Group Blog
 
All blogs
 

Jossy Berry | Review and Swatch J. Cat Pout Holic Lipstick

สวัสดีค่ะ วันนี้มาพบกับงานสวอทช์สีลิปอีกแล้ว
ช่วงนี้จอสมีโอกาสได้ลองลิปสติกใหม่ๆเยอะเลย หนึ่งในนั้นที่เก๋ไม่แพ้กันก็คือ
J. Cat Pout Holic Lipstick
J. Cat เป็นแบรนด์เครื่องสำอางน้องใหม่จาก Los Angeles, USA
มีความเป็นแฟชั่นสูง เรียกง่ายๆว่าเก๋ ที่สำคัญคือราคาถูก
ผลิตภัณฑ์ของเค้าเป็น cruelty free 100% และปราศจากสารต้องห้ามต่างๆ
ที่จะไปสะสมในร่างกายทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยค่ะ


จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ของเค้ามีเยอะมาก แต่ที่จอสได้มาลองครบชุดเลยก็คือลิปสติก
รุ่น Pout Holic ค่ะ แพกเกจเป็นสีแดง มีอยู่ทั้งหมด 18 สี แต่ละสีนี่ต้องบอกว่าแซ่บๆทั้งนั้น
ใครที่ไม่ชอบความจำเจ ชอบทาลิปสติกสีแปลกๆต้องไม่พลาดนะคะ
ตอนนี้เค้าวางขายทั่วไปตาม Tops Supermarket, Watson Robinson และอีกมากมายค่ะ
ราคาแท่งละ 189 บาท สามารถดูรายละเอียดและสาขาเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : J. Cat Thailand ค่ะ









ก่อนอื่นจอสขอสวอทช์ให้ดูบนแขนทั้ง 18 สีกันก่อนนะคะ
สีของเค้าค่อนข้างแน่นและชัดเจนค่ะ พิกเม้นต์ดีมากเลยทีเดียว
ความติดทนอยู่ที่ปานกลางค่ะ ราวๆ 3-4 ชั่วโมงได้
แต่ถ้าทานข้าวก็อาจจะหลุดเร็วหน่อย ข้อดีคือเนื้อลิปมีความชุ่มชื้น
ทำให้ทาแล้วปากดูสุขภาพดี เพราะถ้าทาสีแปลกๆแล้วปากดูแห้งก็คงจะไม่สวยเนอะ
แต่ก็จะมีบางสีที่ทายากนิดนึง เนื่องจากเป็นสีอ่อนอย่างเช่นสีเขียว สีขาว
แนะนำให้ทากับแปรงก็จะง่ายขึ้นค่ะ



ต่อไปเรามาดูกันทีละสีดีกว่าค่า เรียงจากหมายเลขเลย
PHL101



PHL102



PHL103



PHL104



PHL105



PHL106



PHL107



PHL108



PHL109



PHL110



PHL111



PHL112



PHL113



PHL114



PHL115



PHL116



PHL117



PHL118



เป็นยังไงกันบ้างคะ เพื่อนๆชอบสีไหนเป็นพิเศษรึเปล่า
ส่วนตัวแล้วจอสไม่ค่อยได้ทาลิปสีแปลกสักเท่าไหร่
พอหยิบมาทาแล้วก็รู้สึกแปลกตาดี แต่ก็ชอบนะ มันทำให้เราได้ลุคใหม่
แม้จะแต่งหน้าเหมือนเดิม แต่พอสีปากเปลี่ยน หน้าก็ดูเปลี่ยนไปด้วยเลย



โดยรวมแล้ว J. Cat ถือเป็นลิปสติกอีกหนึ่งแบรนด์ที่คุณภาพดีถ้าเทียบกับราคาค่ะ
ที่สำคัญคือปกติเราไม่ค่อยหาซื้อลิปสีแปลกๆแบบนี้ได้ง่ายเท่าไหร่ในเมืองไทย
ยิ่งถ้าลิปที่พิกเม้นท์แน่นๆแบบนี้ราคาส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราวๆ 500-1,000 บาท แต่ J. Cat รุ่นนี้ราคาแค่ 189 บาท
เพราะฉะนั้นลงทุนซื้อเก็บไว้สักสองสามแท่งเอาไว้แต่งในบางโอกาศเก๋ๆก็ไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ
เพราะราคาเค้าแค่หลักร้อย อีกอย่างสีแปลกๆส่วนใหญ่เราก็ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้ทุกวันอยู่แล้ว
จอสคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยที่จะซื้อลิปแท่งแพงๆมาเก็บไว้
ยังไงเพื่อนๆคนไหนที่สนใจก็ลองหามาเล่นกันดูนะคะ คอนเฟิร์มว่าถูกและดีค่ะ!



พูดคุยกับจอสได้ที่
Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2558    
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 11:58:11 น.
Counter : 2036 Pageviews.  

Jossy Berry | Review and Tutorial 1028 Ultimate Super Black Eyeliner + สอนกรีดไลเนอร์ 3 ลุค 3 สไตล์

สวัสดีค่ะ มาเจอกันอีกแล้ว วันนี้จอสจะมาสอนเขียนอายไลเนอร์ 3 ลุค 3 สไตล์
เป็นการกรีดอายแบบง่ายๆและสามารถต่อเติมให้ลุคดูเปลี่ยนไปได้ภายใน 5 นาที
ซึ่งเพื่อนๆสามารถเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย
ไม่ว่าจะไปทำงานหรือเลิกงานแล้วจะไปปาร์ตี้ต่อ ก็ไม่ต้องแต่งหน้าใหม่
สวยด้วยแถมยังประหยัดเวลา เหมาะกับไลฟ์สไตล์สาวสวยแบบเราๆเป็นที่สุด
ว่าแล้วก็ไปดูกันเล้ย!


ก่อนอื่นขอแนะนำไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในครั้งนี้ก่อน
1028 Super Black Eyeliner
เค้าเคลมไว้ว่าติดทนยาวนาน พร้อมคุณสมบัติ 3 การปกป้อง
ได้แก่ กันน้ำ กันมัน กันเลอะ แบบนี้ก็สวยเป๊ะตั้งแต่เช้ายันดึกกันเลยทีเดียว
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Instagram : 1028Thailand









สิ่งนึงที่ทำให้จอสชอบใช้อายไลเนอร์แบบแท่งปากกาคือใช้ง่าย
ที่สำคัญน้ำหนักเบา สามารถพกพาไปไหนได้สะดวกดีค่ะ
อย่างวันไหนต้องมีงานหลายที่แล้วไปปาร์ตี้ต่อ จอสก็จะพกติดกระเป๋าไว้เลย
พอเลิกงานปุ๊บก็หยิบขึ้นมาเขียนเพิ่มนิดหน่อย เราก็ได้ลุคใหม่ พร้อมไปต่อได้เลยค่า



อายไลเนอร์ของ 1028 ตัวนี้เป็นแบบปากกาเมจิกปลายแหลม
สามารถเขียนได้ทั้งเส้นบางเส้นหนา บังคับทิศทางได้ง่าย สีดำสนิทดีด้วยค่ะ
จอสลองแล้วเนื้อเค้าติดทนดีค่ะ ระหว่างวันไม่หลุดไม่เลอะ ติดแน่นมาก แต่ก็ล้างออกง่ายด้วยรีมูฟเว่อร์
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ต้องลอง เพราะราคาประหยัดและหาซื้อได้ง่าย โดยรวมแล้วให้ผ่านค่ะ



ต่อไปเรามาดู Tutorial กันบ้างนะคะ เริ่มจากลุคแรก Natural Look
คือการเขียนไลเนอร์ชิดโคนขนตามากที่สุด โดยไม่วิงหางตาใดๆ
ลุคนี้จะได้ลุคที่เป็นธรรมชาติ ดูสุภาพเรียบร้อย และทำให้โคนขนตาดูหนาค่ะ






ลุคที่สอง Classic Look คือการวิงหางตาให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นค่ะ
วิธีการก็ง่ายๆเลยแค่เติมหางตาโดยลากจากเส้นเดิม แล้วค่อยๆตวัดขึ้นไปเบาๆ
เวลาเขียนอาจจะต้องคอยยั้งมือหน่อยนะคะ ค่อยๆลากแล้วดูว่าพอใจหรือยัง
ถ้ายังก็สามารถเพิ่มเติมได้จนกว่าจะได้วิงที่ชอบค่ะ
ลุคนี้น่าจะเป็นลุคที่สาวๆแต่งกันบ่อยที่สุด จอสก็เช่นกัน
เพราะมันทำให้ตาดูโตและกว้างขึ้น แถมยังดูเซ็กซี่นิดๆด้วยนะคะ






ลุคสุดท้ายเราจะมาแอดว้านซ์กันนะคะ Dramatic Look
เริ่มจากการลากหัวตาต่อลงมาตามรูปตาของเรา ค่อยๆเขียนเส้นบางๆพอนะคะ
จากนั้นก็ลากช่วงขอบตาล่างต่อลงมาจากวิงที่เราเขียนไว้จากลุคที่สอง โดยเขียนแค่ครึ่งตาพอ
แล้วใช้อายไลเนอร์แบบดินสอเขียนไทด์ไลน์เข้าไปตรงขอบตาล่างเพื่อให้ดวงตาดูคมขึ้น
แค่นี้ พูดเลยว่าจอสซี่คนเดิม เพิ่มเติมแค่ความแซ่บ! ก็พร้อมไปต่อแล้วค่ะ









เห็นไหมคะว่าทั้งสามลุคนี้จอสไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มเลย แค่กรีดอายอย่างเดียว
ก็ทำให้เราเปลี่ยนไปได้แล้ว ต้องบอกว่าแค่อายไลเนอร์ชิ้นเดียวก็มีอิทธิพลต่อการแต่งหน้าของเราได้มาก
จอสหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงบัลดาลใจในการแต่งหน้า สาวๆอย่าลืมลองเอาไปใช้กันดูนะคะ
วันนี้ขอตัวลาไปก่อนแล้วค่ะ ไว้เจอกันใหม่ค่า



พูดคุยกับจอสได้ที่
Instagram : jossyberryblog




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2558    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2558 10:47:39 น.
Counter : 1659 Pageviews.  

Review and Swatch Super Mom Neutral and Glamorous Eyeshadow Palette

สวัสดีค่ะ มาแล้วค่าวันนี้จอสจะมารีวิว Eyeshadow Palette จาก Supermom
เชื่อว่าหลายๆคนกำลังรอดูกระทู้รีวิวนี้อยู่ พูดเลยว่าครั้งนี้ตั้งใจทำมากๆ
จอสเป็นคนนึงที่ชอบสนับสนุนแบรนด์ไทยที่นอกจากจะคุณภาพดีแล้วราคายังเอื้อมถึง
วันนี้เลยมาจัดรีวิวให้อย่างเต็มรูปแบบทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเลยค่ะ งานนี้มีทั้งรีวิวและสวอทช์
และยังมีมินิฮาวทูแถมท้ายให้ด้วยนะคะ จะได้เป็นไกด์ไลน์ให้เพื่อนๆเอาไปแต่งกัน





เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงจะเห็นพาเลตไฮไลท์คอนทัวร์และคอนซีลเลอร์จากแบรนด์นี้ไปแล้ว
ล่าสุดนางออกพาเลตใหม่เป็นอายแชโดว์ค่ะ มีอยู่ 2 ตลับด้วยกัน
ตลับแรกชื่อว่า Super Mom Neutral Eyeshadow Palette เป็นพาเลตแต่งตาที่เน้นโทนสีธรรมชาติ
ส่วนตลับที่สองคือ Super Mom Glamorous Eyeshadow Palette เป็นพาเลตสีเอิร์ธโทนมีชิมเมอร์ค่ะ 



สามารถชมรีวิวแบบ VDO ได้ที่นี่ค่ะ



มาดูกันที่ตลับแรกกันก่อนค่ะ Neutral Palette
ตลับนี้สีส่วนใหญ่ก็จะออกแนวนู้ดๆ มีสีขาว น้ำตาล ชมพูหลายเฉด ไปจนถึงสีดำ
สามารถใช้แต่งได้ในชีวิตประจำวันค่ะ แต่ส่วนตัวแล้วจอสว่าสีโทนอ่อนมันคล้ายกันมากเกินไป
น่าจะทำโทนกลางๆหรือเข้มให้มากกว่านี้ จะได้มีตัวเลือกที่หลากหลายกว่า
สำหรับเนื้ออายแชโดว์ค่อนข้างดีค่ะ ใช้กับแปรงแล้วไม่ร่วนไม่เป็นผงหล่นลงมาเลอะเทอะ
โทนสีอ่อนๆเวลาทาออกมาแล้วบางอันจะคล้ายกันมาก ยิ่งสีเนื้อนี่กลืนไปกับผิวเลย
แต่สีเข้มสวยชัดเจนดีค่ะ ใช้กับอายไพรเมอร์แล้วก็อยู่ได้ทั้งวัน ของจอสแทบไม่เลือนหรือตกร่องเลย
ในส่วนของคุณภาพเนื้อสีนั้นต้องให้ผ่านค่ะ



อันนี้จอสสวอทช์สีให้ดูบนแขนค่ะ



ต่อไปเราลองมาแต่งหน้าด้วยพาเลตตัวนี้กันดูดีกว่า ลุคนี้จอสจะแต่งเบาๆแบบ Nuetral นะคะ
สามารถดูสีที่จอสใช้ได้จากภาพสวอทช์ค่ะ จะมีหมายเลขกำกับอยู่
1. ใช้สีทองแดง (สี 1) ทาลงไปให้ทั่วเปลือกตา
2. คัดเบ้าด้วยสีน้ำตาลกลาง (สี 2) แล้วเบลนให้สีดูฟุ้ง
3. ไฮไลท์หัวตาแล้วใต้ท้องคิ้วด้วยสีขาวมีชิมเมอร์ (สี 3)
4. ใช้สีน้ำตาลเข้มทาลงไปที่ขอบตาล่าง ให้ดูเป็นแสงและเงา
5. เขียนอินเนอร์ไลเนอร์ด้วยดินสอสีดำเฉพาะขอบตาบน
6. ติดขนตาปลอมชิดขอบตา และปัดมาสคาร่าให้ขนตากลืนกันมากที่สุด
ถือเป็นอันเสร็จค่ะ






ก็จะได้ลุคแบบเบาๆ ดูฟุ้งนวล สวยแบบธรรมชาติค่ะ อิอิ









ต่อไปเรามาดูพาเลตที่สองกันค่ะ Glamorous Palette
ตลับนี้โทนสีจะเข้มขึ้นมาหน่อยและมีชิมเมอร์ทุกสีค่ะ ถือว่าสีสวยมากเลยทีเดียว
เพราะปกติจอสจะชอบทาอายแชโดว์แบบชิมเมอร์อยู่แล้ว ยิ่งวันไหนรีบๆก็ทาเดี่ยวๆได้เลย
โทนสีส่วนใหญ่ก็จะมีตั้งแต่กลางๆไปจนถึงเข้มอย่างสีดำเลยเช่นกัน
ถ้าดูจากสวอทช์บนแขนจะเห็นว่าออกเป็นโทนแชมเปญ ทอง น้ำตาล สวยมากๆเลยค่ะ
ตลับนี้สีจะชัดและติดง่ายกว่าตลับแรกด้วยค่ะ พอทาไปแล้วชิมเมอร์ระยิบระยับมาก
โดยรวมแล้วถูกใจค่ะ จอสชอบใช้ตลับนี้มากกว่า เพราะเป็นสายชิมเมอร์อยู่แล้ว



สวอทช์บนแขนค่ะ สีน้ำตาลเข้ม (เบอร์ 3) สวยมากกกกกกกก



ต่อไปเรามาแต่งหน้าลุค Glamorous กันบ้าง
1. เริ่มจากทาสีทอง (สี 1) ลงบนเปลือกตา
2. จากนั้นคัดเบ้าด้วยสีน้ำตาลที่เข้มขึ้นมา (สี 2)
3. ลงสีน้ำตาลเข้ม (สี 3) ช่วงหางตาเบาๆค่ะ ให้ตาดูมีมิติ
4. ลงสีแชมเปญช่วงหัวตา (สี 4)
5. จากนั้นลงสีทอง (สี 1) ลงไปที่ขอบตาล่าง เว้นช่วงหางตาไว้
6. แล้วลงสีน้ำตาลเข้ม (สี 3) ตรงช่วงหางตา และเบลนให้สีกลืนกัน
7. เขียนอายไลเนอร์และวิงหางตาเล็กน้อยถึงปานกลาง
8. เขียนอินเนอร์ขอบตาด้านในทั้งข้างบนและล่างค่ะ
9. ติดขนตาปลอม ปัดมาสคาร่าให้เนียน เป็นอันเสร็จค่ะ



ลุคนี้ก็จะดูเข้มและมีมิติขึ้นมากว่าลุคแรกค่ะ ออกแนวสาวตาคม
เป็นยังไงกันบ้าง หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกันนะคะ
สำหรับเลนส์ที่จอสใส่ครั้งนี้เป็นของ Sweety Plus - Cherry Gray ค่ะ












สุดท้ายนี้เรามาให้คะแนนของทั้งสองพาเลตกันบ้างดีกว่า
- เม็ดสีชัดเจน : 8/10 จะมีโทนอ่อนๆจากตลับ Neutral ที่ทายากนิดนึงเพราะกลืนกับสีผิว 
ส่วนสีเข้มอืนๆให้ผ่านค่ะ
- เบลนง่าย สีสม่ำเสมอ : 9/10 โดยรวมแล้วโอเคค่ะ เนื้อสีเนียนและไม่เป็นผงแป้ง
- ติดทน กันน้ำกันเหงื่อ : 9/10 ส่วนตัวแล้วจอสไม่มีปัญหาตรงนี้เลยค่ะ ยิ่งใช้คู่กับอายไพรเมอร์ยิ่งดี
- เฉดสีหลากหลาย : 6/10 ขอหักคะแนนเฉดสีนิดนึงเนื่องจากคล้ายกันเยอะ แต่สีสวยทุกสีค่ะ
- เนื้อละเอียด : 7/10 ถือว่าเนื้อดีสมราคาค่ะ ใช้แล้วไม่ตกร่องไม่เป็นฝุ่นๆ
- แพกเกจดีไซน์ : 8/10 ถือว่ากลางๆค่ะ เค้าทำออกมาเรียบๆ ดูเซฟดี น้ำหนักเบาพกพาง่าย 
แต่เปื้อนรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย

โดยรวมแล้วถือว่าเป็น Eyeshadow Palette ที่คุ้มค่าคุ้มราคาค่ะ
ใครที่กำลังมองหาอายแชโดว์เอิร์ธโทนที่สามารถใช้ได้ทุกวัน ตั้งแต่ลุคใสๆไปจนถึงลุคกลางคืน
ตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญคือเป็นแบรนด์ของคนไทย
จะได้สนับสนุนซึ่งกันและกันด้วยค่ะ เพื่อนๆที่สนใจลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ
Instagram : Supermomthailand



สามารถพูดคุยกับจอสได้ที่
Instagram : Jossyberryblog




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2558    
Last Update : 20 ตุลาคม 2558 11:35:33 น.
Counter : 6552 Pageviews.  

Jossy Berry | Review and Swatch : Maybelline Velvet Matte by Color Sensational

สวัสดีค่ะ จอสเองค่ะ วันนี้จอสจะมารีวิวและสวอทช์สีลิปสติกจาก Maybelline
ตอนนี้ Maybelline New York เค้าออกลิปแมทคอลเลคชั่นใหม่ ส่งตรงจากรันเวย์แฟชั่นมาเลย
จอสได้มาลองใช้ดูทั้ง 11 สีแล้วปลื้มค่ะ วันนี้เลยเอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้ดูกัน
เผื่อใครที่กำลังด้อมๆมองๆอยู่ จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเนอะ


Maybelline New York Velvet Matte by Color Sensational
เป็นลิปสติกเนื้อกำมะหยี่แบบแมท ที่เค้าเคลมว่าให้สีที่อิ่มชัด ไม่แห้งแตกหรือตกร่องระหว่างวัน
ด้วยนวัตกรรมเม็ดสีบริสุทธิ์เข้มข้น แปรเปลี่ยนไปสู่เนื้อแมท
มีให้เลือกทั้งหมด 11 เฉดสี ราคา 299 บาท
เพื่อนๆสามารถหาซื้อได้ที่ Watson, Top, Tesco และ Big C ทุกสาขา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
Instagram : MaybellineThailand






ทีนี้เรามาดูเฉดสีที่สวอทช์ลงบนแขนทั้งหมด 11 สีเลยนะคะ
ชื่อสีสามารถดูได้ตามรูปเลยค่ะ






ก่อนที่เราจะไปดูสวอทช์ริมฝีปาก จอสให้ดูสีปากเดิมก่อนละกันเนอะ คือเป็นคนสีปากกลางๆ
ไม่เข้มไม่อ่อนมาก เวลาทาสีลิปออกมาแล้วจึงได้สีที่ค่อนข้างตรงกับตัวแท่ง
ดังนั้นจอสจึงจะไม่มีปัญหากับการทาลิปเท่าไหร่ค่ะ
สำหรับคนที่ริมฝีปากคล้ำหรือแห้ง ทาลิปแล้วชอบลอกเป็นขุย ทาแล้วไม่เนียน
แนะนำให้หมั่นสครับริมฝีปากทุกสัปดาห์ และทาลิปบำรุงทุกเช้าและก่อนนอนเป็นประจำก็จะช่วยได้ค่ะ



ในส่วนของแพกเกจลิปตัวนี้เค้ามาในรูปแบบปลายจุ่ม ใช้สะดวกดี
ตัวแท่งไม่ยาวมาก แต่สวยหรู ดูแพงดีค่ะ ใช้แล้วฟิน ฮ่าๆ

สำหรับเนื้อลิปต้องบอกว่าเป็นอย่างที่เค้าเคลมไว้เลยค่ะ
คือเนื้อนุ่มเหมือนกำมหยี่ ละมุนริมฝีปากมาก ทาง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ ขนาดหัวจุ่มก็พอดีริมกับฝีปาก
แต่ด้วยความที่เนื้อสัมผัสเค้าทำออกมาไม่ให้ปากแห้งเป็นคราบ จึงค่อนข้างมีความชุ่มชื้นระดับนึง
ทำให้ลุคที่ได้ออกมาดูไม่แมทเท่าที่คิดไว้ตอนแรก คือจะแค่แมทระดับกลางๆ
ส่วนตัวแล้วจอสชอบค่ะ เพราะมันทำให้ปากดูสุขภาพดี ทำให้ดูแพง
เม็ดสีค่อนข้างแน่นและชัดเจน ระดับความติดทนอยู่ที่ปานกลางค่ะ






โอเค ต่อไปเรามาดูสวอทช์ที่ปากกันทีละสีเลยนะคะ
สำหรับรูปเต็มใบหน้าจะเป็นรูปที่ถ่ายตอนกลางคืนจากไฟสตูดิโอ
และรูปที่โฟกัสริมฝีปากเป็นรูปที่ถ่ายกับแสงธรรมชาติในตอนกลางวัน
ดังนั้นสีอาจจะดูไม่เหมือนกันเป๊ะในบางรูปนะคะ เพราะถ้าแสงเปลี่ยน สีลิปก็จะเปลี่ยนไปด้วย
เพื่อนๆก็จะได้ดูความแตกต่าง ระหว่างการทาในตอนกลางวันและกลางคืนไปด้วยค่ะ

































เป็นยังไงบ้าง ดูแล้วชอบสีไหนกันบ้างคะ
ส่วนตัวแล้วจอสคิดว่าเฉดสีจะคล้ายๆกันอยู่หลายเฉดเหมือนกัน
ซึ่งเพื่อนๆสามารถเลือกสีที่เหมาะกับอันเดอร์โทนและสไตล์ของตัวเองได้เลย

สุดท้ายนี้เรามาให้คะแนนกันบ้างดีกว่าค่ะ
เม็ดสีชัดเจน : 7/10 สีค่อนข้างชัดแต่จะไม่ได้เข้มข้นมากมายค่ะ
ความชุ่มชื้น : 8/10 ขึ้นชื่อว่าเป็นลิปแมทส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชุ่มชื้น แต่ตัวนี้ดีงามค่ะ
ความติดทน : 7/10 ติดทนดีปานกลาง ถ้าไม่ดื่มน้ำทานข้าวก็อยู่ได้นาน 3-5 ชั่วโมงเลย
เฉดสี : 7/10 มีเฉดสีให้เลือกเยอะ แต่จะคล้ายกันหลายสีค่ะ เช่นโทนชมพูและโทนแดง
แพกเกจ : 9/10 ดีงามค่ะ ชอบแพกเกจตัวนี้มากเพราะดูแข็งแรงและสวยหรู

สำหรับการรีวิวในครั้งนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนหนึ่งของจอสเท่านั้นนะคะ
ซึ่งผลการใช้ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพริมฝีปากและความชอบส่วนตัวด้วย
ยังไงเพื่อนๆก็ลองหามาใช้ดูกันได้นะคะ ถือว่าเป็นไอเท็มที่ถูกและดีค่ะ





Instagram : jossyberryblog




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2558    
Last Update : 9 ตุลาคม 2558 19:48:50 น.
Counter : 5024 Pageviews.  

Review : 1028 Ultimate Oil Control Powder แป้งอัดแข็งคุมมันขั้นเทพ

สวัสดีค่ะ วันนี้จอสมีไอเท็มใหม่สำหรับคนหน้ามันโดยเฉพาะมาแนะนำ
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเจ้าตัวนี้เค้าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ดังมากๆในประเทศใต้หวัน
แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าไทยมาได้หมาดๆเลย เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ไฟแรง
ใครที่ยังไม่ได้ลอง ขอให้อ่านรีวิวนี้ดูก่อน แล้วเตรียมพุ่งตัวไปที่เค้าเตอร์ได้เลยค่า
เพราะจอสเป็นคนนึงที่หน้ามัน โดยเฉพาะช่วงทีโซนนี่ไม่ต้องพูดถึง
แต่พอมาได้ลองตัวนี้แล้วต้องบอกว่าถูกใจ ที่สำคัญราคาไม่แพง
ว่าแล้วก็ไปดูรีวิวพร้อมกันเลยค่ะ



1028 Ultimate Oil Control Powder แป้งฝุ่นอัดแข็งเนื้อบางเบา
แต่คุณสมบัติการควบคุมความมันดีเยี่ยม เจ้าตัวนี้เป็นตลับเล็กๆน่ารัก 4.6 กรัม ราคา 299 บาท
แพ็คเกจคือแบ๊วจริงจัง น้ำหนักเบา พกไปไหนมาไหนได้ง่ายและสะดวกมากๆค่ะ
ตอนนี้เค้ามีวางขายแล้วที่ร้าน Watsons ทั้ง 4 สาขาด้วยกันคือ
สาขาสยามสแควร์ซอย 3, Central Westgate, Central พระราม 2, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น G
หรือจะช้อปออนไลน์ก็ได้ที่ www.lazada.co.th และ www.moxy.co.th


คุณสมบัติเด่นที่ทางแบรนด์เค้าเคลมไว้ก็คือ
- ช่วยควบคุมความมันได้ยาวนานถึง 5 ชม. ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ดูดซับความมันบนใบหน้า โดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือหยาบกร้าน คงความชุ่มชื้นของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
- มีส่วนผสมของแร่ธาตุ เนื้อละเอียดบางเบา เติมระหว่างวันได้ไม่เป็นคราบ
- มีสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ช่วยลดการระคายเคือง
- สารสกัดจากดอกแดนดิไลออน ช่วยถนอมผิวให้แข็งแรง
- กันน้ำ เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา









ต่อไปเรามาดูเนื้อแป้งกันบ้างค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วเนื้อเค้าจะออกแนวโปร่งแสง
แต่ในรูปจอสปาดหลายๆรอบเพื่อให้เห็นสีของเนื้อแป้งชัดๆ
ซึ่งถ้าเราทาลงบนผิวหน้าแล้วจะมองไม่เห็นเนื้อแป้งเลยค่ะ
เนื้อจะละเอียดบางเบา สามารถใช้ได้กับทุกสีผิวเพราะเค้าไม่ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยน
จอสเคยใช้ตัวนี้แต่งหน้าให้คนผิวเข้มแล้วด้วย ใช้แล้วหน้าไม่วอกไม่ลอย ผ่านค่ะ



ทีนี้ลองมาทาบนผิวหน้าให้ดูกันบ้าง จอสทาลงไปเดี่ยวๆบนหน้าสดเลยค่ะ
สังเกตุว่าก่อนและหลังทาสีผิวจะเหมือนเดิมเลย เพียงแค่ผิวจะดูแมทท์ขึ้นและปกปิดรูขุมขนนิดหน่อย
จอสเลือกทาแค่ข้างเดียวเพราะอยากลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพการคุมมันด้วย
ปรากฎว่าพอผ่านไปชั่วโมงกว่าๆฝั่งที่ทาแป้งผิวแทบไม่มันเลย ลองซับมันดูก็มีน้ำมันติดออกมานิดหน่อย
เทียบกับฝั่งที่ไม่ได้ทาอะไรเลยคือหน้าเริ่มมันแล้ว โดยเฉพาะช่วงทีโซนจอสจะมีปัญหาเยอะค่ะ
ยิ่งถ้าไม่ดูแล แล้วปล่อยให้หน้ามันอยู่อย่างนั้นจะเป็นสิวได้ง่ายมากๆ






จากนั้นจอสลองแต่งหน้าจัดเต็มเหมือนปกติ แล้วตบท้ายด้วยการปัดแป้งตัวนี้ตามลงไป
จากนั้นก็ทำงาน ทานข้าว นุ่นนี่ไปทั้งวัน ผ่านไป 5 ชั่วโมง เรามาดูผลกันค่ะ
คือตามภาพเลย ประทับใจมาก เพราะทั้งแก้มทั้งปาก หลุดเกือบหมดแล้ว
แต่รองพื้นยังดีอยู่ ผิวหน้ายังเนียนเป๊ะเหมือนเดิม มีความมันขึ้นมานิดหน่อย
แต่ถ้าเทียบกับปกติที่ไม่ใช้แป้งแล้ว ถือว่าแทบไม่มันเลยก็ว่าได้ค่ะ
เพราะปกติจอสจะชอบให้ผิวดูโกลวนิดๆจะได้ดูมีมิติ ทาตัวนี้แล้วคือไม่ต้องพกกระดาษซับมันเลย
ผิวกำลังสวย ดีมากเลยค่ะ ถ้ากลัวมันไปกว่านี้ก็แค่หยิบแป้งขึ้นมาซับเบาๆ ก็ไปต่อได้ค่ะ



ต่อไปจอสลองซับมันออกมาให้ดู ก็ได้ตามภาพเลยค่ะ
คือไม่ใช่ไม่มันเลย ก็ยังมันนิดๆ แต่เทียบกับปกติแล้วถือว่าผิวมันน้อยลงมาก
ซับออกมาแล้วได้ไม่ถึงครึ่งกระดาษ ซึ่งปกติเวลานี้ถ้าจอสซับมันจะต้องใช้กระดาษประมาณ 2 แผ่นเลย
เนื้อแป้งอ่อนโยนและบางเบาดีค่ะ เวลาเหงื่ออกแล้วก็ไม่ทำให้เป็นคราบ ที่สำคัญใช้แล้วไม่แพ้
ที่ชอบอีกอย่างนึงคือ พอผิวมันน้อยลงแล้วรองพื้นก็ติดทนขึ้นค่ะ สังเกตุช่วงจมูกปกติจะหลุดไปแล้ว
แต่วันนี้คือยังอยู่ดี เนียนกริปเหมือนเพิ่งลงรองพื้นมาหมาดๆ ถูกใจค่ะ!



สุดท้ายจอสขอให้คะแนนแป้งตัวนี้กันหน่อยค่ะ
- ความเนียนบางเป็นธรรมชาติ : 8/10 เนื้อเนียนละเอียดดีค่ะ
- ความติดทนกันน้ำกันเหงื่อ : 8/10 ติดทนดีระดับนึงเลยทีเดียว
- ความปกปิด : 6/10 ไม่เน้นปกปิดค่ะเพราะเค้าเป็นแป้งที่โปร่งแสง
- ควบคุมความมัน : 9/10 เป็นแป้งตัวนึงที่คุมมันได้ดีที่สุดตั้งแต่เคยใช้มา
- แพกเกจดีไซน์ : 8/10 น่ารักฟรุ้งฟริ้ง พกพาสะดวกดีค่ะ


สรุปแล้วเป็นแป้งน้องใหม่ที่ทั้งราคาถูกและดี คุ้มค่ากับการลงทุนค่ะ
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังตัดสินใจอยู่ ขอบอกเลยว่าไม่ต้องลังเลแล้ว
รีวิวมาให้ละเอียดขนาดนี้แล้ว ถ้าคิดว่าตรงตามความต้องการของผิวขอให้จัดเลยค่ะ
ผิวผสมถึงผิวมันใช้ได้ ไม่ผิดหวังแน่นอน
ใครอยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อทางแบรนด์ได้โดยตรงเลยที่
www.facebook.com/1028Thailand หรือ Instagram : 1028Thailand ค่ะ



ติดตามและพูดคุยกับจอสได้ที่
Instagram : JOSSYBERRYBLOG




 

Create Date : 22 กันยายน 2558    
Last Update : 5 ตุลาคม 2558 20:00:27 น.
Counter : 2648 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

Jossy Berry
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jossy Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.