“A path is made by walking on it.”
Group Blog
 
All blogs
 
Sky Burial: มหากาพย์ความรักจากทิเบต



“ชูเหวินเอนกายลงนอนฟังเสียงสายลม เธอคล้ายได้ยินเสียงของเคอจวินแว่วดังมาจากพุ่มไม้ พร่ำเตือนเธอให้ดูแลตัวเองให้ดี อย่าตากกายอาบน้ำค้างยามค่ำ ให้ระวังกองไฟที่กำลังเผาไหม้ อย่าออกท่องไปที่ใดเพียงลำพัง”   
………...................…….


Sky Burial: An Epic Love Story of Tibet
แต่งโดย เซฺวซินหราน
ฉบับภาษาอังกฤษ พิมพ์ปี 2004

หลังจากกองทัพประชาชนปักหลักอย่างมั่นคงบนผืนแผ่นดินจีน อุดมการณ์คอมมิวนิสต์เฟื่องฟูถึงขีดสุด คนหนุ่มสาวต่างมีปณิธานที่แรงกล้า มุ่งมั่นสรรค์สร้างสังคมในอุดมคติ คนจำนวนมากเก็บข้าวเก็บของมุ่งสู่ไร่นาในชนบทเพื่อบุกเบิกเกษตรกรรม บ้างก็ขึ้นเหนือเพื่อสำรวจหาน้ำมันดิบ บ้างฟันฝ่าป่าเขาเพื่อสร้างเส้นทางรถไฟ

เคอจวินและชูเหวินสองแพทย์จบใหม่ที่กำลังไฟแรง ก็กระตือรือร้นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์เช่นกัน และนั่นเป็นแรงผลักดันให้เคอจวินสมัครเข้าเป็นแพทย์ทหาร ปี 1958 เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกองทัพที่จีนส่งไป “ปลดปล่อย” ทิเบตทางทิศตะวันตก

ในเวลานั้น คู่รักมากมายจำต้องแยกจากกันเพื่ออุทิศตนทำงานให้แก่รัฐการ สตรีทั่วทั้งแผ่นดินจีนต่างเฝ้ารอคอยข่าวคราวจากบุคคลอันเป็นที่รักของตน หญิงสาวรอฟังข่าวจากคนรัก น้องสาวรอคอยพี่ชาย มารดารอคอยพบหน้าลูกชายตน พวกเธอล้วนเฝ้ารอด้วยความโหยหาอาวรณ์

ชูเหวินก็เช่นกัน แต่เธอไม่คาดคิด วันหนึ่งข่าวที่เธอได้รับ จะเป็นข่าวการตายของเคอจวิน สามีที่เพิ่งแต่งงานกับเธอได้เพียงไม่ถึงร้อยวัน

เธอจะยอมรับข่าวร้ายนี้ได้อย่างไร...

ชูเหวินไม่อาจยอมรับ เคอจวินอาจจะตายแล้วจริงๆ แต่อะไรกันเล่าที่เป็นสาเหตุการตายของเขา นี่คือปริศนาที่เธอปรารถนาใคร่หาคำตอบ จิตวิญญาณของเธอแทบโบยบินออกจากซูโจวไปสู่ทิเบต ดังนั้นเธอสมัครเข้าเป็นทหารเสนารักษ์ เข้าร่วมกองทัพเพื่อออกตามหาร่องรอยของเคอจวิน ชูเหวินย่ำเท้าเดินบนวิถีซึ่งเคอจวินเคยกรายผ่าน ราวกับไล่คว้าจับเงาของสามีตนเอง เงาที่นำพาจิตวิญญาณของเธอล่องลอยไป... ไปสู่หนใด ?

ทิเบต... โลกใหม่ซึ่งต่างจากโลกเก่าที่เธอจากมาอย่างสิ้นเชิง

ในทิเบต ชูเหวินเผชิญกับความโหดร้ายของการต่อสู้ ทุกค่ำคืนจะมีทหารตกตายอย่างเงียบเชียบ นักรบชาวทิเบตใช้มีดลอบสังหารเหล่าทหารในกองทัพดุจภูติพรายที่ไล่ล่าดวงวิญญาณ ความตายคล้ายคุกคามชิดใกล้ชูเหวินและผองเพื่อนอยู่ในทุกขณะของลมหายใจ

บ่ายวันหนึ่ง คณะของชูเหวินพบพานหญิงสาวชาวทิเบตทอดร่างอ่อนล้า ลมหายใจรวยรินอยู่กลางทาง ชูเหวินช่วยชีวิตของนางไว้ พอนางค่อยดีขึ้น จึงสอบถามได้ความว่านางชื่อ จัวมา
พวกเธอสนทนากัน คำถามหนึ่งของจัวมาทำให้ชูเหวินต้องนิ่งอึ้ง บังเกิดความสับสนในใจ

“ทำไมเธอจึงละทิ้งบ้านเกิดมาที่นี่เพื่อฆ่าฟันชาวทิเบต?”   

ชูเหวินมายังทิเบตเพื่อเสาะหาร่องรอยการเสียชีวิตของสามี แต่ทางหนึ่งเธอก็ต้องทำงานรับใช้กองทัพปลดปล่อยประชาชน จัวมาเป็นคนแรกที่ทำให้ชูเหวินสำนึกได้ ว่าเธอเองกำลังพลัดหลงอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่เพียงไหน เธอเองก็สงสัย... เคอจวินเคยรู้สึกเช่นนี้หรือไม่!

“สงครามได้ขีดเส้นแบ่งแยกความรักและความเกลียดชังระหว่างผู้คนอย่างชัดเจน”
ความเป็นพวกเขา-พวกเราได้ถูกกำหนดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือการฆ่าทำลายล้างอย่างไม่ลดละ

จัวมาเปรียบเสมือนเพื่อนทางจิตวิญญาณของชูเหวิน ทุกครั้งที่ชูเหวินมองดูจัวมา เธอคล้ายได้เห็นภาพสะท้อนของตัวเธอเอง จัวมาเกิดในครอบครัวชนชั้นสูงของทิเบต นางหลงใหลในวัฒนธรรมจีน และเคยเดินทางไปปักกิ่งและซ่างไห่ ประสบการณ์สัมผัสสองวัฒนธรรมทำให้จัวมามองความขัดแย้งระหว่างจีนและทิเบตด้วยความหดหู่

จัวมาไม่เข้าใจความขัดแย้งระหว่างแผ่นดินเกิดกับแผ่นดินที่เธอใฝ่ฝัน ดังนั้นจัวมาได้แต่จากมา นางหันหลังให้กับความขัดแย้งและการสู้รบ เพื่อมุ่งสู่อิสรภาพ จัวมากับชายคนรักเดินทางมุ่งหน้าตะวันออก ที่หมายคือจีนแผ่นดินใหญ่ ลัดเลาะผาชันหุบเขาสูง ระหว่างทางกลับประสบพายุรุนแรง จนชายคนรักพลัดหายไปโดยไม่ทราบชะตากรรม จัวมาเพียงลำพังแทบไม่สามารถเอาตัวรอดบนวิถีที่โหดร้ายกันดาร กระทั่งกองทหารของชูเหวินผ่านมาพบเข้า จึงเก็บชีวิตที่ตกหล่นของนางคืนมาได้

หลายวันต่อมากองกำลังของชูเหวินปะทะกับนักรบเร่ร่อนชาวทิเบต เสียงปืนดังขึ้นรอบด้าน จัวมาฉุดมือชูเหวินหลบจากอันตราย พวกนางทั้งสองพลัดกับกองทหาร ชูเหวินสิ้นสติไป เมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนเองได้รับการช่วยเหลือจากครอบครัวชาวทิเบต โดยมีจัวมาอยู่ข้างๆ

ในครอบครัวชาวทิเบตเร่ร่อน ที่เดินทางและตั้งเต็นท์ค้างแรมไปเรื่อยๆ ชูเหวินได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวทิเบตอย่างแท้จริง เธอได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดของคู่รักชาวทิเบต พิธีกรรมที่แปลกตา ค่านิยม ทัศนคติ รวมถึงศาสนาที่มีเนื้อหาแตกต่างจากที่เธอเคยรับรู้มาอย่างสิ้นเชิง

ชูเหวินเรียนรู้วิถีชีวิตแบบทิเบตเช่นนั้นเป็นเวลากว่าสามสิบปี เป็นสามสิบปีที่เธอยังคงเฝ้าตามหาข่าวคราวของเคอจวิน จัวมาได้พบกับชายคนรักที่พลัดพรากของนางแล้ว นางให้สัญญากับชูเหวิน ว่านางจะช่วยชูเหวินตามหาเคอจวินให้พบเช่นกัน พวกเธอเดินทางมุ่งหน้าสู่ลาซา ระหว่างทางจึงได้ยินคำกล่าวขานเกี่ยวกับผู้ทรงศีลนามเฉียงปา

ผู้เฒ่าเฉียงปาได้ปรากฏกายขึ้นอย่างลึกลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าท่านเป็นใคร สิ่งที่ทุกคนรู้ก็คือ ท่านมักปรากฏกายที่ริมทะเลสาบจาหลิง ขับร้องลำนำถึงแพทย์หนุ่มชาวจีนที่เอาตัวเข้ายุติศึกระหว่างกองทัพจีนและทิเบต

ผู้เฒ่าเฉียงปาเก็บสัมภาระห่อหนึ่งไว้อย่างดีเสมอมา เป็นห่อสัมภาระของแพทย์หนุ่มชาวจีนชื่อเคอจวิน ท่านตั้งใจหานักเดินทางที่ไว้ใจได้สักคน นำส่งมอบของสิ่งนี้ไปถึงมือของหญิงสาวที่เมืองซูโจว ทว่าหนทางแสนไกล สามสิบปีมานี้กลับไม่มีผู้ใดรับภาระนี้ได้ คิดไม่ถึงวันหนึ่งหญิงสาวจากซูโจวจะเดินทางข้ามฟ้ามาพบท่านเอง เมื่อท่านมอบมันให้แก่หญิงสาวผู้นั้น ความจริงเกี่ยวกับเคอจวินจึงแจ่มกระจ่าง

..........................................................

วันหนึ่งเคอจวินได้ยินเสียงร้องโหยหวนแปลกประหลาดจากบนเนินเขา เคอจวินและหัวหน้ากองพากันออกไปดู ที่นั่นพวกเขาได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ชวนขนพองสยองเกล้า

นกแร้งฝูงใหญ่กำลังลงทึ้งซากร่างของผู้คนอย่างตะกละตะกลาม ในกองซากศพพลันมีร่างหนึ่งกระดิกกายขึ้นในขณะที่นกแร้งถลากรงเล็บเข้าหา เคอจวินไม่รอรี เขารีบชักปืนลั่นไกใส่แร้งตัวนั้นจนร่วงหล่นแน่นิ่งกับพื้น ฝูงนกแร้งกระเจิงหนีไปหมดสิ้น จากนั้นเขารี่เข้าไปฉุดลากเจ้าของร่างนั้นออกมา ที่หลืบหินรอบข้าง ชาวทิเบตกลุ่มใหญ่พากันปรากฏกายขึ้น พร้อมกับมองดูเคอจวินด้วยสายตาโกรธแค้น

เคอจวินกลายเป็นปีศาจชาวจีนที่ขัดขวางพิธีฝังฟ้า* และยังลั่นไกสังหารนกศักดิ์สิทธิ์ที่ทำหน้าที่นำพาดวงวิญญาณสู่สรวงสวรรค์  
พวกเขาเชื่อว่าเมื่อนกศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งถูกยิงตาย นกซึ่งทำหน้าที่ทูตสวรรค์เหล่านั้นจะหนีหายไปและไม่กล้ากลับมาอีก นั่นหมายความว่าต่อไปวิญญาณของชาวทิเบตมีแต่ต้องลงสู่ห้วงนรกเท่านั้น

เจ้าของชีวิตที่เคอจวินช่วยมาได้ก็คือเฉียงปา ทว่าพวกชาวทิเบตต่างโกรธแค้นลุกฮือขึ้นต่อต้านกองกำลังต้นสังกัดของเคอจวิน พวกเขาถูกปิดล้อม ขาดทั้งอาหารและน้ำดื่ม เคอจวินตัดสินใจออกไปอธิบายการกระทำของตนเองต่อชาวทิเบต

เคอจวินวางปืนลงแล้วทรุดกายลงกับพื้น

“ข้าปรารถนาจะไถ่โทษต่อความผิดบาปที่ได้กระทำลงไป โดยใช้ชีวิตของตนเองเพื่ออ้อนวอนให้ทูตสวรรค์กลับคืนมา ตามความเชื่อของพวกท่าน นกศักดิ์สิทธิ์ไม่กินเนื้อปีศาจ หลังจากข้าตายไป ขอให้พวกท่านหั่นศพของข้าออกเป็นชิ้นๆ แล้วจงพิจารณาดูเอง ว่าพวกเราชาวจีนต่างจากพวกท่านชาวทิเบตหรือไม่ หากสวรรค์ส่งนกศักดิ์สิทธิ์ลงมา นั่นย่อมยืนยันว่าพวกเราทั้งชาวจีนและชาวทิเบต ล้วนไม่แตกต่างกันในสายตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสรวงวรรค์”

เคอจวินค่อยๆ ประคองปืนขึ้นมา สายตาเหม่อลอยไกลไปยังทิศตะวันออก ราวกับมองเห็นดวงหน้าของใครบางคนที่เฝ้ารอเขาอยู่ที่สุดขอบฟ้าเมืองซูโจว

เสียงปืนสนั่นขึ้นท่ามกลางความเงียบ

ไม่นานหลังจากนั้น ฝูงนกศักดิ์สิทธิ์ก็พากันมาด้วยจำนวนที่มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผืนดินบนยอดเนินเต็มไปด้วยนกแร้งที่หิวกระหาย “อาจบางทีพวกมันได้รับรู้รสชาติความจริงใจของเคอจวินที่ปรารถนาสันติสุขระหว่างชาวจีนและทิเบต”

พวกชาวทิเบตมองดูเหตุการณ์บนยอดเนินด้วยสายตาแสดงความเคารพอย่างสูงสุด การเสียสละของเคอจวิน ทำให้พวกเขาประจักษ์ว่า แม้แต่ศัตรูอย่างชาวจีนก็สามารถขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้โดยการนำพาของนกศักดิ์สิทธิ์ นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีการรบราระหว่างชาวทิเบตและชาวจีนในเขตนี้อีกเลย

ผู้คนอาจขีดเส้นแบ่งแยกกันเอง ทะเลาะกัน รบรากัน หากแต่สวรรค์หาได้แบ่งแยกผู้คนไม่ แท้ที่จริงในส่วนลึกของจิตใจคน สวรรค์ได้ฝังของสิ่งหนึ่งเอาไว้ เป็นสมบัติล้ำค่าที่ติดตัวเรามาทุกคน นั่นคือความรักยิ่งใหญ่ที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเราเอง

ชูเหวินใช้เวลากว่า 30 ปี ตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆ ในทิเบตด้วยหัวใจเปี่ยมล้นความรักที่มีต่อเคอจวิน และด้วยความรักนี้เองทำให้เธอได้ค้นพบความรักอันยิ่งใหญ่ของเคอจวินที่มีต่อมนุษยชาติ


*   ฝังฟ้า เป็นการอุทิศศพเป็นทานแก่นกแร้ง ถือเป็นการปล่อยวางตัวตน โดยเชื่อว่านกแร้งจะนำพาดวงวิญญาณขึ้นสู่สรวงสวรรค์ 
** เซฺวซินหรานแต่งนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริง




Create Date : 23 เมษายน 2558
Last Update : 25 เมษายน 2558 16:03:44 น. 0 comments
Counter : 848 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Varalbastra
Location :
จันทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




My spirit listens and my yearning eyes
Strain to discover things they may not see.

《Chin Hwa》





..................
Friends' blogs
[Add Varalbastra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.