Group Blog
 
All blogs
 

Review : Supermom Zetar Eyelashes ขนตาขนมิ้งค์คุณภาพดี ติดแล้วตาหวาน




สวัสดีค่ะ บล็อกวันนี้จอสจะมาอัพเดทขนตาปลอมน้องใหม่
ถ้าบอกชื่อแบรนด์แล้วเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันดี เพราะเค้าค่อนข้างดังเรื่องเมคอัพ
และล่าสุดเค้าก็ได้ออกขนตาปลอมคอลเลคชั่นใหม่ ที่ติดแล้วเพิ่มความตาหวานไปอีก 10 ระดับ
เป็นขนตาปลอมที่ติดแล้วเนียนมากถึงมากที่สุด ค่อนข้างที่จะเป็นธรรมชาติ
แต่ก็มีให้เลือกหลายเบอร์อยู่เหมือนกันค่ะ ขนตาปลอมที่ว่านี้คือของ Supermom นั่นเอง


เคยเป็นไหมคะ เวลาที่แต่งหน้าแล้วถึงจะแต่งดีขนาดไหน
แต่ถ้าไม่มีขนตาปลอมก็เหมือนสวยไม่เสร็จ ก็เพราะว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ
ใครแต่งตาสวยก็จะทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาเลย วันนี้เรามาทำความรู้จักกับขนตาปลอม Supermom กันดีกว่าค่ะ



Supermom Zetar Eyelashes Collection ผลิตจากขนมิ้งค์ 100%
เป็นขนตาปลอมคุณภาพดี มีความทนทานและสามารถใช้ได้มากกว่า 5 ครั้ง
โดยขนตาปลอมคอลเลคชั่นนี้เค้าออกแบบมาทั้งหมด 10 เบอร์ค่ะ
ระดับความหนาบางก็แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเน้นเนียนๆ เบลนสวยไปกับขนตา
เหมาะแก่การแต่งหน้าลุคหวานๆสุภาพในช่วงนี้มากค่ะ วันนี้จอสจะมาติดให้ดูกันทั้ง 10 เบอร์เลยนะ



ซูมแพกเกจใกล้ๆค่ะ สวยงามหวานฟุ้ง



เรามาดูกันทีละเบอร์เลยค่ะ เริ่มจาก S105



S201



S203



S205



S207



S301



S302



S303



S304



S306



สุดท้ายนี้จอสรวมไว้ให้ดูแบบเทียบกันชัดๆเลยค่ะว่าแต่ละเบอร์เป็นยังไง
ส่วนตัวแล้วชอบที่คุณภาพดีค่ะ ขนตาขนมิ้งค์ส่วนใหญ่ติดแล้วจะรู้สึกเลยว่าตาดูชัด
ขนตาดูฟูแน่น ที่สำคัญคือติดได้หลายครั้ง ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ
ขนตาของ Supermom เค้าจะมีเอกลักษณ์ตรงที่ปลายขนตาจะมีความฟุ้ง
ทำให้ติดออกมาแล้วตาหวาน ส่วนใหญ่พอติดแล้วก็จะเบลนสวยไปกับตา
ดูเป็นธรรมชาติและไม่หลอกตาดีค่ะ มีหลายระดับความฟุ้งให้เลือกด้วย

ราคาขายอยู่ที่กล่องละ 290 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Supermomsponge
และนอกจากนี้ Supermom เค้าก็มีแฟลกชิพสไตร์ที่แรกแล้วที่เซนทรัลลาดพร้าวค่ะ
ใครอยู่ใกล้ก็แวะเวียนไปดูสินค้าได้ รับรองว่าไม่ผิดหวังกับแบรนด์นี้แน่นอนค่ะ
วันนี้จอสขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่ค่ะ xoxo





 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2559 12:11:57 น.
Counter : 5707 Pageviews.  

Review : ฉีด Filler ปากครั้งแรกกับ Dr. Tony Beauty Expert




สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมาอัพเดทปากใหม่โดย Dr. Tony Beauty Expert ค่ะ
เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจอสได้มีโอกาสเข้าไปปรึกษาคุณหมอ
เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ดูอวบอิ่มและมีความเซ็กซี่มากขึ้น
คุณหมอจึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ โดยการเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปาก
จากรูปด้านล่างจะเป็นรูปปากของจอสที่ฉีดและเข้าที่เรียบร้อยแล้วค่ะ
เชื่อว่าหลายคนคงอยากทำแต่ก็กลัว วันนี้จอสเลยอยากเอามาแชร์ว่ามันเป็นยังไงบ้าง


คลีนิคของ Dr. Tony อยู่ที่ The Crystal Park เลียบทางด่วนรามอินทราค่ะ
ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 เดินขึ้นบรรไดมาก็จะเจอเลย หาไม่ยากค่ะ
วันที่ไปถึงจอสนั่งรอคิวประมาณ 5 นาทีก็ได้พบคุณหมอแล้วค่ะ
คุณหมอน่ารักและเป็นกันเองมาก ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ
ว่าทำกับแกแล้วจะต้องชิวๆและราบรื่นค่ะ

สำหรับปากของจอสริมฝีปากบนจะค่อนข้างบาง ริมฝีปากล่างค่อนข้างโอเคแล้ว
คุณหมอจึงแนะนำว่าจะมีการฉีดบริเวณขอบปากเพื่อให้ได้รูปชัดขึ้น
และฉีดข้างในปากเพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้ปากดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวล
ส่วนปากล่างก็จะฉีดเพิ่มนิดหน่อยให้ดูปากอิ่มขึ้นมาค่ะ
โดยครั้งนี้จะใช้เป็นฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm Ultra Plus
ที่เป็นสาร HA มีความปลอดภัยและผ่าน อย. สามารถย่อยสลายได้ใน 1 ปีค่ะ






พอปรึกษาเสร็จแล้วก็ไม่รอช้าค่ะ แปะยาชากันเลย
ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาแค่ 15 นาทีเนื่องจากพี่พยาบาลจะใช้เครื่องช่วยผลัก
ตัวยาชาให้ซึมลงไปใต้ผิว ทำให้ยาชาออกฤทธิ์เร็วขึ้น ประหยัดเวลาไปเยอะเลยค่ะ
นอกจากนี้ใครที่บอกว่ากลัวเจ็บ ไม่ต้องกลัวนะคะ เนื่องจากก่อนฉีดจะมีการประคบเย็นอีกรอบ
และในตัวฟิลเลอร์ก็จะมียาชาผสมอยู่ด้วย เรียกได้ว่าชา x 3 กันเลยจ้า
งานนี้ไม่ชาให้มันรู้ไป ฮ่าๆๆ






ถามถึงความรู้สึกตอนฉีดว่าเป็นยังไงบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกว่า
ส่วนตัวเป็นคนกลัวเข็มมาก แต่เพื่อความสวยแล้วก็ต้องยอม
ตอนฉีดนี่ก็กลัวมากเช่นกัน ด้วยความที่คุณหมอใช้เป็นเข็มทู่
จึงจะมีการเซาะเข็มไปรอบๆริมฝีปากของเรา อันนี้บอกไว้เพื่อให้เตรียมใจไปนิดนึง
ตอนที่ฉีดจะได้ไม่ผวาค่ะ สำหรับจอสเตรียมตัวไปค่อนข้างเยอะเพราะจอสนัดล่วงหน้า
ตอนทำก็เลยพยายามนิ่งเพื่อให้คุณหมอได้ทำงานอย่างเต็มที่
คิดว่าถ้ากระดุกกระดิกแล้วเดี๋ยวตอนทำจะเจ็บและออกมาไม่สวย นิ่งเท่านั้นค่ะ นิ่งๆ
แต่ด้วยความที่คุณหมอค่อนข้างโปรจึงใช้เวลาทำไม่นาน และไม่เจ็บเท่าที่คิดด้วย
น่าจะใช้เวลาฉีดราวๆครึ่งชั่วโมงหรือต่ำกว่านั้นนิดนึงค่ะ
พอฉีดเสร็จก็อย่างที่เห็นว่าคุณหมอจะนวดปากให้เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้รูปสวย
เท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จค่ะ



รูปด้านล่างนี้เป็นรูปหลังฉีดทันทีและ before/after ค่ะ จะเห็นว่ามีรอยเข็มนิดๆตรงมุมปากสองข้าง
แต่ไม่มีอาการช้ำใดๆค่ะ หลังฉีดก็จะรู้สึกชาไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง
พอยาชาหมดฤทธิ์แล้วจะไม่มีอาการเจ็บค่ะ แค่จะรู้สึกตึงๆเท่านั้นเอง

วิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีดจริงๆไม่มีอะไรมากค่ะ คุณหมอจะเน้นว่าไม่ให้มีการนวดบริเวณริมฝีปาก
โดยเฉพาะถ้าไปนวดหน้าก็ให้ระวังนิดนึง งดการจูบแบบฮาร์ดคอร์ 2-3 วัน
ข้อนี้สาวโสดบนคานอย่างเราก็ผ่านไปฉลุยแบบหวุดหวิด (ห้ามนัดเจอผู้)
และให้งดพวกวิตามินอาหารเสริมบางประเภทเช่น vitamin e, fish oil เป็นต้น
พวกของหมักของดอง ส้มตำปูปลาร้า และแอลกอฮอล์ก็ให้ผ่านไปก่อนสัก 1 สัปดาห์ก็จะดีค่ะ
ปล. จริงๆคุณหมอแจ้งว่าให้งดแค่ 1 วัน แต่เราอยากให้ชัวร์ก็งดสัปดาห์นึงไปเลยจ้า



ก่อนและหลังฉีดทันที โปรดมองข้ามรอยสิวและริมฝีปากอันแห้งกร้าน



ทีนี้เรามาดูพัฒนาการกันบ้างค่ะ ต้องบอกว่าหลังฉีดใหม่ๆจอสแอบกลัวว่ามันจะยุบเยอะ
เพราะรู้สึกชอบปากหลังฉีดของตัวเองมากๆ แต่พอผ่านไป 7 วันเข้าที่แล้ว
ปรากฎว่ายุบลงไปแค่นิดหน่อยค่ะ แสดงว่าตอนทำไม่ได้บวมมากเท่าไหร่
เนื่องจากคุณหมอมือเบามาก และขอย้ำว่าไม่มีอาการเจ็บ แต่จะแค่รู้สึกตึงเท่านั้นเอง
สิ่งที่ชอบหลังฉีดมากๆเลยคือ ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น ทำให้ไม่มีร่องบนปาก
ช่วยให้หน้าดูเด็กขึ้นเยอะเลย นอกจากนี้หน้าก็ดูเปลี่ยนไปในทางที่เซ็กซี่ขึ้นด้วยค่ะ อิอิ

ปัญหาที่จอสเจอคือจะรู้สึกว่าริมฝีปากบนข้างซ้ายจะเป็นก้อนนิดๆ
ซึ่งตรงนี้คุณหมอได้แจ้งก่อนที่จะฉีดแล้วว่าสามารถเกิดขึ้นได้
แต่จะค่อยๆดีขึ้นและเนียนไปกับปากของเราเมื่อเข้าที่ค่ะ อันนี้เลยผ่านไปได้ดี ไม่เครียด
ที่เครียดคือมีหนุ่มๆมาจีบเยอะขึ้นค่ะ รู้สึกหนักใจไม่รู้จะเลือกคนไหนดี ฮ่าๆๆ



หลังจากที่ปากเข้าที่แล้วเราก็มาทาลิปกันฉ่ำๆเก็บภาพปากหลายๆมุมให้ได้ชมกันค่ะ
ตอนนี้รักปากใหม่โดยคุณหมอโทนี่มาก แต่งหน้าออกมาแล้วคือปังระดับ 10!
ไม่รู้จะพูดอะไร ต้องขอบคุณคุณหมอมากเลยค่ะ ถูกใจมากมาย

เพื่อนๆที่สนใจสามารถแวะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอได้ค่ะ
คลีนิคอยู่ที่ The Crystal Park เลียบทางด่วนรามอินทรา เปิดทุกวัน 11 โมงถึงสองทุ่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม www.facebook.com/dr.tonybeautyexpert






สุดท้ายขอถ่ายรูปคู่กับคุณหมอไว้ด้วยค่ะ
อย่าลืมติดตามจอสได้ทาง IG - Jossyberryblog

ไว้พบกันใหม่นะคะ xoxo





 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2559 19:26:50 น.
Counter : 1915 Pageviews.  

Review : Little Baby Collagen Powder ผิวเนียนสวยสุขภาพดี





สวัสดีค่ะบล็อกวันนี้จอสจะมาอัพเดทงานผิว ช่วงนี้ได้ลองผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผิวเยอะมาก
หนึ่งในนั้นคือแป้งผสมรองพื้นที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและคิวเท็น
เนื้อบางเบา สัมผัสนุ่มละมุนผิวสุดๆ ใช้คนเดียวแล้วอดไม่ได้ต้องมารีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกัน
เป็นแป้งอีกหนึ่งตัวที่จอสอยากจะแนะนำ และที่สำคัญคือราคาไม่แพงด้วยค่ะ


แป้งผสมรองพื้นที่จอสพูดถึงคือ Little Baby Collagen Powder นั่นเองค่ะ
เค้าเป็นแป้งผสมรองพื้น มีกันแดดในตัว SPF40 PA++
คุณสมบัติเด่นของเนื้อแป้งเลยคือบางเบา นุ่มลื่นดุจกัมหยี่
เนื้อแป้งปกปิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่หนาโป๊ะ กันน้ำกันเหงื่อ
มีส่วนผสมของสารบำรุงอย่าง Collagen และ Q10 ช่วยเติมร่องลึกและให้ผิวดูสุขภาพดี
มี Snow Algae สาหร่ายหิมะสีแดง ช่วยให้ผิวสวยทนนานถึง 12 ชั่วโมง
มี Astaxanthin ใน foundation ช่วยพยุงความงามให้เซลล์ผิว ติดทนนาน
ควบคุมความมันและลดการเกิดสิวด้วยส่วนผสมจาก Zinc
นอกจากนี้ยังมีวิตามิน B3 และ วิตามินซีช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสด้วยค่ะ

แพกเกจมาเป็นกล่องกระดาษ สีสันสดใสน่ารักมากเลยค่ะ
ตรงฝาครอบจะมีกระจกอยู่ด้านใน สามารถพกไปเติมระหว่างวันได้
พัฟของเค้าจะเป็นพัฟนุ่มๆสไตล์เกาหลี ทำให้ลงเนื้อแป้งได้เนียนและเป็นธรรมชาติค่ะ









แป้งตัวนี้จะมีอยู่ทั้งหมดสองสีค่ะ
No.0 Nude Beige สำหรับผิวขาว และ No.1 Natural Beige สำหรับผิวสองสี
ต้องบอกก่อนว่าเฉดสีของเค้าจะค่อนข้างสว่าง จึงเหมาะกับคนที่ผิวขาว
หรือต้องการความผ่องเด้งให้กับผิวหน้า แต่จะไม่เหมาะกับคนผิวคล้ำค่ะ



Swatch ลงบนแขน



รูปด้านล่างนี้เป็นรูปหน้าสด จะเห็นว่ามีสิวอักเสบ รอยสิวและรอยกระนิดหน่อยค่ะ



ต่อไปจอสจะลงให้ดูโดยที่ใช้แป้ง Collagen ตัวนี้เดี่ยวๆเลยค่ะ
เลือกใช้เบอร์ 1 Natural Beige เพราะคิดว่าใกล้เคียงกับสีผิวที่สุด
ลงแป้ง Collagen Powder ครึ่งหน้า จะเห็นว่าผิวดูเนียนขึ้น ช่วยปกปิดริ้วรอยได้ระดับนึงเลย
แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ ดูแล้วแทบไม่ต่างกับก่อนลงแป้งสักเท่าไหร่



ลงแป้ง Collagen Powder ทั้งหน้า จะเห็นว่ารอยสิวยังเห็นอยู่
ช่วยอำพรางรูขุมขนและรอยกระได้ค่อนข้างดี ปิดแพนด้าได้ระดับนึงแต่ยังไม่มิดค่ะ
โดยรวมแล้วรู้สึกว่าเนื้อแป้งเนียนละเอียด ใช้แล้วละมุนผิวมากๆ
เบาสบาย ไม่หนักหน้าและได้ลุคที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับวันสบายๆไม่อยากแต่งหน้าจัด
ใครที่ต้องการความปกปิดแนะนำให้ลงคอนซีลเลอร์เฉพาะจุดก่อน ก็จะช่วยได้ค่ะ



โดยรวมแล้วจอสชอบแป้งตัวนี้มากๆค่ะ เป็นแป้งที่เบาสบาย ไม่หนาไม่โป๊ะ
ทาตอนแรกอาจจะรู้สึกว่าขาวนิดๆ แต่รอสักพักเนื้อแป้งจะเซ็ตตัวและกลืนไปกับสีผิวเราค่ะ
เป็นแป้งที่ควบคุมความมันได้ดี ระหว่างวันไม่ไหลเยิ้ม ถึงเหงื่ออกก็ไม่หลุดเป็นคราบ
ส่วนตัวใช้แล้วไม่อุดตัน ไม่แพ้ สิวไม่เห่อ ก็เลยแฮปปี้ค่ะ
ข้อเสียมีอยู่อย่างเดียวคือแพกเกจเป็นกระดาษทำให้รู้สึกไม่ทนทานถ้าต้องพกไป Adventure
และตรงฝาปิดจะไม่ค่อยสนิท อาจจะหลุดออกมาได้เวลาพกไว้ในกระเป๋า
แนะนำว่าให้เก็บไว้ในถุงชีฟองที่เค้าแถมมาให้อีกทีจะช่วยป้องกันได้ค่ะ

ใครที่ชอบดูแบบวีดีโอสามารถคลิกดูรีวิวด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ




เพื่อนๆที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Instagram - Littlebabycream

ฝากติดตามจอสด้วยที่
Instagram - Jossyberryblog

ไว้เจอกันใหม่นะคะ








 

Create Date : 06 ตุลาคม 2559    
Last Update : 8 ตุลาคม 2559 9:40:34 น.
Counter : 3484 Pageviews.  

Review : ELE CC Cream Ready Go SPF50 PA+++ เนื้อดีแพเกจหรูดูแพง




สวัสดีค่ะ บล็อกรีวิววันนี้จอสจะขอมาอัพเดทโปรดักส์ตัวใหม่
ที่เค้าเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ Siam Paragon ไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมนี้
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำแบรนด์ ELE (อีแอลอี) เป็นแบรนด์สกินแคร์ส่งออกที่ดังมากๆ
ในหลายประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง และใต้หวัน ล่าสุดมีขายที่ห้างลอตเต้ประเทศเกาหลีแล้วด้วย

สิ่งที่จอสจะหยิบมารีวิวในวันนี้คือ CC Cream Ready Go SPF50 PA+++
คุณสมบัติ เป็นซีซีครีมรองพื้นควบคุมความมัน ช่วยปกปิดริ้วรอย รูขุมขน
และจุดด่างดําอย่างเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
ช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดด้วย SPF50 PA+++

แพกเกจสวยงามและดูดีมาก เป็นโทนสีขาวทอง ตัวกระปุกสีขาวสกรีนโลโก้สีทอง
มีความแข็งแรงทนทาน ดูแล้วไม่กิ๊งก๊อง ดูแพงและไฮโซเทียบเท่าเค้าเตอร์แบรนด์แพงๆได้เลย
ลักษณะการใช้งานจะเป็นแบบหัวปั้ม ทำให้ใช้งานง่ายด้วยค่ะ








ลักษณะเนื้อครีมตอนที่บีบออกมาแล้วจะเป็นสีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆแบบไม่กวนใจ
เนื้อเหลวเกลี่ยง่าย พอนวดวนกับผิวแล้วเนื้อครีมจะเปลี่ยนเป็นสีเนื้อ
รอแปบนึงแล้วเนื้อจะค่อยๆปรับสภาพให้กลืนไปกับสีผิวของเราค่ะ
เนื่องจากซีซีครีมตัวนี้เค้าออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา
จึงไม่รู้สึกเหนียวเหนอะผิวแต่อย่างใด






เอาเป็นว่าทดสอบบนหลังมือไปแล้ว เรามาทดสอบกับใบหน้ากันบ้างดีกว่า
สภาพผิวของจอสจะเป็นผิวผสมค่อนไปทางแห้งนิดนึง มีรอยสิวและรอยกระบ้าง
หลังทาแล้วเนื้อซีซีครีมสามารถปกปิดได้ดีระดับนึง รู้สึกเนื้อเนียนเรียบไปกับผิว
ไม่หนาโป๊ะ แต่จะได้ผิวที่ดูผ่องๆนิดนึง คนที่สีผิวเข้มมากอาจจะต้องระวังค่ะ
แต่สำหรับเฉดสีผิวจอสแล้วถือว่าโอเคเลย ควบคุมความมันได้ระดับนึง ไม่รู้สึกเหนอะหนะผิว 
และมีค่า SPF50 PA+++ สามารถทาก่อนออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจเลยค่ะ

ระหว่างวันจะรู้สึกว่าผิวดูผ่องทั้งวันเลยค่ะ ไม่หมองไม่ดรอป ส่องกระจกดูแล้วผิวดี๊ดี
สำหรับผิวผสมแบบจอสแล้วซับมันครั้งเดียวก็เอาอยู่แล้วค่ะ
ติดทนดี สามารถยู่ได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลย เวลาเหงื่อออกก็ไม่เป็นคราบด้วยค่ะ
แต่ต้องระวังอย่าเอามือไปปาดบนหน้านะคะ ไม่งั้นอาจจะหลุดได้
เวลาซับมันก็กดเบาๆพอ รับรองว่าผิวผ่องเนียนสวยทั้งวันแน่นอน



ด้านล่างนี้เป็นรูปที่จอสแต่งหน้าเสร็จแล้วค่ะ เซ็ตด้วยแป้งฝุ่น Three Translucent
ผิวดูมีสุขภาพดีมากเลย โดยรวมแล้วจอสชอบค่ะ เป็นซีซีครีมที่เนื้อดี
แพกเกจก็สวยหรูดูแพงด้วย แต่จะมีข้อเสียนิดนึงตรงเรื่องเฉดสีค่ะ
เนื่องจากว่าเค้ามีสีเดียว จึงเหมาะกับคนผิวขาวถึงผิวสองสีค่อนไปทางขาว
แต่คนผิวคล้ำจอสไม่แนะนำค่ะเพราะอาจจะทำให้หน้าวอกได้

ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้าน Boots, Sturuha, Purebybigc, 
EveandBoy, Beautrium, 7-11 และ 7-Catalog
ขนาด 10 กรัม ราคา 380 บาท และ 50 กรัม ราคา 890 บาทค่ะ

ติดตามและพูดคุยกับจอสได้ที่
IG - Jossyberryblog








 

Create Date : 03 ตุลาคม 2559    
Last Update : 9 ตุลาคม 2559 16:53:46 น.
Counter : 2644 Pageviews.  

Review : ฉีดโบทอกซ์ลดกราม หน้าเรียวที่ Cherie Clinic







สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมาอัพเดทการฉีดโบทอกซ์ครั้งล่าสุดค่ะ
ซึ่งต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วจอสจะเป็นคนมีกราม เพราะทานเก่ง
จึงทำให้เวลาถ่ายรูปออกมาแล้วหน้าดูใหญ่ จอสเลยตัดสินใจฉีดโบทอกซ์
ตั้งแต่ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ฉีดติดต่อกันมาเรื่อยๆปีละ 1-2 ครั้ง
เพื่อคงความเรียวของใบหน้า ล่าสุดเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วจอสเลยได้มีโอกาส
ไปฉีดกับทาง Cherie Clinic สาขาเซนทรัลแจ้งวัฒนะมา วันนี้เลยแวะมาอัพเดทอาการ
และรีวิวคลีนิคไปด้วยกันเลยค่ะ เผื่อใครกำลงตัดสินใจอยู่นะคะ


Cherie Clinic โดยโรงพยาบาลบางปะกอก9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นคลีนิคความงามครบวงจร
มีทั้ง Botox Filler Laser ร้อยไหม รักษาสิวฝ้า แม้กระทั่งศัลยกรรมความงาม
โดยอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ โรงพยาบาลบางปะกอก9 อินเตอร์เนชั่นแนล
คุณหมอทุกท่านที่ออกตรวจเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเรียนจบด้านนี้โดยเฉพาะ
จอสจึงค่อนข้างมั่นใจในความปลอดภัยที่จะมาใช้บริการกับที่นี่ค่ะ
สาขาที่จอสไปมาครั้งนี้อยู่ที่ เซนทรัลแจ้งวัฒนะค่ะ เป็นครั้งแรกที่มาใช้บริการกับที่นี่
พี่ๆพนักงานน่ารักและบริการดีค่ะ วันนั้นจอสไปถึงก่อนเวลานิดนึงคุณหมอยังไม่มา
เลยนั่งรอแปบนึง ก็มีพนักงานมาเสิร์ฟน้ำและก็เข้ามาทักทายพูดคุยนิดหน่อยค่ะ
รอสักพักคุณหมอก็มาพอดี เลยได้เข้าพบคุณหมอเป็นเคสแรกเลย
คุณหมอที่นี่ก็น่ารักค่ะ ให้คำปรึกษาดี โดยรวมแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรมาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้จอสเคยทำงานที่คลีนิคเสริมความงามมาอยู่แล้ว
และก็เป็นคนที่ฉีดโบทอกซ์ลดกรามมาตลอดอยู่แล้วค่ะ ส่วนนี้ก็ผ่านไปด้วยดี






สำหรับโบทอกซ์ยี่ห้อที่คุณหมอฉีดให้เป็นของ Allergan จากอเมริกา
ซึ่งยี่ห้อนี้จะเป็นโบทอกซ์ที่คุณภาพดีที่สุด ถือเป็นออริจินอลเลยก็ว่าได้ค่ะ
โดยทั่วไปแล้วการฉีดโบทอกซ์ลดกรามจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่สัปดาห์ที่สอง
และจะค่อยๆลดลง ทำให้เห็นถึงผลลัพธ์หน้าเรียวยิ่งขึ้น
สามารถอยู่ได้ราวๆ 4-6 เดือน ถ้าเป็นโบทอกซ์ยี่ห้อนี้ก็จะอยู่ได้นานกว่ายี่ห้ออื่น

พอเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วคุณหมอก็เรียกขึ้นเตียงเลยค่ะ
ก่อนฉีดจะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อให้รู้สึกชา เวลาฉีดจะได้ไม่เจ็บ
ส่วนตัวจอสเป็นคนที่กลัวเข็มอยู่แล้ว ก็มีเกร็งนิดหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าไม่เจ็บ ฮ่าๆ
คุณหมอมือเบามากใช้เวลาฉีดไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทางคลีนิคใช้ต้องบอกว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาลบางประกอก 9
ตัวยาต่างๆที่ใช้เป็นของแท้ 100% ไม่มีของปลอมแน่นอนและ
ผ่านการรับรอง อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกาและเกาหลีค่ะ






แอ๊บหน้าให้สวยตอนถ่ายรูปทั้งที่ในใจก็กลัว ฮ่าๆๆ
เวลาฉีดคุณหมอจะให้กัดกรามขึ้นมา ก็จะเจอกล้ามเนื้อแข็งๆ
แล้วก็ทำการฉีดลงไปข้างละ 3 เข็มค่ะ โดยตัวโบทอกซ์ก็จะไปออกฤธิ์กับกล้ามเนื้อ
ทำให้กล้ามเนื้อช่วงกรามของเราฝ่อลง และรูปหน้าก็จะดูเรียวขึ้นนั่นเองค่ะ






ด้านล่างนี้เป็นรูปเปรียบเทียบระหว่างก่อนฉีดและหลังจากที่ฉีดมาแล้ว 2 สัปดาห์ค่ะ
จะเห็นได้ว่าใบหน้าได้รูปขึ้น ช่วงกรามก็ดูเล็กลง เวลาถ่ายรูปแล้วหน้าไม่บาน
วิธีสังเกตุผลลัพธ์อีกอย่างนึงก็คือให้กัดกรามดูค่ะ ถ้าส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อไม่แข็งแล้ว
แสดงว่าโบทอกซ์เริ่มออกฤธิ์แล้ว หลังจากนั้นก็จะรอไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์
ก็จะเห็นว่าใบหน้าเรียวขึ้นกว่าเดิมค่ะ ส่วนตัวจอสเริ่มเห็นผลตั้งแต่สัปดาห์กว่าๆแล้วค่ะ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ฉีดมาหลายครั้งแล้ว เลยลงง่ายกว่าคนที่ยังไม่เคยฉีด
อย่างที่บอกว่าโบทอกซ์จะอยู่ได้ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
การใชช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาหารที่ทานด้วยค่ะเพราะถ้าทานของเหนียวๆหรือแข็ง
กล้ามเนื้ออาจจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้เร็วกว่าปกติ

ทั้งนี้หลังจากการฉีดโบทอกซ์มาอาจมีข้อห้ามอยู่นิดหน่อยนะคะ เช่นห้ามนอนราบ 5 ชั่วโมงแรก
ห้ามทานของหมักดอง แอลกอฮอล์เพราะอาจไปทำลายประสิทธิภาพของโบทอกซ์
และห้ามเข้าซาวน่า หรือนวดหน้า เพราะความร้อนสามารถทำลายประสิทธิภาพ
และการนวดหน้าก็จะทำให้โบทอกซ์ที่ฉีดลงไปกระจายตัวทำให้ผลที่ได้ผิดพลาดค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจมาฉีดโบทอกซ์ที่นี่
จอสจึงขอแจกแจงรายละเอียดราคาตามนี้เลยนะคะ ช่วงนี้เค้ามีโปรโมชั่นถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
Botox Allergan (USA) ราคายูนิตละ 300 บาท โปรโมชั่นลดเหลือ ยูนิตละ 240 บาท
Botox Neuronox (Korea) ราคายูนิตละ 200 บาท โปรโมชั่นลดเหลือ 140 บาท
เท่านี้ยังไม่พอค่ะ พิเศษสำหรับแฟนเพจจอสเลย เพียงแสดงหน้า Blog นี้
กับทาง Cherie Clinic ทุกสาขารับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ไปเลยค่ะ
ปล. ของจอสฉีดไปทั้งหมด 50 ยูนิต ราคาก็ลองบวกลบกันดูเนอะ









โดยรวมแล้วผลที่ได้ค่อนข้างพอใจค่ะ ช่วงนี้ถ่ายรูปทีไรก็รู้สึกว่าง่ายขึ้นเพราะหน้าดูเรียว
สุดท้ายก่อนกลับก็ขอแชะภาพร่วมกับคุณหมอและที่ปรึกษาความงามของคลีนิคด้วยค่ะ
วันนี้จอสขอตัวลาไปก่อนแล้ว ไว้พบกันใหม่นะคะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Cherie Clinic ได้ที่

IG - Jossyberryblog
Fcaebook - Jossy Berry Make-up Artist





 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 9 กันยายน 2559 21:28:34 น.
Counter : 1548 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

Jossy Berry
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jossy Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.