ยัยจิ๊ง...จิ๊กกี๋ประจำบ้าน
และแล้ว ก็ถึงคิวยัยจิ๊ง หมาตัวแสบ จิ๊กกี๋ประจำบ้าน เสียที ยัยจิ๊งรูปนี้ถ่ายตอนเก็บมาในช่วงอาทิตย์แรก ตอนขวบกว่าๆ มองแบบเผินๆ หน้าตาน่ารัก สดใส ขี้เล่นเพราะนิสัยดีมาก จึงถูกห้ามเยี่ยมห้ามประกันอยู่เป็นระยะๆ-------------------------2 มค. 2546 ไม่รู้ว่าสวรรค์บันดาล หรือ สวรรค์แกล้ง ย้ายมาอยู่อยุธยาได้ 9 เดือน ช่วงกำลังสร้างบ้านใหม่ จึงยังอยู่บ้านเช่าชานเมืองอยุธยาอยู่ ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายสาม ขับรถจากไปดูการสร้างบ้านใหม่ ขณะกำลังชะลอรถรอกลับรถเข้าหมู่บ้านที่เช่าอยู่ สายตาไปเห็นลูกหมานอนอยู่บนผิวถนนติดขอบเกาะกลางถนน ในใจก็ อืม หมาตายอีกแล้ว กำลังจะแผ่ส่วนบุญให้ อ้าว ผีลูกหมากระดกหัวขึ้น เฮ้ย ยังไม่ตายแฮะกลับรถเสร็จเทียบข้างทาง วิ่งไปอุ้มมาที่รถ เจ้าหมาน้อย หน้าตาบ้องแบ๊ว น่ารัก ท่าทางเหนื่อย อ่อนเพลีย หายใจหอบ สำรวจไม่พบว่ามีบาดเจ็บอะไรรุนแรง แค่มีแผลถลอกที่ขาหลัง น่าจะโดนรถเฉี่ยวเบาๆสังเกตเห็นที่คอมีสร้อยโซ่ ซึ่งมีสายโซ่จูงขาดติดมากับสร้อยด้วยประมาณ 1 คืบในใจคิดว่าสงสัยจะวิ่งเตลิดพลัดจากเจ้าของมาเป็นแน่แท้ตัดสินใจเอากลับบ้านไปก่อน แล้วจะเริ่มตามหาเจ้าของให้ ด้วยมองโลกในแง่ดี ว่าคงจะหาเจอน่ะ หมาหน้าตาน่ารัก แบบนี้ ป่านนี้เจ้าของร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วพากลับบ้าน จับอาบน้ำ หาข้าวหาน้ำให้กินเจ้าลูกหมา เป็นสาวน้อย คะเนว่าอายุประมาณ 4 - 5 เดือน ฟันน้ำนมกับฟันแท้เริ่มทดแทนกันบ้างแล้วลักษณะ เหมือนหมาบางแก้ว แต่หูที่ควรจะตั้งตามสายพันธุ์ กลับปรกลงมา จึงสงสัยว่าเป็นลูกครึ่งบางแก้ว หลังจากพักผ่อน กินอิ่ม ตู๋ก็เอาเจ้าลูกหมาไปอยู่กับพี่ๆขนหยิก อันได้แก่ พี่โจ พี่เจี๊ยบ พี่ลิซ่า และแตงโม โดยอนุญาตให้พี่ตัวใหญ่ อันได้แก่ ป้าดำ พี่เล็ก พี่ด่าง และพี่บาว สังเกตการณ์ผ่านประตูมุ้งลวดอยู่ในครัวเจ้าลูกหมาคึกคัก เล่นสนุกสนาน ราวกับว่า มันอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกอะไรเลย แน่นอน พี่เลี้ยงคือ แตงโม ซึ่งถูกเจ้าหมาวิ่งไล่ เหยียบอย่างเมามันส์ ไม่มีอาการซึมเศร้าคิดถึงเจ้าของเดิมแต่อย่างไรคืนนั้นแตงโมจึงต้องลงมานอนเป็นเพื่อนเจ้าลูกหมาในห้องโถงข้างล่างเช้าวันรุ่งขึ้น จับเจ้าลูกหมาขึ้นรถ พาจูงเดินไปตามหมู่บ้านใกล้เคียง สอบถามว่า มีใครทำหมาหายมั้ย คุ้นหน้าเจ้าลูกหมาบ้างมั้ย วันแรกก็ไม่ วันที่ 2 ก็ไม่ในที่สุด เราก็ตกลงว่า เจ้าลูกหมาคงต้องเป็นสมาชิกใหม่เสียแล้วตั้งชื่อๆ อืม เอาตัว จ. แล้วกัน เป็นช่วงปีใหม่ ชื่อ จิงกาเบลแล้วกัน เรียกไปเรียกมา กลายเป็นยัยจิ๊ง (Jinx = ตัวซวย ฮี่โธ่ คิดว่ามันเป็นของขวัญปีใหม่ที่ฟ้าประทาน 5555 ) วีรกรรมยัยจิ๊งนั้นมีมาก มีชื่อเสีย(ง)มากพอๆกับพี่โจ อยู่กันมาหลายเดือน เริ่มคิดออก ว่ายัยจิ๊งไม่ได้หลงทางมาหรอก ถูกเตะตกรถมาต่างหาก นิสัยยัยจิ๊ง เป็นที่เอือมระอาของทั้งแม่ และพี่หมามาก จิ๊งดื้อมากกกก เวลาแม่ให้ทำอะไร ยัยจิ๊งจะทำตรงกันข้าม เรียกให้เข้าบ้านจะวิ่งออกไป ไล่ให้ออกไปจะวิ่งเข้าบ้านเวลาแม่จะลงโทษ ยัยจิ๊งจะสู้กลับ ไม่เกรงกลัวว่าแม่คือจ่าฝูง ถ้าจะลงโทษ จะตีไม่ได้เลย แต่แม่ก็หาวิธีกำหราบยัยจิ๊งได้ผล คือ แม่ใช้วิธีขยุ้มหลังคอยัยจิ๊งเขย่าแรงๆ กับพ่อ พ่อไม่เคยมีปัญหากับใครอยู่แล้ว และไม่มีใครไม่รักพ่อ ข้ามไปเลย ไม่มีประเด็นน่าสนใจซักกะติ๊ดกับพี่หมา ยัยจิ๊งจะป่วนเค้าไปทั่ว เวลาเล่นก็เล่นแรงมาก ถึงมากที่สุด ใครๆก็ทนเล่นกับยัยจิ๊งไม่ได้ ยกเว้นพี่บาว ซึ่งมีความอดทนให้สาวๆเสมอ แม้ว่าเธอจะซาดิสต์เพียงไหนก็ตามจิ๊งจึงสนิทกับพี่บาวมากที่สุด ไปไหนไปด้วยยัยจิ๊งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับป้าดำมาก เวลากินข้าว ยัยจิ๊งจะปรี่เข้าไปใกล้ๆจานข้าวยัยดำ ไม่ได้ไปแย่ง แต่ไปแหย่ให้ยัยดำโมโห ยัยดำก็จะบ่นๆๆๆๆ 2 ตัวนี้ทำแบบนี้ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ไม่ขาด เป็นเวลา 6 ปีกว่าแล้วกับยัยมืด ก็ชิงดีชิงเด่นแย่งพี่บาวกัน อย่างเคยเล่าในเรื่องของมืดไปแล้วตอนนี้ยัยจิ๊งก็เข้าวัยกลางหมาแล้ว ทำให้ดีกรีความก๋ากั่น ความแสบสันต์ ความดื้อลดลง บรรยากาศโดยรวมของหมาในบ้านจึงเย็นลง จะพูดถึงความแสบของยัยจิ๊งอย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะยัยจิ๊งนั้น มีความน่ารักอยู่มาก เวลาที่ยัยจิ๊งอารมณ์ดี ยัยจิ๊งจะขี้อ้อน กระแซะ ช่างฉอเลาะประเหลาะพ่อแม่ ทำตาใส เหมือนลูกหมาตัวน้อยๆยัยจิ๊งมีร่างกายที่แข็งแรง รูปโฉมก็สวยงาม ใครเห็นก็ปิ๊ง หางที่สลวย เป็นทรงรากไทร หน้าที่มีมาร์กิ้งสมดุลย์ ลวดลายและสีที่พอเหมาะพอเจาะสรุปว่า ถึงยัยจิ๊งจะเป็นตัวสร้างปัญหา จะเป็นตัวป่วนแค่ไหน แต่ก็เป็นหมาที่น่ารัก เป็นลูกรักของเรารักลูกนะ เด็กดื้อ นังบ้าจิ๊ง " หนูเป็นตัวของตัวเอง ผิดตรงไหนเคอะ คุณแม่เขอ...เชอะส์ " รูปจิ๊ง เมื่อ 2 วันหลังเก็บจิ๊งมา
มืดศรี ... คนดีของแม่
เวลาถ่ายรูปยัยมืดศรี จะได้ภาพหน้ายิ้มตลอดความเป็นมาของยัยมืดศรีนั้น ก็ทุลักทุเล ไม่แพ้ใครๆตอนที่ย้ายมาอยู่อยุธยา ช่วงปีแรก เวลาไปส่งพ่อที่ทำงาน แม่จะเห็นลูกหมาสีดำตัวเตี้ยๆ วิ่งเล่น และหลบนอนในลานจอดรถยามเรียกมืดศรีว่า ไอ้มืด ไอ้มืดของพี่ยามใจดี จะวิ่งตามก้นหมาตัวผู้ "ไอ้แดง" ที่ท่าทางนักเลงโต ชอบวิ่งเห่าไล่มอเตอร์ไซค์ที่เสียงดังๆไอ้มืดของพี่ยามเป็นลูกหมาติ๋มๆ วิ่งตามต้อยๆ ไอ้แดงไปทางไหน ไอ้มืดก็ตามไปด้วยดังนั้น ความซวยจึงมาเยือนไอ้มืดอย่างช่วยไม่ได้ซึ่งความซวยนั้น ทำให้แม่กับพ่อ ต้องเอาไอ้มืดมาอยู่ด้วยเรียกว่าเป็นสันดานก็ได้พอเราย้ายไปอยู่ไหน ก็จะชอบมองหาว่าแถวที่เราอยู่มีหมาจรจัดที่น่าสงสารอยู่บ้างมั้ยยัยมืดก็เช่นกัน แรกเห็น ก็สงสารขึ้นมาเลย เพราะมืดเป็นลูกหมาสีดำเตี้ยตะแมะแคะ ผอมกระหร่อง ขี้กลัวเอามากๆ ชอบแอบอยู่ใต้ท้องรถ เวลาพี่ยามแบ่งข้าวให้กิน มืดก็จะรอกินเหลือไอ้แดง เลยได้กินแค่เม็ดข้าวติดถุงก๊อบแก๊บทุกวัน นอกจากอาหารเม็ด แม่ก็จะซื้อขนมปังหมูหยองมาฝากมืดกับแดง ต้องแอบๆให้ เพราะคนแถวนั้นไม่ค่อยจะชอบไอ้แดงนัก เพราะความซ่าของมันนั่นแหละจะเล่าถึงยัยมืด ต้องเล่าถึงไอ้แดงก่อนกับเรา 2 คน ไอ้แดงจะน่ารักมากๆ เจอกันทีก็ทำตัวเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ ทั้งที่ตัวเองตัวใหญ่เบ้อเร่อไอ้แดงจะกระดี๊กระด๊ามากๆๆๆ จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น ไอ้คึกคัก หรือ ไอ้คึกไอ้คึก จะมีแผลมาให้ทายาอยู่เรื่อย ครั้งหนึ่งหน้าแหก หน้าแหกจริงๆ คงไปกัดกับใครมา แล้วกัดสะบัดตรงใต้ตา เป็นแผลฉีก เลือดโชก แม่ต้องจัดการทำแผล พันหน้าเป็นมัมมี่ให้เป็นอาทิตย์ แผลหาย แต่หน้าบาก มีรอยแผลสมกับความเป็นจิ๊กโก๋ประจำลานจอดรถ คนยิ่งกลัวมันเข้าไปอีกไอ้คึกไม่เคยกัดใคร แต่มันนิสัยเสียที่ชอบไล่เห่ามอเตอร์ไซค์ ในที่สุด ความซวยมาถึง มีคำสั่งจากผู้บริหาร ให้กำจัดหมาพวกนี้ ซึ่งนับว่ายังมีเมตตาธรรมอยู่ เพราะ ให้จับทำหมันแล้วเอาไปปล่อยวัดเราได้รู้เรื่องว่าจะเอามืดกับคึกไปปล่อย จึงไปบอกกับพี่ยามว่า เราจะเอามืดไปนะ เพราะมันเป็นลูกหมาที่น่าสงสาร ตัวดำแบบนี้ เอาไปปล่อย มีหวังถูกคนใจแอนิมอลจับกินแน่แต่สำหรับคึก เราคิดทบทวนดูแล้ว หากเราเอาไปบ้าน คงมีปัญหากับหมาตัวอื่นๆแน่ โดยเฉพาะด่าง ที่สำคัญ เราคิดในแง่ดีที่ว่า คึกเป็นหมาตัวผู้ที่ตัวใหญ่ แข็งแรง และสู้ คงจะเอาตัวรอดได้ยังไม่ทันได้เอามืดมาเลย ตอนเย็นตั้งใจว่าจะเอามืดกลับ ปรากฏว่า ตอนสายๆมืดถูกเอาตัวไปปล่อยวัดเสียแล้วพร้อมคึกเรา 2 คน ก็รีบขับรถไปตามเอาตัวกลับมา พอไปถึงวัด วัดนั้นเป็นวัดเก่าๆ ซอมซ่อ มีหลวงตาที่ชราภาพมากแล้ว เป็นเจ้าอาวาสในวัด เต็มไปด้วยหมาแมว ที่คนไม่ต้องการ หลวงตาท่านมีเมตตาเหลือกำลัง เหลือกำลังของท่านจริงๆ หมาแมวดูมอมแมม ผอม วัดก็เหม็นเห็นแบบนี้แล้วสงสารท่าน กับชีวิตน้อยๆจำนวนมากมายในวัดเหลือเกิน วัดแบบนี้ เทียบกับวัดใหญ่ๆ ใครมันจะมาทำบุญเล่าพอไปถึงวัด เราก็ถามหาหมา 2 ตัวที่ถูกจับมาปล่อย ได้ทราบว่า ถูกทำหมันเรียบร้อยแล้ว นอนพักฟื้นอยู่ในกรงชั่วคราวเราก็เดินไปดู ทั้งมืด ทั้งคึก ดีใจมากที่เห็นเรา เห็นคึกแล้วอยากจะร้องไห้ เพราะเราตัดสินใจกันแล้ว ว่าคงจะเอามืดไปตัวเดียวเท่านั้น หลังจากให้คึกกินขนมที่ชอบ เล่นกับคึก กอดมัน บอกลามัน...เราบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้หลวงตาไว้ คงจะช่วยอะไรท่านมากไม่ได้ แต่ก็ทำได้เท่านี้อุ้มมืดขึ้นรถ มองเห็นสายตาคึก ที่มองตามว่าทำไม ไม่เอาคึกไปด้วย คึกไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไม ทำผิดอะไรถึงต้องมาอยู่ในกรงแบบนี้...................ประมาณ 2 อาทิตย์ต่อมา กลับมาทำบุญ มาเยี่ยมคึก หลวงตาบอกว่า แค่วันเดียวหลังจากมาอยู่ คึกวิ่งเตลิดหนีออกไปแล้ว โธ่ วัดนี้อยู่ท่ามกลางป่า มองไปมีแต่ป่า กับทุ่งนา คึกจะไปอยู่ที่ไหน หากคึกหาทางกลับเองจะถูกรถชนตายไปเสียแล้วก็ไม่รู้ เพราะมาอีกไกลหลายสิบกม. ถนนสายเอเซีย ก็มีแต่รถใหญ่ๆเฮ้อ...ไปดีเถิดนะ คึกเอ๊ยมืดศรี จากบ้านนา เขาเรียกกันว่าอี กลอย เปลี่ยนอี กลอยมาเป็นแรมจันทร์....ยัยมืดก็เช่นกัน จากไอ้มืด ก็กลายมาเป็น คุณหนูมืดศรี จริงก่อนมืดจะมาอยู่นั้น เราได้มี ยัยจิ๊งมาอยู่ก่อนหน้าแล้วเกือบ 1 ปี แต่ด้วยเรารู้จักมืดก่อน จึงเล่าเรื่องมืดก่อนตอนที่รับมืดมา เราย้ายบ้านมาอยู่บ้านใหม่กันแล้ว แต่ยังไม่ได้สร้างห้องหมาหมาตัวใหญ่ ยังอยู่ในกรงขนาดใหญ่ สูง เมตรครึ่ง กว้าง เมตรครึ่ง ยาว 2 เมตร เราเข้าไปเดินได้ วางพัดลม 1 ตัว หมานอนกันสบายๆมืด นั้นเป็นหมาที่เรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อก่อนตอนเจอกันที่ที่ทำงานพ่อ พอมืดเห็นเรา มืดจะไม่เดินมาแบบธรรมดา มืดจะเลื้อยมา บิดตัว คลานกระดื๊บๆ เข้ามาหมอบปลายเท้า ให้กินอะไรก็จะค่อยๆเล็ม นี่เป็นสิ่งที่ทำให้มืดเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจพ่อแม่ตั้งแต่แรกมืด ค่อนข้างเครียดทีเดียว เมื่อต้องแยกจากหัวหน้าอย่างคึก เคยเดินตามคึกต้อยๆ ไปไหนก็มีคึกคอยดูแล มืดหวาดระแวงหมาใหญ่ตัวอื่นๆในบ้านมาก ทั้งทำท่ากลัว และทำท่าขู่ ตอนแรก ต้องเอามืดมานอนหน้าบ้าน กางมุงคลุมเด็กให้ จากนั้นก็ค่อยๆย้ายให้ไปนอนหลังบ้าน ข้างๆกรงหมาใหญ่ในที่สุด ประมาณซัก 2 อาทิตย์ มืดก็เริ่มเล่นกับพี่น้องคนอื่นได้แล้ว มีพี่บาวคอยดูแล แต่พี่บาวไม่เหมือนคึกหรอกนะ แค่เล่นด้วย จู๋จี๋ เวลามืดทะเลาะกับจิ๊กกี๋ประจำบ้าน คือ ยัยจิ๊ง พี่บาวก็รุมมืดเหมือนกัน มีทะเลาะอยู่ 2 ครั้ง แม่ตีทั้งมืดและยัยจิ๊ง...ยัยนี่มากกว่านิดหนึ่ง จากนั้นก็เลิกกัดกันจริงๆจังๆ แค่ขู่กันเวลากินข้าวเล็กๆน้อยๆ เป็นยากระตุ้นความอยากอาหารมืด ค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยจี๋จ๋ากับใคร เล่นกับน้องๆ นอนเบียดกับน้องๆ แต่ก็เฉยๆ ไม่หนิดหนมมืดจะรักแม่มาก อันนี้แม่รู้ สายตามืดบอก เวลามืดเริ่มดื้อ เริ่มเกเร พอแม่ตวาดแว้ด มืดจะจ๋อยทันทีใครๆจะไม่เลือกกิน แม่พ่อให้กินอะไร ก็จะแย่งกินอย่างมูมมาม แต่มืดไม่เป็นอย่างนั้น มืดไม่มูมมาม อันไหนไม่ชอบก็ไม่กิน อะไรที่ชอบก็จะชอบมากๆพวกขนมหวานๆทั้งหลาย มืดจะไม่ชอบนัก กินได้ แต่กินแบบเซ็งๆแต่ถ้าหากเป็นนมเย็นๆ หรือ ไก่ต้ม อันนี้มืดสู้ตาย ดังนั้น ทุกวัน แม่จะปรนเปรอมืด ด้วยนมจืด วันละถ้วย มืดแข็งแรง ไม่เคยป่วยอะไรให้แม่ต้องกังวล มีอยู่แค่ 2 ครั้ง ครั้งแรก ตอนที่มืดยังอยู่ที่ลานจอดรถที่ทำงานพ่อ มืดโดนรถเฉี่ยว ข้อขาหลังบวมเป่ง มีแผลฉีกเห็นเส้นเอ็น แม่พาไปหาหมอ กระดูกไม่หัก แต่แผลค่อนข้างลึก ตอนนั้นแม่ต้องทำแผล พันขามืดด้วยผ้าอีลาสติกสีแดง เป็นอีกาคาบพริกอีกครั้ง กัดกับยัยจิ๊ง มีแผลที่ขาเดิมอีก ทำให้ข้อนั้นบวมถาวร แต่ดูแล้วมืดก็เดินได้ดี วิ่งเร็วจี๋ ไม่มีปัญหาอะไรสรุปว่า ยัยมืดศรี เป็นหมาดี เป็นหมาศรี
บาว กับ แตงโม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 2...แตงโม
เรื่องของ แตงโม แตงหมู ไอ้หมาซกมก หลังจากหักหลังบาว แตงโมก็กลายมาเป็น ทส.ให้พี่ลิซ่า ไปไหนไปด้วย ขอกินข้าวเหลือ กับพี่โจ พี่เจี๊ยบ แตงโมซูฮกพี่เจี๊ยบพอใช้ ส่วนกับพี่โจ แตงโมถือว่าถ้าพ่อแม่ไม่เผลอก็ต้องทำท่าเกรงใจตอนแรก แตงโมยังต้องนอนในห้องโถงเหมือนตอนอยู่กับบาว พี่หยิกทั้งสามนอนในห้องนอนกับพ่อแม่เช้าๆตื่นมา แม่จะเห็นแตงโมมานอนหน้าประตูห้องนอนแล้ว ต่อมาช่วงกลางคืน เริ่มได้ยินเสียงผีหมาเป่าลมใต้ร่องประตูดังฟื่ดๆๆ น่ารำคาญก็จริง แต่ก็น่าสงสารมากกว่า แตงโมคงจะเหงาพ่อแม่จึงอนุญาตให้แตงโมเข้ามานอนมุมห้องข้างๆพี่โจได้แตงโมก็เหมือนบาว ไม่ว่าจะมีหมาตัวใหม่เข้ามา หรือ แม้กระทั่งแมว จะเฟรนด์ลี่มาก เหมือนรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องโดยเฉพาะ เจ้าเบนจี้ แมวน้องนุชสุดท้อง ได้พี่แตงโมช่วยให้เข้ากับพี่หยิกได้มากที่สุด หมาไม่ถูกกับแมว เป็นธรรมชาติ เป็นสัญชาติญาน แต่ถ้าเราใจเย็น อดทน ให้เวลาให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ปรับตัวเข้าหากัน มิตรภาพจึงเกิดขึ้นได้งั่มๆ หัวแมวอาหย่อยผั๊วะ ไอ้หมู เมิงตายสู้ไม่ได้ก็หนีไปตั้งหลักก่อนนิสัยแตงโมทั่วไป เป็นหมาที่นิสัยดี เชื่อฟัง ไม่ดื้อเลย พูดรู้เรื่องแต่มีนิสัยที่น่ารำคาญ ตรงที่ชอบแหกปากโวยวาย เป็นหมาขี้ตื่น อะไรนิดอะไรหน่อย มันจะต้องโวยวายตื่นเต้นไว้ก่อน อีกเรื่องคือ ตะกละ สมกับที่เป็นพี่น้องกับบาวมาก่อน นิสัยเรื่องกินมูมมาม กินให้เร็วที่สุด เหมือนกันเลยนน.แตงโมขึ้นมาเรื่อยๆ จากเคน ธีรเดช กลายเป็นแดนนี่ ระเบิดเถิดเทิงพยายามให้แตงโมกินน้อยๆ แต่พอกินไม่อิ่ม แตงโมจะคอยแย่ง คอยจ้องช่วงพี่ๆเผลอฉกข้าวแบบหน้าด้านๆพอพี่โจเป็นเบาหวาน แม่ก็ถือโอกาสให้แตงโมกินผักต้มไปด้วย ซึ่งไม่เห็นผล เพราะนอกจากแตงโมจะกินจุ อายุมากขึ้น ก็กลายเป็นหมาขี้เกียจ ให้ไปเดินเล่นในสวน เดินแป๊บเดียว ก็นั่งแบะ ต้องไล่เตะตูด สุขภาพทั่วไปแตงโมก็ดี แต่ที่เรื้อรังมาตลอด ก็เรื่องโรคผิวหนัง เป็นภูมิแพ้ เป็นยีสต์ เรียกว่าตัวฉึ่งตลอด แม่ต้องอาบน้ำให้แตงโมทุก 2 วัน หมดค่าแชมพูพิเศษกับครีมทาผิวไปหลาย แต่ในที่สุด แตงโมก็หายจากโรคนี้จนเกือบหมดแล้ว เพราะสูตรหมักขมิ้นของห้องหมาพันทิบนี่เอง ...ขอให้ผู้เผยแพร่ทุกท่านจงมีความสุข ความเจริญถ้วนหน้าค่ะ สูตรหมาขมิ้นผงขมิ้น 1 ช้อนโต๊ะ ผงกำมะถัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะกรูด 1 ลูก
บาว กับ แตงโม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ภาค 1...บาว
แพ็คคู่ค่ะบาว กับ แตงโม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดบาวแตงโมถ้าแปะสรยู้ด ถามบาวว่า " จุนบาวคาบ... เมื่อก่อนเคยซี้กับจุนแตงโมเหรอคาบ... " บาวจะตอบว่า " เอ๋อ...ช่ายยยย เมื่อก่อนมันเคยเป็นลูกน้องป๋ม พอมันเข้าแก๊งค์หัวหยิก มันก็หักหลังป๋ม มันเข้าแก๊งค์ไหน หัวหน้าเดี้ยงหมด ถามเฮียโจดูก็ด้ายย...เอ๋อ "ปล. บาวตัวจริงต้องเอ๋อๆ----------------------ถ้าเฮียกระดก ยื่นไมค์จ่อปากแตงโม ถามว่า " ได้ข่าวว่าเป็นจอมหักหลังเหรอ มีไรแก้ตัวมั้ย "แตงโม หันไปเห็นไมค์ นึกว่าของกิน เลียก่อนด้วยสัญชาติญาณ " เฮ้ยยยยยย ไอ้แท่งนี่กินไม่ได้ว่ะ ถามไรอ้ะ คายวะบาว อั๊วไม่รู้จัก "------------เรื่องของบาว กับ แตงโมมาอยู่อยุธยาได้ราวครึ่งปี เรายังเช่าบ้านอยู่ พี่ชายของแฟนก็เอา เจ้า 2 ตัวนี้มายกให้เลี้ยง มีปัญหาร้านที่เจ้า 2 ตัวนี้เคยอาศัยอยู่เลิกกิจการ เจ้าของร่วมตกลงแบ่งกันแต่เรื่องของธุรกิจ ส่วนหมาประจำร้าน ใครจะเอาไปไหน หรือไม่เอาไป ก็แล้วแต่เผอิญพี่ชายแฟนรู้จักเจ้าของกิจการ และคุ้นเคยกับเจ้า 2 ตัวนี้ดี เห็นว่ามันน่ารัก เป็นหมาดี คงจะน่าสงสารถ้าถูกทิ้งโดยไม่มีคนเหลียวแลพี่ชายแฟนก็เลยเอาเจ้า 2 ตัวนี้มาให้เราช่วยอุปการะเอาบุญตอนบาวมาอยู่ได้ซักปี หล่อมากๆ ขนสวย เป็นเงางามบาว เป็นหมาพันธุ์อเมริกันค้อกเกอร์ หมาอย่างแพง ตามประวัติ เป็นหมาหลายมือ มากกว่าหมามือสอง ว่ากันว่า เจ้าของมือหนึ่งอยู่เมืองกาญจน์ อายุที่เราแรกรับเลี้ยงน่าจะประมาณ 3 ขวบกว่าแตงโม เป็นหมามือหนึ่งของเจ้าของกิจการที่เจ๊งนี้ อายุแรกรับเลี้ยง ประมาณ 1 ขวบวันแรกที่เจอกัน ดู น่ารัก ร่าเริง และดูรักกันมากๆ แตงโมเดินตามพี่บาวต้อยๆ เลียหน้าเลียตาใน 2 อาทิตย์แรก ในระหว่างปรับตัว ทั้ง บาวและแตงโมก็อยู่ในกลุ่มหัวหยิก แต่ด้วยความแตกต่าง บาวกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ถูกพี่หัวหยิกรังเกียจ ไม่ค่อยจะเล่นด้วยเหมือนว่าลิซ่าจะเริ่มเป็นตัวแรก ลิซ่าชอบแตงโม เดินไปเลียหน้า เลียตาให้ แตงโมจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างพี่ลิซ่าส่วนบาว ก็เริ่มทำตาขวางๆมองแตงโมเป็นระยะๆ เมื่อทั้ง 2 เริ่มรู้สึกว่า นี่เป็นบ้านของตัวเองแล้ว เราก็พาไปทำหมันพร้อมกันทั้งคู่ปรากฎว่า เหตุการณ์หลังจากนี้พลิก บรรยากาศระหว่าง บาวกับแตงโมเริ่มมาคุมากขึ้น บาว ปกติจะน่ารัก ร่าเริงสุดๆ ดูเป็นหมาที่ใจดี ยังไงก็ได้ไม่เรื่องมาก แค่มีของกินเท่านั้น ก็เอาอยู่ บาวไม่แค่มองแตงโมตาขวางแล้ว ตรงเข้าไปกัดแตงโมอย่างบ้าคลั่ง ถ้าหันไปมองแล้วแตงโมสบตาตอบเมื่อไหร่ บาวจะชาร์จแตงโม ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อไม่น่าเชื่อจริงๆที่พี่ชายแฟนบอกว่า ทั้ง 2 รักกันมากมาก่อน ตอนนี้กลายเป็นเหลือง-แดง ที่ไม่ใช่ลูกแม่โดมเสียแล้วเราพยายามสร้างบรรยากาศให้เท่าเทียม ระหว่างบาว-แตงโมมากที่สุด แต่พี่ลิซ่าไม่ร่วมมือด้วย ยังจี๋จ๋าแตงโม เหมือนจะยั่วให้ผู้ชายฆ่ากันเพราะหึงหวงฟางเส้นสุดท้ายมาถึง เมื่อบาวเข้าชาร์จแตงโม พ่ออยู่ใกล้ๆพอดี จึงเข้าไปแยก ฟังนะทุกคน โบราณว่าไว้ถูกต้อง หมากัดกัน อย่าเข้าไปแยกด้วยมือเปล่าระหว่างที่ชุลมุน หมา 2 กับ คนที่เงอะๆงะๆ อีก 1 พ่อก็ร้อง เอ๋ง เอ๊ย เฮ้ย ดังลั่นบาวต้องถูกแยกไปอยู่กับกลุ่มตัวใหญ่ สงสารเหมือนกัน แต่ทำไงได้ เจือกไปกัดป๋องแป๋งพ่อเข้าให้น่ะเซ่ ไอ้บาวเอ๊ย 555ฟันเอ็งไม่หักหมดปาก เพราะความแข็งแกร่งของพ่อก็บุญของเอ็งแล้ว ห้ามเยี่ยม ห้ามประกันจะให้บาวเป็นพระเอกของซีรีส์ตอนนี้ก่อน บาว หมาที่ทั้งน่ารัก น่าสงสาร และน่าเตะ ทรีโอ้ ทรีอินวันหลังจากที่บาวถูกแยกมาอยู่กับกลุ่ม ดำเล็กด่าง บาวทำตัวขรึมๆในช่วงแรก กลุ่มตัวใหญ่ จะอยู่ในโซนห้องครัว กลุ่มหัวหยิกจะอยู่ในห้องโถงกลาง มีประตูมุ้งลวดมองเห็นกันได้ ช่วงแรก เวลาบาวเดินผ่านประตูมุ้งลวด เห็นกลุ่มหัวหยิก เห็นไอ้แตงโมเฉิดฉายท่ามกลางสาวๆ มีลิซ่านวยนาดนำหน้า ใจของบาวนั้นปวดร้าว ยืนมองนิ่ง " ไอ้น้องระยาม ทำข้าได้ บังอาจวางแผนยั่วให้ข้าติสต์แตก ถูกระเห็จมาอยู่ในครัว ฮึ่ม..."" แต่เดี๋ยวก่อน เอ็งคงไม่รู้หรอก ว่าขุมทรัพย์ของกินน่ะอยู่กับข้า ถ้าแม่เดินมาเปิดตู้เย็น ข้านี่แหละ กระแซะถึงตัวแม่ได้ก่อน เวลาแม่ทำกับข้าว ข้านี่แหละ ตัวเก็บหมูกระเด็น...555 "...บาวคิด ...แม่เดาล้วนๆต่อๆมา บาวปรับตัวได้ดีมากๆ เข้ากับกลุ่มหมาใหญ่ได้ แม้แต่ด่าง ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้า ที่จู๋บาวใหญ่กว่า ( โจ ไม่ต้องพูดถึง สลดหดจู๋กว่าใครเพื่อน ) แต่ด่างก็ไม่ชอบวีนใส่ใครเพราะแค่จู๋ใหญ่ ( ไม่เหมือนไอ้คุณโจ )เล็กนั้น กลัวฟ้าร้อง ฟ้าผ่ามากๆ ตัวจะสั่น ส่วนด่าง ไม่สามารถให้ความอบอุ่นใจเล็กได้เลย เพราะตัวสั่นไปก่อนหน้าแล้ว ( ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหมาตัวเดียวกับหมาที่ชอบวิ่งตากฝนจากตราด )บาวทำหน้าที่ลูกผู้ชาย ดูแลสาวสวยอย่างป้าเล็กได้ประทับใจแม่ยิ่งนัก เวลาเล็กกลัว บาวจะเข้าไปเลียหน้าเล็ก ส่ายก้นเต้นอะโกโก้รูดเสาปลอบใจ ถึงไม่ได้ช่วยอะไรเล็กมากนัก แต่ก็ดีกว่าหนุ่มด่างหลังจากมีบาว แตงโมมาอยู่ในครอบครัว บ้านเราก็จะมีสาวๆหน้าใหม่ที่กล่าวถึงในตอนถัดๆไปทะยอยเข้ากลุ่มหมาใหญ่ บาวจะรับหน้าที่โอ้โลมปฎิโลม ดูแล และออเรนเตทให้สาวๆ บาวกลายเป็นหมาที่น่ารักมากๆ อารมณ์ดีตลอด ไม่รู้จะร่าเริงอะไรนักหนา บางครั้งเข้าขั้นแมเหนี่ยจนถูกด่าบาวชอบกินมาก ถ้าปล่อยให้หากินเอง บาวไม่มีวันอดตาย เพราะ บาวขุดหาหนอนตัวอ้วนๆกินเองได้ ดมฟุดฟิดๆ แป๊บเดียวรู้เลย ว่าตรงใต้ดินตรงนี้มีหนอนอ้วนอยู่บางทีก็กินดินปลูกต้นไม้ กินขรี้แมว กินใบไม้ กิ่งไม้แห้งบ้าง สดบ้าง เรียกว่าปากมันไม่เคยว่าง เห็นทีไร แจ๊บๆ งั่มๆประมาณอายุปัจจุบันของบาว น่าจะราวๆ 9 ขวบ เหมือนจะหง่อมมากแล้ว แต่ก็เหมือนลูกเจี๊ยบ บาวทำตัวเด็กตลอดเวลา ไม่ใช่เด็กธรรมดาเสียด้วย เป็นเด็กปัญญาอ่อน555 เอ๋อ..เอ๋อ..ก่อนจะเล่าเรื่องเศร้าของบาวหมาเอ๋อ ต้องเล่าถึงความเป็นบาวก่อนหมาที่เป็นขวัญใจสุดๆของพ่อนั้น ไม่มีใครเกินบาว พ่อบอกว่า ทดแทนที่แม่ชอบด่าบาว ไล่เตะตูดอ้วนๆของบาวบาวก็รักพ่อสุดๆ แต่ความรักของบาวช่างน่ารำคาญ เห็นพ่อไม่ได้ บาวจะตะโกนเรียกอยู่นั่น พ่อต้องคอยหลบๆซ่อนๆ ไม่ให้มันเห็น เพราะเกรงใจเพื่อนบ้าน เสียงของบาวเหมือนลำโพงงานวัด หนวกหูสุดๆบาวเป็นหมาที่ยอมทุกอย่าง ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร เรียกว่าเป็นเบ๊ประจำบ้าน ใครจะรังแก จะแกล้งก็สนุกไปกับเค้า ทั้งที่ตัวเองก็เจ็บส่วนกับไอ้แตงโมน้องทรยศ เห็นก็ทำเป็นไม่เห็นด้วยกันทั้งคู่ แต่บาวคงไม่เหงาหรอก หลังจากด่างตายไป บาวก็ตกเป็นเดือนดวงเดียวในหมู่ดาว สาวๆสวยๆทั้งนั้น ราวกับอยู่ในฮาเร็ม สุขภาพของบาวทั่วไปแข็งแรงดี ไม่เคยเจ็บป่วยเลย แต่หูข้างขวาของบาวมีอาการอักเสบติดเชื้อ ทั้งแบคทีเรียและยีสต์ เป็นๆหายๆ เป็นมากกว่าหายสาเหตุมาจาก สรีระ และกายวิภาคของบาว หูบาวจะยาว ปิดตลอด หนึ่งและที่สำคัญ บาวขี้ร้อน ชอบกินน้ำ แล้วเอาหูลงไปแช่ด้วย ทั้งในน้ำกิน และน้ำบ่อปลาหูขวาบาวจึงฉึ่งตลอด ข้างซ้ายไม่เป็นไรมาก แม่ก็เช็ดหูให้บาวทุกคืนก่อนนอน พอมีขี้หูแฉะ แม่ก็จะหยอดยารักษาหูหมา หาหมอก็ไม่หายขาด เป็นๆหายๆมานานมาก นานพอๆกับรู้จักบาวนอกจากหูเน่า บาวยังเป็นนักเพาะหูด ( คล้ายๆนักเพาะเห็ด ) มีหูดตรงนู้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ที่เป็นมากๆก็ที่นิ้วเท้า และในหูขวาซึ่งเน่าเป็นปกติอยู่แล้วก็เจือกมีหูดเสริมพอมีหูดในรูหู ยิ่งทำให้รักษาความสะอาดหูยากขึ้นไปอีก ในที่สุด เมื่อหูดโตได้ที่แม่ก็ตัดขาย เอ๊ย พาบาวไปหาหมอประจำแถวบ้าน เมื่อกลางปีที่แล้ว เพื่อตัดหูดทั่วสรรพางค์ต้องวางยาสลบบาวนานถึง 2 ชม. กว่าจะตัดและจี้หูดออกได้เกือบเกลี้ยง ยังมีหูดอ่อนๆเหลือนิดหน่อย ซึ่งตรงนี้ หมอได้เอาหูดที่ตัดออกมาไปปั่นทำวัคซีนฉีดกลับเข้าไปตัวในบาวหลังผ่า ประมาณ 1 เดือน หูดตามตัว เท้า ที่ตัดไป แผลเริ่มหายแต่พระเจ้าช่วย หูดในรูหูขวานั้น กลับงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เต็มจนปลิ้นออกมา ตอนแรกหมอยังไม่แน่ใจ จึงให้กินยาแก้อักเสบ และลดบวม ดูก่อนครบเดือน เราเริ่มสงสัยกันแล้ว ว่าหูดในหู มันไม่ใช่หูดขี้ๆ ต้องเป็นหูดระดับมรกต หรือ เพชรน้ำหนึ่ง ปรึกษาหมอ สรุปว่า เจาะเซลหูดมาตรวจ แล้ว 1 อาทิตย์ต่อมา เราก็ได้รับข่าวร้าย หูดที่ตรวจ เป็นเซลมะเร็งของต่อมผลิตขี้หู โป๊ะเชะ พ่อแม่น้ำตาร่วง พูดกันแต่เรื่องจะฝังบาวตรงไหนดี ส่วนไอ้บาวเคี้ยวขนมเจอร์ไฮอย่างอร่อย หมดก็ขออีก เอ๋อๆๆๆๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเรารีบพาบาวไปรดน้ำมนต์ เอ๊ย พาบาวเข้ารพส.เอกชนแพงโคตรแห่งหนึ่งแถวชานเมืองกทม.หมอนัดทำผ่าตัดครั้งใหญ่อีกครั้ง บาวยังไม่รู้ตัว กวักตรีนขอกินนมหวาน 1 กล่อง ค่าจ้างมาหาหมอผ่าตัดคราวนี้ ตุ๊มๆต่อมๆ เพราะเดาไม่ได้เลยว่า ผลจะออกมาแบบไหน หมอจะเลาะออกหมดมั้ย มันจะงอกอีกหรือไม่ พ่อจะมีตังค์จ่ายเปล่า...กลุ้มตอนแรก คิดว่าถ้ามันลามมาก หมออาจจะตัดหูบาวออกไปเลย กลายเป็นหมาอีที หูโบ๋ๆแต่หมอก็ตัดเลาะเฉพาะในรูหูเท่านั้น นี่ก็ผ่านมาครบปี ยังไม่อะไรงอกออกมาจากหูอีก แต่เรื่องหูเน่า ยังตามหลอกหลอนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ด่าง คุณหมาหน้าเศร้า
เรื่องของด่างลูกรัก หมาหน้าเศร้า ลักษณะรูปร่างหน้าตาของด่างนั้น มีจุดด้อยตรงหน้า หน้าจะเครียดขมวดคิ้วตลอดเวลา แววตาก็เศร้า ส่วนหางก็บิดๆเบี้ยวๆ มีขนสั้นเกรียนเวลากอดด่างจะคันยิบๆ ความเป็นมาของด่างหลังจากที่ตู๋แฮ้บเล็กมาจากลุงหน้า รพ. ลุงก็เริ่มเลี้ยงหมาตัวใหม่ วิธีการเลี้ยงของลุงก็เช่นเดิม มีชามข้าวเก่าๆวางไว้หลังตึกแถว ลุงมีเศษอาหารเหลือก็จะมาเทไว้ แรกที่เห็นด่าง น่าจะอายุราวๆ 1 ปี เริ่มเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ด่างเป็นหมาผอม ดูโกโรโกโรคมาก สามารถนับซี่โครงได้ด้วยตาเปล่าในระยะห่าง 10 เมตร ตามตัวมีรอยถูกกัดเต็มไปหมด เรียกว่าผ่านศึกสงครามกลางเมืองมาอย่างโชกโชนเมืองตราด เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า ฝนตกทั้งปีทั้งชาติ ผนังบ้าน กำแพงตึก ล้วนขึ้นราขัดไม่ออกด่างจะวิ่งตากฝนไปมา หลบตรงตึกแถวบ้าง ริมร้านค้าบ้างตอนนั้นตู๋ขี้เกียจทะเลาะกับคนที่ทำงานแล้ว เลยลาออกมานั่งนับเหรียญห้าสิบอยู่กับบ้าน เช้าๆไปส่งแฟน ก็จะคลุกข้าวมาเผื่อด่าง ถึงจะให้ข้าวด่างทุกวัน แต่ด่างไม่เคยให้ลูบไล้ ถูกต้องตัว ทำหน้าเครียด ไม่ไว้ใจตลอดจนมีช่วงหนึ่ง เห็นว่าด่างหายไป ไม่มานั่งทำหน้าเครียดรอกินข้าว ถามไถ่ลุง ลุงก็บอกว่า มันเดินตามลุงไปซื้อของ แล้วถูกเจ้าถิ่นรุมกินโต๊ะ นอนซมอยู่ริมฟุตบาธหน้าตึกแถวโน่นตู๋ก็ตามไปดู เห็นแล้วตกใจมากๆ จากที่ผอมมากอยู่แล้ว ก็เป็นผอมหนังติดกระดูก มีแผลถูกกัดอักเสบเป็นหนองแถวๆก้น ก็พยายามจะดูว่ามากแค่ไหน แต่ด้วยด่างเป็นหมาที่ไม่ไว้ใจใคร จึงขู่ไม่ยอมตู๋ก็เลยหายาแก้อักเสบมอบไว้ให้ลุง ป้อนให้ด่างกิน จากนั้นเราก็กลับบ้านที่กทม.กัน 2 วันเมื่อกลับมาตราดอีกครั้ง ก่อนถึงบ้านจะผ่านที่ทำงานก่อน ก็เลยแวะดูด่าง ปรากฏว่า ด่างนอนหายใจรวยริน หนองเต็มก้น แทบจะไม่รู้สึกตัวแล้ว ตู๋ก็เลยขอด่างจากลุง จะเอาไปรักษาใจตอนนั้น คิดว่าด่างไม่รอดหรอก แต่จะให้ไม่ทำอะไรเลย คงจะเสียใจไปจนตายในที่สุดเราก็อุ้มด่างขึ้นท้ายรถกลับบ้าน ใช้เวลาหมดไปเกือบเดือน ให้ยา ทำแผล แผลที่ถูกกัดเน่า ทะลุไปถึงรูก้น เวลาล้างแผล ต้องเอาสายยางสอดเข้าไปในแผล ล้างจนหนองหมด ช่วงนั้นเกรงใจข้างบ้านอีกแล้ว เพราะ ด่างเหม็นมาก น้ำยาดับกลิ่น สเปรย์ดับกลิ่นต้องซื้อมาใช้ผ่านไป 1 เดือน ด่างหายดี เราก็วางแผนกันว่าจะเอายังไงดี ทีแรก เก็บมาตั้งใจจะเอาเป็นปุ๋ยมะม่วง 555 ดันหายเสียนี่สรุปว่า เราจะเอาด่างไปทำหมัน แข็งแรงดีจะเอาไปคืนลุง ก็ไปเลียบๆเคียงๆ ถามลุง ดูว่าลุงยังคิดถึงไอ้ด่างเกยชัยมั้ย ได้รับคำตอบว่า ลุงกำลังจะย้ายไปที่อื่นแล้ว คงไม่เอามันไป หมอเอาไปเหอะ....แป่วววโอเค ได้เลย เพราะเมื่อด่างได้ใช้ชีวิตอยู่กับเรามาตลอด 1 เดือน ด่างน่ารักมาก เป็นหมาที่ขี้อ้อนสุดๆ คงเพราะด่างรู้ว่าด่างเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ รู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องไปกัดกับใครอีกแล้วรูปตอนด่างเพิ่งหายป่วย ถ่ายรูปมาเหมือนมีแต่หัวกับขาตอนหายป่วยใหม่ๆถ้าด่างยิ้มแล้วหล่อนะ แต่ด่างชอบทำหน้าเครียดตลอด รูปนี้มาอยู่อยุธยาแล้ว ยังอยู่บ้านเช่าหลังจากด่างมาอยู่กับเรา ด่างก็เข้ากับเล็กได้ดี กับยัยดำก็พอได้ แต่กับพี่โจนี่ ไม่ไหว ไม่ไหวที่โจนะ คิดว่าเพราะด่างมีกระจู๋ที่ใหญ่กว่าพี่โจ เผลอไม่ได้ พี่โจจะเข้าไปเบียดแถวๆสีข้างด่าง ขู่เค้า จะกัดเค้า แต่ด่างมันรู้อยู่ ก็หลบๆไป ไม่อยากมีเรื่อง ( ถ้าเป็นสมัยก่อนนะเมิงงง ไอ้โจ...ด่างคิด )จนวันหนึ่ง ถึงคราวซวยของโจ โจแง้บด่างเข้าที่ก้นใกล้แผลเก่า ขวัญด่างจึงกัด เรียมโจเข้าให้ โจต้องไปเย็บที่หลัง 2 เข็มถึงด่างจะไม่ผิด แต่ด่างก็ต้องโดนแม่ด่า ตีทั้งคู่ ตีโจก่อนแล้วพาไปเย็บแผล กลับมาตีด่างทีหลังจากวันนั้นมา อยู่ด้วยกันมาอีกหลายปี ด่างก็ไม่เคยซักครั้งที่จะกัดพี่โจอีกเลย แม้พี่โจจะกวนตรีนด่างไม่ได้ขาด แม่นับถือใจด่างมากเลย เท่สุด สุดจะเท่การอยู่ของหมาในบ้านนั้น เราจัดเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกกลุ่มหยิก ก็อยู่ในตัวบ้าน และกลุ่มตัวใหญ่ อยู่ในโรงรถ ถึงเวลานอนแม่ก็กางมุ้งสายบัว เรียกเข้ามุ้งตอนนี้กลุ่มหยิกมี โจ เจี๊ยบ ลิซ่า กลุ่มตัวใหญ่มี ดำ เล็ก ด่างก่อนด่างจะมาอยู่ ยัยดำกับเล็กก็รักกันดี เล่นกันเป็นเพื่อนรักกัน พอด่างมาอยู่ ยัยดำเริ่มถูกโดดเดี่ยว ก็อ้วนดำ กับ อ้อนแอ้น ตาหวาน ด่างจะเลือกสาวไหน ไม่ต้องคิดให้ยากยัยดำกับเล็กจึงกลายเป็น เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ เผลอเป็นกัดกัน เวลาสาวๆกัดกัน ด่างจะไปหลบมุมนั่งหางตก หูลู่ หน้าเครียด สมเป็นลูกผู้ชายมาก คือ ปล่อยให้สาวๆตัดสินกันเอง ไม่ต้องเปลืองตัว ดีไม่ดี ถูกแม่ด่าอีก จ๋อยแย่คิดว่า ช่วงนี้เองที่ยัยดำเริ่มเป็นโรคจิต ขี้บ่นซินโดรมอีกไม่นาน พ่อก็ชักเบื่อคนที่ทำงาน ก็เริ่มคิดขยับขยายกลับบ้านเก่าไปเกาะแม่ตัวเองกิน เอ๊ย คิดจะไปหาทีอื่นอยู่ ตราดเป็นจว.ท่องเที่ยวที่นานๆมาทีก็ตื่นเต้น แต่ให้อยู่กับเชื้อราฝาบ้านไปตลอดชีวิต ชีวิตคงอับเฉาแล้วเราก็อพยพไปกทม.อีกครั้ง ปล.เหมือนนิยายเรื่องบ้านเล็กในป่าใหญ่ ของลอร่า อิงกัล เปี๊ยบ 555ช่วงหน้าหนาว แม่จะเอาเสื้อเก่าๆของพ่อมาให้ด่างใส่ ด่างจะเดินเก๊กแมนโชว์ออฟไปทั่วย้ายมาเกาะแม่กินได้แป๊บเดียว พ่อก็ได้งานใหม่ทันที ที่อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อนโอ๊ย ตู๋ปลื้มมาก อยากอยู่ที่สุด มีโลตัสด้วย ฮิ้ววว ก็ที่เก่ามันตราด โคตรจะเงียบเลย ไปไหนมาไหนก้แค่ตลาดสด นี่ มีโลตัสด้วยนะ ชีวิตแม่บ้าน แค่โลตัสก็พอแล้ว ไม่ต้องเอมโพเรี่ยม เอสพลานาดหรอกตอนแรกก็ไปอยู่บ้านเช่า เป็นบ้านเดี่ยว มีบริเวณนิดหน่อย แต่ก็สบายตัวขึ้น หมาๆได้เหยียดแข้งเหยียดขามากกว่าเมื่อก่อนชีวิตตอนนี้มีความสุข และก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ งานพ่อก็ดี แม่ก็ช้อปสบาย เวลาจะกลับกทม. ก็ไม่ต้องนั่งรถจนตรูดด้านไม่นาน เราก็สร้างบ้านใหม่ คราวนี้มีความสุขสุดๆ บ้านของเราเอง พ่อลงทุนซื้อบ้านที่มีบริเวณกว้างขวาง หมาวิ่งหอบ ( เพราะให้วิ่งกลับไปกลับมาหน้าบ้านหลังบ้าน 555 )หมาตัวใหญ่ เราสร้างห้องให้อยู่กันอย่างสบาย มีพัดลม 3 ตัว เปิดสลับ มีมุ้งลวด ประตูเข้าออกสวน จะเข้าออก กลางวันเป็นอิสระ พอกลางคืนก็ปิดประตูนอน ยุงก็ไม่กวนให้รำคาญเรียกว่าร้อน หนาว ยุงเยอะ ไม่มีอีกแล้วแต่ความสุขนั้นไม่เพียงพอสำหรับด่าง ด่างได้อยู่อย่างสุขแบบนี้เพียง 2 ปีเท่านั้นด่างต้องมาจากแม่กับพ่อไปอย่างกระทันหัน ทำใจรับไม่ได้ ช่วงที่อยุธยาน้ำท่วมเยอะๆ หมู่บ้านเราล้อมรอบด้วยทุ่งนาข้าว พอน้ำท่วม งูก็ออกจากนาข้าว หลบภัยเข้าสวนบ้านคนด่างถูกงูเห่ากัดเข้าที่ปาก แม่มาพบเมื่อสายไป แม่ออกไปช้อปปิ้ง กลับบ้านมา พบด่างนอนน้ำลายฟูมปากอยู่หน้าห้องหมา เนื้อตัวแม้จะยังอุ่น แต่ไร้ลมหายใจ แม่ร้องเรียก แม่ทุบหน้าอกด่าง เป่าปากด่าง ทำเท่าไหร่ด่างก็ไม่ฟื้น แม่ร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน โทร.ตามพ่อจากที่ทำงาน พ่อรีบกลับมา ร้องไห้กอดด่าง แล้วเราก็ฝังด่างไว้ที่ใต้ต้นมะม่วงเขียวเสวย หน้าห้องหมา ให้ด่างได้อยู่ตรงที่ที่ด่างมีความสุขตลอดไปตอนนั้นด่างมีน้องเพิ่มหลายตัวแล้ว นอกจากสมาชิกเก่า ก็มี บาว แตงโม จิ๊ง มืด ทุกตัวปลอดภัยดีหมดพี่ด่างได้สละชีวิต ดูแลความปลอดภัยให้แม่ พ่อ และพี่น้องงูเห่านั้นก็ตายเช่นกัน แม่ฝังงูไว้ที่ต้นมะม่วงอีกต้นใกล้ๆกันตั้งแต่นั้นมา แม่จะเปิดประตูห้องหมาเป็นเวลา เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอนถ้าแม่ไม่อยู่บ้าน หมาต้องอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นแต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเข้าไปอีก เพราะวันที่ด่างตายนั้น แม่ออกไปซื้อของมาเตรียมเลี้ยงหมาๆในวันเกิดพ่อรุ่งขึ้น แม่ซื้อขาหมูเผาชิ้นๆ มาเตรียมทำขาหมูต้ม ให้หมาๆได้แทะฉลองให้พ่อ เป็นเมนูที่ด่างชอบมากเช้าวันเกิดพ่อ แม่ต้มขาหมู แล้วเอาใส่กาละมัง วางบนหลุมศพด่าง ให้ด่างได้กินก่อนน้องๆ กินส่วนของน้องๆ ทุกวัน แม่ไม่เคยลืมที่จะเรียกด่างเมื่อเดินผ่านที่ๆด่างนอนอยู่ชั่วนิรันดร์รวมแล้ว เราเป็นแม่ลูก 6 ปี ช่างสั้นเหลือเกิน แม่เสียดายที่ด่างมีความสุขมากๆ ในบ้านหลังนี้น้อยกว่าใครๆ ปล.รูปของด่างมีน้อยกว่าใคร ไม่ใช่แม่ไม่อยากถ่าย แต่ด่างไม่ชอบให้แม่ถ่ายรูป เวลาใครมาบ้าน ด่างจะหลบไปนอน แม่จะไปหารูปเก่าๆกว่านี้ดูอีก รักด่างเสมอ