*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
รักเด็ก? หรือ สร้างภาพ?

ผมได้ติดตามข่าวการจับกุมเด็กอายุ ๑๐ ขวบ ในข้อหาลักทรัพย์ ในที่ร้านเจ๊เล้งฯ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวเด็กผู้กระทำผิดดังกล่าว หลังจากที่ผู้เสียหายยืนยันให้ดำเนินคดีถึงที่สุด ปรากฎว่าประชาชนทั่วไปรุมประณามพนักงานสอบสวนต่าง ๆ นานา




ผม จึงได้แต่มองย้อนดูตัวเอง หากตัวเราเป็นพนักงานสอบสวน ที่ต้องเข้าเวรอยู่คนเดียว และมีคนมาร้องทุกข์กับเราสักสี่ห้ารายในเวลานั้น ประกอบกับโรงพักของเราก็เก่าแก่ มีห้องขังแยกเป็นสัดส่วนแต่ติด ๆ กันทุกห้อง เราจะดำเนินการอย่างไร ผมคงจะพลิกตำรากฎหมายอยู่หลายรอบเพื่อจะดูว่าทำอะไรได้บ้าง แล้วก็คงต้องทำเหมือนพนักงานสอบสวนท่านนี้นั่นแหละ เพราะมันไม่มีทางเลือกอย่างอื่นแล้ว

ปรากฎว่าคดีนี้ ทั้งสภาทนายความ สส. สว. และประชาชนรุมด่าว่าพนักงานสอบสวนว่าโง่บ้าง ทำผิดกฎหมายบ้าง ผมเลยต้องกลับไปพลิกตำรากฎหมายอีกสักหลายสิบรอบ แต่แล้วก็ไม่เห็นว่าพนักงานสอบสวนกระทำการที่ผิดกฎหมาย หรือเกินสมควรแก่เหตุไปตรงไหน เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจพนักงานสอบสวนเป็นอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้ตกเป็นจำเลยของสังคมที่เอาแต่อารมณ์เป็นที่ตั้งไปเรียบร้อย กลุ่มองค์กรและบุคคลข้างต้น ท่านขี่กระแสสังคม บนความย่อยยับของคนอื่นไปเรียบร้อย

"สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ" ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะลองขี่กระแสกับเขาบ้างก็น่าจะดี โดยทำโครงการพัฒนาสถานีตำรวจให้มันดีขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่เขาอยากให้มีห้องพักที่สวยงาม สะดวกสบายสำหรับผู้กระทำผิดที่เป็นเด็ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น่าจะจัดทำแผนการโครงการฯ เสนอต่อรัฐบาลโดยเสนอเป็นวาระเร่งด่วน ของบกลางตาม กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ประกอบกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เพราะโดยปกติรัฐบาลจะตั้งงบกลางไว้จำนวนมาก อันเป็นงบประมาณที่ไม่ได้ระบุโครงการ หรือ เป็นรายการ ไว้อยู่แล้ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะจัดทำคำของบประมาณเหล่านี้ไปพัฒนาโรงพักต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพราะโรงพักเก่าแก่อย่างปัจจุบันมันไม่มีทางที่พัฒนาอะไรให้ดีกว่านี้ได้แล้ว หากท่าน สส. หรือ ประชาชนทั่วไม่เชื่อ ก็ลองไปแวะเยี่ยมชมสถานีตำรวจใกล้บ้านและบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขอเข้าไปดูและนั่งเล่นห้องควบคุมหน่อย เอาแค่สัก ๕ นาที ก็จะรู้ว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องพัฒนาให้ดีกว่าเดิมเสียที

อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากหวังอะไรมาก เพราะจดจำเหตุการณ์ตอนเป็นพนักงานสอบสวน เมื่อ ๗ หรือ ๘ ปีให้หลังได้เป็นอย่างดี ในขณะนั้นและเดาว่ายังเหมือนเดิมในขณะนี้ คือ พนักงานสอบสวนต้องซื้ออุปกรณ์ทำงานเองหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ดีด โต๊ะทำงาน วิทยุสื่อสาร และแม้กระทั่งกระดาษที่ใช้ในการพิมพ์สำนวนการสอบสวน




ตอนนั้น ผมขอทำเรื่องเบิกโต๊ะทำงาน เพราะเรียนมาว่า ข้าราชการตำรวจยศร้อยตำรวจตรี จะสามารถเบิกโต๊ะทำงานได้ เป็นโต๊ะไม้แบบครูโรงเรียนประชาบาล แต่ทางผู้บังคับบัญชาท่านว่าไม่มีใครเบิกกัน เพราะไอ้โต๊ะทำงานเนี่ย มันจัดอยู่ในประเภท ครุภัณฑ์ ที่จะต้องตั้งงบประมาณต่อรัฐบาล กว่าจะเบิกได้ ก็คงจะสัก ๔ หรือ ๕ ปี เข้าไปโน่น ย้ายพอดีนั่นแหละ

ตอนนั้น คิดว่า ถ้าเอาเสื่อมาปูที่พื้น เชิญผู้เสียหายและผู้ต้องหานั่งที่พื้นคุยกันในขณะแจ้งความ ก็คงจะได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ ถึงตอนนี้ ผมก็เลยไม่ค่อยอยากหวังว่า โรงพักจะได้รับการปรับปรุงสักเท่าไหร่ เพราะขนาดกระดาษยังไม่จัดให้พนักงานสอบสวนเลย จะนับประสาเรื่องการพัฒนาอาคารที่ใช้งบประมาณมากกว่าได้อย่างไร

ผมอยากจะเล่าเกี่ยวกับกฎหมายการลงโทษและการคุ้มครองเด็กในสหรัฐเสียหน่อย โดยหลักการแล้ว การลงโทษนั้น จริง ๆ แล้วไม่ว่าเด็กกระทำผิด หรือผู้ใหญ่กระทำผิด ก็คือ การกระทำผิดเหมือน ๆ กัน และต้องได้รับการลงโทษเหมือนกัน แต่จะลงโทษแบบไหน อันนั้น คือ ประเด็นสำคัญ เหตุที่ต้องลงโทษ ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กนั้น ก็เพราะผู้กระทำผิดได้กระทำการละเมิดต่อบรรทัดฐานของสังคม (Social norms) โดยจะต้องมีการลงโทษผู้กระทำโดยวิธีการใดวิธีทางหนึ่งให้เหมาะสมกับความร้ายแรงการกระทำผิด หรือ เพื่อฟื้นฟูผู้กระทำผิดให้กลับเข้าสู่สังคมได้




นักปราชญ์ ได้เสนอแนวทางไว้ ๒ ประการ คือ

(๑) Consequentialist ideas ซึ่งให้อำนาจดุลพินิจแก่ผู้ตัดสินคดีในการพิจารณาลงโทษผู้กระทำผิดบนพื้นฐานทฤษฎี Utilitarian theories ที่เชื่อว่า การลงโทษจะต้องกระทำเพื่อเป็นการยับยั้งการกระทำผิด (deterrence) โดยวิธีการจำกัดเสรีภาพนั้น (incapacitation) -จะใช้สำหรับผู้ที่ไม่อาจจะนำวิธีการฟื้นฟูความประพฤติ (rehabilitation) มาใช้ได้แล้วเท่านั้น

(๒) Deontologicalist ideas แนวคิดนี้ จะสนับสนุนการลงโทษ โดยกำหนดในรูปแบบของการแก้แค้ทดแทน (retribution) หรือเพื่อให้เหมาะสมกับการกระทำผิด (just deserts) ทั้งนี้ แนวคิดนี้ เชื่อว่าการลงโทษจะทำให้ศีลธรรมที่เสื่อมทรามลงอันเนื่องมาจากการกระทำผิดอาญานั้น กลับคืนสู่ภาวะสมดุลย์

ในกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเด็ก จึงมีกระแสหลักที่สำคัญ คือ การให้เด็กได้กลับตัวกลับใจแก้ไขตนเอง และกลับเข้าสู่สังคมต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม สังคมต้องไม่ลืมนึกถึงความเสียหายของเหยื่ออาชญากรรมด้วย แบบว่า ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างเท่านั้นจะเป็นไร ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้เสนอให้นำกระบวนการระงับข้อพิพาทในรูปแบบ ADR: Alternative Dispute Resolution หรือ กระบวนการยุติธรรมทางเลือก ที่มุ่งจะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างผู้เสียหายกับผู้ที่กระทำผิด จึงเข้ามาแทนที่กระบวนการฟ้องร้องคดีต่อศาลอย่างเป็นทางการเช่นกรณีทั่วไป

กรณีนี้ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเสนอร่างกฎหมายให้พนักงานสอบสวนเจรจาไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีที่สมัครและเต็มใจยอมความกันในคดีประเภทนี้ได้ ก็จะสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสังคม เพราะตามข่าวที่ปรากฎองค์กร หรือ สว. หรือ สส. ที่ขี่กระแสอยู่ทุกวันนี้ ต้องการให้พนักงานสอบสวนให้ดุลพินิจในการดำเนินการ ซึ่งตามกฎหมายในปัจจุบันแล้ว คดีประเภทนี้ไม่อาจจะยอมความกันได้ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดินซึ่งจะต้องฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น ตำรวจไม่อาจใช้ดุลพินิจอะไรได้มากกว่าการสอบสวนปากคำและนำตัวส่งสถานพินิจ

การกระทำผิดของเด็กในสหรัฐอเมริกา โดยปกติหากเป็นความผิดไม่ร้ายแรง ก็จะไม่ขึ้นสู่การพิจารณาคดีแบบศาลผู้ใหญ่ปกติ แต่หากว่า เด็กนั้นกระทำผิดอาญาร้ายแรง เช่น ฆ่าคนตาย ปล้น ข่มขืนแล้วฆ่า ฯลฯ ที่ถือว่าร้ายแรงเกินเยียวยาแล้ว เด็กนั้น ก็จะต้องถูกดำเนินคดีแบบศาลผู้ใหญ่ปกติ ไม่มียกเว้นหรือการคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษ หรือแม้กระทั่งในคดีแแพ่งว่าด้วยการละเมิด (Torts) แล้ว หากเด็กไปกระทำการเยี่ยงที่จะต้องใช้ความระมัดระวังแบบผู้ใหญ่แล้ว ก็ต้องรับผิดแบบผู้ใหญ่ และพ่อแม่ของเด็กนั้น จะต้องมีส่วนรับผิดในละเมิดด้วย เช่น ขับรถไปชนคนตาย เช่นนี้ พ่อแม่ที่ให้เงินเด็กไปซื้อรถฯ ก็ต้องรับผิดทั้งหมด หรือแม้กระทั่งผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ที่ขายรถให้เด็กทั้ง ๆ ทราบข้อเท็จจริงเหล่านี้อยู่แล้ว ว่าเด็กจะก่ออันตรายขับรถชนคนอื่นได้ตาย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ก็ต้องรับผิดเพื่อละเมิดด้วย ไม่มีข้อยกเว้นเลย

บ้านเมืองไทยของเรา ชอบวิจารณ์บนความไม่รู้ ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ และตัดสินปัญหาต่าง ๆ ด้วยอารมณ์ เรื่องนี้ ร้อนไปถึงรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงยุติธรรมคนใหม่ ต้องลงไปเจราจาไกล่เกลี่ยคดีกับเจ้าของร้าน ขอยุติเรื่อง อัยการท่านไวต่อกระแสฯ เรียกว่ายังไม่ได้ทันได้เล้าโลมเลยด้วยซ้ำ

ท่านตั้งท่าสั่งไม่ฟ้อง โดยท่านยังไม่ได้ดูพฤติการณ์แห่งคดีเลยด้วยซ้ำฯ จึงกลายเป็นการเล่นเกมส์อะไรสักอย่าง โดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการดำเนินยุทธศาสตร์ แต่หลังจากจบเรื่องนั้น ก็ไม่มีใครทำอะไรต่อไป หรือ ในกรณีที่ทำ ก็ทำแบบสุดโต่ง จนขาดความสมดุลย์ระหว่าง ประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของรัฐ กับเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งได้ก่อปัญหาให้แก่สังคมโดยรวม

ท้ายที่สุด ความเสียหายก็ตกอยู่กับประชาชนตาดำ ๆ ที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งปัญหานี้ เกิดจากพื้นฐานแนวคิดของนักคิดฯ และนักกฎหมายทั้งหลาย ที่คิดว่ามาตรการใหม่ที่ตนสร้างขึ้นมาใหม่นั้นดีเลิศ แต่หาได้รู้ไม่ว่า สิ่งที่นักวิชาการได้ดำเนินการ “ชักว่าวทางวิชาการ” ขึ้น จากความหวังดีแต่อยู่ บนพื้นฐานของความไม่รู้และไม่มีประสบการณ์ตรง เป็นการมองเหรียญเพียงด้านเดียว

[last udate: ๑๐ มิ.ย. ๔๘]



Create Date : 10 พฤษภาคม 2548
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 7:42:42 น. 12 comments
Counter : 542 Pageviews.

 
"วิจารณ์บนความไม่รู้" ........ถูกต้องแล้วคร๊าบ!!!


โดย: แวะมา<img src=http://www.bloggang.com/emo/emo8.gif> IP: 58.9.148.208 วันที่: 8 มิถุนายน 2548 เวลา:20:00:31 น.  

 


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 8 มิถุนายน 2548 เวลา:22:58:36 น.  

 
ใช้เวลาอ่านนานพอสมควร แต่คุ้มค่าที่อ่านค่ะ...ได้ความรู้เยอะดีค่ะ..ขอบคุณค่ะ..


โดย: อีสานพลัดถิ่น.. (JC2002 ) วันที่: 9 มิถุนายน 2548 เวลา:6:48:00 น.  

 
กระแสสังคมมันแรง
ท่านๆทั้งหลายก็คงอดไม่ได้ที่จะลู่ไปลู่มาไปตามแรงลม
จะมั่นคงแกร่งเป็นหินพาก็เกรงจะโดนรุมถล่มล่ะมั้งคะ


โดย: rebel วันที่: 9 มิถุนายน 2548 เวลา:9:04:39 น.  

 


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 10 มิถุนายน 2548 เวลา:12:33:04 น.  

 
ถามหน่อยสิ อยากรู้จริงๆ

ในเมื่อคุณตำรวจก็รู้แล้วว่าประเทศไทยเป็นแบบนี้

แล้วเวลาพอคุณเรียนจบกลับไปทำงานที่เมืองไทย

คุณจะทำอย่างไร จะเอาวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา

ปรับปรุงแก้ไข ระบบของเมืองไทยอย่างไร

เรารักเมืองไทยนะ อยากอยู่เมืองไทยใจจะขาดรอนๆ

แต่เราก็รู้ เหมือนอย่างที่ทุกคนรู้

ถ้าเรามีทางเลือกที่ดีกว่ามาก เราก็ขอเลือกทางที่ดีกว่า

แต่ถ้าในอนาคต คุณได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เมล์มาบอกเราด้วยนะ เรากลับเมืองไทยแน่นอน

ซีเรียสนะเนี่ย


โดย: จตุพร (พฤษภาคม 2510 ) วันที่: 10 มิถุนายน 2548 เวลา:16:46:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมนะคะ

เรื่องยาวจังเลยอ่ะคะ อ่านไม่หมดจะหลับแล้ว เดี๋ยวว่างๆจะแวะมาอ่านใหม่นะคะ

อย่าโกรธกันนะ



โดย: มีน แอนด์ มาร์ช วันที่: 10 มิถุนายน 2548 เวลา:22:58:22 น.  

 
แวะมาเยี่ยมอีกครั้งค่า...
และแวะมาขอบคุณที่แวะ
ไปฟังหมอลำด้วยกัน..อิอิ

เดี๋ยวว่าง ๆ จะแวะกลับมาอ่าน
เอาความรู้อีกรอบ...
ตอนนี้แวะมาแว็บ ๆ..



โดย: อีสานพลัดถิ่น.. (JC2002 ) วันที่: 11 มิถุนายน 2548 เวลา:1:05:00 น.  

 
สนับสนุนความคิดเห็นเจ้าของกระทู้อย่างแรงครับ ในฐานะประชาชนธรรมดา เราต้องแยกเรื่องกฎหมาย กับศีลธรรมให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นคนทำผิดจะถูกยกย่องมาเป็นฮีโร่ เป็นผู้น่าสงสาร น่าเห็นใจไป ใครๆ ก็ไม่กลัวการทำผิด ขอแค่วิ่งโร่เข้าหาพวกจอมสร้างภาพทั้งหลาย รายการติงต๊องทั้งหลายก็มาจ้องจับเอาเหตุการณ์เหล่านี้มาขาย บนความย่อยยับของเจ้าหน้าที่พนักงานที่ทำเพื่อความถูกต้อง เหมือนแม่ขโมยของคนอื่นเพื่ออ้างซื้อนมให้ลูก แล้วมีคนมาช่วยเหลือมากมาย แบบนี้มันเป็นการสนับสนุนให้คนทำผิดชัดๆ เลยครับ ไม่ใช่ไม่เห็นใจทางฝ่ายเด็ก หรือแม่ ที่กะรทำผิด แต่ทำไมพวกนี้ไม่รู้จักเข้าไปขอความช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ หรือพยายามหาอาชีพสุจริตทำ

ผมไม่เชื่อว่า ไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรง เพียงแต่คนเราจะตั้งใจทำหรือพยายามจนถึงที่สุดหรือยัง จนตัดสินใจในการกระทำผิด

ตำรวจทำเลวคนด่ายังพอทน แต่พอตำรวจทำดีทำทุกอย่างตามกฎหมายก็ยังด่าอันนี้ก็ไม่ไหวครับ


โดย: noom_no1 วันที่: 11 มิถุนายน 2548 เวลา:2:55:41 น.  

 
ยี่สิบปีที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงตำรวจ (เพราะพ่อเป็นตำรวจ) .. พูดอะไรไม่ออกค่ะ ได้แต่ส่ายหน้า .. -_-"

แต่อยากให้คุณกลับไปเป็นผบ.จริงๆนะ seriously .. เราอยากเห็นอะไรที่มันดีขึ้น และมันคงดีขึ้นเยอะเลยล่ะ ..


โดย: chirala (chirala ) วันที่: 11 มิถุนายน 2548 เวลา:5:31:08 น.  

 


**** สวัสดีตอน ตีหนึ่งของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า***

***ประมวลกฎหมายว่าด้วย***

++...ความคิดถึงและห่วงใย...++

***ตามมาตตราที่.. หนึ่งศูนย์หนึ่ง..บัญญัติไว้ว่า***

***ผู้ใดทำให้ผู้อื่น...คิดถึงและห่วงใย...***

***ผู้นั้นมีความผิดตามกฏ..แห่งอารมณ์***

**ด้วยการปรับให้คิดถึงคนคนนั้นเป็นเวลา 1 วัน**

** หรือปรับให้ไปเลี้ยงข้าวเย็น+หนังหนึ่งรอบ**

***หรือทั้งจำทั้งปรับ***

...ปล. อยากโดนใบสั่งอะป่าวอะจ้า แบบเนี่ยอะ...

ปล2 ..มีความสุขมากๆๆในวันหยุดของการทำงานนะจ้า..




โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 11 มิถุนายน 2548 เวลา:6:55:58 น.  

 
Thank you everyone krab. I think I cannot go to very high status like Police Commissioner krab. I will do my best when I go back to work for my office krab.


โดย: POL_US วันที่: 11 มิถุนายน 2548 เวลา:13:55:34 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.