Group Blog All Blog |
ทริปอียิปต์เหนือจรดใต้ วันที่ 1 ASWAN (Aswan Dam/ Philae Temple/ Granite Quarry)
ทริปอียิปต์เหนือจรดใต้ วันที่ 1 ASWAN (Aswan Dam/ Philae Temple/ Granite Quarry) วันที่ 1 ASWAN (Aswan Dam/ Philae Temple/ Granite Quarry) - กว่าเครื่องจะถึงที่หมายก็10 โมงกว่าแล้ว ที่แรกที่ไปคือ Aswan Dam เขื่อนอัสวาน เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์และใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เขื่อนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ โดยมีแนวส่งน้ำจากใต้ไปเหนือ เค้าว่ากันว่า ถ้าเขื่อนแตกน้ำจะสามารถท่วมไปที่เมืองAlexandriaเมืองเหนือสุดของประเทศ โดยใช้เวลาภายใน 6 ชั่วโมงเท่านั้น - Philae Temple หรือ วิหารฟิเล สร้างขึ้น 690-664ปีก่อนคริสตกาล ตัววิหารตั้งอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพไอซิส เทพแห่งความรักและภูมิปัญญา หรือ Great mother of all gods บางครั้งในหนังจะเห็นว่านางสยายปีกได้ I'm in mystery --- มีตำนานกล่าวว่าเมื่อเทพโอซิริสถูกเทพเซทผู้ชั่วร้ายสังหาร เซทก็สับร่่างโอซิริสออกทั้งสิ้น 14 ท่อน แล้วเอาไปทิ้งทั่วอียิปต์ เทพไอริสหรือเมีย จึงได้ออกตามหาส่วนต่างๆจนเกือบครบ เหลือชิ้นสุดท้ายตกอยู่ในน้ำโดนปลาหรือเต่ากินไปหมดแล้ว นางจึงเสกชิ้นส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ งงว่าถ้าเสกได้ขนาดนั้นทำไมไม่เสกตั้งแต่แรกเลยฟะ พอได้ชิ้นส่วนครบก็จับร่างทั้งหมดพันคล้ายๆมัมมี่ เทพโอซิริสจึงฟื้นคืนมา คนอียิปต์จึงมีความเชื่อพวกชีวิตหลังความตายและการเกิดใหม่ตั้งแต่บัดนั้น วกกลับมาที่วิหาร วิหารฟิเลมีความสำคัญเพราะเชื่อว่าเป็นที่ๆไอซิสพบหัวใจของสามีค่ะ Granite Quarry เหมืองหินอัสวาน ว่ากันว่าฟาโรจะสร้างวิหารหรือเสาโอเบลิสก์ต่างๆ (เสาหินสี่เหลี่ยมที่มีลักษณะเรียวขึ้น และมียอดแหลมทรงพีระมิด) ล้วนใช้หินจากที่นี่ สิ่งสำคัญที่หลงเหลือปัจจุบันคือ ซากของเสาโอเบลิสก์ที่ถูกทิ้งไว้เนื่องจากความผิดพลาดทำให้มีรอยแตกกากบาทจึงไม่สามารถใช้งานได้ แต่ข้อดีคือทำให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาวิธีการแกะ กระเทาะหินหรือเสาหินว่าเค้าทำกันยังไง ดีนะที่ไม่ได้เกิดในอียิปต์ยุคนั้น ไม่งั้นคงได้แต่นั่งกระเทาะหินทั้งวันแน่เลย ฮือๆ เกาะกวม -- หนีออกจากเกาะไปติดเกาะ ตอนที่ 1 รีวิวโรงแรม BBQ & Dancing Show at Onward
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อเกาะกวม แต่ไม่รู้ว่าอยู่ไหน สำหรับคนยุ่นแล้ว ถ้าเป็นทะเลฮิตๆที่ไปกัน เชื่อว่าเกาะกวมจะต้องเป็นหนึ่งในลิสที่คนญี่ปุ่น อยากไป หรือเคยไปแล้ว เนื่องจากกวมเป็นอาณาเขตหนึ่งของอเมริกา ดังนั้นวีซ่าที่ใช้คือวีซ่าของอเมริกา เงินที่ใช้คือ ดอลล่าค่ะ ภาษาที่ใช้สื่อสารในเกาะนี้คือภาษาอังกฤษ ส่วนตามสถานที่ท่องเที่ยวพนักงานจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ค่ะ เราสามารถเดินทางจากโตเกียว บินตรงไปเกาะกวมโดยใช้เวลาเพียง3ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น ค่าครองชีพค่อนข้างแพงค่ะ แต่ก็คุ้มค่ากับขนาดที่มาเสริ์ฟ
รอบนี้เดี้ยนได้ไปฟรีค่า โดยใช้ไมล์ที่สะสมมาหลายชาติแลกไป อันนี้ต้องให้เครดิตบัตร JCB ANA ซื้ออะไรรูดปื๊ด แลกไมล์ได้บินฟรี อิอิ เริ่มต้นออกเดินทางจาก HANEDAโดย ANA ไปถึงกวมก็ประมาณบ่ายๆเย็นๆค่ะ เกาะกวมเป็นเกาะขนาดเล็กมากๆค่ะ แค่มองจากเครื่องบินก็สามารถมองเห็นตั้งแต่ฝั่งเหนือสุดไปจนถึงฝั่งใต้สุดได้ค่ะ
หลังจากผ่านอิมมิเกรชั่นก็ออกเดินตรงมาเลยค่ะ ครั้งนี้เราเดินทางเข้าเมืองโดยใช้ TAXI จากสนามบินมาโรงแรม โซน Tumon จ่ายไป 15 ดอลล์ค่ะ โรงแรมที่พักจองผ่าน Expedia ค่ะ ชื่อ Verona Resort & SPA เข้าพักที่นี่ได้เข้าใช้ ออนเซ็นในโรงแรมฟรี 1 ครั้งด้วยค่ะ แต่คุณแฟนเข้าบ่อชายเจอเกย์เดินตามตั้งแต่ที่อาบน้ำยันบ่อแช่น้ำร้อนค่ะ ตอนแรกแฟนก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเก้งจริงมั้ย แต่แอบเห็นนางใช้สบู่ถูตรงนั้นตรงที่อาบน้ำนานมาก จากนั้นก็เดินตามแฟนมาบ่อแช่ค่ะ ในบ่อมีสองคนคือคุณเกย์กับแฟนค่ะ สยองมาก แฟนเลยแช่ไป 3 แล้วรีบหนีขึ้นมาห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ สุดท้ายนางตามมาอีกค่ะ โอย เสียวตูด มารีวิวโรงแรมต่อ โรงแรมที่พักครั้งนี้จัดอยู่ในราคากลางๆค่ะ เราจองห้องแบบ Ocean View ไป
เช็คอินเสร็จก็ไปทางบาบีคิวบุฟเฟต์และเครื่องดื่ม 2 ชั่วโมง ที่จองผ่าน VELTRA.com ราคา 60 USD รวมรถรับส่งและโชว์แสดงของชาวเกาะด้วยค่ะ
มาถึงโรงแรมก่อนเวลาเริ่มบุฟเฟต์ค่ะ เราเลยแอบเดินไปดูทะเล ข้างๆโรงแรม
อาหารที่มีจะเป็นบรรดาเนื้อ หมู ไก่ เนื้อวัว เนื้อหมักซอสอร่อยมาก ไก่มีบริการทุกส่วนเลยค่ะ อาหารทะเลก็มีพวก กุ้ง หอย สลัดบาร์ โซนผักมีให้เลือกหลากหลาย ส่วน้เครื่องดื่มมีทุกอย่างที่ควรมี เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ เบียร์ น้ำอัดลมค่ะ
รายการแสดงและเวลาทานอาหารจะสิ้นสุดที่ 20:30 ค่ะ สำหรับอาหาร ให้ 4/5 ตัด 1 แต้ม เนื่องจากที่นั่งได้นั่งหลังสุดเลยค่ะ ไม่สามารถเปลี่ยนหรือขอระบุได้ คิดว่าเค้าคงจัดให้แขกที่พักในโรงแรมได้นั่งใกล้เวที สำหรับโชว์ ให้ 2/5 เฉยๆค่ะ สำหรับการท่องเที่ยวในวันที่ 2 จะอัพในตอนต่อไปค่ะ โตเกียว -- วิธีเดินทาง อุโมงแปะก๊วยเปลี่ยนสี ถนนอิโจ นามิกิ Icho Namiki Avenue
หากช่วงฤดูใบไม่ร่วงนี้มีโอกาสแวะมาโตเกียวก็ลองมาดูนะคะ อุโมงแปะก้วยสามารถชมได้เพียงปีละครั้งเท่านั้นจ้า ถนนอิโจ นามิกิ Icho Namiki ตั้งอยู่ถัดจากสวนMeiji Jingu Gaien Park สามารถเดินทางได้โดย JR ลงที่สถานี Shinanomachi แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที หรือนั่งใต้ดินลงสถานี Aoyama Itchome แล้วเดินต่อไม่เกิน 5 นาทีค่ะ หากเดินทางด้วยJR ลง Shinanomachi หลังจากออกมาจากเกทจะเจอ NewDays ให้เดินออกทางฝั่งซ้ายมือ หรือยึดทางไปฝั่ง Aoyama 1 Chome เมื่อออกจากสถานีให้เดินตรงเลียบถนนอย่างเดียวเลยค่ะ เดินออกมา 3-5 นาทีระหว่างทางถ้าเจอ Meiji Kinenkan ถือว่ามาถูกทางค่าาา จากนั้นเดินตรงต่อไปประมาณ 5 นาทีจนกว่าจะเจอสี่แยกใหญ่ จุดสังเกตุหลักคือฝั่งเราจะมีสถานีตำรวจและฝั่งขวามือจะมีทางออกสถานีใต้ดิน Aoyama Ichome ให้เราข้ามทางม้าลายไปฝั่งที่มีสถานีใต้ดิน Aoyama Ichomeค่ะ
ข้ามเสร็จก็เดินตรงตามทางไปอย่างเดียว 3-5 นาทีก็ถึงค่ะ ใครที่มาทางใต้ดินแล้วลงสถานีใต้ดิน Aoyama Ichomeก็ไปทางเดียวกันค่ะ ระหว่างทางจะมี Yoshinoya ป้ายส้มๆ ใครหิวก็แวะทานได้ค่ะ Coco Ichibanya ก็มีค่ะ^^ ---------------------
สถานที่ท่องเที่ยว : Icho Namiki Avenue, Japan พิกัด GPS : 35° 40' 26.02" N 139° 43' 12.08" E จีน--มาชิงเต่า ที่QINGDAO เมืองที่ใครๆก็อยากได้
ใครรู้จักเมืองนี้บ้างยกมือขึ้น เงียบ เมืองนี้เป็นเมืองทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นเมืองที่ชาวจีนไว้ใช้ตากอากาศ ช่วงวันหยุดตามเทศกาลจะมีชาวจีนหลั่งไหลมาเที่ยวกันจำนวนมาก ส่วนในกรณีวันธรรมดานั้น เมืองจะเงียบๆ แต่จุดเด่นของเมืองนี้คือ ทะเล และสถาปัตยกรรมในยุคสงคราม ที่คงไว้ซึ่งบรรยากาศแบบยุโรป และเบียร์ที่ชาวเมืองเค้าภูมิใจหันนักหนานั่นคือ TSINGDAO BEER วันนี้จะมาแนะนำ ประติมากรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ อู่ซื่อกว๋างฉ่างคือลานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงยุคที่นักเขียนจีน นักคิด และนักศึกษา ผันตัวเองจากยุคการศึกษาแบบเก่าสู่ยุคการเรียนรู้เพื่อการเมืองเเละกระเเสรักชาติ อู่ซื่อกว๋างฉ่างตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามกับศาลาว่าการของเมือง Thanks: ฝากรูป ซึ่ง五月的风 คือประติมากรรมโลหะที่ใหญ่ที่สุดของจีน Thanks: ฝากรูป ประวัตินิดหน่อย 1919 五四运动 คือยุคที่นักเขียนจีน นักคิด และนักศึกษา ผันตัวเองจากยุคการศึกษาแบบเก่าสู่ยุคการเรียนรู้เพื่อการเมืองเเละกระเเสรักชาติ พูดง่ายๆคือยุคกู้ชาติ55 1897 ยุคที่ฝรั่งเศสมายึดครอง แต่คนที่นี่เค้ายอมให้เรียกว่ามาเช่าเมืองเท่านั้น 1914 ยุคญึ่ปุ่นชนะฝรั่งเศสเลยได้ยึดแทน คนจีนเค้ามีทัศนะคติที่ไม่ค่อยดีกะคนญี่ปุ่นเอามากๆ มีข่าวคนจีนฆ่าคนญี่ปุ่นบ่อยมาก 1918เดือน11 ยุคสิ้นสงครามโลกครั้งที่1 1919เดือน1 ที่กรุงปารีส ณ ประชุมเจรจาสันติภาพ จีนในฐานะผู้ชนะสงคราม ได้ยื่นข้อเสนอขอคืนเมืองชิงเต่า แต่ได้รับการปฏิเสธจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ญุี่ปุ่นและอื่นๆ มติให้สิทธิ์ครอบครองมณฑลซานตง เมืองชิงเต่า แกญึ่ปุ่น (มีคนบอกว่าหากได้ครองมณฑลนี้ เหมือนยึดจีนทั้งประเทศไปแล้ว เพราะเมืองนี้คือเมืองยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญ)เมื่อชาวจีนทราบเรื่องจึงเกิดเหตุการณ์ที่นักศึกษาจีนมารวมตัวกันในวันที่4เดือน5เ เรียกร้องให้ข้อสัญญาเป็นโมฆะ และเกิดคำพูดติดปากที่ว่า เราจะยึดอำนาจการปกครองชิงเต่าของเราคืนมา เอาชิงเต่าคืนมาให้เรา เมื่อเรื่องราวเริ่มเล่ากันปากต่อปากไปทั่วแผ่นดินจีน ก็มีประชาชนทั่วประเทศสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ในที่สุก คณะรัฐบาล(ตอนเหนือ)ของจีน ก็ส่งหนังสือเรียกร้องให้ปฏิเสธสัญญาฉบับนัั้น 1922/12/12 ชิงต่าวก็กลับคืนสู้อ้อมอกของชาวจีน เพื่อสดุดียุคกระแสรักชาติในขณะนั้น เทศบาลเมืองชิงต่าวเลยได้จัดสร้าง ลมแห่งเดือนห้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์การได้เอาราชกลับคืน ภาพแนวกว้าง Thanks: ฝากรูป Thanks: ฝากรูป |
Molly_Moon89
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ขอบคุณที่แวะมาอ่านเรื่องราวมั่วซั่วตั้วของเรานะจ๊ะ Link |