ตะลุยไปเรื่อย....กับนายจิวยี่
Group Blog
 
All Blogs
 
เที่ยวยุโรปตะวันออก สาธารณรัฐเชค ออสเตรีย ฮังการี

สวัสดีจ้า กลับมาพบกันอีกแล้วหลังจากหายหน้าหายตาไป วันนี้หลังจากสงกรานต์เพื่อนๆได้ไปเที่ยวไหนมาบ้างครับ ส่วนกระผมนายจิวยี่ตระเวนเที่ยวจะพาเพื่อนกลับไปเยี่ยมชมประเทศทางทวีปยุโรปกัน เที่ยวหนนี้ได้ไปมา 3 ประเทศ ได้แก่ เชค ออสเตรีย และฮังการี เรามาเริ่มต้นออกเดินทางกันเลยดีกว่า

เริ่มจากวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์หลังไปแสดงงานปฐมนิเทศ ป.โทมาแล้ว กว่าเครื่องจะออกก็ 23.55 น. ซึ่งกระผมก็ได้โทรไปรบกวนใครหลายๆคน 55555 แต่พ่อกับแม่ผมสิครับให้ไปตั้งแต่ทุ่มนึง ไปถึงก็กินข้าวแล้วก็เม้าท์ๆๆๆ จนขึ้นเครื่อง

งวดนี้ไปของสายการบินออสเตรียนครับ ที่นั่งแคบมากๆ แถมยังต้องนั่งไปกว่า 10 ชั่วโมงลองคิดดูสิครับว่ามันไกลแค่ไหน ส่วนอาหารบนเครื่องก็มี 2 รอบ คือขึ้นไปซักชั่วโมงก็เสิร์ฟ และก่อนถึง1-2 ชั่วโมงก็เสิร์ฟอีกรอบนึง โดยรอบแรกก็ได้ทานเนื้อเลย เป็นข้าวราดด้วยเนื้อผัดน้ำมันหอย กับขนมปังและสลัดเปรี้ยวๆ ส่วนรอบหลังได้แฮม 2 ชิ้น ไข่ต้ม แล้วก็เค้ก ก็พอกินได้ แต่จานเรียบเชียว 5555 หลังจากนั้นก็นั่งดูหนัง ฟังเพลง แล้วก็สลับกับการนอนอีกหลายรอบ จนในที่สุดก็ถึงสนามบินออสเตรียจนได้

ลงจากเครื่องกะว่าหนาวแน่ๆ เพราะมีป้ายบอกอุณหภูมิอยู่ที่ 8 °C แต่พอลงไปอากาศก็กำลังดีเพราะไม่มีลม จากนั้นก็ต้องไปยืนรอรถบัสที่จะมารับเรา ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 06.30 น.ของที่นั่นแล้วครับ เพราะเวลาของเค้าจะช้ากว่าที่บ้านเราประมาณ 5 ชั่วโมง

จากนั้นเราต้องนั่งรถย้อนไปเข้าสู่ประเทศสาธารณรัฐเชค ต้องไปผ่านด่านตรวจเข้าเมืองอีกรอบ ตำรวจที่นี่ตัวใหญ่แลดูน่ากลัวมากๆ หากทำผิดคงถูกหิ้วตัวลอยแน่ๆ ที่ด่านดันมีตำรวจอยู่แค่คนเดียว ก็เลยต้องมานั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะต้องนั่งรถเข้าสู่เมืองปรากเมืองหลวงของสาธารณรัฐเชค

เมื่อมาถึงเราจะได้เห็นรูปแบบของเมืองที่มีการวางผังเมืองไว้ค่อนข้างดี คือ ส่วนของเมืองเก่าพวกสถาปัตยกรรมเก่าจะถูกจัดไว้โซนในสุด และหากจะมีการสร้างบ้านหรือโรงงานจะให้ทำเฉพาะโซนด้านนอกเท่านั้น

กรุงปราก หรือที่ถูกเรียกกันว่า เมืองแห่งปราสาทร้อยยอด ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา บนเนินเขาเจ็ดลูกเป็นนครแห่งสุดท้ายของยุโรปตะวันออกที่รอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิดในสงครามโลก จึงยังคงสภาพบ้านเมืองที่มีศิลปกรรมสมัยบาร็อคที่สมบูรณ์ที่สุดของยุโรป

หลังจากที่เรามาถึงก็ประมาณบ่ายกว่าๆแล้วเลยต้องแวะทานข้าวกันก่อนที่ภัตตาคารจีนตามสูตรทัวร์ ก่อนที่จะแวะไปชมจัตุรัสเมืองเก่าและหอนาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งดูไปแล้วก็ธรรมดาอะหรือเราโง่ๆฟะ จากนั้นก็ให้รถไปส่งที่ปราสาทปราก (Prague Castle) ก่อนเดินชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีอายุมากกว่าพันปีซึ่งถูกค้นพบโดยชาวคริสเตียน ซึ่งก็งงๆว่า เอ! ปราสาทใหญ่ขนาดนี้ทำไมต้องมีคนมาค้นพบอีกน๊อ ก่อนจะค่อยๆเดินลัดเลาะมาตามทางลาดของทางเดินชมวิวที่สวยงามไล่มาเรื่อยๆจนถึงห้องน้ำ

มีประเด็นกับห้องน้ำเหมือนคราวที่ไปที่อิตาลีอีกแล้ว แต่ที่นี่เสียแค่ 5 คราวน์ (เงินสกุลของเชค) ซึ่งเราได้แลกเงินไว้เล็กน้อยแล้วเพราะตามสถานที่ทั่วๆไปในเชคยังไม่นิยมใช้เงินยูโรกัน เพราะค่าเงินมันใหญ่เกินค่าเงินของเชคมาก ก็ตกประมาณ 10 บาทบ้านเรา ซึ่งถือว่าถูกกว่าคราวไปอิตาลี ตอนนั้นเสียประมาณ ½ ยูโร จึงเข้าได้อย่างสบายใจ 55555

จากนั้นก็เดินไปที่สะพานชาร์ล (Charles Bridge) เป็นสะพานเก่าแก่ที่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา บนสะพานจะมีรูปปั้นนักบุญที่ทำจากทองเหลือง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสีเขียวไปหมดแล้ว และที่นี่ยังพบศิลปินมากมายที่นั่งมาขายผลงานของตนเองให้ได้ชมกันด้วย ก่อนที่เราจะเดินชอบปิ้งกันเล็กน้อยแล้วมุ่งตรงกลับเข้าที่พักที่โรงแรม Crown Plaza Hotel

วันต่อมาออกเดินทางเข้าสู่เมือง Karlovy vary ที่เป็นเมืองสปาและน้ำแร่ธรรมชาติที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งอยู่ท่ามกลางหุบเขาโดยมีแม่น้ำเทปลาผ่ากลาง การเดินทางเข้าไปจะเป็นเส้นทางที่สวยมาก ลักษณะถนนจะค่อนข้างคดเคี้ยวแลดูเหมือนอยู่ในหุบเขา จึงทำให้บรรยากาศสวยงามมากๆ เน้นแต่คำว่าสวยๆๆๆๆอยู่หลายคำเป็นเพราะความประทับใจจริงๆ ด้วยบ้านเรือนที่มีสีสัน ตัดกับธรรมชาติสีเขียว มีข้อเสียเพียงอย่างเดียว คือ เสียดายที่ไม่ได้ไปกับแฟนง่ะ

ที่คาร์โลวี วาร์รีนี้ เราได้แวะพิพิธภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติ ที่นี่จะมีน้ำแร่ที่อุณหภูมิต่างๆกัน ตั้งแต่ 30, 50 และ 72 องศาเซลเซียสให้ลองดื่มดูด้วย แต่ไม่สามารถใช้แก้วธรรมดาได้ ต้องดื่มด้วยแก้วพอร์ซเลนเท่านั้น โดยแก้วชนิดนี้จะมีปากยื่นเหมือนกาน้ำ หลังเราได้ลองชิมแล้วอยากบอกเค็มๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยล่ะ

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จก็ออกเดินทางต่อสู่เมืองพิลเซน (Plzen) โดยวิวระหว่างเมืองจะเห็นธรรมชาติที่ร่มรื่นของทุ่งราบสลับป่าเขาที่ให้ความรู้สึกงดงาม แต่เราก็ยังนั่งหลับๆตื่นๆอยู่ดี จนกระทั่งถึงเมืองพิลเซน ที่เมืองแห่งนี้จัดเป็นศูนย์กลางโบฮีเมียตะวันตก และยังเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจของเชคอีกด้วย จะเห็นว่าลักษณะของเมืองแห่งนี้จะไม่ค่อยมีธรรมชาติที่สวยงามเทียบเท่าเมืองอื่นๆของเชค แต่ยังได้สเน่ห์ของเมืองทางยุโรปเมืองหนึ่งทีเดียว

ณ เมืองนี้เราได้แวะเยี่ยมชมโรงงานผลิตเบียร์ยี่ห้อดังของที่นี่นั่นก็คือ เบียร์ยี่ห้อ Pilsner Urguell ซึ่งมีรสชาติที่ดีที่สุดในโลกเค้าว่างั้น อิๆ แต่เบียร์ที่เชคก็จัดเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากที่เชคมีเบียร์กว่า 200 ยี่ห้อ ที่นี่เราได้ชมวิธีการบ่ม และขั้นตอนต่างๆในการผลิตเบียร์ รวมถึงได้ลองชิมด้วยเหอๆๆๆ อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบเบียร์แต่สำหรับเรารู้สึกเฉยๆอะ และแล้วหลังกินข้าวเย็นเสร็จก็เดินทางสู่เมือง Cesky Budajovice เพื่อจะเข้าพักที่โรงแรม Grand hotel zvon ที่ตั้งอยู่ตรงจัตุรัสกลางเมืองนั่นเอง

ตื่นเช้ามาวันที่ 3 วันนี้หลังทานข้าวเช้าเสร็จก็ออกเดินไปรอบๆเมืองซักหน่อยเนื่องจากยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ที่เชสกี้ โบโจวิคนี้เป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบๆ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกของความโรแมนติคแบบเมืองยุโรปเหมือนหลายๆเมืองที่ผ่านมา หรือเราจะรู้สึกไปเองหว่า เหอๆๆๆ

หลังเดินถ่ายรูปเล่นซักพักก็ต้องรีบเดินทางต่อเพื่อไปให้ถึงเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ ที่เป็นเมืองเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน (อยากบอกว่าเรารู้สึกชื่นชอบเมืองแห่งนี้มากที่สุดในทริปเลยล่ะ) หลังจากหลับแล้วหลับอีกก็ตื่นมาเมื่อใกล้จะถึงพอดี จากวิวข้างทางจะเห็นว่าเมืองนี้อยู่ในหุบเขา ซึ่งยากที่จะบรรยายได้ว่าสวยงามเพียงใด แต่บอกได้คำเดียวว่าต้องกลับไปอีกแน่ๆ

เมื่อลงจากรถก็ต้องนั่งรถต่อเข้าเมืองอีกทีนึงซึ่งแทบจะเป็นธรรมเนียมของเมืองในยุโรปเลยครับ หลังต่อรถเข้าไปบริเวณรอบนอกของเมืองแล้วปรากฎว่าไม่เห็นเมืองสวยๆแบบที่เห็นตอนอยู่บนรถเลยแฮะ ที่แท้ก็เพราะต้องเดินต่อเข้าไปอีก เพียงแค่คุณก้าวเข้าไปสัมผัสกับตัวเมืองเท่านั้น เมืองแห่งนี้แทบจะเป็นเมืองในฝันของใครอีกหลายๆคนเลยทีเดียว ซึ่งนั่นรวมถึงผมด้วย

ที่นี่จะได้เห็นบ้านเรือนหลังคาสีส้มเรียงรายรอบเมือง และมีแม่น้ำวัลตาวาไหลผ่านกลางเมือง เราออกเดินทางมุ่งตรงสู่ปราสาทครุมลอฟ ที่มีความเก่าแก่และใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากปราสาทปรากที่เราได้ชมมาแล้ว เมื่อเราเดินขึ้นไปชมด้านบนเราจะเห็นวิวรอบเมืองทั้งหมด ก่อนจะเข้าไปชมภายในปราสาทที่มีห้องต่างๆจำนวนมาก รวมถึงได้ฟังประวัติศาสตร์ต่างๆอีกด้วย

จากนั้นเราก็ตระเวนถ่ายรูปจนหนำใจ และทานอาหารจีนเป็นมื้อกลางวัน (มีทุกเมืองเลยแฮะ) หลังทานอาหารเสร็จเราก็มุ่งตรงสู่เมืองเวียนนา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของออสเตรีย ซึ่งใช้เวลาถึงครึ่งวันเลยทีเดียว ก่อนที่จะกินข้าวเย็น แล้วเข้าพักที่ Novotel wien west hotel

วันถัดมาหลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็แวะเข้าชมพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) ที่อดีตเป็นวังฤดูร้อนของจักรพรรดิ์ ภายในท้องพระโรงมีความสวยงามอลังการมาก มีการนำราชรถทองคำมาจัดแสดงด้วย เห็นแล้วอยากลองนั่งซักครั้ง
จากนั้นก็ออกมาเดินชมพระราชอุทยานที่มีความงดงามและกว้างมากๆ กว่าจะเดินจนทั่วเล่นเอาหอบแฮ่กๆเลย

เมื่อชมพระราชวังเสร็จก็ออกเดินทางไปชมรูปปั้นโมสาร์ทว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ต่อจากนั้นก็ไปทานข้าวกลางวันซึ่งเราเดินผ่านบ้านหลังนึงที่อยู่บริเวณหัวมุมถนนมีการจัดตกแต่งได้น่ารักมากๆ (ไปตามดูรูปเอานะครับ) หลังทานข้าวเสร็จเราก็มุ่งตรงไปยัง มหาวิหารเซนต์สเตฟาน ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ หลังจากเดินชมจนพอใจแล้วก็ให้เวลาในการช็อปปิ้งตามใจท่านเลยครับ จะบอกว่าซุเปอร์มาร์เก็ตในยุโรป ถ้าจะขอถุงพลาสติกต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ เพราะฉะนั้นควรนำถุงผ้าไปด้วย เพื่อช่วยลดโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วยนะครับ

ก่อนค่ำวันนี้เราได้ไปทานอาหารท้องถิ่นที่หมู่บ้านกรีนซิ่ง ในบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติคทีเดียว เศร้าตามเคยเพราะไม่ได้ไปกับแฟน 5555 ก่อนจะค้างที่โรงแรมเดิมอีก 1 คืน

วันที่ 5 วันนี้เราออกเดินทางเข้าประเทศฮังการี ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายที่เราจะเที่ยวกัน วันนี้เราใช้เวลากว่าครึ่งวันในการเดินทางเช่นเคย และแล้วก็มาถึงเมืองบูดาเปสท์เมืองหลวงของฮังการีที่ได้รับสมญานามมุกแห่งแม่น้ำดานูบ เมืองบูดาเปสท์จะประกอบไปด้วยเมือง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบ ได้แก่ บูดา ทางฝั่งซ้าย ที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ดุจโรม และเปสท์ ทางฝั่งขวาที่มีความทันสมัยและก้าวหน้าดั่งปารีส

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็เดินทางสู่ Citadel gellert hill แวะชมป้อมปราการชาวประมง หรือที่เรียกว่า ฟิชเชอร์แมนแพซชั่น บนเนินเขาเราจะได้ชมวิวมุมกว้างของเมืองทั้งฝั่งบูดา และเปสท์ จากนั้นชมมหาวิหารเซนต์แมทธิว แต่น่าเสียดายขณะที่เราไปกำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซม ก่อนที่เราจะเข้าที่พักที่ Radisson sas beke hotel

วันสุดท้ายของการเดินทางก็มาถึง วันนี้ราได้ล่องเรือชม 2 ฝากฝั่งของแม่น้ำดานูบ ซึ่งมีทิวทัศน์ของป้อมปราการ และสะพานข้ามแม่น้ำที่มีถึง 9 สะพาน รวมถึงได้ชมรัฐสภาที่มีความสวยงามมากๆอาจจะเรียกว่าที่สุดในโลกของฮังการี หลังได้ชมความงามอย่างเต็มที่ก็ถึงเวลาอิสระในการช็อปปิ้ง เราเลยออกเดินไปตาม 2 ฟากฝั่งแม่น้ำแทน เพื่อเก็บภาพความประทับใจ ให้คงตราตรึงต่อไป

จากนั้นก็เดินทางกลับสู่บ้านอันแสนสุข ซึ่งต้องใช้เวลานานมากในการต่อเครื่องอีกครั้งที่ออสเตรีย จบแล้วครับ บ๊ายบาย ไว้พบกับทริปและความประทับใจกันใหม่นะครับ ขอบคุณทุกคนที่ได้ติดตามอ่านและชม ไว้วันหลังจะหาทริปงามๆมาให้ชมกันอีกนะครับ

ออกบินกันเลยดีกว่าครับ



และแล้วก็มาถึงสนามบินที่ออสเตรีย มีงานบอลยูโร 2008 พอดีครับ



ระหว่างเดินทางเข้าประเทศเชค พบกังหันลมสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า เหมือนที่เกาะล้านของบ้านเราเลยครับ



ท้องฟ้าสวยๆกับสายรุ้ง อากาศดีมากๆ เห็นแล้วสบายใจจังครับ



ระหว่างนั่งรอตรวจผ่านแดนเข้าเชค ก็ถ่ายบ้านเรือนแถวๆนั้นมาให้ดูกันครับ



ด้านนอกสถานีรถไฟ



บรรยากาศตัวเมืองปราก



อาคารรัฐสภาที่กรุงปราก



ภาพสวยๆซักภาพ



มาดูแบบเต็มๆกันบ้างครับ



โบสถ์ประจำเมือง



หอนาฬิกา



นาฬิกาดาราศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก



สุดท้ายก็มาจบที่อาหารจีนอยู่ดีครับ 55555



ถ่ายซักรูปกับบ้านเรือนหลากสีสันของปราก



สีสันช่างสดใสจริงๆ บ้านเรามีใครกล้าทาสีแบบนี้บ้างล่ะ



บนอาคารหลังดูแปลกดี



และแล้วก็มาถึงปราสาทปราก



บรรยากาศบริเวณรอบๆ



นี่ครับตั๋วเข้าชมพร้อมคู่มือ ราคา 250 คราวน์ เทียบเมืองไทยก็ราวๆ 1000 กว่าๆ



กระจกสี หรือที่เข้าเรียกโมเสทใช่รึเปล่าครับ สวยงามจริงๆ



เครื่องประดับภายในปราสาท



มันดูลงตัวจริงๆครับ สวยงามไปหมด



ชมต่อกันครับ



ทางเข้าปราสาทมุมจากด้านล่าง



อันนี้อะไรก็ไม่รู้ แหะๆๆๆ



สวยงามๆ



ขอซักรูป (รู้สึกจะหลายรูปแล้ว)



เมืองปราสาทร้อยยอด ใช่จริงๆด้วยครับ



อันนี้คือบ้านเลขที่ของเค้าครับ



บ้านสีสันสวยๆ กับไข่อีสเตอร์ ไปช่วงนั้นพอดี



ดอกไม้งามๆ เข้ากับบรรยากาศโรแมนติค



สีสันโดนใจมากครับ



สถาปัตยกรรมแหวกแนว ติดใครมาด้วยหว่า



สะพานชาร์ลในระยะไกล



งามจนเกินบรรยาย



บ้านเรือนอยู่ตามสโลปของภูเขา



รถรางสวยๆ กับสายไฟระโยงระยางเหมือนบ้านเรา



เด็กน้อยจะไปจับนกมากิน 55555



ตอนแรกแม่ผมบอกว่าเป็นต้นซากุระ ฮาซะ (my dad and mum)



เห็นแล้วนึกถึงเวนิส เค้าบอกว่าที่ปรากเคยน้ำท่วมถึงตรงบริเวณธงอะครับ



บนสะพานชาร์ล



สัญลักษณ์บนสะพาน



เค้าบอกว่าบริเวณนี้ล่ะที่ถ่ายทำ 007 กับ XXX มีแต่หนังสัญลักษณ์ 5555 อันหลังนี่ไม่เกี่ยวแค่เสียงหัวเราะ



จำไม่ได้ว่าเป็นใครแต่รู้ว่ามีความสำคัญ เอิ๊กๆ



บรรยากาศยามเย็น กับวิวไกลๆของปราสาทปราก



แสงส่องลงมาได้สวยจริงๆ



ทางระบายน้ำเค้าเป็นแบบนี้



โบสถ์ซักแห่ง (ไม่ใช่ซักแห้งนะครับ เบื่อมุกตัวเองจัง)



บรรยากาศยามค่ำคืน



อันนี้ต้นไข่อีสเตอร์



บรรยากาศสวยๆ



ตอนเดินกลับ



อันนี้ยามเช้าหน้าโรงแรมกับสถานีรถรางซึ่งอยู่หน้าโรงแรมเลยครับ



พักโรงแรมนี้ครับ อดีตเป็นอาคารของราชการมาทำเป็นโรงแรม



ชุมนุมกันนิดก่อนออกเดินทางต่อ เห็นธงชาติซะด้วย



เดินทางต่อมาที่ Karlovy vary



ที่นี่ก็เป็นที่ถ่ายทำ 007



สถาปัตยกรรมที่นี่สวยมากๆ



หน้าโรงแรมที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ 007



มีคลองงามๆกับต้นไม้ประหลาดที่ไม่มีใบ หรืออากาศมันหนาวหว่า 5555



ตึกโมสาร์ท ที่นี่โมสาร์ทเคยมาพัก (จำไม่ได้ว่าเป็นบ้านหรือโรงแรมที่โมสาร์ทมาพักเพื่อแต่งเพลง นี่แหละสาเหตุของการดองรีวิว กรรม >)



บ้านเรือนของเค้าหลากสีสันมากๆ



ถ่ายกับอนุสาวรีย์ซักรูป



เด็กน้อนน่ารักเชียวกำลังลองดื่มน้ำพุร้อน



นี่ล่ะครับน้ำพุร้อนของจริง



นี่เป็นโบสถ์ที่อยู่บนเขา



สามคนพ่อแม่ลูก



ถ่ายมุมไหนก็สวย



ต้นไม้คล้ายต้นบอนไซ (คิดเองนะครับ)



ถ่ายแผนที่มาให้ดูจะได้ไม่หลงครับ



งามๆก่อนเดินทางต่อ



มาที่โรงเบียร์ Pilsner Urguell ที่เมือง Plzen



กระบวนการทำเบียร์



ก่อนปิดท้ายของวันด้วยการทานอาหาร + เบียร์ เคล้าเสียงดนตรี



ตื่นเช้ามาโรงแรมอยู่กลางจัตุรัส Cesky Budajovice



น่าจะเป็นสถานที่ราชการ มีหอนาฬิกาด้วย สวยงามจริงๆ



เหมือนเมืองการ์ตูนเลยสีสันมากมาย



อันนี้ครับที่พักของเรา Grand Hotel Zvon



เดินมาเจออีกา บ้านเค้าหัวสีขาว



บรรยากาศยามเช้า



ไม่รู้พูดคำว่าสวยงามเป็นครั้งที่เท่าไหร่



อากาศสดชื่น บ้านเรือนสดใส



สีสันลายลูกกวาด



ถ่ายรูปหอนาฬิกามีรูปนกพิราบด้วย



จากนั้นเดินทางมาที่ เชสกี้ คลุมลอฟ อันนี้เป็นแผนที่ครับ เป็นเมืองที่มีแม่น้ำล้อมรอบ



ถ่ายกับกำแพงเมือง



นี่ล่ะครับกำแพงเมือง



มีการทำเขื่อนด้วย



วิวภายในเมือง



มีคลองผ่ากลางเมืองเลย



เห็นมันสวยเลยซักแช๊ะนึง



อนุสาวรีย์กลางเมือง (ทำไมเมืองฝรั่งต้องมีกันทุกเมือง) แต่จริงๆบ้านเราก็มี แหะๆ



วิวจากจุดชมวิว



เมื่อมองไปด้านล่าง



สีส้มทั้งเมือง



แม่น้ำล้อมรอบ



เป็นหมีที่เลี้ยงไว้รอบปราสาท



ปราสาทที่เชสกี้คลุมลอฟ



วิวจากด้านบนปราสาท



ฝาท่อน้ำมีเอกลักษณ์ดีครับ จะได้รู้ว่าของที่นี่ หุๆ



วิวรอบๆเมือง



เป็นเอกลักษณ์สวยหรู ทางเดินก็ลาดชัน



มาต่อที่ออสเตรียเลยครับ พระราชวังเชินบรุนน์



เสาหน้าทางเข้าเป็นรูปนกอินทรีย์



ตึกสีเหลืองตัดกับฟ้าสีสวย



วิวสวยด้านหลังพระราชวังไกลสุดลูกหูลูกตา



กว่าจะเดินมาถึงน้ำพุ หอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อยด้วย



ส่วนด้านหลัง แต่เดินไปไม่ถึง



เมื่อมองจากสวนย้อนกลับไปที่พระราชวัง



มาเที่ยวต่อที่สวนสาธารณะที่มีรูปปั้น Johann Strauss



นี่ล่ะครับ เป็นสีทองซะด้วย



มีต้นไม้สีสวยๆ รูปทรงประหลาดๆด้วย



ถ่ายกับรูปปั้นซักรูป



ผ่านบ้านหลังนึงประดับด้วยดอกไม้สวยมากๆ



มหาวิหารเซนต์สเตฟาน



ภายในตกแต่งด้วยภาพคริสต์ศาสนา



มีที่สำหรับสวดอ้อนวอนต่อพระเยซู



บันไดวนขึ้นไปสู่ด้านบน แต่ห้ามขึ้น



ใหญ่โตอลังการ เกือบเก็บไม่หมดเฟรม



ถนนด้านนอกขณะติดไฟแดง กับรางรถราง และด้านขวาคือทางลงรถไฟฟ้าใต้ดิน มีครบถ้วนสำหรับการเดินทาง



อันนี้เป็นสถานีรถไฟที่เมืองวีน หรือเวียนนา



แวะหมู่บ้านกรินซิ่ง เพื่อทานอาหารค่ำ



นี่ล่ะครับขาหมูเวียนนา



เดินทางต่อไปฮังการี พบทุ่งดอกไม้เพียบ



บ้านเรือนสไตล์ยุโรปตะวันออก



มองลงมาจาก Citadel gellert hill



อนุสาวรีย์ที่ ฟิชเชอร์แมนแพซชั่น



ตัวอนุสาวรีย์และรอบๆ



วิวรอบๆ



ร้านขายพริกของฮังการีสีสันสวยงาม



อนุสาวรีย์กลางเมืองบูดาเปสต์



ซักรูป



ขณะไปทานข้าว เจอบ้านหลังนี้คล้ายบ้านผีสิงเลยครับ เหอๆๆๆๆ



รัฐสภาที่สวยงามของฮังการี น่าจะสวยงามที่สุดในโลกแล้วล่ะครับ



วิว 2 ข้างทางขณะล่องเรือ



ของจริงสวยงามกว่าในรูปหลายเท่า



สะพาน 1 ใน 9 ที่เชื่อมระหว่างบูดากับเปสต์หรือเพสต์



รูปปั้นบนภูเขา เหมือนส่องกระจกรับพลังจากแสงอาทิตย์



สวยมากๆ



ซักรูปกับรัฐสภา



บริเวณท่าเรือ



ฝาท่อที่บูดาเปสต์บ้างครับ



รูปสะพานที่ล่องเรือผ่าน อันนี้เดินมาครับ ไกลมิใช่เล่น



ปิดท้ายด้วยรูปรถรางครับ



จบแล้วครับขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รูปเยอะไปหน่อยเพราะ location มันสวยนั่นแหละครับ


Create Date : 07 กันยายน 2550
Last Update : 20 มีนาคม 2555 0:54:04 น. 5 comments
Counter : 1038 Pageviews.

 
Thanks for those beautiful photos


โดย: Jenny IP: 58.9.14.82 วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:52:34 น.  

 
สวยงามมากจะไปเชคเดือนมีนานี้ คงหนาวมากนะคะ


โดย: air IP: 118.172.138.1 วันที่: 27 ธันวาคม 2552 เวลา:21:08:51 น.  

 
ต้องการเรื่องราวการท่องเที่ยวเหล่านี้ไปพิมพ์เป็นหนังสือครับ kainui911@hotmail.com


โดย: ธารี IP: 203.144.144.164 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:25:50 น.  

 
สวยมากๆๆเลยคะ เห็นแล้วอยากไปสักครั้งนะคะ
ขอบคุณนะคะสำหรับภาพสวยๆๆๆๆๆๆๆ ^^


โดย: pingpings IP: 223.207.158.170 วันที่: 23 มีนาคม 2554 เวลา:0:22:53 น.  

 
ก็ลองไปดูซักครั้งสิครับ ผมเองยังอยากอีกเลยครับ


โดย: jiwyeefun วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:1:58:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jiwyeefun
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฟังเพลง
Friends' blogs
[Add jiwyeefun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.