ผมเป็นคนไทย

เพื่อนๆ เคยโดนไหมเวลาที่ใคร มองดูเราด้วยสายตาที่แปลกๆ บ่งบอกว่าเราและนายมันคนละ สปีชีส์ เราและนาย มันพูดจาคนละภาษา .....เราและนายที่มันไม่หมือนในบทเพลง ชีวิตผมก็เช่นเดียวกันมันเหมือน ฟ้าดินเล่นตลก อันตัวเราก็เกิดเมืองไทย พูดก็พูดภาษาไทย แต่ทำมั้ย ทำไมดันมองเป็นคนต่างชาติเสียได้

ผมยังคงจำได้ดี ไม่มีวันลืมเลือน วันที่ผมย่างก้าวเข้ามาเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เทคนิคกรุงเทพ ในสาขาวิชาช่างอิเล็คโทรนิคส์ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางเข้าสู่กทม ด้วยจิตใจที่สับสนและว้าวุ่นในใจ เพราะต่อไปนี้จะไม่มีคนที่บ้านอยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้ว พอเราเข้ามาเรียนได้สักพักก็จะมีการรับน้อง ซึ่งการรับน้องที่นี่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าโหดแค่ไหน แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น หรอกครับ ประเด็นก็คือ ความที่เราเป็นรุ่นน้องที่ใสซื่อ เราก็มักจะโดนกลั่นโดยรุ่นพี่ที่หน้าตาเหี้ยมเกรียมเสมอๆ ในช่วงแรกๆของเดือนเราก็ต้องทำความรู้จักรุ่นพี่ให้มากที่สุด ซึ่งแน่นอน การที่เราจะไปรู้จักเขาได้ ก็ต้องมีการแนะนำตัว ทำอะไรบ้าๆบอๆ และก็ต้องเก็บลายเซ็นของรุ่นพี่เอาไว้ในสมุดเชียร์ซึ่งแต่ละคนจะพกเก็บเอาไว้คนละเล่มให้มากที่สุด


โดยในสมุดเชียร์ก็จะมีประวัติส่วนตัวของเราด้วย ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่รุ่นพี่ เรียกผม “เอ้ย หน้าตาเมิงเหมือนทหารญี่ปุ่นแตกทัพมาว่ะ มานี่เดี่ยวกรูเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ ว่าแล้ว รุ่นพี่ก็กากบาทในชื่อที่พ่อแม่ผมตั้งไว้ให้ แล้วเปลี่ยนเป็น ทาเคชิ ทาเคโดนปิ๊ โอ้ สุดยอด ฟังดูเทห์โคตร เลย ผมคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่ปรากฏในวันถัดมาก็ไม่มีรุ่นพี่เรียกผมแบบธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่ละคนก็จะ “ไฮ้ อาโน..... ”บางครั้งก็ “ไฮ้” พร้อมๆกับตะเบ๊ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ออกจะสนุกเสียมากกว่า
แต่เรื่องราวของมันไม่ได้จบเพียงแค่รุ่นพี่ คราวนี้เพื่อนด้วย เออ เอาเข้าไป จากพูดธรรมดา ก็กลายเป็นพูดเล่นที่เริ่มมีทะลึ่งในวงเหล้า หรือวงการสนทนาย่อยๆ ทหารญี่ปุ่นบ้าง หรือบางครั้งอาจเล่นแรงถึงบรรพบุรุษของอาจจะไปมีกิ๊กกับทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกอ้าว มันชักเริ่มก้าวร้าวต่อบรรพบุรุษกรูแล้ว


แต่อ่ะนะ คำว่าเพื่อน มันยอมกันได้ จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ ว่าแม่ของเราไปมีกิ๊กกับทหารญี่ปุ่นจริงๆหรือไม่ (เออ เอาเข้าไป ) จนเรามีแฟน เราพาแฟนเราไปเดินที่สีลม แฟนเราเป็นคนตัวเล็ก ผิวสองสี แน่นอนคนขายจะมองแฟนเราเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก................ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจกัน บางครั้งคนขายก็มาคุยภาษาอังกฤษกับเรา เราก็บอก เป็นคนไทยเว้ย แต่ที่น่าสงสารก็คือแฟนผมซึ่งมักจะโดนคนรอบข้างมองด้วยสายตาแปลกๆเสมอๆ (ตอนนี้ เธอไปดีแล้วครับ ขอให้โชคดีจงสถิต ตลอดอยู่กับท่าน ทิ้ง ฉานทำม้ายยย T_T)


แล้วก็ล่าสุดนี่เองเมื่อ3-4 อาทิตย์ก่อนหน้านี่ก็ไปเดทกับน้องคนหนึ่งที่รู้จักกันไปเที่ยวที่วัดพระแก้ว ก็จะมีช่องเก็บเงินสำหรับคนต่างชาติ กับคนไทยซึ่งผ่านฟรี ผมก็เดินอย่างมาดมั่นใจเลย เข้าไปที่ช่องคนไทย แล้วก็โดนกักตัวไว้ โดยยาม คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมก็ตอบไปด้วยอารมณ์ฉุนเล็กน้อย คนไทยครับ พอตอบไป แน่ะมันยังไม่เชื่อ มามองด้วยหางตาอีกต่างหาก ต้องให้ร้องเพลงชาติ และกินเบียร์ช้างด้วยไหมเนี่ย คุยกันสักพัก ยามก็ปล่อยให้เราผ่านไปเมื่อมั่นใจว่าเป็นคนไทยแน่ๆ แต่ในดวงตายังบ่งบอกถึงความหวาดระแวงในใจ เอ่อ อนาถแท้ คนไทยเฟ้ย น้องคนที่มากับเราก็ขำซะ เออ แทนที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เปล่าเลย น่าตบด้วยปากเสียจริงๆ


ผมเคยกางแผนที่กรุงเทพดูที่สยาม ก็มักมีคนไทยมาแสดงความปรารถนาดีให้ความช่วยเหลือเราเสมอ เรารู้นะว่าเขาปรารถนาดีแต่ บางครั้งมันก็ เซงๆ เหมือกัน โลกนี้มันอะไรกันนักกันหนากันเนี่ย เคยไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแล้วจะกางทำไมกันล่ะ รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องโดน นึกในใจ อ้าว ก็คนไม่รู้นี่หว่า ไม่ใช่พระพุทธเจ้านิ จะได้ตรัสรู้ตั้งแต่ลงเครื่องเลยว่าตอนนี้เมืองไทยเป็นยังไง


ก่อนหน้าที่ผมจะไปญี่ปุ่นก็ไปเที่ยวที่กระบี่ ก็โดนอีก มาถามภาษาอังกฤษ อีก โธ่ ฉานฟุดฟิดฟอไฟ ยังไม่ค่อยจะได้เลย แต่เพื่อรักษาหน้าของเรา เราก็ต้องฟุดฟิดฟอไฟกลับไปบ้าง อย่าเอาภาษามาข่ม กรูก็มีดีนะเฟ้ย
แต่โดนถามหลายๆครั้ง เข้า ผมก็ชักจะเซง ตอบง่ายๆ เลย ผมเป็นคนไทย ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ มันก็เดินจากผมไปแบบไม่ดูดำดูดีทันที ชะหนอยแน่ คิดว่าคนไทยไม่มีตังเที่ยวหรือไงกัน ผมนึกในใจ


เขียนมาถึงตรงนี้ เดี๋ยวบางคนจะนึกมโนภาพไปไกลว่าผมหน้าตาเหมือน คนโน้น คนนี้ หล่อเหมือนทาเคชิหรือเปล่า ใช่นักร้องคนไหนหรือเปล่า เดี่ยวจะหลังไมค์มาจนบล็อก ผมเต็ม(ความจริงไม่มีใครเล้ย)

ไม่ต้องคิดให้มากเรื่องครับ เรื่องความหล่อ ผมมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีใครชม ผมก็คิดว่าผมหล่อ(ถึงไม่หล่อ ก็น่ารักล่ะว้า) ผมเคยอ่านในหนังสือเล่มหนึ่ง ว่าถ้าเราส่องกระจกทุกวัน ใช้สายตาของเราสื่อในกระจกทุกเช้า เย็น แล้วคิดว่าเราหน้าตาดี เราหล่อ ในเวลาไม่นาน มันก็จะเป็นดั่งที่เราคิด (หนังสือเล่มไหน จำไม่ได้แล้ว แต่รู้ว่าผมเชื่อเต็มที่ครับ ฟันธง ครับฟันธง ที่สำคัญไม่ได้เชื่ออย่างเดยว ผมทำมาตลอดครับ ขอบอก 555

ผมพร่ำมาตั้งนาน เข้าประเด็นเสียที อันนี้ผมขอยกคำพูดมาจากพื่อนผมเอง เพื่อนผมมักจะพูดบ่อยๆ ถึงเรื่องความเหมือนของผมกับดาราญี่ปุ่น มันบอกเหมือนมากเลย เพื่อนๆอาจสงสัย เอ้ะ แล้วมันเหมือนใครอ่ะ ใช่แล้วครับ เพื่อนผมมันบอกเหมือนหลายคนเลย ถ้าผมบอกชื่อไปหลายคนอาจรู้จัก หลายคนอาจะถามหาถึงเรื่องราวของเขา ใช่แล้วครับนายแบบที่เหมือนส่วนใหญ่จะเป็นดาราหนังแผ่นครับ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากหนัง เอ็กซ์ สุดยอดเล้ยมันบอก ใช่เลย ไทธนาวุติ ยังต้องร้องหลายครั้ง เฮ้อ.....อนาถแท้ ชีวิตผม......



Create Date : 21 ตุลาคม 2548
Last Update : 26 ธันวาคม 2550 18:25:18 น. 5 comments
Counter : 200 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านเสร็จแล้วก็ไม่ต้องไปคลิก Profile ผมบ่อยๆหล่ะ ขำ ขำ
 
 

โดย: john13 วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:11:35:26 น.  

 
 
 
เอ๋..........คลิกไปแล้วอ่ะ
 
 

โดย: ครีเอทีฟ หัวเห็ด วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:12:37:52 น.  

 
 
 
แอบอ่านนะ..คงมะว่ากัน..แต่พี่ก็เหมือนคนญี่ปุ่นจริง ๆ นะ ..ประมาณ กูลิโกะ...โกโบริ...ฮานามิ น่ะ (ย้อเย่นนะ)
 
 

โดย: Rainny (BOOTH_FON ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:34:12 น.  

 
 
 
นี่คุณจอห์นอยู่ที่ไหน ถ้าอยุ่ญี่ปุ่นเขาจะนัดสังสรรค์กันที่
โยโกฮาม่าถ้ามาได้ก็มา
ว่าแต่แอบอ่านบล็อกนิดนึง พึ่งรู้ว่าหน้าตาเหมือนดาราดังหนังเอ็กซ์ ใครเหรอครับ ไม่รู้จัก แต่ไม่ต้องกลัวเพราะดีกว่าเหมือนดาราตามหน้าป้อมตำรวจ
 
 

โดย: อ.ปมโปโกะ IP: 59.143.178.165 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:05:07 น.  

 
 
 
เออ..น้องตุ้ยนุ้ยคนกลางป่ะ (ยันหว่อยุน) อ่ะ
 
 

โดย: นัตโต้ IP: 210.139.202.41 วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:12:29:46 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

john13
 
Location :
Fujisawa-shi Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




   
[Add john13's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com