*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
คนไทย ไม่ Nice

สวัสดีครับพี่น้องที่เคารพรัก

ผมได้แวะไปเที่ยวเกาหลี มาพักหนึ่งก่อนจะกลับมาทำงานตามปกติที่เมืองไทย เมื่อต้นเดือน พ.ค. ๕๑ ที่ผ่านมา ก่อนไปเกาหลี เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่บอกว่า อย่าไปเลยเกาหลี เพราะมันไม่ Nice ไม่ Friendly อีกทั้งยังมีปัญหามลพิษที่รุนแรงมาก ขนาดฝนตกมาเป็นกรด ราคาสินค้าและอาหารแพงมาก ฯลฯ แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไปจนได้ เพราะคิดว่า หากกลับมาทำงานตามปกติแล้ว ผมคงไม่ได้มีโอกาสไปไหนมาไหนตามใจที่ต้องการดังเดิมอีก

เพื่อนผม คือ ท่านชิ้ง ท่านเป็นเขยเกาหลี ท่านตกหลุมรัก สาวเกาหลี ตั้งแต่ชั้นมัธยมปลาย จนปัจจุบัน รักกันมาสิบกว่าปี ก่อนจะลงเอยแต่งงานกัน เมื่อสองปีก่อน แล้วท่านชิ้ง ก็มาเรียนภาษาเกาหลีนานกว่า ๖ เดือน จนเข้าใจบทสนทนาประจำวันได้เป็นอย่างดี

ผมไปเที่ยวกรุงโซล (หรือ ที่คนไทยสักยี่สิบปีที่แล้วเรียกว่า เซ-อุน ) ซึ่งมีประชากรประมาณ ๘ ล้านคน อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของเกาหลี ในยุคปัจจุบัน ประเทศเกาหลีใต้ ถูกแบ่งแยกจากเกาหลีเหนือหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ขนาดพื้นที่ เล็กกว่าประเทศไทยประมาณครึ่งหนึ่ง ขับรถจากเหนือสุด จรดใต้ ด้วยความเร็วประมาณ ๑๐๐ กม. ต่อ ชม. จะใช้เวลาประมาณ ๖ กม. เท่านั้น




หากย้อนยุคกลับไปประมาณเกือบ ๕ พันปีที่แล้ว ประเทศเกาหลี (รวมทั้งเหนือและใต้ในปัจจุบัน) แบ่งเป็น ๓ ก๊ก ใหญ่ ๆ โดยมีต้นกำเนิดมาจาก ราชวงศ์กอ หรือ เกา ในภาษาจีน ที่แปลว่า สูง เกาจูม่ง หรือ กอจูม่ง ต้นราชสกุล กอ เป็นต้นกำเนิดของประเทศเกาหลี ก๊ก กอเรียว หรือที่คนไทยเรียกว่า กอกะรียอ เป็นก๊กใหญ่ติดแดนจีน ประเทศพี่ใหญ่ แต่ถูกก๊กทางภาคใต้ คือ Silla ร่วมมือกับจีน บุกยึดและรวมเป็นเกาหลีหนึ่งเดียว สิ้นสุดยุค ๓ ก๊กของเกาหลีไป ต่อมาได้ถูกญี่ปุ่นรุกราน ในช่วงปี ค.ศ. ๑๘๗๐ ระบบกษัตริย์เกาหลีก็สิ้นไป แต่เนื่องจากประเทศเกาหลี มีระบบบันทึกข้อมูลที่ดี ทุกตระกูลจะมีบันทึกรายชื่อสมาชิกทุกรุ่น ทุกยุค เรื่อยมา ทำให้ผู้ที่สืบเชื้อสายกษัตริย์ ในอดีต ยังมีงานรวมญาติกันทุกปี

ประเทศเกาหลี แม้จะไม่มีความยิ่งใหญ่ในทางวัฒนธรรมอะไรมากมาย แต่มีระบบการจัดเก็บข้อมูลและการรักษาวัฒนธรรมที่ดีมาก มีการจัดทำพิพิธภัณฑ์ อย่างยิ่งใหญ่ ใหญกว่า สยามพาราก๊อน ที่เราชอบไปเที่ยวกันสักสองเท่า ที่สำคัญ คือ เป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้และความภาคภูมิใจของคนในชาติ ที่ให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่น้อย ผมชอบพิพิธภัณฑ์ มันแสดงถึงวิธีชีวิตที่แท้จริง แสดงถึงความรุ่งเรือง เสื่อมสูญ และ เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ ที่สอนให้คนยุคใหม่ได้รู้ว่า จะทำอย่างไร จึงไม่ซ้ำรอยเดิม ซ้ำรอยปัญหาเดิม ๆ

ประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ ความรักชาติ และความภาคภูมิใจของคนในชาติ ไม่ใช่ เพราะมีกฎหมายบังคับให้รักชาติ ไม่ได้เกิดจากมีการบังคับให้ยืนเคารพธงชาติ แต่มันเกิดจากความรู้สึกหวงแหน ความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นตัวตนของคนชาติ อย่างคนอเมริกา นี่ มีหลายเชื้อชาติเข้าไปอยู่ร่วมกันอย่างหลาก แต่เชื้อชาติไม่ได้เป็นแหล่งกำเนิดของความรัก คนชาติอื่นที่เปลี่ยนเป็นชาวอเมริกัน จะถูกบ่มจิตใจให้เห็นว่า เขาไม่ได้ผูกพันกันด้วยสายโลหิต แต่เขาผูกพันกันด้วย ภาระหน้าที่ที่มีต่อชาติ อันเป็นสมบัติร่วมกันในดินแดนแห่งเสรีภาพ และ บ้านแห่งความกล้าหาญในสหรัฐฯ ประเทศเหล่านี้จึงมีพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม และรากเหง้าทางปัญญาที่ไม่ถูกบิดเบือนด้วยปัจจัยอื่น ๆ

คนไปเกาหลี อาจจะผิดหวังเล็กน้อย กับทัศนียภาพ ที่ไม่ค่อยจะสวยงามอะไรมากมาย แต่เขาภาคภูมิใจในชาติของเขาอย่างมาก คนเกาหลี จึงไม่ค่อย Nice ด้วยความที่ว่า เขาคิดว่า ประเทศเขาเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ยิ่งใหญ่กว่าชาติใด ๆ ในเอเซีย ซึ่งคนในสหรัฐฯ จะไม่ชอบชาวเกาหลีเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะมีนิสัยหยาบคาย และค่อนข้างก้าวร้าว ไม่ค่อยเกรงใจใคร โดยเฉพาะ ผู้ชายชาวเกาหลีนั้น จะมีสถานะที่สูงส่งกว่า ผู้หญิงเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่า คุณแม่ยังต้องเคารพลูกชายคนโต โดยถือว่า ลูกชายคนโตจะเป็นผู้ดูแล กิจการ และความอยู่ดีมีสุขของสมาชิกในครอบครัวในอนาคตต่อไป ดังนั้น หากเป็นหญิง ก็อย่าได้ (สะเออะ) ไปนั่งกินข้าว ร่วมวงกับ สามี หรือลูกชาย ต้องรอให้พวกผู้ชายกินให้อิ่มหมีพลีมันเสียก่อน จนเริ่มลงมือกินได้ ผู้ชายเกาหลี (ในอดีต) จึงเป็นประเภท ตบจูบ ๆ ๆ ๆ ไม่ได้สุภาพ อ่อนโยน หรือหวานหยดย้อยแบบ ในหนังซี่รี่ส์เกาหลีหรอกนะครับ

ผมได้ไปเมืองหลวงเก่า ของก๊ก Silla ทางภาคใต้ คือ เมือง คยองจู โดยนั่งรถไฟ ราคา ๒๐,๐๐๐ กว่าวอน ( ๒๐ กว่าเหรียญสหรัฐ) จากโซล ไปยังเมืองหลวงเก่าแห่งนี้ เมื่อสัก พันกว่าปีที่ผ่านมา เมืองนี้ เป็นเมืองพุทธศาสนา แบบนิกายมหายาน รับมาจากจีน ไม่ใช่นิกายหินยาย แบบไทย ที่รับมาจากศรีลังกา ประชาชนชาวเกาหลี ในอดีตส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ ที่ไม่มีเนื้อหาแก่นสารตามแบบมหายาน มีแต่รูปแบบการเคาะกะลา การมอบกราบ ลุกยืน กับการนับลูกปัด ๑๐๘ เที่ยว เพื่อขอพรจากพระพุทธเจ้า กับเจ้าแม่กวนอิม โดยไม่ได้มีจุดหมายสูงสุดปลายทาง สำหรับผู้ต้องการเป็นทุกข์ ในชีวิตหน้า ตามแนวทางนิพพาน ของพระพุทธเจ้าแต่ประการใด ในจังหวัด คยองจู จึงเป็นแหล่งที่มีวัด มีหลุมฝังศพของราชวงศ์เก่า ๆ มีพิพิธภัณฑ์ ชาวนา และตลาดแบบดั้งเดิม ค่าเช่าที่พัก คืนละประมาณ ๓ หมื่นวอน (หรีอประมาณ ๓๐ เหรียญ) ค่าเช่าจักรยานวันละ ประมาณ ๕ ร้อยวอน หรือ ๕ เหรียญ ค่ากินอยู่ อาหารจานละ ประมาณ ๕ พันวอน หรือ ประมาณ ๕ เหรียญ

ผมขี่จักรยานตามเส้นทาง แผนที่ท่องเที่ยว ประมาณ ๒๕ กม. โดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตามแผนที่แล้ว เข้าใจว่าคงใกล้ ๆ ที่ไหนได้ ขี่จักรยานไป เท่าไหร่ ก็ไม่ถึงซักที จนกระทั่งไปถึงวัด Bulkuksa การเที่ยววัด ในเกาหลี รวมถึงในญี่ปุ่น ก็มีลักษณะที่คล้าย ๆ กัน คือ ต้องเสียเงินค่าเข้าชม ประมาณ ๒,๐๐๐ ถึง ๕,๐๐๐ วอน ( ๒ ถึง ๕ เหรียญ) แต่หากพูดถึงความคุ้มค่าของการไปเที่ยวแล้ว ผมคิดว่า ไปญี่ปุ่นคุ้มกว่าเยอะครับ .....





พอกลับมาเมืองไทย วันแรก ผมไปรายงานตัวที่ สำนักงาน ก.พ. ก็ไปกินน้ำ กินอาหาร ภายในสำนักงาน ก.พ. ที่ถนนพิษณุโลก ด้วยความเคยชิน สมัยอยู่สหรัฐฯ เจอใคร ก็จะทักทายก่อน ซื้ออาหาร ซื้อน้ำ ก็จะกล่าวทักทาย กล่าวสวัสดีครับ ก่อน จะสั่งอะไร ทันทีที่ผม กล่าวคำทักทาย แม่ค้าก็ตาค้าง ... นิ่งไปสักพัก จนกระทั่งผมรู้สึกแปลกใจ เลยถามว่า เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านว่า ไม่เคยมีใครกล่าวสวัสดีกับแม่ค้าอย่างพวกเขาหรอก มีแต่พูดในทำนองเหยียดหยามด้วยซ้ำ พอได้ยินคำกล่าวทักทายสวัสดี ทำให้พวกเขา ขนลุกซู่ ไปทั้งตัวเลยทีเดียว

ผมว่า จริง ๆ คนไทยเราไม่ Nice เท่าที่เราคุยหรอก เราไม่เคยมีประเพณีปฎิบัติว่า ถ้าเราเจอหน้าคนไทยด้วย เราจะต้องกล่าวคำทักทาย อย่างชาวอเมริกัน ที่เจอกันจะต้องทัก How are you? แม้จะเป็นการทักแค่พิธี มันเป็นประตูไปสู่มิตรภาพที่ดีครับ คนไทยเรา จะต้องดูก่อนว่า เอ๊ะ ไอ้เจ้าหมอนั่น มันเป็นใคร มียศ มีตำแหน่ง มีดีกรี อะไร ฯลฯ ก่อนที่เขาจะเปิดประตูใจ ต้อนรับมิตรภาพดี ๆ ซึ่งผมว่า มันเป็นประเพณีที่ไม่ดีเท่าไหร่ .....





ลองมาช่วยกันเปลี่ยนวัฒนธรรมและแนวปฎิบัติกันดีไหมครับ

เจอใคร ก็ทักทาย สวัสดีกันสักนิด อย่าคิดว่ามันแปลกเลยครับ






หมายเหตุ

ผมเพิ่งทราบว่า ต้นสกุล หรือ แซ่กอ หรือ เกา ของผม เป็นเจ้าของประเทศเกาหลี ( 555555)


Create Date : 30 พฤษภาคม 2551
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 8:57:05 น. 6 comments
Counter : 2131 Pageviews.

 
เห็นด้วยค่ะว่าคนไทยเดี๋ยวนี้ไม่ค่อย nice เท่าไร โดยเฉพาะที่อยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ... เจอมากับตัวค่ะ เราทัก แต่โดนเชิดใส่...เป็นงง ... ยังเคยคิดค่ะว่าธรรมเนียมแบบคนอเมริกันที่เจอหน้ากัน โบกมือทักทาย say "Hi" ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันนั้น ดูน่ารักดี ... ไม่รู้ว่า "ยิ้มสยาม" เดี๋ยวนี้หายไปหมดนะคะ น่าเสียดาย

ปล. กลับไปเมืองไทยแล้วเหรอคะ? โชคดีนะคะ ขอให้ก้าวหน้าในการงานค่ะ


โดย: VA_Dolphin วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:18:55 น.  

 
ผมว่า คนทุกประเทศก็มีคละเคล้ากันหมดล่ะคัรบ
ทั้งคนที่ nice และคนที่ไม่ nice

กลับเมืองไทยผ่านทางเกาหลีเหรอครับ
สงสัยบินกับ Korean Air แน่เลย
ตอนผมไปเมกา ผมก็แวะเที่ยวเกาหลีเหมือนกัน



โดย: Commencer วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:20:51 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:31:41 น.  

 
ก่อนอื่นเลย ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
สำหรับเรื่องของการเรียน แม้ว่าตอนนี้จะกลับมา
ทำงานที่เมืองไทยแล้ว (ล่าไปสักนิด) ..
แต่ก็รู้สึกยินดีด้วยค่ะ กับการเรียนและกลับมา
ทำงานให้กับบ้านเมืองของเราค่ะ ...

..................


เมื่อก่อนนี้ถ้าถามว่า อยากไปไหน ... ลิสต์ที่อยากเที่ยว
คงบอกได้เลยว่ามิมีเกาหลีแน่นอนค่ะ แต่ว่าตอนนีสิ
หนังมันเยอะมาก บางเรื่องก็ดี บางทีก็ดูสนุก วิวงี้
สวยมาก และเกาหลีก็เปลี่ยนไปเยอะมาก ตั้งแต่
เค้าเอาหนังเป็นอุตส่าหกรรมส่งออก (มาล่าเงินไทย)
ตอนนี้เลยคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามีเงินน๊าก็อยากไปดูให้เห็น
กับตาจริงๆ ว่าเกาหลีเป็นยังไงบ้าง ... อยากเห็นค่ะ


เรื่องของการทักทายกัน ... ว่าแล้วไปอยู่ไกลบ้าน
ที่นั่นเค้าก็ทักทายกันตลอด ไม่ว่าจะรู้จัก ไม่รู้จัก
เดินสวนกันก็ทัก hi กันแล้ว .. เราก็ติดเหมือนกัน
เคยไปเจอที่ฝรั่งเศส ชาวบ้านเค้าไม่ได้ทักกัน
เราก็เสล่อไปทักกับเค้า เค้าก็มีงงเหมือนกัน
คงคิดว่ามาเซย์ไฮกะฉานทำไมอ่ะคะ ...


โดย: JewNid วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:49:32 น.  

 
ตอนที่ผมอยู่ที่อเมริกา ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ กว่าจะชินว่าการทักคนแปลกหน้า เป็นสิ่งที่ต้องกระทำ

ตอนกลับมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆก็แปลกใจนิดนึงว่า ทำไมไม่มีใครทักทายกันเลย

แต่ก็มาคิดได้ว่า การทักทายคนแปลกหน้าเนี่ย มันไม่ใช่วัฒนธรรมของคนไทย

จะกลายเป็นแปลกไปซะอีกถ้าไปทักคนแปลกหน้า

ซึ่งในความคิดของผม ก็ไม่ได้แปลว่า คนไทยน่ารักน้อยกว่าฝรั่งเลย

อ้อ ผมเคยไปนอนอยู่ที่ UIUC ตั้งเกือบสัปดาห์ แคมป้สสวยมาก หนาวมากด้วย แม่ค้าขายส้มตำก็ใจดี ให้จานเบ้อเริ่มเลย :)



โดย: Fight_on IP: 202.28.179.3 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:55:55 น.  

 
บางทีเจอคนไทยที่เยอรมันในซุปเปอร์มาร์เก็ต เราก็ยิ้มให้ แต่เจอเมินหน้าหนีไปก็มีค่ะ เขาอาจจะกลัวเราไปรบกวนอะไร แต่เราก็คิดว่า แค่ยิ้มให้กันก็ไม่เห็นจะเสียหาย ไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันสักหน่อย

ดีใจที่คนไทยเก่ง ๆ แบบคุณ มาแชร์ความรู้ ประสบการณ์ให้คนอื่น ๆ ขอแอดบล็อกด้วยค่ะ


โดย: Bananarumba วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:15:49:48 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.