ร่างบันทึกแนะนำในการปฏิบัติเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะ
เนื่องจากช่วงนี้ มีปรากฎการณ์กำลังฮิต คือ การเสนอแช่แข็งประเทศไทย จึงเห็นว่ามีส่วนที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องไปเกี่ยวข้องอย่างมากมาย กระผมจึงได้ร่างบันทึกแนะนำในการปฏิบัติเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะไว้บางส่วน .... แต่ยังไม่ได้ออกมาเป็นบันทึกสั่งการ ตร. อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ ได้สรุปมาจากหนังสือคู่มือการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงน่าจะเป็นประโยชน์บ้าง เลยถือโอกาสนำมาเผยแพร่ ดังนี้
บันทึกข้อความ ส่วนราชการ กองกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี ที่ ๐๐๑๑.๑๔/ วันที่ สิงหาคม๒๕๕๕ เรื่อง แนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายและการจัดการการชุมนุม ผบช.น.,ก., ส., ภ.๑-๙, และ ศชต.
เนื่องจากตร. มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยส่วนรวม ในขณะที่ประชาชนมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบเปิดเผยและปราศจากอาวุธเพื่อแสดงความคิดเห็น เสนอข้อเรียกร้อง หรือต่อต้านการบริหารราชการของรัฐบาลซึ่งเสรีภาพดังกล่าวอาจถูกจำกัดได้โดยกฎหมายเฉพาะเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะได้ใช้ที่สาธารณะหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือในระหว่างเวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก ตามนัย มาตรา๖๓ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่บัญญัติเพื่อใช้ในการจัดการชุมนุมสาธารณะแต่ประการใดทำให้ ตร. ประสบความยากลำบากในการตัดสินใจเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการชุมนุมสาธารณะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป มีความร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องใช้กำลังในการยุติการชุมนุม เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักกฎหมายและหลักกฎการใช้กำลัง(Rule of Engagement) ศปก.ตร. จึงได้จัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายกับการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมายสำหรับในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจกจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ กม. ใน //www.tsd.police.go.th ในเอกสารลำดับที่ ๓๑ แล้วแต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการชุมนุมสาธารณะจึงกำหนดหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑.เจ้าหน้าที่ตำรวจพึงระลึกว่าประชาชนย่อมมีเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมโดยสงบเปิดเผยและปราศจากอาวุธ ในขณะเดียวกันการใช้เสรีภาพดังกล่าวก็จะต้องไม่กระทบสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอื่นจนเกินสมควรเช่น สิทธิและเสรีภาพในการเดินทางและสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองที่ดำรงชีวิตเป็นปกติสุขดังนั้น การใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่ขัดต่อหลักการดังกล่าวจึงถือเป็นการชุมนุมที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เช่นการชุมนุมเพื่อปิดล้อมประตูเพื่อมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าออกที่ทำการการใช้ไม้รั้วลวดหนาม ยางรถยนต์ราดน้ำมันขวางถนนไว้เพื่อให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพจนไม่กล้าที่จะเข้าไปหรือออกจากที่ทำการราชการอันเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นย่อมไม่ถือว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบที่จะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญตามนัยคำพิพากษาศาลปกครอง ที่ ๑๖๐๕/๒๕๕๑ ลง ๙ ต.ค.๕๑ ๒.ในกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการชุมนุมที่สงบอันจะได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาญาและการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.๒๕๔๗ มาตรา ๖ (๓) และ (๔) ย่อมมีอำนาจที่จะยุติการชุมนุมได้โดยจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่จะเป็นและเหมาะสมตามหลักสากลที่ใช้ในการยุติการชุมนุมของประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้ภารกิจในการบริหารราชการแผ่นดินและการจัดทำบริการสาธารณะของรัฐสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ๓.ในภาวะปกติที่ยังไม่มีการประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น โดยปกติย่อมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและก่อนที่จะมีการใช้กำลังตามกฎการใช้กำลังในการยุติการชุมนุม ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์จะต้องเตรียมการดังนี้ ๓.๑การสืบสวนและสอบสวนเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์และการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่างๆ (รายละเอียดปรากฏตาม คู่มือหน้า ๑๙ ๒๖) ในภายหลัง ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ในการระหว่างการชุมนุมอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีในทันทีซ้ำยังก่อให้เกิดการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ จึงต้องดำเนินการพิจารณาจัดตั้งห้องปฏิบัติในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อสั่งการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ตลอดจนการอำนวยการแฝงตัวเพื่อหาข่าวตลอดจนจัดให้มีการจัดเก็บพยานหลักฐานในการดำเนินคดีเมื่อสถานการณ์เหมาะสมในภายหลังได้โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่บันทึกภาพและเสียงคำปราศรัย ตลอดจนพฤติการณ์ต่าง ๆในระหว่างการชุมนุม โดยการบันทึกข้อเท็จจริงให้ต่อเนื่องโดยไม่ตัดต่อเท่าที่จะทำได้รวมถึงการจัดให้มีการประชาสัมพันธ์หรือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Information Operation) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบและเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชุมนุมและแนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๓.๒การแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและการรวบรวบพยานหลักฐาน ให้ดำเนินการเมื่อพิจารณาเห็นว่าการดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนท้องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนระดับบก. บช. หรือ เสนอให้ ตร. แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน (รายละเอียดปรากฏตามคู่มือ หน้า ๕๒ ๕๖) ๓.๓การจับกุมและการควบคุม เมื่อมีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้วให้พิจารณาความเหมาะสมในการจัดหาสถานที่ควบคุมตัวผู้กระทำผิดให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและขีดความสามารถในการป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายจากการจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ ซึ่งปกติจะควบคุมที่สถานีตำรวจแห่งท้องที่นั้นแต่ถ้าพิจารณาแล้วการควบคุมตัวจะทำให้เกิดความความไม่ปลอดภัยหรือผู้ต้องหามีจำนวนมาก ก็ให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อใช้สถานที่อื่นในการควบคุมตัวผู้กระทำผิดเป็นการชั่วคราวได้ ทั้งนี้เป็นไปตาม ป.ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ ๖ บทที่ ๒ ข้อ ๑๓๙ (รายละเอียดปรากฏตาม คู่มือ หน้า ๕๖ ๕๗ ) ๓.๔การสรุปสำนวนการสอบสวน การทำความเห็นทางคดี และ สืบพยานล่วงหน้าเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐอำนาจการสั่งคดีเป็นของ ผบ.ตร. จึงให้ให้หัวหน้าพนักงานสอบสวน สรุปมีความเห็นเสนอผบ.ตร. ต่อไป ในกรณีที่จำเป็นต้องคุ้มครองพยานหรือสืบพยานไว้ล่วงหน้าเนื่องจากพยานมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศหรือทางคดีมีลักษณะยุ่งยากหรือจะมีการทำลายพยานหลักฐาน หรือข่มขู่พยาน ก็ให้พนักงานสอบสวนประสานงานยังพนักงานอัยการเพื่อพยานไว้ล่วงหน้าและให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนติดตามผลคดีอย่างต่อเนื่อง ( รายละเอียดปรากฏตาม คู่มือ หน้า ๕๗-๕๘) ๔.ในกรณีที่จะต้องมีการใช้กำลังเพื่อยุติการชุมนุม ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประเมินสถานการณ์และสั่งให้มีการปฏิบัติตามขั้นตอนการของการใช้กฎการใช้กำลังโดยเคร่งครัดซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในแต่ละกรณีไป โดยอาจจะสรุปขั้นตอนได้ ดังนี้ ๔.๑การเจรจา และขอความร่วมมือให้ชุมนุมโดยสงบ และไม่กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะเรียกว่าแนวเจรจาขั้นสุดท้าย ๔.๒ประชาสัมพันธ์ และแจ้งเตือนให้ทราบขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ทุกขั้นตอน โดยการใช้เครื่องขยายเสียงและป้ายคำเตือนประกอบการใช้เครื่องขยายเสียงนั้น โดยจัดทำป้ายประกาศต่อผู้ชุมนุมและบันทึกภาพและเสียงประกอบกันไว้ เช่น โปรดชุมนุมโดยสงบ,การปิดเส้นทางจราจร ถือว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ, การปิดกั้นหรือกระทำการขัดขวางการเข้าออกสถานที่ราชการถือเป็นการชุมนุมไม่สงบ, ห้ามผู้ชุมนุมรุกล้ำเข้าไปในสถานที่ราชการ, หากรุกล้ำเข้าสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อยุติการยุติการชุมนุม ฯลฯ
๔.๓เมื่อได้แจ้งเตือน ภายหลังขั้นตอน แนวเจรจาขั้นสุดท้าย แล้ว อาจจะการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องยึดหลักว่า การใช้กำลังจะต้อง กระทำเพื่อป้องกันตนเองหรือบุคคลอื่นตามสมควรและได้หลักสัดส่วนของภยันตรายเท่านั้น โดยแถวแนวของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องห่างจากแนวผู้ชุมนุมไม่น้อยกว่า ๒๕ เมตรเพื่อให้เป็นไปตามระยะปลอดภัยในการใช้สารเคมีภัณฑ์ เช่น แก๊สน้ำตา ส่วนการใช้อาวุธปืนในการป้องกันตนเองนั้นให้กระทำได้เฉพาะกรณีที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันตนเองหรือบุคคลอื่นแต่เฉพาะภยันตรายที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิตและใกล้จะถึงเท่านั้น และในการยิงด้วยอาวุธปืนจะต้องยิงในจุดที่ไม่ทำให้ผู้ชุมนุมอาจเสียชีวิตได้เท่านั้น ก่อนการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องประกาศให้ยุติการชุมนุม มิฉะนั้นจะเป็นความผิดตาม ป.อาญามาตรา ๒๑๖ และ จะมีการใช้กำลังในการยุติการชุมนุมต่อไป สำหรับการใช้กำลังจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ (๑)การแสดงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการจัดรูปขบวนประกอบโล่และกระบอง ต่อผู้ชุมนุม (๒) การใช้คำสั่งเตือนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยการประกาศและป้ายข้อความประกอบกัน (๓)การใช้มือเปล่าจับกุม หรือมือเปล่าจับล็อกบังคับ (๔)การใช้เครื่องพันธนาการ ปืนยิงตาข่าย (๕)การใช้คลื่นเสียง ซึ่งจะต้องเปิดดังไม่เกิน ๑๖๐ เดซิเบลเพื่อมิให้เกิดอันตรายเกินสมควร (๖)การใช้น้ำฉีด โดยการฉีดลงพื้น หรือฉีดใส่ตัวผู้ชุมนุมแต่จะต้องระมัดระวังมิให้ฉีดในบริเวณที่บอบบางของร่างกาย เช่น ดวงตา เป็นต้น (๗) การใช้อุปกรณ์เคมี เช่น แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไท ทั้งนี้การใช้แก๊สน้ำตา จะต้องเริ่มจากปริมาณน้อย เพื่อให้ผู้ชุมนุมแตกกระจายตัวออกจากกันแล้วจึงเริ่มใช้แก๊สน้ำตาในปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ การขว้างแก๊สน้ำตา จุดตกของแก๊สจะต้องห่างจากฝูงชนในกรณีที่เป็นที่คับแคบ อากาศไม่ถ่ายเท ไม่ควรใช้แก๊สน้ำตา และจะหลีกเลี่ยงไม่ขว้างใส่บุคคลโดยตรง (๘)การใช้กระบอง หรืออุปกรณ์การตีซึ่งจะต้องไม่ตีในจุดสำคัญที่อาจทำให้ผู้ถูกตีเสียชีวิตได้ สำหรับรายละเอียดวิธีการปฏิบัตินั้นของกองบัญชาการ กองทัพภาคที่ ๑ กองทัพบก จะมีรายละเอียด ดังนี้ (๑)กฎการใช้กำลังของทหาร มี ๓ ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ๑) เจรจา ๒) แจ้งเตือน และ ๓)การใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก (๒)มาตรการจากเบาไปหาหนัก เมื่อมีการชุมนุมไม่งบให้ดำเนินการ ๗ ขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ได้แก่ ๑) การจัดรูปขบวนประกอบโล่ กระบอง ๒)การแจ้งเตือนผู้ชุมนุมให้ทราบถึงขึ้นตอนว่าจะมีการใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม ๓)การใช้โล่ผลักดันผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ๔) การใช้คลื่นเสียงและการใช้น้ำฉีด ๕)การใช้อุปกรณ์เคมี หรือแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง ๖) การใช้กระบอง และ ๗)การใช้กระสุนยางที่ยิงจากปืนลูกซอง (๓)ขั้นตอนการใช้กำลัง จากข้อ (๒) ใน ๑) ๔) เป็นอำนาจหน้าที่ของ ผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่จะต้องตัดสินใจ ส่วนการใช้มาตรการ ข้อ (๒) ใน ๕) ๗)เป็นหน้าที่หน้าที่ของผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการใหญ่ ทั้งนี้เพื่อดำเนินการในแต่ละขั้นตอนเสร็จสิ้นลงจะต้องมีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมถึงขั้นตอนการปฏิบัติต่อไปทุกครั้ง ๕.กรณีที่สถานการณ์รุนแรง จนรัฐบาลประกาศสถานการณ์ความมั่นคงหรือสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วให้ถือปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับหลัก นิติรัฐและนิติธรรม สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติเป็นไปตาม คู่มือ หน้า๒๖ ๕๐ อนึ่งในการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการใด ๆ ผู้บังคับบัญชาจะต้องคำนึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนและหลักผลประโยชน์สาธารณะของรัฐโดยส่วนรวม การใช้มาตรการใด ๆ ตามกฎหมาย จึงจำต้องสอดคล้องกับหลักความชอบด้วยกฎหมายหลักสัดส่วน และหลักความรุนแรงน้อยที่สุดที่มาตรการดังกล่าวยังสามารถทำให้รักษาผลประโยชน์สาธารณะของรัฐไว้ได้ มาตรการต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้นจึงเป็นเพียงแนวทางในการปฏิบัติซึ่งผู้ปฏิบัติจะต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบในการดำเนินการให้สอคล้องกับสถานการณ์ตามข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีโดยผู้บัญชาการเหตุการณ์จะต้องประเมินสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและสั่งการให้ใช้มาตรการที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป ทั้งนี้ ปฏิบัติอื่น ๆ ให้ยึดถือตามนโยบายรัฐบาล คู่มือ และคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงแจ้งให้ทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด พล.ต.อ. ( .............................. ) ผบ.ตร.
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 2:14:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1072 Pageviews. |
|
|