Group Blog
 
All blogs
 

Review : O'leste Facial Cleanser ทำความสะอาดผิวล้ำลึกอย่างอ่อนโยน




สวัสดีค่ะบล็อกวันนี้จะขอมาอัพเดทผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตัวใหม่
ซึ่งตัวนี้ค่อนข้างที่จะมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใครเพราะว่าเค้าเป็นคลีนเซอร์ที่
เสมือนเป็นมาส์กหน้าในตัว ซึ่งได้ทั้งทำความสะอาดและบำรุงผิวไปด้วย
ตัวนี้จอสได้ลองใช้มาประมาณสัปดาห์นึงแล้ว รู้สึกว่ามันเวิร์ค
เหมาะกับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย และคนที่มีปัญหาสิวอุดตันจากการ
ล้างหน้าไม่สะอาด เอาเป็นว่าวันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไงนะคะ


O'leste Facial Cleanser
เป็นคลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของทัวร์มาลีน ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและไขมัน
ที่อุดตันในผิว อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ทำให้ผิวสะอาดหมดจด
นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของคอลลาเจน ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น
ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังการล้างหน้าค่ะ ปริมาณ 50 มล. ราคา 900 บาท

ส่วนผสม
Aqua, Tourmaline Extract, Collagen, Chrysanthellum Indicum Extract, 
Honey Extract, Decyl Glucoside, Camellia Sinensis Leaf Extract,Sodium 
Lauroyl Glutamate, Citric Acid ,Sorbitol, Niacinamide, Sodium PCA,
Hydroxyethyl Cellulose, Hyaluronic Acid, Methylparaben, Methylisothiazolinone



สำหรับแพกเกจจะออกแนวเรียบหรูมาในโทนสีขาวม่วง
ข้อดีของคลีนเซอร์ตัวนี้คือจะมาเป็นหัวปั้ม ทำให้ใช้งานง่าย สะดวก
ขนาดกระทัดรัด หยิบจับและพกพาได้สะดวกดี









เนื้อครีมของเค้าจะเป็นสีเทาอมม่วง มีกลิ่นหอมอ่อนๆแบบไม่ระคายเคืองจมูก
เวลาบีบออกมาบนฝ่ามือแล้วจะรู้สึกเย็นๆ และมีความเข้มข้นสูง
วิธีใช้ตัวนี้คือสำหรับคนที่ไม่ได้แต่งหน้าก็สามารถล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดก่อน 1 รอบ
หลังจากนั้นก็ใช้คลีนเซอร์ 3-4 ปั้มแล้วนวดให้ทั่วไปหน้าที่หมดๆได้เลย
ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เป็นอันเสร็จค่ะ
ส่วนใครที่เป็นสายแน่น แต่งหน้าจัดๆ แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยเมคอัพรีมูฟเว่อร์ก่อน
แล้วจึงใช้ตัวนี้ตามลงไป สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็นเลยค่ะ



ความรู้สึกหลังใช้ต้องบอกว่าเกินคาดค่ะ
เพราะว่าคลีนเซอร์ตัวนี้ตอนที่ทาลงไปจะไม่มีฟองใดๆ เลยรู้สึกไม่ค่อยชิน
แต่เราสามารถนวดวนๆบนใบหน้าที่เปียกได้เลย ทิ้งไว้ 2-3 นาที
แล้วล้างออกจะรู้สึกได้เลยว่าผิวสะอาดเกลี้ยงเกลา
เหมือนเค้าช่วยดูดซับความสกปรกและสิ่งตกค้างต่างๆบนใบหน้าของเราออกไป
เหลือไว้แต่ผิวที่สะอาดสดชื่น รู้สึกว่าผิวนุ่มและไม่แห้งตึงด้วยค่ะ



ซูมให้ดูผิวคลีนๆกันแบบใกล้ๆค่ะ รู้สึกสะอาดดีมาก



สำหรับเพื่อนๆที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.olesteskincare.com
หรือ Facebook - www.facebook.com/olesteskincare

นอกจากนี้ O'leste เค้ายังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกด้วยนะคะ ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วย
วันนี้จอสต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่ค่ะ xoxo





 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2559 9:35:55 น.
Counter : 1910 Pageviews.  

Review : Vitistra เวชสำอางบำรุงผิว ขาวใสและลดรอยดำแดงจากสิว




สวัสดีค่ะ วันนี้จอสจะมารีวิวสกินแคร์ตัวใหม่ที่ได้มาลองใช้ในช่วงนี้
ต้องบอกก่อนว่าเป็นสกินแคร์เวชสำอางของคนไทยที่คุณภาพดีมากๆ
ผลิตจากแลปมาตรฐานและผ่านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาจากสถาบันวัยจัย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และได้รับสนับสนุนทุน
จากสำนักนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) นอกจากนี้ยังมีการตีพิมพ์ระดับนานาชาติ
จึงค่อนข้างน่าเชื่อถือค่ะ จอสใช้ติดต่อกันมาจนใกล้หมดแล้ว 
และค่อนข้างเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ วันนี้เลยเอามารีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันค่ะ


สกินแคร์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Vitistra ค่ะ เป็นเวชสำอางนาโนที่สกัดจากเมล็ดองุ่น
เป็นนวัตกรรมที่ลดอนุภาคของสารออกฤทธิ์ให้น้อยกว่า 100 นาโนเมตร
เพื่อให้ซึมลึกเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวหนัง ทั้งยังมีทีมนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์
เครื่องสำอางที่มีประสบการณ์ตรง และควบคุมการผลิตโดยโรงงานที่มีมาตรฐานสูง
ผ่านการทดสอบการระคายเคืองแล้ว จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวค่ะ

โดยหลักๆแล้วเค้าจะช่วยในเรื่องของการลดเลือนริ้วรอยแห่งไว รอยดำ รอยแดงจากสิว
รวมถึงรอยฝ้ากระและจุดด่างดำ และช่วยให้ผิวหน้าดูขาวกระจ่างใสอีกด้วยค่ะ

Vitistra GSE Revitalizing Nano Day Cream และ Vitistra GSE Revitalizing Nano Night Cream
ปริมาณหลอดละ 10 กรัม ราคาอยู่ที่หลอดละ 490 บาทค่ะ
แพเกจจะเป็นโทนสีขาว ดูดีน่าใช้ ฝาสีเงินเป็น Day Cream สีทองเป็น Night Cream
ส่วนตัวคิดว่าหลอดเล็กไปนิดนึง ถ้าทำหลอดใหญ่กว่านี้จะดีมาก
เนื่องจากจอสเป็นคนที่ใช้ครีมค่อนข้างเยอะ ทำให้ใช้ได้ไม่ถึงเดือนค่ะ
ส่วนราคาถ้าเทียบกับปริมาณแล้วโอเคเลย ถือว่าไม่ได้แพงมาก สามารถจับต้องได้









เรามาดูกันทีละตัวดีกว่าค่ะ เริมจาก Day Cream 
Vitistra GSE Revitalizing Nano Day Cream
เนื้อครีมเป็นสีขาวมีความเข้มข้นสูง กลิ่นจะไม่มีน้ำหอมผสมมาเลยค่ะ
จะเป็นกลิ่นเพียวๆของเนื้อครีมเลย ซึ่งอันนี้จอสไม่แน่ใจว่าเขาใส่น้ำหอมเพื่อดับกลิ่นรึป่าวนะ
แต่จะรู้สึกได้ว่าเนื้อครีมค่อนข้างอ่อนโยน เวลาเกลี่ยลงบนผิวแล้วไม่รู้สึกแสบ
สำหรับตัว Day Cream เนื้อค่อนข้างซึมไวค่ะ พอทาลงบนผิวแล้วก็จะแมทท์หายไปเลย
สังเกตุจากรูปก่อนและหลังทา จะเห็นเลยว่าไม่หลงเหลือความมันไว้บนหน้า
สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทาในตอนเช้าระหว่างวันไม่ทำให้หน้ามันด้วยค่ะ









ต่อไป Vitistra GSE Revitalizing Nano Night Cream
ตัวนี้เนื้อจะออกสีเหลืองนิดๆค่ะ แต่กลิ่นก็จะคล้ายๆ Day Cream
มีความเข้มข้นสูงเหมือนกันแต่จะค่อนข้างชุ่มชื้นผิวมากกว่า และเนื้อครีมเกลี่ยง่ายกว่า
เวลาทาลงบนผิวแล้วจะรู้สึกว่าผิวดูมีน้ำมีนวล และช่วยบำรุงในตอนกลางคืนได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วจอสจะชอบตัว Night Cream มากกว่าเพราะทาแล้วรู้สึกว่าผิว
ได้รับการบำรุงได้ดีกว่า รู้สึกชุ่มชื้นและผิวจะดูโกลว์นิดๆ แต่ไม่ถึงกับหน้ามันค่ะ
เนื้อครีมซึมเข้าผิวได้ดีมาก ตื่นมาตอนเช้าจะรู้สึกว่าผิวแน่นๆฟูๆ ดูเรียบเนียนและไม่แห้งกร้าน






เนื่องจากว่าเค้าเป็นเนื้อครีม จอสจึงใช้ควบคู่กับ Essence ของ SK-II ที่ใช้เป็นประจำ
ก็จะช่วยให้เนื้อครีมซึมลงผิวได้ดีขึ้น เพราะมีการเตรียมผิวก่อนลงครีม
ถึงตอนนี้จอสใช้มาได้ประมาณ 3 สัปดาห์ เกือบจะหมดหลอดแล้วค่ะ
สิ่งที่เห็นได้ชัดคือรอยสิวบริเวณคางลดลง ผิวโดยรวมแล้วดูเรียบเนียนและเปล่งปลั่ง
เรื่องของฝ้ากระจอสไม่ค่อยได้โฟกัสเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะช่วยได้นิดหน่อยค่ะ
เนื่องจากว่าจอสมีรอยกระที่เป็นมานาน ก็เลยไม่ได้ซีเรียสสักเท่าไหร่
ช่วงไหนที่รู้สึกว่าอยากให้รอยสิวจางไวสามารถแต้มเฉพาะจุดเพิ่มลงไปได้ค่ะ
ส่วนเรื่องของริ้วรอยจอสยังมีไม่เยอะ เลยคิดว่าใช้ครีมบำรุงเพื่อป้องกันริ้วรอย
ไม่ให้เกิดขึ้นก่อนวัยอันควรก็ดีเหมือนกันค่ะ

โดยรวมแล้วค่อนข้างพึงพอใจมากถึงมากที่สุด เพราะเนื้อครีมมีความอ่อนโยน
ตั้งแต่เริ่มใช้มาไม่มีอาการแพ้ แสบหน้าหรือมีสิวขึ้นแต่อย่างใดค่ะ
เอาเป็นว่าใครที่มีผิวบอบบางแต่อยากได้ครีมบำรุงที่ช่วยในเรื่องของผิวขาวใส 
ลดรอยดำแดงจากสิวและรอยฝ้ากระ โดยไม่เสี่ยงอันตรายจากครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน
จอสอยากให้ลอง Vitistra ดูค่ะ เค้าเป็นเวชสำอางที่น่าเชื่อถืออีกตัวนึงเลย
คิดว่าถ้าใช้เซ็ตนี้หมดแล้วก็อยากจะซื้อมาใช้ซ้ำ เพราะจอสอยากให้ได้ผลลัพธ์เต็มที่ 
เนื่องจากว่ารอยสิวตอนนี้ก็ยังไม่หาย 100% ถ้าใช้เวลาอีกนิดคิดว่าคงเห็นผลดีกว่านี้ค่ะ

ทั้งนี้ผลของการใช้ครีมบำรุงผิวอาจแตกต่างกันออกไปในรายบุคคลด้วยนะคะ



สำหรับเพื่อนๆที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook Fanpage @vitistraofficial  ค่ะ

ติดตามและพูดคุยกับจอสได้ทาง
IG - Jossyberryblog

วันนี้จอสต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่นะคะ xoxo





 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2559 12:49:18 น.
Counter : 7765 Pageviews.  

Review : Garnier Micellar Cleansing Water เช็ดเดียวจบสะอาดครบทั้งหน้า





สวัสดีค่ะวันนี้จอสมีไอเท็มใหม่มาแนะนำ จะบอกว่ามันคือข่าวดีของสาวๆที่รักการดูแลผิวทั้งหลาย
และเชื่อว่าหลายคนคงจะรอคอยกันอยู่ กับคลีนซิ่งตัวใหม่ของ Garnier
คลีนซิ่งตัวนี้เค้าดังและมาแรงมากๆในต่างประเทศ จอสเป็นอีกคนนึงที่รอคอย
และในที่สุดวันนี้นางก็นำเข้ามาขายในประเทศไทยแล้ว
ด้วยความที่ตื่นเต้น พอได้ลองใช้ก็รีบมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันเลย
จะเป็นยังไง เราไปดูรีวิวพร้อมกันค่ะ


Garnier Micellar Cleansing Water
เป็นคลีนซิ่งสูตรน้ำที่หลายคนคงจะรู้จักกันดี เวลาใช้ก็ชุบสำลีแล้วเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า
จุดเด่นของการ์นิเย่คือเค้าเคลมว่าสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด
ซึ่งวิธีใช้ของเค้าคือแค่แตะสำลีลงบนผิวแล้วเค้าจะทำการดูดเมคอัพออกมา โดยที่ไม่ต้องถู
มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีแอลกอฮอล์และน้ำมันทำให้ไม่อุดตันและระคายเคืองผิวค่ะ
ปริมาณ 400 มล. ถือว่าขวดค่อนข้างใหญ่และใช้ได้นาน ที่สำคัญคือหาซื้อได้ง่ายแม้ใน 7/11 ค่ะ









วิธีใช้จริงๆแล้วเค้าสามารถทำความสะอาดรอบดวงตาได้ด้วย
แต่ด้วยความที่จอสเป็นคนแต่งหน้าจัดจ้านมากๆ เลยคิดว่าการใช้ eye remover
แยกต่างหากน่าจะดีกว่า แต่ใครที่แต่งหน้าอ่อนๆสามารถใช้ตัวนี้ จบในขั้นตอนเดียวได้เลยค่ะ

อย่างที่เค้าบอกว่าการทำงานของคลีนซิ่งตัวนี้เปรียบเสมือนแม่เหล็กดูดเมคอัพออกมา ไม่ต้องถูแรง
ดังนั้นเวลาที่จอสใช้จอสจะแตะสำลีลงบนใบหน้า รอสักพักก็จะเห็นเมคอัพซึมติดสำลีออกมาเลยค่ะ
มันเวิร์คมาก ไม่ต้องถูแรงๆให้หน้าเหี่ยวและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ส่วนตัวแล้วจะใช้สำลีประมาณ 3-4 แผ่นก็สามารถทำความสะอาดได้หมดจดแล้วค่ะ
ความรู้สึกหลังเช็ดจอสคิดว่าค่อนข้างแห้ง จะรู้สึกว่าผิวสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่ไม่แห้งตึง
คนที่ผิวมันน่าจะชอบตัวนี้นะคะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่เหนอะหนะผิวดี
ประสิทธิภาพการทำความสะอาดถือว่าดีระดับนึงเลยค่ะถ้าเทียบกับราคาที่ค่อนข้างถูก
เอาเป็นว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่อยากแนะนำให้ลองใช้กันดูค่ะ
ตั้งแต่เริ่มใช้มายังไม่มีอาการแพ้ใดๆ และไม่รู้สึกระคายเคืองผิว
สำหรับจอสแล้วตัวนี้ให้ผ่านเลยค่ะ เช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำออกได้ง่าย
เสมือนแม่เหล็กดูดเมคอัพโดยที่ไม่ต้องถูแรงๆ












สำหรับเพื่อนๆที่สนใจสามารถหามาลองใช้กันดูได้แล้วค่ะ
มีอยู่ทั้งหมดสองสูตรด้วยกัน สีชมพูสำหรับผิวธรรมดา-ผิวแพ้ง่าย
และสีฟ้าสำหรับผิวมัน-ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิว ยังไงก็ลองเลือกให้เข้ากับสภาพผิวเรานะคะ
วันนี้จอสขอตัวลาแล้วค่ะ ไว้มีอะไรใหม่ๆจะแวะมาอัพเดทให้ฟังค่ะ

IG - Jossyberryblog





 

Create Date : 31 สิงหาคม 2559    
Last Update : 8 กันยายน 2559 19:43:29 น.
Counter : 1840 Pageviews.  

Review : Luck Lhub Sleeping Mask จุดเริ่มต้นของสุขภาพผิวที่ดี





สวัสดีค่ะ วันนี้จอสจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้ Sleeping Mask
ซึ่งตัวนี้เค้าเคลมไว้ว่าเป็นมาส์กนอนที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว
สามารถใช้ได้ทุกวัน บวกกับเป็นช่วงที่จอสกลับมาจากเที่ยวทะเลแล้วหน้าเยินพอดี
ก็ได้มาส์กตัวนี้แหละจ้าที่ช่วยกอบกู้สภาพผิวเอาไว้ วันนี้ก็เลยจะมารีวิวให้ฟังกัน
เอาเป็นว่าบล็อกวันนี้จอสมาทั้งในรูปแบบ VDO และภาพกันเลย
เพื่อนๆคนไหนชอบดูแบบ VDO ก็คลิกดูกันได้เลยจ้า



Sleeping Mask ตัวนี้มีชื่อว่า Luck Lhub (รักหลับ)
รักหลับเป็นมาส์กนอนที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวกลับมาแข็งแรง ช่วยปรับสมดุลผิว
สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวโดยเฉพาะคนผิวแห้งและผิวขาดน้ำค่ะ
โดยคุณสมบัติหลักๆของเค้าก็คือ เติมความชุ่มชื้น, ฟื้นฟูสภาพผิว และปรับสมดุลให้ผิวค่ะ

ส่วนผสมหลักของเค้าได้แก่ Probiotic มีคุณสมบัติทำให้รูขุมขนเรียบเนียน กระชับ
Seamet ช่วยขจัดความมันและรักษาสมดุลผิวให้มีความชุ่มชื้น
น้ำแข็งจากอลาสก้า มีความสามารถในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างดีเยี่ยม
Acai Berry เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแข็งแรง
อะดีโนไซน์ ช่วยต่อต้านริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว






แพกเกจของเค้าจะเป็นกระปุกสีขาวน่ารักมาก
เวลาใช้ก็หมุนฝาเปิดออกมาแล้วกดปั้มตรงปุ่ม เนื้อครีมก็จะเด้งออกมาเหมือนในรูป
เป็นอะไรที่ใช้ง่ายสะดวกสบายค่ะ ที่สำคัญเค้าใส่ใจถึงคุณภาพเนื้อผลิตภัณฑ์
ที่จะคงความสดใหม่อยู่เสมอ เพราะเนื้อครีมข้างในกระปุกจะไม่สัมผัสอากาศเลยค่ะ



เนื้อมาส์กเป็นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นและมีลักษณะเป็นเจลนิดๆ
เวลาใช้จึงรู้สึกเย็นสบายผิว ไม่หนักหน้า กลิ่นของเค้าจะหอมอ่อนๆแบบไม่กวนใจค่ะ
สำหรับวิธีใช้ตัวนี้เค้าบอกว่าสามารถใช้ได้ 3 แบบเลยค่ะ
1. ใช้ทาบางๆเช้า-เย็น เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
2. ใช้เป็นมาส์กพอกหนาๆ โดยทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกหรือจะมาส์กทิ้งไว้ทั้งคืนก็ได้
เพื่อเป็นการฟื้นฟูผิวที่มีความอ่อนล้า และต้องการการบำรุงอย่างเต็มที่
3. ใช้เป็นครีมบำรุงผิวขั้นแรกแล้วตามด้วยสกินแคร์อื่นๆที่ใช้เป็นประจำ เพื่อปรับสมดุลให้ผิวนั่นเองค่า

ส่วนตัวจอสใช้มานานเกือบ 1 เดือนแล้ว รู้สึกชอบตรงที่ทาลงไปแล้วรู้สึกเย็นสบายผ่อนคลายผิว
เนื้อมาส์กไม่เหนียนวเหนอะหนะทำให้สามารถทาทิ้งไว้ทั้งคืนได้เลยค่ะ
ตื่นมาแล้วจะรู้สึกว่าผิวสดชื่น และได้รับการบำรุงเต็มที่ ผิวจะมีความยืดหยุ่นและดูมีชีวิตชีวา
ที่สำคัญคือมีความอ่อนโยน สามารถใช้ได้ทุกวันเลย เรียกได้ว่าตั้งแต่ที่ผิวพังจากการไปเที่ยวทะเลมา
จอสก็ได้ตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้สุขภาพผิวกลับมาดีอีกครั้งนึงค่ะ
ต่อไปนี้เวลาไปเที่ยวไหนคงต้องพกไปด้วยทุกที่แล้วแหละ
ปล. ในคลิปจะมีการสาธิตการใช้ในแบบฉบับของจอสด้วยนะคะ

เพื่อนๆที่สนใจสามารถหาซื้อกันได้ที่ Boots, Eve and Boy, Stardust ทุกสาขา
หรือ Line ID - @Lucklhub, IG - Lucklhub ค่ะ
ขนาด 50 กรัม ราคา 690 บาทค่ะ




สามารถพูดคุยและติดตามจอสได้ที่
IG - Jossyberryblog





 

Create Date : 29 สิงหาคม 2559    
Last Update : 13 กันยายน 2559 22:26:06 น.
Counter : 1020 Pageviews.  

Review : Amira Argan Oil สกินแคร์สารพัดประโยชน์





สวัสดีค่ะวันนี้จอสจะมาพูดถึงสกินแคร์อีกหนึ่งตัวที่ต้องบอกว่าจอสได้ใช้มานานแล้ว
ใช้แล้วชอบและติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เลยอยากจะเอามาแชร์ให้กับเพื่อนๆค่ะ
ต้องบอกว่าตัวนี้เค้าเป็นสกินแคร์ที่ใช้ได้หมดเลย ทั้งผิวหน้า ผิวกาย แม้กระทั่งเส้นผม
ตั้งแต่ได้ใช้ตัวนี้มาคือขาดไม่ได้เลย พอหมดแล้วก็ต้องหามาใช้ต่อ
เนื่องจากว่าจอสเป็นคนที่มีผิวกายค่อนข้างแห้ง ชอบเป็นผื่นแพ้ง่าย ก็เลยต้องมีติดไว้ตลอด
เอาเป็นว่าถ้าไม่ดีจริง ไม่หยิบมารีวิวแน่นอนค่า ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย


สิ่งที่จอสพูดถึงมันคือ Amira Argan Oil เป็นอาร์แกนออยล์บริสุทธิ์ 100%
ถ้าใครที่ติดตามจอสอยู่จะเห็นว่าจอสเริ่มใช้ออยล์ตัวนี้มาตั้งแต่ต้นปีแล้วค่ะ
คือคุณสมบัติหลักๆของเค้าก็คือสามารถใช้เป็นสกินแคร์ทาผิวหน้าได้เลย
ซึ่งอาร์แกนออยล์จะช่วยคนที่มีปัญหาสิว, ผิวมัน และผิวไม่แข็งแรงให้กลับมามีสุขภาพดี
หน้าที่ของเค้าก็จะช่วยปรับบาลานซ์ให้กับผิว ทำให้ต่อมไขมันลดการสร้างน้ำมันบนใบหน้าลง
ดังนั้นคนที่มีสภาพผิวมัน เป็นสิวจึงใช้ได้แน่นอนค่ะ และใครที่มีปัญหาผิวแห้ง
ตัวนี้จอสขอแนะนำด้วยนะคะ เพราะมันจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นดูสุขภาพดีขึ้นค่ะ






ตัวแพ็กเกจของเค้าจะบรรจุมาในขวดแก้วสีชา ซึ่งจะช่วยถนอมออยล์ไม่ให้เสื่อมสภาพจากการโดนแดด
ลักษณะเป็นหัวปั้มใช้งานง่าย พกพาสะดวก เนื้อออยล์จะเป็นสีเหลืองออกใสนิดๆ
ไม่มีกลิ่นใดๆทั้งสิ้น ต้องบอกว่าเป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์มากค่ะ
วิธีใช้ตัวนี้สามารถทาลงบนใบหน้าได้เดี่ยวๆเลย เช้า-เย็น หรือจะใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่มีอยู่ก็ได้
หลังจากที่ทาลงบนผิวแล้วจะเห็นได้เลยว่าผิวดูโกลวขึ้น ดูมีน้ำมีนวลไม่แห้งกร้าน
ซึ่งข้อดีคือเค้าซึมไว ไม่เหนียวเนอะหนะ อากาศร้อนก็ใช้ได้ค่ะ






สำหรับสาวๆคนไหนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายและเป็นสิว
ขอแนะนำให้ใช้ Amira Argan Oil ทาลงไปทั้งหน้าหรือเฉพาะจุด เช้า-เย็นได้เลยค่ะ
จากรูปเป็นตัวอย่างที่จอสเคยแนะนำให้น้องคนนึงลองใช้ตัวนี้ดูเนื่องจากว่าเค้ามีปัญหาสิว
ผลปรากฎว่าหลังใช้มาได้ 3 สัปดาห์ตอนนี้ผิวน้องดีขึ้นมากเลยค่ะ
จากที่มีสิวเห่อทั่วไปหน้า ตอนนี้สิวยุบลง ผิวแข็งแรงขึ้นและไม่แพ้้ง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ซึ่งเอาจริงๆหลายคนคงคิดว่าการที่เอาน้ำมันมาทาลงบนผิวแล้วจะยิ่งทำให้หน้ามันเป็นสิว
แต่ในทางกลับกัน เมื่อเราใช้ Argan Oil ทาลงบนผิวหน้าแล้วผิวหนังจะสร้างกลไกล
ทำให้ผิวปรับสมดุล และลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้านั่นเอง
จึงเป็นที่มาว่าทำไมใช้แล้วถึงทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน ปัญหาสิวก็ลดลงด้วยค่ะ






นอกจากตัวนี้จะใช้ทาผิวเดี่ยวๆได้แล้ว ยังสามารถนำมาผสมรองพื้นได้อีกด้วย
สำหรับใครที่มีผิวแห้ง รู้สึกว่าทารองพื้นแล้วไม่เนียน เป็นขุย
แนะนำให้ผสมอาร์แกนออยล์ลงไปนิดนึง จะรู้สึกได้ถึงความเนียนและสุขภาพผิวที่ดี
ทำให้รองพื้นเกลี่ยง่ายมากยิ่งขึ้น ผิวดูโกลวมีชีวิตชีวา แต่ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้นระหว่างวันค่ะ



จากรูปด้านล่างจอสเปรียบเทียบให้ดูระหว่างก่อนและหลังทาค่ะ



ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ Amira Argan Oil เป็นอะไรที่สามารถใช้ได้หลากหลายมาก
ซึ่งบางครั้งที่จอสออกไปข้างนอก ไปเที่ยวทะเลหรืออาบแดดก็จะพกตัวนี้ไปด้วยทุกครั้ง
เพราะมันจะช่วยให้ผิวไม่ไหม้จากแสงแดด แต่จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
ผิวจะดูแทนและเนียนสวย ไม่กระดำกระด่าง นี่เป็นอีกเคล็ดลับนึงเวลาที่จอสไปอาบแดดค่ะ
และหลังจากการอาบแดดจอสก็จะใช้ทาผิวกายทุกครั้งหลังอาบน้ำ ใช้ร่วมกับครีมบำรุงก็ได้

นอกจากนี้จอสยังใช้ในการหมักผมก่อนสระด้วยค่ะ ใช้แค่สัปดาห์ละครั้ง
จะรู้สึกได้ว่าปลายผมไม่แห้งเสีย และผมมีสุขภาพดีขึ้นด้วย
บางครั้งถ้าไม่มีเวลาหมักก่อนสระจอสก็ใช้ชะโลมปลายผมแล้วนอนค่ะ
ตื่นมาก็สระผมตามปกติ อันนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน
เอาเป็นว่า Amira Argan Oil มันเป็นอะไรที่เวิร์คมาก เป็นสกินแคร์ที่ทุกคนควรมีติดบ้านไว้ค่ะ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.amiraglobal.com/
Instagram - Amira_Arganoil

ติดตามและพูดคุยกับจอสได้ทาง
Instagram - Jossyberryblog






ปิดท้ายด้วยคลิปรีวิวฮาๆที่จอสทำร่วมกับเจ้อั้มค่ะ
ไปดูกันว่า 5 สิ่งที่กะเทยควรพกติดตัวเวลาไปเที่ยวมีอะไรบ้าง
แอบกระซิบว่าหนึ่งในนั้นต้องมี Amira Argan Oil แน่นอน อิอิ






 

Create Date : 14 สิงหาคม 2559    
Last Update : 26 สิงหาคม 2559 18:00:56 น.
Counter : 1465 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

Jossy Berry
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Jossy Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.