แม้จะร้าวรานแค่ไหน? ใจดวงเดิมก็ยังแกร่งเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคู่รัก ที่กำลังเจอกับหายนะทางธรรมชาติ ความรักกำลังหมดอายุ ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ขอให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปพร้อมๆกันทุกๆคู่ค่ะ ธรรมชาติเป็นมิตรกับเราเสมอ กลับสู่ธรรมชาติ กลับสู่ทางเลือกที่ดีที่สุด myspace layouts

myspace layouts

lozocat
????????????????????????????????????????????????????????????
Group Blog
 
All blogs
 

บรรยากาศและสถานที่ต่างๆภายในแดนมหามงคล

แดนมหามงคลจ.กาญจนบุรี

"ศาลาบวชใจ" ในดินแดนมหามงคลชัยค่ะ หรือเกาะมหามงคล
อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี


สถานที่แห่งนี้สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นตั้งแต่อยู่บนรถไฟแล้วค่ะ วิวข้างทางฝั่งซ้ายมือก่อนถึงแดนมหามงคลทางรถไฟลัดเลาะไปตามแนวตีนเขา เป็นแม่น้ำและป่าเขียวชอุ่มตลอดแนว มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ตามรายทางนับจากถ้ำกระแซเป็นต้นไป  จนถึงริมแคว ทางรถไฟสายมรณะ สุดสายที่น้ำตกไทรโยคน้อย
(สถานีปลายทาง)

 แค่นั่งรถไฟเที่ยวก็คุ้มแล้วค่ะ

สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแคว

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อสถานธรรมแห่งนี้นึกภาพไม่ออกค่ะว่ามันเป็นเกาะยังไง? ทำไม?เรียกชื่อว่าเกาะมหามงคล  จนกระทั่งวันหนึ่งมีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรมที่แดนมหามงคลแห่งนี้ และมีโอกาสได้ขึ้นเขาสูงที่ประดิษฐานพระเจดีย์มหามงคล 7 ชั้นแล้วมองลงมา จึงได้ถึงบางอ้อว่านี่คือเหตุผลที่เรียกว่าเกาะ เพราะเป็นพื้นที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยแม่น้ำสายเล็กๆทั้งสามด้านคือ ตก เหนือ ใต้ ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำไทรโยคน้อย ส่วนทิศตะวันออกเป็นภูเขาสูง
ถ้าประตูใหญ่ของสถานธรรมตรงสะพานแขวนปิดลง สถานที่แห่งนี้จะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที มีสภาพเป็นเกาะส่วนตัวอย่างที่เห็น

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

ขอบคุณภาพจาก JOIE KOO

ด้านหน้าของศาลา"รักแท้ค่ะ"ศาลาทุกหลังของที่นี่มีตำนานค่ะและค่อนข้างเป็นอุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูยิ่งใหญ่เสมอและเป็นหนึ่งตลอดกาล" มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล "

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

ขอบคุณภาพจาก JOIE KOO

นี่คือด้านหลังของศาลาริมน้ำชื่อ "รักแท้" เป็นที่พักของอุบาสิกา ที่เดินทางมาพักเพื่อถือศีลบวชใจปฏิบัติธรรม ตัวอาคารสูง 3 ชั้น ศาลาทอดยาวขนานกับแม่น้ำไทรโยคน้อยด้านทิศเหนือของพื้นที่ ไม่มีผนังปิดกั้น จุคนได้หลายพันคนทีเดียว สวยยิ่งใหญ่อลังการมากถ้าเทียบกับสถานธรรมอื่นๆตัวศาลาเปิดโล่งทั้งสี่ทิศ ปูพื้นด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ภาพรวมของสถานที่ คะแนนเต็มร้อยให้สองร้อยไปเลย ในเรื่องสิ่งแวดล้อมเกื้อกูลต่อการปฏิบัติธรรม สะอาด ร่มเย็น ร่มรื่น ไปด้วยป่าไม้ แม่น้ำ ภูเขา ห่างไกลชุมชน เป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมาก เพียงแต่ปลูกต้นไม้เพิ่มและมีสิ่งปลูกสร้างที่มีรูปแบบเหมาะกับสถานที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้เกื้อกูลมากขึ้นและเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น บรรยากาศของที่นี่เหนือคำบรรยายมากเลยค่ะไม่ทราบว่าจะเปรียบเทียบกับอะไรดี  ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่งในชีวิต

แดนมหามงคล

ขอบคุณภาพจาก JOIE KOO

ศาลา"รักแท้"เปิดโล่งสี่ทิศอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ นอนกินลมชมดาวจริงๆ ในคืนข้างแรมท้องฟ้าที่นี่เต็มไปด้วยดาวเดือนระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนไกลๆเลยค่ะ มาที่นี่ที่เดียวได้ทั้งพักผ่อนและสะสมบุญบารมีทั้ง 10 ทัศไปในตัว ได้ถือศีล 8 บำเบ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมคือการเสียสระแรงกายทำบ่อบุญให้กับสถานธรรม เดินธุดงค์พร้อมกล่าวคำบริกรรมถวายพระพุทธเจ้า เป็นการฝึดความอดทน ข่มใจออกจากกามชั่วคราวด้วยการถือบวชเนกขัมมะบารมี เว้นจากการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ เป็นต้น มาแล้วไม่ขาดทุนแน่นอน ได้กำไรเป็นบุญกุศลติดตัวไปทุกภพชาติ เรียกว่าสะสมอริยะทรัพย์คือทรัพย์ที่มีคุณลักษณะพิเศษ ไม่มีใครขโมยจากเราไปได้มีแล้วไม่สูญหายไปเหมือนทรัพย์สินอื่นๆทั่วไป

การตั้งจิตอธิษฐานบารมี

บารมี แปลว่า "เต็ม" ซึ่งหมายถึง "การทำกำลังใจให้เต็ม
ทรงอยู่ในใจให้เต็มครบถ้วนบริบูรณ์ไม่บกพร่องทั้ง ๑๐ ประการ" เรียกว่าบารมีสิบทัศ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
๑. ทานบารมี การให้ทานบริจาคทรัพย์เพื่อกิจอันเป็นกุศล
๒. ศีลบารมี การชำระศีลให้บริสุทธิ์การรักษาศีลตามที่ได้ตั้งจิตอธิฐานไว้
๓. เนกขัมมะบารมี การข่มใจออกจากกาม
๔. ปัญญาบารมี เกิดปัญญารู้แจ้งในหลักธรรมคำสอนของพระศาสดา
๕. วิริยะบารมี ความอุตสาหะพากเพียรในกิจอันเป็นกุศล
๖. ขันติบารมี ความอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ไม่พึงประสงค์
๗. สัจจะบารมี รักษาคำมั่นสัญญา
๘. อธิษฐานบารมี การตั้งจิตอธิฐานถึงเหตุอันเป็นกุศล
๙. เมตตาบารมี ให้ความรักและให้อภัย ในเพื่อนมนุษย์และสัตว์
๑๐.อุเบกขาบารมี วางเฉยต่อเหตุไม่พึงประสงค์

แดนมหามงคล


การตั้งจิตอธิษฐานบารมีเป็นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์และถือเป็นเสน่ห์ของที่นี่ค่ะ 

ข้อมูล ณวันที่  1 มกราคม 2557 โดยจุลลา




 

Create Date : 30 มกราคม 2557    
Last Update : 10 กันยายน 2557 0:14:55 น.
Counter : 17949 Pageviews.  

ติดต่อ -การเดินทาง- แผนที่ แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

บรรยากาศแวดล้อมแดนมหามงคลค่ะ

ติดต่อ
สำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล (เกาะมหามงคล)

มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล  ผู้ก่อตั้งและประธาน
สถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติเพื่อสันติภาพ

ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
71150
เลขที่ 149 หมู่ 1 บ้านช่องแคบ

ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคน้อย
โทรศัพท์
08-1862-1757 เบอร์โทรนี้ถูกยกเลิกใช้ไปนานแล้ว 
ที่นี่ไม่มีเบอร์โทรฯให้ค่ะ ไม่ต้องพยายามโทร
ใช้วิธีบอกกันแบบปากต่อปาก
และจากกัลยาณมิตรแนะนำกันเท่า

การเดินทาง

สถานีรถไฟเกาะมหามงคล จากกรุงเทพฯเมื่อรถไฟถึงสถานีวังโพให้เตรียมตัวเลยค่ะเพราะสถานีหน้าถัดไปคือสถานีรถไฟเกาะมหามงคล ป้ายถัดไปอีกเป็นป้ายน้ำตกไทรโยคน้อย พอลงจากรถไฟเดินย้อนกลับมาประมาณ 300 เมตร ก็คือจุดตรวจกระเป๋าของแดนมหามงคล  ก่อนข้ามสะพานไปฝั่งแดนมหามงคล 

จากกรุงเทพฯเมื่อรถไฟถึงสถานีวังโพให้เตรียมตัวเลยค่ะ
เพราะสถานีหน้าถัดไปคือสถานีรถไฟเกาะมหามงคล

การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว

สำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล ตั้งอยู่บนพื้นที่ติดริมแม่น้ำแคว
อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 40 กิโลเมตร

ขับรถมาทาง เส้นไทรโยค กาญจนบุรี ห่างจากรุงเทพประมาณ ๒๒๐ กิโลเมตร ระหว่างทางมีจุดน่าสนใจหลายแห่งค่ะ เช่นวัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
(วัดที่ให้ชมการแสดงเสือฟรี) ถ้ำกระแซ  ไร่องุ่น ร้านกาแฟ ก่อนขับเข้าเส้นทางไทรโยค ตรงจุดแยกที่อำเภอเมือง ควรเติมน้ำมันให้เรียบร้อย เพราะปั๊มน้ำมันดีๆแถวนั้นหายากค่ะ  ก่อนไปถึงสถานธรรมควรหาอาหารทานให้เรียบร้อย เพราะไม่มีร้านขายอาหารเลยค่ะแถวใกล้ๆกับสถานธรรม หน้าเกาะมหามงคล

แผนที่เดินทางไปแดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

แผนที่เดินทางไปแดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

ออกจากนคนปฐมมุ่งหน้ากาญจนบุรี ด้วยทางหลวงหมายเลข 323 ถนนแสงชูโต ผ่าน ม.มหิดลกาญจนบุรี ตรงไปอีก 7 กม. จะเห็นป้ายทางซ้ายมือชัดเจน อีก 4 กม.ก็ถึงแดนมหามงคลค่ะ


แดนมหามงคล

เราสามารถเดินทางโดยขึ้นรถประจำทางหรือรถไฟ ดังนี้
รถไฟสายธนบุรี-น้ำตก จากสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย)ตรงข้าม รพ.ศิริราชทางทิศตะวันตก (ตลาดน้ำร้อน)มีรถไฟไป จ.กาญจนบุรี วันละสองเที่ยวสุดสายที่น้ำตกไทรโยคน้อย เที่ยว 07.50 น. หรือ 13.55 น. ลงรถที่สถานีบ้านช่องแคบชื่อสถานีเกาะมหามงคล ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับแดนมหามงคล คือลงก่อนถึงสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เดินทางโดยรถไฟสะดวกที่สุดค่ะ สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถโดยสาร

สถานีรถไฟบางกอกน้อย ธนบุรี


ควรขึ้นรถไฟรอบเช้าค่ะจะถึงแดนมหามงคลประมาณ 13.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม.เผื่อรถช้าด้วย ถ้าไปรอบบ่ายจะถึง ประมาณสองทุ่ม ซึ่งสถานธรรมปิดแล้วจะหาที่พักลำบากเพราะแถวนั้นตอนกลางคืนเปลี่ยวมากและไม่มีรถเลย

ยืนยันด้วยตารางกำหนดเวลาเดินรถไฟค่ะ เป็นรถไฟฟรีทั้งขาไป-กลับนะค่ะ ยื่นบัตรประชาชนที่ช่องขายต๋ัวแล้วรับตั๋วได้เลยค่ะ

รถโดยสารประจำทาง
นั่งรถ บขส.จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 หรือจะนั่งรถตู้ก็ได้สะดวกทั้งสองทางไปลงที่สถานีที่ขนส่งในอำเภอเมืองกาญจน์
ขึ้นรถโดยสารสาย 8203 กาญจนบุรี-สังขละบุรี  มีรถออกตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกๆ ๔๐ นาที แจ้งว่าลงเกาะมหามงคล ค่าโดยสาร ๔๐ บาท ใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาทีในการเดินทาง จากสถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางประมาณ๔๐ กม. ถึงบ้านช่องแคบ
จากนั้นนั่งรถวินมอเตอร์ไซค์ (ติดต่อที่ร้านขายของแถวนั้น) เข้าไปหน้าเกาะอีกระยะทางประมาณ ๔ กม.ค่ะค่ารถ ๔๐ บาท รถบัสส่งแค่ถนนใหญ่เท่านั้น 
สะดวกที่สุดต้องเดินทางโดยรถไฟเท่านั้นค่ะ

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

ระหว่างเดินย้อนกลับจากสถานีรถไฟเพื่อมาข้ามสะพานเข้าแดนมหามงคล ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่จะนั่งรถไฟมาค่ะ ลงรถไปก็เดินเข้าเขตสถานธรรมเลยค่ะ

จุดตรวจกระเป๋าจุดที่ หนึ่ง พร้อมกับต้องฝากอุปกรณ์สื่อสารกล้องถ่ายรูปทุกชนิดไว้ที่นี่  ตรงเค้าเตอร์ในศาลาไทยค่ะ

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

หลังจากผ่านจุดที่หนึ่งแล้ว เดินตรงข้ามสะพานแวะเข้าศาลาอภัยทาน สุดสะพานเลี้ยวซ้ายตรงเข้าไปเลย เป็นจุดที่สองสำหรับลงทะเบียน พร้อมกับอาบน้ำเปลี่ยนชุดตรงจุดนี้เลย ขาดเหลืออะไรก็ซื้อได้ที่ร้านสวัสดิการ ที่อยู่ในอาคารเดียวกัน

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

ศาลามหาบุญ สำหรับประกอบศาสนกิจต่างๆ ของผู้มาปฏิบัติธรรม

แดนมหามงคล

ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2557 โดยจุลลา 




 

Create Date : 29 มกราคม 2557    
Last Update : 10 กันยายน 2557 0:11:37 น.
Counter : 14458 Pageviews.  

กฏระเบียบระหว่างอยู่ปฏิบัติธรรมและตารางวัตรปฏิบัติของ แดนมหามงคล

แดนมหามงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

ขอบคุณภาพจาก J0ie Koo 
ชั้นสองของศาลามหาบุญ ตั้งจิตอธิฐานบวชใจต่อหน้าพระพุทธรูปปางประธานพรที่นี่ก็ได้ แล้วแต่สะดวก อาราธณาศีล 8 จบแล้วเป็นอันเสร็จพิธี ต่างคนต่างทำหรือจะรวมกันเป็นหมู่คณะก็ได้ ถ้ามาด้วยกัน

แดนมหามงคล

เวลาเปิด-ปิดของแดนมหามงคลค่ะ 

  เช้าเปิด   08.00-11.00 น. 

  บ่ายเปิด  12.00 -17.00 น. กรุณามาให้ถึงสถานธรรมก่อน 17.00 น.ค่ะ

บุคคลผู้ไม่รับพิจารณาให้มาปฏิบัติธรรม
1. บุคคลผู้ที่มีจิตวิปลาสคลาดเคลื่อน ขาดสติสัมปัญชญญะ
2. บุคคลผู้ติดยาเสพติด
3. บุคคลผู้ต้องคดีอาญา
4. บุคคลผู้ที่มีโรคติดต่อร้ายแรง
5. ผู้สูงอายุที่ดูแลตัวเองไม่ได้

แดนมหามงคล
หลังจากทำตามกฏข้อที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ก็เดินข้ามสะพานเข้าแดนมหา
มงคลชัย ต่อด้วยกฏข้อที่ 2 ตามลำดับค่ะ

ข้อกฏระเบียบปฏิบัติเมื่อไปถึงสถานธรรม

1.ก่อนข้ามสะพานไปฝั่งแดนมหามงคล เป็นจุดตรวจกระเป๋าด้วยเครื่องสแกน และเปิดกระเป๋าให้ดูข้างในด้วย พร้อมฝากโทรศัพท์มือถือ,กล้องถ่ายรูป,กล้องวีดีโอ ปกรณ์สื่อสารทุกชนิดห้ามนำเข้าไปในสถานธรรมเด็ดขาด หากตรวจเจอในด่านที่ 2 ก่อนเข้าที่พักจะถูกเชิญกลับในทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น(ในช่วงเทศกาล)

2.ลงทะเบียนโดยใช้บัตรประชาชน อนุญาตให้พักปฏิบัติธรรมได้ครั้งละ ๓ วัน หลังจากอยู่ครบตามกำหนดแล้ว  มาขออนุญาติเพิ่มวันอยู่ต่อได้อีกถ้าต้องการอยู่ต่อ

3.นำสำเนาใบลงทะเบียนเข้าไปแจ้งในจุดที่สองหน้าที่พัก ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำค่ะ (จะบอกว่าพักที่ไหน เดินไปอย่างไร)

4.เมื่อถึงอาคารที่พัก ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ อ่านคำแนะนำเรื่องการมาพักบำเพ็ญ  เจ้าหน้าที่จะขอเก็บโทรศัพท์ค่ะ ดังนั้นควรจัดการธุระทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนฝากโทรศัพท์ จะได้มาปฏิบัติอย่างสบายใจไร้กังวล (ในเวลาปกติที่ไม่ใช่เทศกาล)

5. ที่นี่ลงทะเบียนเข้าปฏิบัติฯได้ทุกวัน ไม่ต้องจอง ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีห้องพักส่วนตัว ทุกคนเสมอภาคกัน  พักรวมนอนเรียงกันบนศาลาใหญ่  ที่นี่ไม่มีเบอร์โทรฯให้ค่ะ ไม่ต้องพยายามโทร ใช้วิธีบอกกันแบบปากต่อปาก และจากกัลยาณมิตรแนะนำกันเท่านั้น

6.ไม่มีตู้บริจาคเหมือนวัดทั่วไป แต่ถ้าเรามีความประสงค์จะทำบุญในวันที่จะกลับจะมีพานให้ใส่เงินบูชาธรรมตามแต่กำลังศรัทธา หรืออยากเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารผู้ปฏิบัติธรรมก็แจ้งความประสงค์ได้ที่เจ้าหน้าที่

7.เอากระเป๋าสัมภาระไปวางจองที่นอน เอาผ้าขาวที่เตรียมมาคลุมไว้ให้เรียบร้อย ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดตามระเบียบของสถานที่ หรือจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดตรงจุดลงทะเบียนครั้งแรกก็ได้ค่ะ จุดที่มีร้านสวัสดิการ เรียกว่าศาลาอภัยทาน มีห้องน้ำอุบาสก-อุบาสิการองรับ สะดวกทุกจุดค่ะ

8.ไปอธิษฐานบวชที่ศาลาบวชใจหรือศาลามหาบุญก็ได้ อาราธนาศีล 8 เองได้เลยค่ะ เปิดดูในหนังสือสวดมนต์ของสถานธรรมเสร็จแล้วกลับมาที่พัก ถามเจ้าหน้าที่ว่าขณะนี้กลุ่มปฏิบัติอยู่ที่จุดไหน แล้วตามหมู่คณะไปเลยค่ะ

แดนมหามงคล
ศาลาหลังนี้ชื่อว่า"ศาลบวชใจ"ค่ะ มาตั้งจิตอธิฐานบวชใจต่อหน้าองค์พระพุทธชินราชจำลอง สมาทานศีล 8 หรือุโบสถน์ศีลที่นี่ การบวชไม่มีพิธีรีตองอะไรมากมายไม่เน้นพิธีกรรม



มาตั้งจิตอธิฐานบวชใจต่อหน้าองค์พระพุทธชินราชจำลอง สมาทานศีล 8
หรือุโบสถน์ศีลที่นี่ การบวชไม่มีพิธีรีตองอะไรมากไม่เน้นพิธีกรรม

นี่คือเหตุผลที่ต้องตรวจกระเป๋าถึงสองรอบค่ะ ที่นี่เคร่งครัดมาก 
ถ้าตรวจเจอในด่านที่สองจะถูกเชิญกลับในทันที

สิ่งที่ผู้ปฏิบัติต้องเตรียมมาด้วย มีดังต่อไปนี้

1.ร่ม  มีให้ยืม แต่เอาไปด้วยดีที่สุดค่ะ เพราะถ้าฝนไม่ตก แดดก็ออกอยู่ดีแดดจัดด้วยในเวลากลางวัน แต่กลางคืนอากาศเย็นจัดจนต้องนอนคลุมโปง

2. กล่องใส่ข้าว ช้อน แก้วน้ำ  ที่นี่จัดอาหารเช้าให้ 1
มื้อเท่านั้น แต่เราสามารถตักเก็บไว้ทานเวลาฉันท์เพลได้ (มื้อก่อนเที่ยง) กล่องข้าวแก้วน้ำส่วนตัว ถ้าไม่เตรียมไปที่ร้านสวัสดิการมีขายค่ะ จัดให้สองมื้อเฉพาะช่วงเทศกาลทีมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง
เพราะผู้ปฏิบัติจะหลั่งไหลมาเยอะมาก หลายพันคนโดยประมาณ

3 .ไฟฉายสำคัญมาก เพราะอาคารที่ทำกิจกรรมแต่ละหลังปลูกอยู่ห่างกัน ได้ใช้แน่นอน โดยเฉพาะเวลาเดินธุดงค์หลังทำวัตรเช้า เวลา 05.00 น. ของทุกวัน

4.  รองเท้าใช้แบบสวมสบายๆ ไม่เน้นสวย หรือรองเท้าแตะก็ได้ มีรองเท้าธุดงค์ขายค่ะราคา 100 บาท ไม่ซื้อก็ได้แต่ต้องเดินเท้าเปล่าเวลาเดินธุดงค์เพราะสถานธรรมแห่งนี้เน้นการเดินธุดงค์ค่ะ เจ็บเท้ามากเพราะเป็นถนนลูกรัง  ต้องเขียนชื่อติดรองเท้าด้วยค่ะ เพราะใส่ผิดประจำ บางทีก็หายไปเลย


5. หมอน ผ้าห่มต้องเอามาด้วยทุกครั้ง มีเสื่อให้ เพื่อไม่เป็นการแพร่เชื้อโรค
และเป็นภาระมากในการทำความสะอาดสำหรับอุบาสิกาที่เป็นเจ้าหน้าที่

6. มีชุดขาว,สไบ ให้เช่าหรือซื้อใส่ปฏิบัติธรรม เสื้อ 130 สไบ 100 ผ้าถุง 200 บาท   เสื้อขาวของที่นี่ต้องยาวสุดแขน แขนสามส่วนแบบทั่วไปใช้ไม่ได้ ถือว่าผิดกฏค่ะ ถ้าเตรียมมาผิดต้องซื้อใหม่เท่านั้น ควรมีอย่างน้อย 3 ชุด เสื้อมีหลายราคาขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและยี่ห้อ  ราคา ณ วันที่ 31 มค. 2557  


7.ของใช้ส่วนตัวสำหรับอาบน้ำทุกอย่าง  มีห้องน้ำเพียงพอสำหรับทุกท่านค่ะ อาบด้วยฝักบัว ส้วมเป็นชักโครกบางส่วน พื้นปูหินอ่อนอยางดี

8.
ยา,เจล ครีมทากันยุง ยุงมีบ้างปะปรายใช้ขนาดเล็กก็พอ ถ้าเป็นแบบสเปรย์จะสะดวกกว่า

9. ถุงพลาสติก สำหรับใส่เสื้อผ้าส่งซัก เขียนชื่อติดพร้อมใส่ค่าซักไปด้วยชิ้นละ 5-10
บาท สำหรับผู้พักอยู่นานที่ต้องส่งชุดซักประจำ

10.
ที่นี่ไม่อนุญาตให้ซักเสื้อผ้าทุกชนิด พราะไม่มีที่ให้ตากและป้องกันการสูญหาย

11.สำหรับผู้ไปพักน้อยวันควรเตรียมชุดไปให้พอใช้ สะดวกกว่าจะได้ตัดปัญหาจุกจิกไป


12. ผ้าคลุมกระเป๋า (ผ้าสีขาว) ไว้คลุมสัมภาระให้ดูเรียบร้อย (ไม่มีก็ได้)

13.ผ้าคลุมผม สำหรับกันแมลงตอมหูเวลาเดินธุดงค์ในป่าค่ะ (ควรมี) สีขาวค่ะ ที่นี่มีขายด้วยค่ะ


 14.สุขภาพต้องแข็งแรงพร้อมก่อนไปค่ะ หากมีโรคประจำตัวควรนำยาไปด้วย ถ้าเป็นโรคภูมิแพ้อากาศต้องใส่หมวกเวลาอากาศเย็นจัดในศาลา ต้องนั่งหลังสุดและแจ้งแม่ชีที่ดูแลให้ทราบด้วย จะได้ไม่ถูกเตือนบ่อยๆ ป้องกันการเกิดวิวาทะ ปฏิคะทางใจ เพ่งโทษกันและกัน ทำให้จิตเศร้าหมองขณะปฏิบัติธรรม ควรเตรียมป้ายติดหน้าอกไปด้วยค่ะ ว่าผู้ป่วยภูมิแพ้ เหมือนป้าย พนง.บริษัททั่วไป

15.หนังสือสวดมนต์ ไม่ต้องเตรียมไปเพราะแต่ละสถานธรรม กำหนดบทสวดมนต์ไม่เหมือนกัน มีหนังสือให้ยืมใช้ระหว่างอยู่ปฏิบัติ หรือจะซื้อไว้เองก็ได้

16. ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มสำเร็จรูปแบบ 3 in 1 ใครชอบทานแบบไหนก็เอาติดมาด้วย ถ้ารู้สึกหิวช่วงดื่มน้ำปานะ ที่นี่มีจัดให้แต่ไม่ค่อยพอ วางแป็บเดียวหมดๆ เอามาด้วยดีที่สุดค่ะ

17. ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศเย็นมากลมแรงด้วย โดยเฉพาะเวลาเช้า-เย็น
     กลางหุบเขาลมแรง ให้เตรียมเครื่องกันหนาวมาด้วย เช่นหมวก, ผ้าคลุมไหล่  เสื้อกันหนาวแบบหนาๆเลยค่ะ ทิศตะวันออกของสถานธรรมเป็นภูเขาสูง มีสภาพอยู่กลางป่าเขาจริงๆ อากาศจึงเย็นมาก ต้องใส่เลคกิ้งตลอดเวลาแล้วใส่กระโปรงทับอีกที หรือใส่ลองจอนส์ก็ได้

กกเหล็กเพิ่มเติมค่ะ

 -ห้ามข้ายสินค้าเครือข่ายสมาชิกและติดต่อ ธุรกิจทำการค้า ทุกชนิด
  เพื่อป้องกันมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหลอกลวง ต้มตุ๋น ผู้ปฏิบัติธรรม

-ในศาลาขณะสวดมตนต์ไม่อนุญาติให้ใส่หมวกทุกกรณี ถือว่าเรากำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและเป็นการไม่ให้เกียติ์สถานที่

-เวลาเดินไปรับอาหารที่ศาลามหาทานห้ามสวมรองเท้า  อนุโลมเฉพาะผู้ที่เจ็บเท้าเท่านั้น แต่ต้องเดินหลังสุดของแถว ที่นี่มีโอ่งน้ำให้ล้างเท้าทุกจุดเข้า-ออกของศาลา ไม่ต้องกังวลเรื่องเท้าเลอะ

-เวลาเดินธุดงค์ ห้ามใส่รองเท้า เว้นแต่เป็นรองเท้าสำหรับเดินธุดงค์เท่านั้น รองเท้ามีขายที่ร้านสวัสดิการ

- ไม่อนุญาติให้ขึ้นเขาคนเดียว ควรขึ้นไปเป็นหมู่คณะ ตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป และต้องลงทะเบียนก่อนขึ้น-ลงทุกครั้ง ทั้งสองจุด สำหรับผู้ที่จะขึ้นเขางดทำบ่อบุญได้ในวันที่จะขึ้น เริ่มเวลา 08.00 -16.00 น.และต้องลงมาให้ทันทำวัตรเย็น
อนุญาติให้ขึ้นเขาได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และเทศกาลเท่านั้น

- คำแนะนำเพิ่มเติมค่ะสำหรับคนที่จะขึ้นเขาพระเจดีย์ 7 ชั้นไม่ควรขึ้นในวันแรกที่มาถึงค่ะเพราะว่าสูงมาก บันได 1200 กว่าขั้นเพราะหลังจากลงมาแล้วจะทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตึงไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะขา เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมมาก ควรขึ้นในวันสุดท้ายก่อนกลับ ถึงบ้านแล้วจะได้พักผ่อนไม่ต้องกังวล

- ห้ามนำอาหารทุกชนิดขึ้นไปกินบนเขาสูง พระเจดีย์ 7 ชั้นเอาขึ้นได้เฉพาะน้ำดื่มเท่านั้น

- สไบของที่นี่ห้ามนำไปใช้กับสถานธรรมอื่นเด็ดขาด เพราะแต่ละที่มีกฏไม่เหมือนกัน จะถูกตำหนิได้ เพราะสถานธรรมทั่วไปถือว่าเป็นผ้าครองของผู้ออกบวชแบบปลงผมเท่านั้น แต่ที่นี่อนุญาติให้ใช้

-ห้ามคุยกันเสียงดังในขณะพักผ่อนในศาลาที่พัก โดยเฉพาะเวลานอน

-สำหรับผู้มาใหม่ที่ยังไม่ได้อธิฐานจิตบวชใจ ถ้ารู้สึกหิวจะทานขนมขบเขี้ยวกับเครื่องดื่ม ให้ถอดสไบออกก่อน ถ้าคนอื่นเห็นจะถูกตำหนิได้และเป็นแบบอย่างไม่ดีให้คนอื่นๆทำตาม

-ในระหว่างพำนัก แม้จะลาศีลแล้วก็ไม่ควรใส่กางเกง ใส่กระโปรงไปก่อน ก่อนเดินทางกลับค่อยเปลี่ยนแล้วออกไปเลย(อุบาสิกา)

-ก่อนมาถึงสถานธรรมควรทานอาหารมาให้พร้อม  จะได้ไม่หิวตอนเย็น บริเวณใกล้ๆสถานธรรมไม่มีร้านอาหารให้บริการ ควรมีขนมขบเขี้ยวติดกระเป๋ามาบ้าง
ไว้แก้ขัดในยามคับขัน

-ท่านที่จะเดินทางกลับเช้ามืดในวันรุ่งขึ้นให้แจ้งความประสงค์ไว้ตั้งแต่ตอนเย็น
กับเจ้าหน้าที่  ที่ดูแลที่พักพร้อมแจ้งเบอร์ฝากโทรศัพท์เพื่อรับคืนในตอนเช้า
เจะได้ไม่ฉุกละหุในตอนเช้า


มุมมองจากบนเขา ขวามือริมฝั่งน้ำคือสิ่งปลูกสร้างของแดนมหามงคล เป็นเขตห้ามเข้า

สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมสถานธรรม
และขึ้นเขาเพื่อไปกราบนมัสการพระเจดีย์มหามงคล 7 ชั้น
มีกฏปฏิบัติดังต้อไปนี้

ผู้หญิง ควรสวมกระโปรงยาวสีขาวไม่บาง ไม่รัดรูป เสื้อสีขาวแขนยาว ไม่รัดรูป

ผู้ชาย ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีสุภาพ เอิร์ธโทนค่ะ ไม่ควรใส่สีฉูดฉาด


แต่ถ้าไม่มีทางสถานธรรมมีชุดขาวให้ยืมใส่ชั่วคราว โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วแต่เราจะทำบุญตามศรัทธา
ผม- อุบาสิกาต้องมัดรวบผมให้เรียบร้อยค่ะ

ตารางวัตรปฏิบัติมีดังนี้ค่ะ

ใช้เสียงระฆังแห่งสติค่ะสำหรับทุกกิจวัตร

1. ตีระฆังเรียกตื่น เวลา 03.30 น.  ตื่นนอนทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย

2. ทะยอยขึ้นศาลาเพื่อเพื่อเตรียมความพร้อม เวลา 04.00 น.ทำวัตรเช้า

3. เดินธุดงค์ เวลา 05.00 น.


4. พักดื่มน้ำปานะ พักผ่อนตามอัธยาศัย เวลา 06.00-06.45 น.

5. เวลา 06.45 เตรียมจัดแถวเดินไปศาลามหาทาน  เพื่อทานมื้อเช้า

6. ทานมื้อเช้า เวลา 07.30 -08.30 น.

7. เวลา09.00-11.00 น. ปาวารณาตัวเองทำบ่อบุญที่ได้ตั้งสัจจะไว้ 

เช่น ทำความสะอาดหอฉันท์  ที่พัก  ห้องน้ำ ศาลาบวชใจ กวาดใบไม้ฯ

ทุกคนต้องเลือกทำบ่อบุญหนึ่งอย่าง แม่ชีจะประกาศหลังทำวัตรเย็นทุกวัน

ว่าจุดไหนต้องการแรงงานกี่คน

8. เวลา 11.00 น. พักทานอาหารก่อนเที่ยง สำหรับท่านที่ทานสองมื้อ

9. เวลา12.00- 13.30 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

10. เวลา13.30-14.30 น. เดินธุดงค์ไปตั้งจิตอธิฐานตามสถานที่ต่างๆใน

แดนธรรมและฟังธรรมของแม่ในแดนธรรม

11.เวลา  14.30-16.00 น. พักผ่อนทำกิจส่วนตัว

12. เวลา 16.00-18.00 น. เข้าแถวเตรียมตัวเดินธุดงค์รอบเย็น

13.  เวลา 18.00 -20.00 น. ทำวัตรเย็น

14. เวลา 20.00-21.30 น. เดินธุดงค์อธิฐานจิตขอพรรอบต้นพระศรีมหา

โพธิ์ ใกล้ๆที่พักตามอัธยาศัย

15. เวลา 21.30 น. พักผ่อน เข้านอน

ติดต่อ
สำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล (เกาะมหามงคล)

มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล  ผู้ก่อตั้งและประธาน
สถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติเพื่อสันติภาพ

ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
71150
เลขที่ 149 หมู่ 1 บ้านช่องแคบ

ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคน้อย
โทรศัพท์ 08-1862-1757 เบอร์โทรนี้ถูกยกเลิกใช้ไปนานแล้ว 
ที่นี่ไม่มีเบอร์โทรฯให้ค่ะ ไม่ต้องพยายามโทร
ใช้วิธีบอกกันแบบปากต่อปาก
และจากกัลยาณมิตรแนะนำกันเท่า


แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

มุมมองจากบนเขาพระเจดีย์ค่ะ

ข้อมูล ณ วันที่ 1 มค. 2557 โดย จุลลา

 




 

Create Date : 29 มกราคม 2557    
Last Update : 10 กันยายน 2557 0:26:31 น.
Counter : 33573 Pageviews.  

ประวัติของสถานธรรม-มหาอุบาสิกาบงกช

แดนมหามงคล จ.กาญจนบุรี

นี่คือศาลาบวชใจค่ะ สิ่งปลูกสร้างทุกอาคารของที่นี่มีชื่ออันป็นมงคลทั้งนั้น


ประธานและผู้ก่อตั้ง สำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล (เกาะมหามงคล)
คือ มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล
สถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติเพื่อสันติภาพ
เลขที่ 149 หมู่ 1 บ้านช่องแคบ ก่อนถึงน้ำตกไทรโยคน้อย

ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
71150
โทรศัพท์ 08-1862-1757 เป็นเบอร์โทรในอตีดค่ะปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว ประชาสัมพันธ์ที่นี่ไม่ใช้โทรศัพท์ค่ะ ข้อมูลทุกอย่างต้องบอกกันปากต่อปากเท่านั้น มีกัลยาณมิตรแนะนำกันเองค่ะ

ศาลามหาบุญค่ะ สำหรับทำวัตรเช้า-เย็น และศาสนกิจอื่นๆ ชั้นล่างสำหรับเป็นที่   พักของอุบาสิกา ผู้มาบวชใจค่ะ (บวชเนกขัมมะ) แต่ที่นี่เรียกว่าบวชใจค่ะ

อุบาสิกา บงกช สิทธิผล
มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล
ประธานและผู้ก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล(เกาะมหามงคล
)
ท่านสละทางโลกตั้งแต่อายุ
29 ปี ปัจจุบันอายุ 60 ปี (เมื่อปี พ.ศ. 2557)
ท่านหน้าตาเหมือนคนอายุ 50 ต้นๆ เท่านั้น


ประวัติของท่านมหาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล  พอสังเขป

อุบาสิกาบงกช สิทธิพลหรือที่ลูกศิษย์เรียกท่านว่า "คุณแม่ในแดนธรรม"นั้น
เดิมท่านเป็นคฤหัสถ์ ท่านเล่าประวัติของท่านเพียงคร่าวๆดังนี้ ในอดีต ท่านเป็นเจ้าของร้านเสริมสวย เป็นอดีตภรรยาปลัดอำเภอ มีบุตรชายทั้งหมด 3 คน ท่านประสบความสำเร็จในการครองเรือนคือ ได้ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดี มีความสามารถเป็นเจ้าของโรงเรียนเสริมสวย เป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว

              ขณะที่ใช้ชีวิตทางโลก ได้ศึกษาธรรมะและได้พิจารณาถึงความตายอยู่เนืองๆ เพราะมีคนตายถูกหามผ่านหน้าหน้าโรงเรียน เพื่อเอาศพไปไว้ที่วัดเป็นประจำ จึงเกิดคามสลดสังเวชในความไม่แน่นอนของชีวิต หลังจากนั้นได้
เริ่มปฏิบัติธรรมในเรือนและเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยทำที่หน้าที่ทางโลกไปพร้อมกันโดยไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด

จนท่านเริ่มเข้าใจธรรมะมากขึ้นเพราะการปฏิบัติจริงและเข้มงวด เมื่อว่างการงานก็จะหามุมสงบนั่งสมาธิ ออกป่าบ้าง และได้แนะนำธรรมะแก่บุคคลใกล้ตัว จนที่บ้านเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ

หลังกลับจากไปธุดงค์ในป่าที่จ.กาญจนบุรี(ไปกับผู้ติดตามเป็นผู้หญิง3 คน) ซึ่งสมัยนั้นอันตรายมาก อดีตสามีของท่าน คิดว่าอาจไม่ได้เจอท่านอีก ตอนนั้นท่านอายุ 29 ท่านได้กราบขออนุญาตสามีออกบวชเพื่อขอปฏิบัติธรรมะแบบเต็มที่
เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อศึกษาธรรมะปฏิบัติของสมเด็จบรมพระศาสดา

สามีท่านก็อาลัยรัก แต่ก็อนุญาต ขอเพียงจับปลายผมท่าน แล้วประกาศยกท่านให้กับพระพุทธศาสนา ท่านลาลูกแก้วลูกขวัญของท่าน และบอกว่าจะน้อมบุญที่ท่านได้ปฏิบัติอย่างเต็มกำลังอธิษฐานให้ทุกคน

ลูกๆทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ และปลอดภัย มีลูกศิษย์ที่เคารพรักท่าน รับอาสาเลี้ยงลูกทั้งสามคน จนบัดนี้เติบใหญ่ ได้บวชเป็นพระ และบ้างก็ช่วยเหลือการงานของมารดาอยู่ที่ประเทศอินเดีย

เมื่อท่านลาสามีมา ก็ยังคงถือเพศฆราวาสอยู่ รักษาศีล ๘ ไม่ปลงผม
เพราะพิจารณาว่า หากปลงผมแต่ไม่ปลงใจ ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
เพราะการปฏิบัติสำคัญอยู่ที่ใจ คือต้องบวชใจให้ได้ก่อน ไม่ใช่บวชด้วยการครองผ้าหรือรูปแบบพิธี ดังนั้นท่านจึงไม่ได้ถือเพศนักบวช ยังคงเป็นมหาอุบาสิกา
อยู่จนถึงปัจจุบัน


ต่อมาพระสงฆ์รูปหนึ่งได้บริจาคที่ดิน ในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เดิมเป็นป่ารกร้าง เสื่อมโทรม มีแต่กอไผ่ตาย ท่านก็ได้พัฒนาเพื่อให้เป็นที่พักอาศัยกับผู้ติดตามออกบวชตลอดชีวิตเพียงกลุ่มเล็กๆ เนื่องจากไม่สามารถบิณฑบาตรได้ (เพราะไม่ใช่เพศบรรพชิต) ก็มีลูกศิษย์ติดตามมาทำอาหารถวาย และจัดหาสถานที่ให้อาศัยอยู่ตามเรือนแพเล็กๆ ตัวท่านก็อยู่ตามภูเขาอาศัยเพียงแต่กลด การปฏิบัติเคร่งครัด มีศีลานุวัตรจริง จนเป็นที่เคารพและเลื่องลือ

คุณแม่บงกชบวชใจเรื่อยมา จนบรรลุธรรมท่านมีศีลบริบูรณ์ มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย  ละความเป็นอัตตาของตนลงได้ไม่มีทิฐิเหลืออยู่เลย

มีหลายคนตามมาพิสูจน์ความจริง เมื่อเห็นการปฏิบัติของท่านก็ยิ่งศรัทธาและเลื่อมใสท่านมาก ขอออกบวชตาม แต่ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอ ก็เลยมีผู้ศรัทธาร่วมสร้างโรงเรือน จากเล็กมาเป็นใหญ่ตามจำนวนผู้มาปฏิบัติฯที่มากขึ้นทุกวัน
เพราะลูกศิษย์ท่านมีมากมาย เฉพาะที่อยู่ประจำออกบวชตลอดชีพ ประมาณ 500 ท่านทั้งในประเทศไทยและประเทศที่อินเดีย สำหรับผู้ที่เดินทางมาปฏิบัติชั่วคราว มีหลายหมื่นคน รวมทั้งจากต่างประเทศด้วย

         เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการปฏิบัติจริง ,ศีลและความดีของท่านเป็นที่เลื่องลือไปไกล ท่านเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา แต่จิตใจมีคุณธรรมสูงจนผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายเรียกท่านว่า "คุณแม่ในแดนธรรม" เพราะอาศัยการที่ท่านมีความเมตตาดังมารดา และคุณธรรมของท่านที่มีความเป็นอริยะ

มหาอุบาสิกาบงกช สิทธิผล

อุบาสิกาบงกช สิทธิพล ขณะรับปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี 2549 จากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) สมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศฯ

ผลงานและเกียรติคุณดีเด่น 
             1. ท่านได้สอนวิปัสสนากรรมฐานโดยไม่ให้จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา มีลูกศิษย์ทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนมาก โดยใช้สถานที่ปฏิบัติธรรมแดนมหามงคลเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอุบาสิกาบงกช ได้สร้างผลงานจนเป็นที่รู้จักกันในนานาประเทศ โดยเคยรับเชิญไปแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่องเกี่ยวกับสันติภาพโลก ที่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2548
               2. ได้รับปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี 2549
เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถกอปรด้วยคุณงามความดี ได้บำเพ็ญคุณูปการแก่การศึกษา พระพุทธศาสนา สังคม และประเทศชาติ เป็นอเนกประการ ควรแก่การยกย่องประกาศเกียรติคุณ ดังนี้ด้านพุทธศาสนา ได้ตั้งสถาบันเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ชื่อสถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติเพื่อสันติภาพ ณ แดนมหามงคล บ้านช่องแคบ ตำบลวังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

แดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก ณ เมืองสาวัตถี

3. ได้ก่อสร้างแดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก ณ เมืองสาวัตถี
รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตั้งโครงการสมทบทุนสร้าง บูรณปฏิสังขรณ์
วัด สำนักปฏิบัติธรรม มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง
2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย รวมทั้ง มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก และพระพุทธศาสนานานาชาติ

แดนมหามงคลชัยสันติภาพโลก ณ เมืองสาวัตถี

บำเพ็ญสาธารณประโยชน์
สนับสนุนอุปถัมภ์สถานีอนามัย โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดกาญจนบุรี และอีกหลายแห่งในจังหวัดสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี สมทบทุนกับโรงพยาบาลต่างๆ เช่น ร.พ.ศิริราช ร.พ.จุฬาลงกรณ์ ร.พ.ศรีธัญญา รพ. อำเภอไทรโยค และ รพ.พหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี
 เป็นต้น

แดนมหามงคลชัย ที่ประเทศอินเดีย

ประวัติของท่านมกาอุบาสิกาบงกช สิทธิพล โดยละเอียด
ท่านสามารถหาซื้อหนังสือชีวประวัติของท่านได้ที่สำนักปฏิบัติธรรมแดนมหามงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

งานด้านสังคม

มอบสถานที่สถาบันพัฒนาจิตบวชใจนานาชาติ สำหรับฝึกอบรม ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และผู้สนใจทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา เกียรติคุณพิเศษ รับรางวัลสตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนาแห่งโลก จากองค์การสหประชาชาติ รับไตรปิฏกดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ประเทศอินเดีย รับรางวัล
“ดร. อัมเบดการ์นานาชาติเพื่อสันติภาพ” รับเกียรติคุณสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ฝ่ายสตรี
“อัครมหาศิริสุธรรมาสินกิ” สหภาพเมียนมาร์ รับเกียรติคุณมหาอุบาสิกาผู้ทรงเกียรติคุณสูงสุดในพุทธจักร  จากประเทศศรีลังกา และรับมหาอิสริยยศเหรียญทองเกียรตินิยมสูงสุดจากประเทศกัมพูชา


แดนมหามงคล

 คำอวยพรที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของแดนมหามงคลชัย

                      ข้อมูล ณ วันที่ 1 มกราคม 2557 โดย จุลลา




 

Create Date : 28 มกราคม 2557    
Last Update : 8 กันยายน 2557 21:03:49 น.
Counter : 52204 Pageviews.  


Jullaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีค่ะชาวบล็อคแก๊งที่น่ารักทุกท่าน ว่างๆก็แวะมาทักทายกันบ้างนะค่ะ โดยเฉพาะสาวยุคใหม่หัวใจอินเทรนด์
ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพหัวใจและผิวพรรณเป็นพิเศษ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายและเยี่ยมชมค่ะ

ขอบคุณค่ะท่แวะเข้ามาเยี่ยม ถ้าบทความไหนอ่านแล้วประทับใจอย่าลืมให้ทิปด้วยนะค่ะ เงินทุกบาทที่ได้จะร่วมสมทบทุนซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร ได้ทำบุญร่วมกันค่ะ ขอบคุณค่ะ
New Comments
Friends' blogs
[Add Jullaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.