective in the next moth billing, not backward.

Nevertheless, your representative, who accepted my request on February 18, 2006, changed the rate plan I that have requested backward to February 2, 2006. It is contrary to your policy that the request will be effective in the next moth billing. I have relentlessly asked many of your representatives to correct both calling and sending my e-mail. Your representatives have merely refused to correct this problem.

On March 7, 2006, I have asked your representative what her name is. She refused to give me her name. In addition, I have sent my e-mails to your customer care two times. Your representatives gave me the wrong answer and irrelevant to my question about my billing problem. Those representatives gave me the case number # 1153805 billing and Payments, but have not done anything.

I have tried to take any step that I can do by myself until now. As a result, I have to submit my complaint and hope that you will resolve this problem. Any good resolution should be accomplished as soon as possible. Thank you for your consideration.

Within this letter, I have attached other relating documents to you totally ………pages.


Faithfully yours,




 

Create Date : 08 มีนาคม 2549    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:16:24 น.
Counter : 576 Pageviews.  

อเมริกา .... ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่

วันนี้ (๑๗ ก.พ.๔๙) เรียนกฎหมายเกี่ยวกับ Cyberspace เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของศาล (jurisdiction) ในการรับคดีไว้พิจารณา ผมเรียนแล้ว ผมต้องอึ้งกับความคิดของนักเรียนอเมริกันบางคนครับ .... ผมขอปูพื้นเรื่องนี้สักหน่อยนะครับ




คดีที่เรียนนี้ เป็นเรื่องที่พิพาทกันเป็นเรื่องระหว่างสำนักข่าว CNN ได้ฟ้องร้องบริษัทข่าว cnnews.com ..... อ่านแล้วคงจะงงซิครับ ..... เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ สำนักข่าว CNN ตัวจริงเสียงริง มันตั้งอยู่ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย แต่ cnnews.com เป็นบริษัทของคนจีน เผยแพร่ข่าวทางอินเตอร์เน็ต ในประเทศจีนแท้ ๆ เลย โดยลูกค้า ร้อยละ ๙๙.๕ เป็นชาวจีน โดยใช้ภาษาจีน ในการเผยแพร่ข่าวเป็นสำคัญ

แต่มันมาเกี่ยวกับสหรัฐฯ ก็ตรงที่ว่า บริษัท cnnews.com ดันไปทะลึ่งจดทะเบียนชื่อ Domain Name (คือ cnnews.com) กับบริษัท NSI ผู้ให้บริการในการจดทะเบียน Registrar ในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐ (ความจริง คือ บริษัทที่รับจดทะเบียนชื่อพวกนี้ ล้วนแต่พัฒนาและดำเนินกิจการในสหรัฐฯ ทั้งนั้นครับ)

สำนักข่าว CNN ตัวจริง จึงฟ้องคดี ที่ศาล District Court ที่รัฐเวอร์จิเนีย ขอให้ศาลสั่ง cnnews.com โอนชื่อ Domain Name ให้แก่ตน ..... ตามกฎหมายของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า (trademark) ให้ฟ้องร้องต่อศาลในสหรัฐได้ หากแม้นมันมีผู้ใดในโลกหล้านี้ บังอาจละเมิดสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้า ซึ่งในที่นี่ คือ CNN ได้ (เรียกว่า in rem Personal Jurisdiction)

เข้ามาถึงสิ่งที่ผมต้องการจะเล่าครับ ..... ในห้องเรียนก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการขยายขอบเขตกฎหมายภายในของสหรัฐฯ ให้มีผลคุ้มครอง และกระทบต่อผู้ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่น เช่น ในกรณี บริษัท cnnews.com ก็ตั้งอยุ่ในจีน ใช้ภาษาจีน ลูกค้า ก็มีแต่คนจีน ไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ต่อ CNN และไม่ได้ประกอบการใด ๆ ในสหรัฐฯ เลยแม้แต่น้อย

หลายคน ที่ไม่ใช่นักเรียนอเมริกัน ก็แสดงความเห็นว่า สหรัฐฯ ไม่ควรจะขยายอำนาจทางการศาลไปกระทบอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่น ๆ เพราะอาจจะเกิดผลกระทบในระยะยาวได้ เพราะระบบกฎหมายของสหรัฐฯ เอง ก็ยึดมั่นในระบบรัฐธรรมนูญนิยม การฟ้องคดีใด ๆ ก็จะต้องผ่านมาตรฐานที่เรียกว่า หลักนิติรัฐ (Due Process of Law)

นักเรียนอเมริกัน ส่วนใหญ่ บอกว่า ระบบอินเตอร์เน็ต เป็นของสหรัฐ พัฒนาโดยสหรัฐ ฯลฯ ใครก็ตาม หากมันต้องการจะใช้บริการอินเตอร์เน็ต ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหรัฐฯ (ซิวะ ....อันนี้ ผมเพิ่มเอง) หากไม่อยากจะปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ ก็อย่าได้ทะลึ่งมาใช้ทรัพยากรของสหรัฐ อย่ามาใช้ความเลิศเลอทางสมองของสหรัฐฯ ไปคิดและพัฒนาเอาเองซิคร๊าบ......(ไปนั่น)

ผมฟังแล้วอึ้งเลย .... เพราะที่จริงโรงเรียนกฎหมาย ก็สอนกันอย่างหนักแน่นว่า กฎหมายต้องมีมาตรฐานของมัน ไม่ใช่จะคิดจะสร้างหลักเกณฑ์อะไรขึ้นมาได้ตามความต้องการของเสียงข้างมาก หรือตามอำเภอใจที่ไหนละครับ หากคิดอย่างเด็กอเมริกันพวกนี้ ก็จะต้องบอกว่า กฎหมาย แปรผันตามความสามารถของผู้มีอำนาจทางการเงิน หรือ อำนาจทางการเมือง (political power)

แน่นอนครับ มันไม่ใช่หลักกฎหมายที่พึงประสงค์แน่ ๆ หากประเทศใหญ่กว่า รวยกว่า จะทำอะไรก็ได้ ตามที่ตนต้องการ ...นอกจะไม่ชอบด้วยเหตุผลใด ๆ แล้ว ยังจะขัดต่อหลักการตามกฎหมายระหว่างประเทศอีกด้วย เพราะตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศนั้น ทุกประเทศ มีสถานะเท่าเทียมกัน มีเสียง ๑ เสียงเท่ากัน ในสหประชาติ (แม้นว่าในข้อเท็จจริง ประเทศเล็ก อาจจะต้องพึ่งพา หรือ พึ่งพิงประเทศใหญ่กว่าก็ตาม แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นรัฐ ในสายตาของกฎหมายนั้น เท่าเทียมกันทุกประการ)

ผมยังดีใจที่ยังมีเด็กนักเรียนอเมริกัน อย่างน้อย ๑ คน แสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดว่า อเมริกาจะทำอะไรก็ได้ เพราะร่ำรวยกว่า หรือเป็นเจ้าของแนวคิดในการพัฒนาอินเตอร์เน็ต ...... มันจะน่าเศร้ามาก หากนักเรียนกฎหมายของสหรัฐฯ ทุกคน มีแนวคิดว่า ตนมีอำนาจมากกว่า เก่งกว่า รวยกว่า แล้วจะทำอะไรเหนือกประเทศอื่น ๆ ที่มีทรัพยากร หรือเทคโนโลยี น้อยกว่าได้

ความจริงแล้ว นักเรียนอเมริกาที่มีการศึกษาสูงแล้ว ควรจะต้องมองไปยังโลกภายนอก แล้วพิจารณาไปรอบ ๆ ว่า ชาวบ้านเขาเกลียดชังอเมริกากันขนาดไหนแล้ว .... หากไม่รีบกลับตัวกลับใจ ก็จะมีคนเกลียดชังความเป็น "อเมริกา" มากยิ่ง ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ

ผมกลับสมเพช คนอเมริกันพวกนี้ครับ โลกเขาแคบจริง ๆ วัน ๆ ก็ดูแต่อเมริกันฟุตบอล หรือเบสบอล ไปเรื่อย ไม่เคยสนใจโลกภายนอก หากมันไม่ใช่อเมริกา .... ผมยังรู้สึกสงสารชาวบ้านอเมริกัน ที่อยู่ในท้องทุ่งไร่ข้าวโพด วัน ๆ ทำงานงก ๆ เก็บเกี่ยวผลผลิตไว้ในยุ้งฉางที่ตั้งอยู่ในทุ่งกว้างห่างไกลบ้านเมือง ไร้โลกทัศน์ใด ๆ นอกจากทำงานงก ๆ ไปวัน ๆ



โดยสรุป ... ผมว่า ชาวบ้านอเมริกัน ซึ่งเป็นพวกบ้านนอก (ขออนุญาตย้ำนะครับ ผมไม่ได้รังเกียจบ้านนอก เพราะผมไม่เคยลืมกำพืดตัวเองที่มาจากบ้านนอก แต่อเมริกานี่ ในชนบท นี่มันบ้านนอกไกล ๆ แบบเมืองไทยดี ๆ นี่เองครับ)

พวกเขาน่าเห็นใจมาก เพราะนโยบายต่าง ๆ ได้ถูกตัดสินใจ โดยกลุ่มผู้นำทางการเมือง ที่มาจากคนเก่ง ๆ ที่จบจากโรงเรียนชั้นนำอย่าง YALE ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ทั่วโลกทั้งนั้น และพวกเขาจะต้องประสบเคราะห์กรรมจากความชิงชังของคนในโลกที่สองหรือโลกที่สามโดยที่ตัวเขาเอง ไม่ได้มีส่วนร่วมในความบ้าระห่ำของผู้นำของเขาแม้แต่น้อยครับ




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:15:14 น.
Counter : 575 Pageviews.  

ทำงานมายี่สิบปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย !

เพื่อน ๆ ที่ติดตามบล๊อกวันก่อน ที่ผมเล่าว่า ผมมีโครงการจะไปเก็บข้อมูลที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะกระบวนการยุติธรรมประเทศญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอย่างกว้าวขวางว่า มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจญี่ปุ่นนี่ ใกล้ชิด เป็นกันเองกับประชาชนมาก ขนาดที่ว่า ประชาชนกระเป๋าตังค์หายนี่ สิ่งที่แรกที่เขาจะนึกถึง คือ ตำรวจ ....

เขาไม่ได้ไปแจ้งความหรอกครับ... แต่ไปยืมตังค์ค่ารถจากตำรวจ เพราะองค์กรตำรวจญี่ปุ่น จะจัดป้อมยามตำรวจ ประจำอยู่ตามชุมชน และสถานที่สำคัญ ๆ เป็นแบบบ้านย่อม ๆ มีที่พักผ่อน หลับนอน ให้บริการ ฯลฯ ในป้อมเล้ก ๆ นั้น ตำรวจ จึงมีความใกล้ชิดกับชุมชุนมาก ๆ ประชาชนรักใคร่ตำรวจอย่างมากมาย กระเป๋าตังค์หาย เมื่อตำรวจให้ยืมตังค์แล้ว ไม่มีการชักดาบโดยเด็ดขาด ประชาชนจะรีบนั่งรถไฟฟ้า หรือเดินทางกลับเอาตังค์มาคืนตำรวจในทันที ณ โอกาส ที่ทำได้

กลับมาเรื่องโครงการของผมนี่ เมื่อวานโทรศัพท์กลับเมืองไทย ไปหาเจ้าหน้าที่ที่สำนักงาน ก.พ. ซึ่งดูแลนักเรียนทุนรัฐบาลในสหรัฐฯ ประโยคแรกที่ได้ยินจากพี่เอก .... คือ


"สารวัตร.... เรื่องของสารวัตรฯ นี่ มันยุ่งเหยิง อิรุงตุงนัง ไปหมด


................ บลา บลา บลา .......................


พี่เหนื่อยที่สุดในการประสานงานกับหน่วยงานตำรวจ........


ทำงานมายี่สิบปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย


.............. บลา บลา บลา .................."


ผมเป็นโรคเอ๋อ ขึ้นทันทีทันใด พี่เอก เล่าต่อไปว่า ตอนนี้ ได้ส่งระเบียบการไปเก็บข้อมูลในต่างประเทศของนักเรียนทุนรัฐบาล ตามที่ สำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดไว้ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ...................... ไม่รู้จะเป็นไงต่อไป

ก็น่าเห็นใจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหมือนกัน นาน ๆ จะมีนักเรียนทุนรัฐบาล กับเขาสักคน เฮ้อ... อะไรที่ใหม่ ก็ยังนี้แหละ ก็ต้องมีอะไรเป็นอุปสรรคบ้าง

พอผมเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนตำรวจฟัง ..... รู้ไหมครับผม เพื่อนผมที่เป็นตำรวจเหมือนกัน มันถามผมว่าอย่างไร ....

"เอ็งยังไม่ชิน อีกเหรอวะ"


แล้วมันก็ถามผมว่า "เป็นไงละ เสือกปล่อยโอกาสดี ๆ ในชีวิตให้หลุดลอยไป แล้วตอนนี้เรียกคืนได้ไหม ... ไอ้ความรักอาชีพตำรวจของมึงนี่ มันแดกเข้าไปได้ที่ไหน แล้วก็อย่าหวังว่าเขาจะเห็นค่าของมึง ตราบใดที่มึงไม่ใช่ลูกหลานของเขา ... บลา บลา บลา..."

เป็นไงละ ซึ้งไหม กับคำปลอบโยนของเพื่อนผม .... ก็จริงอย่างมันว่าจริง .... สรุปแล้วนี่ ระบบอะไร ต่าง ๆ ในประเทศไทย มันจะไม่มีอะไรดีเลยหรือไง(ฟะ) ....เฮ้อ เซ็ง ...

ที่จริงยังมีอีกเรื่องที่เซ็งมาก ๆ ก็คือ เรื่อง "ปลา" แบบว่าฮวงจุ้ยที่ห้องไม่ค่อยดี ... เพราะประตูห้อง ตรงกับเตียง (ที่จริง ๆ ห้องพักในสหรัฐฯ นี่ มันไม่มีทางเลือกนักหรอก โดยเฉพาะห้องสตูดิโอ ที่ผมอยู่ เปิดเข้าไป ก็ต้องเจอเตียงนั่นแหละ ที่มีเตียงนอน ห้องครัว ห้องน้ำ โต๊ะอ่านหนังสือและตู้เสื้อผ้าในห้องเดียวกัน) เขาว่ากันว่า ต้องมาม่านมากั้น หรือเอากระจกสะท้อนมาติด แต่หลักมันก็ขัดกันเองอีก เพราะ ปกติห้ามมีกระจกในห้องนอนของเรา ... ห้ามมีเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องนอน ห้ามมีอะไรแขวนด้านหัวนอน ฯลฯ กฎเกณฑ์เยอะจริง ๆ ถ้าทำตามหมด เห็นจะต้องสร้างบ้านใหม่ลูกเดียว ...

เขาว่ากันว่า "ปลา" ช่วยได้ เอาวะ ตัดใจซื้อปลาหางนกยูง ๒ ตัวมาใส่ โถแก้ว ที่ผมได้เลี้ยงต้นไผ่กวนอิม กับต้นไม้น้ำ คล้าย ๆ สาหร่ายอยู่แล้ว เพื่อให้มีสิ่งชีวิตหมุนเวียนในห้องผม ..... พูดถึงปลาหางนกยูงบ้านเรานั้น เราหาตักได้ตามคูคลองทั่วไป แต่ที่นี่ มันมีค่ายิ่งนัก ราคาตัวละ ๒ เหรียญกว่า ๆ ทีเดียว ตีราคาเล่น ๆ ก็ประมาณ ตัวละเกือบร้อยบาท นั่นแหละ (ที่จริง ราคาก็เท่ากาแฟธรรมดา ๆ แก้วนึง ที่ดื่มอยู่ทุกวัน ไม่รู้จะบ่นทำไม)

หลังจากแช่ถุงปลาไว้ในน้ำในโถประมาณ ๕ นาที เพื่อให้ปลาชินกับน้ำใหม่แล้ว ผมก็ปล่อยมันทั้งสองตัว ลงโถแถ้วขนาดใหญ่พอสมควร ให้มันคล่องคู่กันตามประสาผัวเมีย นั่งมองมันได้สักพัก .... มันก็ว่ายน้ำสนุกสนุนดี จากนั้นก็ไปกินข้าว... แบบปล่อยให้เขามีมุมสงบบ้างว่างั้นเหอะ .... หันมาอีกที อ้าว.... ปลาทำไม เหลือตัวเดียว(ฟะ) .....

ผมหามาหลายชั่วโมง ก็ยังไม่เจอ สงสัยเล่นซ่อนหากับผมแน่ ๆ แต่ว่ามันหายไปเลยนี่ดิ สงสัยจะไม่อยากอยู่ในโถ เลยกระโดดหายตัวไปแล้ว ...เฮ้อ อะไร(ฟะ) ปลาเหลือตัวเดียวเอง ขาดคนรักไปแล้ว ... ผมนั่งมองโถปลา กับหาปลาที่หายไป พร้อมกับ.....หายใจรดทิ้งไปอีกวัน .............เซ็งเหมือนเดิม ..




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 8:14:40 น.
Counter : 497 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.