Group Blog
 
All blogs
 

ช่วยกันแนะนำรายการไอทีหน่อยครับ

เพื่อนๆดูรายการไอทีกันบ้างมั้ยครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูรายการแนวนี้พอสมควรนะครับ แต่ที่น่าเสียดายอย่างยิ่งนั้นก็คือ บ้านเรานั้นสนับสนุนในรายการประเภทนี้น้อยเหลือเกิน ตอนนี้ในบ้านเรามีรายการประเภทนี้ไม่กี่รายการครับ


มีรายการอะไรบ้างหล่ะ ตอนนี้ที่ผมเห็นก็จะมีช่อง 5 กับรายการ IE Metropolis ที่ดำเนินรายการโดยพิธีกรด้านไอทีมาตั้งแต่ยุคแรกๆ นั่นก็คือ คุณจอห์น รัตนเวโรจน์ นั่นเองนะครับ และนี่ก็คือเวบของเค้าครับ

ie metropolis - มหานครแห่งความคิดของคนไอที





คุณจอห์น รัตนเวโรจน์ พิธีกรและเจ้าของรายการ IE Metropolis



แต่รายการนี้ผมไม่ค่อยได้ดูนะครับ ก็เพราะว่ามันเช้าไปหน่อย ผมยังไม่ตื่นครับ แล้วอีกอย่างมันไม่ค่อยใช่แนวของผมเท่าไหร่


อีกรายการหนึ่งเป็นของ Titv ครับ ชื่อรายการนี้คือ รายการ Smart Life รายการนี้นานพอสมควรนะครับ ผมจำได้ตั้งแต่เมื่อก่อนคุณอภิรักษ์เป็นพิธีกร แต่ตอนนี้ไปอยู่ช่อง 11 ซึ่งผมก็เข้าใจว่าก็จะมีรายการของช่อง 11 เหมือนกัน แต่คงจะเข้าใจนะครับ บ้านผมมีช่อง 11 ก็เหมือนไม่มีหล่ะครับ


แต่รายการที่ผมชอบมากที่สุดนะครับ คือรายการของคุณหนุ่ย พงศ์สุขครับ ออกอากาศทาง Nation Channel นั่นก็คือรายการ แบไต๋ ไฮเทคครับ ถึงแม้ว่าจะเคยมีเรื่องติด้านโฆษณาในรูปสกู๊ปนะครับ แต่ผมก็ยอมรับนะครับ ก็ลองดูรายการในเมืองไทยซิครับ ไร้สาระ น้ำเน่าส่วนใหญ่จะขายดี ก็ต้องเข้าใจในส่วนนี้ครับ




ผมชอบรายการนี้นะ สนุกสนาน เฮฮา ได้ความรู้


อีกรายการหนึ่งครับ รายการนี้ไม่ได้ออกทางฟรีทีวีหรือเคเบิลทีวี เป็นรายการที่ไม่ง้อใครเลยครับ ออกอากาศทางคลิปวีดีโอครับ หลายคนรู้จักดีครับ นั่นก็คือรายการ Duocore นั่นเอง




ออกอากาศทางเวบไซต์ครับ //www.duocore.tv ไม่ทำ link นะครับ copy ไปเลยครับ ดูสนุกครับ ขำขำ



แล้วเพื่อนๆมีรายการไอทีอะไรในใจบ้างครับ แนะนำหน่อย คนไทยจะได้มีความรู้เรื่องอทมากขึ้นเสียทีครับ ถ้ามัวแต่รู้งูๆปลาๆก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอกครับ สวัสดีครับ




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2550    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 13:14:01 น.
Counter : 674 Pageviews.  

USB Just2cam ยี่ห้อใหม่ ไทยทำเอง




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 มิถุนายน 2550 19:54:29 น.
Counter : 216 Pageviews.  

30 ทิปคอมพ์เล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

ผมไปอ่านบทความนี้มาจากที่ประจำครับ beartai.com เกี่ยวกับทิปง่ายๆเวลาเล่นคอมครับ อย่าพูดมากเลยครับ ไปดูเลยดีกว่า

1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น

2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น

3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ

4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:windows ของคุณ

5. ในระหว่างที่คุณกำหลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย

6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop

7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้

8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก

9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้

10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว

11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter

12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar

13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ "con" ได้

14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณ
ในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น

15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu

16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก

17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น

18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send

19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้

20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน

21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา

22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break

23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ

24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter

25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete

26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา

27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้

28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้

29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ

30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare


หวังว่าคงจะพอเป็นประโยชน์นะครับ บาย




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2550 22:13:22 น.
Counter : 195 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่อง SD Mini SD และ Micro SD

สวัสดีครับ JML TECH วันนี้มาด้วยเรื่องเกี่ยวกับความจำอีกแล้ว ถ้าใครจำได้นะครับ ครี้งที่แล้วผมพูดถึงเรื่องของวิธีดูแล ฮาร์ดดิสก์ใช่มั้ยครับ ในวันนี้เราจะมาพูดเรื่อง SD กันนะครับ ผมขออนุญาตดูดข้อมูลจาก mrpalm.com นะครับ ขอบคุณมากครับ

SD คืออะไร

คำว่า SD card หรือ SD เฉยๆที่เรียกกันจนติดปากนั้นมันย่อมาจาก Secure Digital เป็นสื่อเป็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมมาก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยจะ secure แบบชื่อก็ตาม สำหรับ SD Card นั้นมันก็คือ nand flash memory
NAND Flash ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยเก็บข้อมูลขนาดกลาง สำหรับกล้องถ่ายรูปดิจิตอล, โทรศัพท์มือถือ และ PDA คุณลักษณะของ NAND Flash ROM คือ มีราคาถูก เก็บข้อมูลได้มาก และมีอายุการใช้งานได้นานกว่า NOR Flash ROM แบบเดิมถึง 10 เท่า ในส่วนของข้อด้อยของ NAND Flash ROM คือ มีความเร็วในการจัดการข้อมูลช้ากว่า เพราะเป็นโครงสร้างการจัดการแบบ execute in place (XIP) กล่าวคือ กระบวนการทำงานของเครื่องที่ใช้ NAND Flash ROM จำเป็นจะต้องอ่านข้อมูลจาก NAND Flash ROM ก่อน แล้วค่อยเรียกขึ้นไปทำงาน คล้าย ๆ กับการทำงานของฮาร์ดดิสในเครื่องพีซีเดสค์ทอป และ main memory ดังนั้นส่วนของ main memory ที่ใช้ NAND Flash ROM จำเป็นจะต้องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพื่อใช้สำรองระบบการจัดการข้อมูลแบบนี้ จึงทำให้พื้นที่ของส่วนความจำเพื่อใช้เก็บโปรแกรมและข้อมูลอื่น ๆ จะเหลือน้อยลง
สำหรับข้อดีของ SD Card ก็คือ ไม่มีส่วนของการเคลื่อนไหวของกลไกต่างๆใน card จึงสามารถทำตกได้โดยไม่เสียหาย และไม่ต้องอาศัยพลังงานใดๆไปหล่อเลี้ยงเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น SD Card , Mini SD หรือ Micro SD มันก็คือหลักการเดียวกันการทำงานเหมือนกันแต่จะต่างกันที่ขนาดรูปร่าง เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ของอุปกรณ์ที่จะใช้งานร่วม


SD Card




Micro SD




Mini SD


ความจุมีความสำคัญหรือไม่?

ในขณะนี้ card ส่วนมากจะมีทำขนาดรองรับมากถึง 2 GB กันแล้วแต่เรื่องของความจุของขนาด Card นั้นไม่มีผลใดๆต่อการทำงานภายนอกจากได้พื้นที่การใส่ข้อมูลเพิ่มขึ้น และเราก็ต้องจ่ายเงินแพงขึ้นด้วย ในส่วนเรื่องของความเร็วไม่ว่า Card จะมีพื้นที่ความจุเล็กหรือใหญ่นั้นไม่มีผลต่อ speed การทำงานเลยครับ ส่วน 4GB ก็มีออกมาแล้วเพียงแต่เครื่องยังไม่รองรับเท่านั้นเอง

Card และ Card reader ส่วนใหญ่นั้นรองรับการทำงานที่ version 1.1 ในปัจจุบันมี Version ที่ 2.0 ออกมาแล้วเพียงแต่เครื่องในแบบ Windows Mobile ยังไม่รองรับ SD 2.0 เท่านั้นเอง


Card Reader


เกี่ยวกับความเร็ว

SD Card ในปัจจุบันมีการพัฒนาเรื่อง Speed ความเร็วของข้อมูล โดยจะเห็นว่าเวลาเราไปซื้อตามร้านจะมี SD Card แบบ Hi Speed ให้เลือกในราคาที่สูงกว่า โดยชื่อของ Card พวก Hi Speed เหล่านี้ก็ตั้งกันแล้วแต่จะเรียกไม่ว่าจะเป็น Ultra , 133x , High Speed ซึ่งมันไม่มีมาตราฐานใดๆออกมารับรองแล้วแต่ทางบริษัทของผู้จำหน่ายจะทำตลาดแล้วก็ตั้งชื่อให้ดูเหมือนว่ามันทำงานเร็วและแตกต่างกว่า SD Card แบบธรรมดา ดังนั้นคงไม่สามารถบอกได้ว่า Ultra จะเร็วกว่า High Speed หรือไม่? แต่ที่แน่ๆก็คือ หากเปรียบเทียบ SD Card แบบ ธรรมดากับพวก SD Card ความเร็วสูงนั้นมันทำงานต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่นหากการโอนถ่ายข้อมูลด้วย card ธรรมดาอาจจะใช้เวลา สัก 80 วินาที แต่พอมาใช้ SD card แบบความเร็วสูง การโอนถ่ายข้อมูลในขนาดความจุเดียวกันก็จะเหลือที่ประมาณ 30 วินาที


Ultra Card ของ Sandisk



133x Card ของค่าย Lexar


ข้อดีของ card ที่ทำงานด้วยความเร็วสูงก็คือ การแสดงผลต่างๆก็จะทำเร็วขึ้น การบันทึกข้อมูลก็เร็วขึ้น การโอนถ่ายข้อมูลก็เร็วขึ้น SD Card จะกินพลังงานไฟจากเครื่องก็ในช่วงที่มีการโอนถ่ายหรือเรียกใช้ข้อมูลภายใน card ดังนั้นข้อดีอีกอย่างสำหรับ Card ที่ความเร็วสูงก็คือ พอเราโอนถ่ายข้อมูลด้วยเวลาอันสั้นเครื่องก็จะพลังงานไปกับการอ่านข้อมูลสั้นไปด้วยทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น

SD Card ทำงานอย่างไร

ภายใน SD card จะมี microcontroller ขนาดเล็กคล้ายกับการทำงานของ CPU ทำหน้าที่คอยดูแลและติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ SD Card ในขณะนั้น เช่น PDA Phone หรือ โทรศัพท์มือถือ โดย microcontroller จะทำหน้าที่จัดการเรื่องข้อมูลต่างๆที่ถูกอ่านและถูกเขียนของใน Flash โดย CPU หรือ microcontroller จะทำงานเฉพาะในช่วงที่มีการใช้งานข้อมูลใน card เท่านั้น การทำงานของ SD Card จะเร็วหรือช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของ CPU ในเครื่อง PDA Phone หรือ อุปกรณ์ต่างๆด้วย เช่น เมื่อมีการใช้งาน SD Card บน โทรศัพท์ ตัวโทรศัพท์จะส่งข้อมูลแจ้งไปยัง SD card ว่า microcontroller นั้นสามารถรองรับความเร็วสูงสุดที่เท่าไร ? ก็ให้ใช้ความเร็วนั้น เพราะฉะนั้นหาก clock ของโทรศัพท์ยิ่งเร็ว การทำงานของ card ก็จะเร็วตามไปด้วย โดยข้อมูลจะถูกส่งในแต่ละวินาทีได้รวดเร็วขึ้น

หากเกิดเครื่อมีปัญหาขณะใช้งานจะมีผลต่อ card หรือไม่

บ่อยครั้งที่ขณะทำงานเรียกใช้ข้อมูลอยู่บน card แล้วเกิดเครื่องมีปัญหาซึ่งจำเป็นต้องปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่หรือ reset เครื่อง ซึ่งในกรณีนี้ก็คงจะสงสัยนะครับว่าข้อมูลใน card จะเกิดอะไรขึ้น ในกรณีนี้ card จะมีระบบป้องกันอยู่หากเกิดเปิดเครื่องใหม่แล้วใส่ card คนละอันเครื่องก็จะทำการเช็คว่าเป็น card อันเดียวกันกับก่อนหน้าหรือไม่หากไม่ใช่ ก็จะไม่ทำการโหลดข้อมูลกลับมาแล้วก็ทำการปิดไฟล์ที่ทำงานค้างนั้นอยู่ไป สำหรับช่วงเวลาที่ card จะรอคำสั่งในการเช็คว่าใช่อันก่อนหน้าที่ทำงานอยู่หรือไม่ หากไม่ใช่ก็จะให้เวลาเพียงช่วงหนึ่งก่อนที่จะปิดการทำการและรับคำสั่งใหม่ ซึ่งเวลาที่หยุดรอเช็คและไม่โหลดคำสั่งที่ผิดพลาดลงไปนั้น เราก็จะเรียกว่า PnPUnloadDelay และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเครื่องบางเครื่องใส่ card ปุ๊ปแล้วเปิดไม่ทันทีต้องมีเวลาหน่วงอยู่สักแป๊ป นั่นก็คือ PnPUnloadDelay หากจะว่าง่ายๆตามประสาชาวบ้านก็คือ เช็คให้ชัวร์ก่อน ก่อนที่จะเปิดรอคำสั่ง

เนื่องจาก SD Card เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบันครับ ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยี ในปัจจุบันจึงมีการผลิต SD Card ที่มีความจุสูงกว่า 2 GB ขึ้นมา โดยที่จะมีคำว่า SDHC แทนคำว่า SD เพื่อป้องกันการเลียนแบบครับ โดย SDHC จะใช้กับ SD Card ที่มีความจุตั้งแต่ 4 GB ขึ้นไปครับ


คำเตือนในการซื้อ SD Card ที่มีความจุตั้งแต่ 4GB โดย //www.sdcard.org



ขอขอบคุณ
//www.mrpalm.com
//www.beartai.com
//www.sdcard.org
//www.google.co.th




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2550 18:54:49 น.
Counter : 539 Pageviews.  

10 วิธี ดูแลฮาร์ดดิสก์ ให้มีสุขภาพดี

สวัสดีครับ วันนี้ JML TECH จะนำเสนอเรื่องราวของการดูแลฮาร์ดดิสครับ ผมขออนุญาต copy มาจาก //www.beartai.com นะครับ ผมว่าเราไปอ่านกันดีกว่าครับ

วันนี้เรามีบทความแนะนำการบำรุงรักษาอุปกรณ์สำคัญของคอมพิวเตอร์นั่นก็คือ “ฮาร์ดดิสก์” ซึ่งสำหรับใครที่ยังมีฮาร์ดดิสก์ อยู่กับตัว ไม่พังไปเสียก่อน อ่านบทความนี้แล้วหมั่นปฏิบัติตามนะคะ รับรองว่าดีต่อฮาร์ดดิสก์ของคุณแน่นอน
โปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่เป็นประจำทำงานช้าลงหรือเปล่า? หรือพีซีอายุใช้งาน 4 เดือนของคุณมีอาการงอแงหรือไม่? ต่อไปนี้คือวิธีการแก้ปัญหาและเพิ่มความเร็วให้กับฮาร์ดดิสก์ตัวเก่งของคุณ


การเป็นเจ้าของและใช้งานฮาร์ดดิสก์โดยไม่เคยสแกนตรวจสอบก็เหมือนกับการมีรถยนต์คันหรูที่เอาแต่ขับอย่างเดียวไม่เคยเข้า ศูนย์บริการ ซึ่งทิปต่อไปนี้สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก เพียงแค่เจียดเวลาสักนิดในการปฏิบัติตาม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ ฮาร์ดดิสก์ของคุณกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนใหม่และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สแกนหาไวรัส
จัดเป็นข้อควรปฏิบัติที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่คุณควรให้ความสำคัญและหมั่นทำเป็นประจำ เราคงไม่ต้องบอกคุณแล้วว่าไวรัสในปัจจุบันนั้นมีฤทธิ์เดช ร้ายแรงแค่ไหน เอาเป็นว่าให้คุณลองนึกถึงตอนที่ไฟล์ข้อมูลสำคัญในฮาร์ดดิสก์ถูกทำลายหรือเสียหายเพียงแค่เพราะว่าคุณไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกัน ไวรัสเอาไว้ในเครื่อง หรือใครที่ติดตั้งเอาไว้แล้วก็ไม่ควรชะล่าใจ ลองตรวจสอบวันที่ของฐานข้อมูลไวรัส (Virus Definition) ถ้าเก่า เกินกว่า 30 วัน ก็ควรรีบทำการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบันเพื่อการป้องกันที่เต็มประสิทธิภาพ จากนั้นทำการสแกนฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในระบบ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้กำหนดตารางเวลาในการสแกนเป็นประจำทุกสัปดาห์


ปัดกวาดไฟล์หรือขยะที่ไม่ได้ใช้

ยิ่งใช้งานเครื่องมานานเท่าใด ไฟล์ข้อมูลเก่าๆ หรือขยะในเครื่องก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ข้อมูลเก่า โปรแกรมเก่า ไฟล์ชั่วคราว ที่หลงเหลือจากการท่องอินเทอร์เน็ตรวมทั้งไฟล์ที่ตกค้างจากการติดตั้งโปรแกรมในโฟลเดอร์เก็บไฟล์ชั่วคราวของวินโดว์ส ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการ กำจัดไฟล์ขยะเหล่า นี้ก็คือการใช้ยูทิลิตี้ Disk Cleanup ของวินโดว์สหรือจากออปชันทำความสะอาดไฟล์ในโปรแกรม IE โดยตรง (Tools -> Internet Options)


กำจัดขยะในซอกหลืบ

แม้ว่าคุณจะทำการลบไฟล์ขยะด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ก็ยังอาจมีเศษขยะที่มองไม่เห็นตกค้างอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของคุณอีกมากมาย โดยเศษขยะในที่นี้ หมายถึงบรรดา สปายแวร์หรือแอดแวร์ต่างๆ ด้วย ซึ่งวิธีการตรวจสอบหาขยะเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษคือโปรแกรมอย่างเช่น Ad-aware หรือ Spybot Search & Destroy ที่หาดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคืออย่าลืมอัพเดตฐานข้อมูลให้กับโปรแกรมดังกล่าวก่อนเริ่ม ทำการสแกนระบบด้วย


หมั่นใช้สแกนดิสก์

เมื่อใดก็ตามที่พื้นที่เก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เกิดบกพร่องเสียหาย เรามักจะใช้คำแทนจุดบกพร่องนั้นๆ ว่า “Bad Sector” ซึ่งมีความหมายว่า บริเวณพื้นผิวของจาน แม่เหล็กเกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำการอ่านข้อมูลได้ ซึ่งวิธีการแก้ไขนั้นคือการใช้ยูทิลิตี้ Scandisk ของวินโดว์ส ในการตรวจสอบหาจุดที่เกิด Bad Sector และย้ายข้อมูลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ไปยังเซกเตอร์อื่นๆ ที่ปกติทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของไฟล์ข้อมูล โดยในหน้าต่างยูทิลิตี้ Scandisk นั้นให้คุณเลือกออปชัน Scan for and attempt recovery of bad sectors ด้วยก่อนเริ่มทำการสแกน นอกจากนี้หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 98/Me แนะนำให้ปิดการทำงาน ของสกรีนเซฟเวอร์ก่อนเริ่ม Scandisk ด้วย


จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบ

โปรแกรม Defragmenter ที่ไม่ต้องเสียเวลาหาให้ไกลเพราะมีอยู่ในวินโดว์สทุกเวอร์ชันแล้วนั้นจะช่วยในการจัดเรียงข้อมูลที่ถูกเขียนลงฮาร์ดดิสก์ อย่างสะเปะสะปะ ให้มีระเบียบและเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้หัวอ่านฮาร์ดดิสก์ไม่ต้องทำงานหนักและใช้เวลาในการอ่านข้อมูลสั้นลง และโปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าโปรแกรม จะจับไฟล์ในโฟลเดอร์ของคุณไปสลับสับเปลี่ยนหรือเรียงไว้ในโฟลเดอร์อื่นๆ จนหาไม่เจอ เพราะการ Defrag นั้นจะทำการจัดเรียงไฟล์ข้อมูลบนดิสก์เท่านั้นไม่ส่งผล กระทบต่อโครงสร้างการเก็บไฟล์ในวินโดว์สแต่อย่างใด

เก็บทุกอย่างให้เข้าที่

ขั้นตอนนี้จะเรียกว่าเป็นวินัยส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักตู้เสื้อผ้าหรือฮาร์ดดิสก์ก็ล้วนต้องการระบบระเบียบในการจัดเก็บที่ดีด้วยกันทั้งนั้น ฟังดูอาจเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่ถ้าฝึกให้เป็นนิสัยตั้งแต่แรกก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนใครที่ยังเก็บไฟล์ทุกชนิดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เพลง ฯลฯ ปนกันมั่วไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องปวดหัวในการค้นหาไฟล์เมื่อต้องการใช้งานให้ดี แต่ถ้าไม่อยากก็สละเวลาจัดการจัดไฟล์ลงโฟลเดอร์ให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่วันนี้


แบ็กอัพข้อมูล

ไม่มีฮาร์ดดิสก์รุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่จะมีอายุยืนยาวอยู่กับคุณไปตลอดกาล แต่ถึงแม้ในที่สุดฮาร์ดดิสก์ของคุณจะหมดอายุขัย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูล ทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นจะสูญหายไปด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณควรต้องหมั่นทำเป็นกิจวัตรก็คือการแบ็กอัพไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เก็บไว้ในฟล๊อบปี้ดิสก์ แผ่นซีดี ดีวีดี หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ใช้งานอยู่ หรือถ้าที่กล่าวมานั้นมันยุ่งยากหรือทำให้คุณลำบากเกินไป แนะนำให้ใช้ทัมป์ไดรฟ์ที่ปัจจุบันมีราคา แสนถูก และถ้าไม่ลำบากเงินในกระเป๋าจนเกินไปเลือกรุ่นที่จุ 128MB ขึ้นไปจะดีมาก


เทขยะอย่าให้เหลือไฟล์ตกค้าง

เมื่อคุณกดปุ่ม Delete เพื่อลบไฟล์ ซึ่งในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าไฟล์ข้อมูลของคุณจะถูกลบออกไป แต่ในทางทฤษฎีนั้นไฟล์ของคุณจะยังไม่ถูกลบ ออก ไปจริงๆ เพียงแต่วินโดว์สจะทำเครื่องหมายไว้ในพื้นที่ส่วนนั้นๆ ว่าเป็นที่ว่างและเมื่อใดที่มีการเขียนไฟล์ข้อมูลก็สามารถเขียนทับตำแหน่งนั้นๆ ได้ นอกจากนี้วินโดว์สจะนำไฟล์ที่คุณลบไปใส่ไว้ในถังขยะ (Recycle Bin) เผื่อกรณีที่คุณเกิดเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจพลาด หากใครช่างสังเกตจะพบว่า แม้จะลบไฟล์ข้อมูลไปแล้วแต่พื้นที่ว่างในอาร์ดดิสก์นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะข้อมูลนั้นๆ ยังนอนรอชะตากรรมอยู่ในถังขยะ (Recycle Bin) นั่นเอง ดังนั้นหากคุณมั่นใจว่าไม่ใช้งานแล้ว หรือไม่ต้องการให้ใครมาแอบคุ้ยถังขยะเอาข้อมูลส่วนตัวของคุณไป แนะให้คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือกคำสั่ง Empty Recycle Bin เพื่อกำจัดขยะในถังให้สิ้นซาก


แบ่งพาร์ทิชันเพื่อเก็บข้อมูล

ฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปที่ออกมาจากโรงงานนั้นจะไม่มีการแบ่งพาร์ทิชันเอาไว้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือซื้อ 80GB ก็จะได้ไดรฟ์ C: ความจุ 80GB มาใช้งาน แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้คุณทำการแบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่าการแบ่งพาร์ทิชันนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ 80GB นำมาแบ่งเป็น 2 พาร์ทิชัน พาร์ทิชันละ 40GB ซึ่งคุณก็จะได้ไดรฟ์มาใช้งาน 2 ไดรฟ์คือไดรฟ์ C: และไดรฟ์ D: ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนอกจากจะช่วย ลดภาระของหัวอ่านและเพิ่มความเร็วในการทำงานของฮาร์ดดิสก์แล้ว คุณยังสามารถแยกไฟล์สำคัญๆ มาเก็บไว้ในไดรฟ์แยกต่างหากจากไดรฟ์ที่ติดตั้ง วินโดว์สซึ่งอาจโดนไวรัสเล่นงานจนเสียหายได้อีกด้วย ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนั้นคุณสามารถทำได้ในขณะที่ติดตั้ง Windows XP เลย แต่ถ้าไม่ได้ทำ ก็ไม่เป็นไรเพราะปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับการนี้มากมายซึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่โปรแกรม Partition Magic


เลือกความเร็วให้เหมาะกับงาน

วิธีการที่ผ่านมานั้นสามารถช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณสามารถทำงานได้เร็วขึ้นได้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี หากคุณกำลังมองหาหรือตัดสินใจซื้อฮาร์ดดิสก์ ใหม่ แนะนำให้พิจารณาเลือกรุ่นความเร็วที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่คุณต้องการใช้งาน เช่น เลือกรุ่นที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็ก 5,400 RPM (รอบ/นาที) ที่มีราคาถูกถ้าคุณใช้เพียงโปรแกรมทั่วๆ ไปเช่น เล่นอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งอีเมล์ หรือพิมพ์งานด้วยโปรแกรมเวิร์ด หรือถ้างานของคุณ เกี่ยวกับการตกแต่งภาพถ่าย เล่นเกม ก็อาจเลือกซื้อรุ่น 7200 RPM หรืออาจจะเป็น 10,000 RPM เลยก็ได้หากทำงานประเภทตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก ซึ่งฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็กสูงและมีขนาดของแคชภายในมากจะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานให้กับคุณมากยิ่งขึ้น

เอาหล่ะครับ หวังว่าจะเป็นข้อมูลดีดีที่จะทำให้ผู้อ่านรักษาคอมพิวเตอร์ของคุณได้ดีขึ้นนะครับ พบกันในบทความฉบับหน้า สวัสดีครับ

ขอขอบคุณ
//www.beartai.com
//www.xcomdelivery(ผู้ลงบทความ : ครูเบิ้ล )




 

Create Date : 30 เมษายน 2550    
Last Update : 30 เมษายน 2550 22:58:52 น.
Counter : 279 Pageviews.  


scud
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add scud's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.