สอย item ใหม่มาลองอีกแล้ว ก็ไม่ใหม่หรอกนะ แต่เพิ่งจะสอยมา อิอิ

AC Clinic pink powder spot สอยมาเป็น pack ใน 1 pack ประกอบด้วย

1.  Acne foam cleanser

2.  Pink powder spot

3.  cottonbud

วิธีการใช้เหมือนมาริโอ้เด๊ะ นี่คือเหตุผลหลักที่สอยมาเลยนะเนี่ย เพราะไม่มีตังค์ซื้อมาริโอ้เทพ จนเกิ๊น เห็นเจ้าตัวนี้มันเหมือนก็เลยลอง เหตุผลมีแค่นี้จริง ๆ ^^”

ส่วนผสมจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นน้ำชั้นล่างเป็นแป้งชั้นใต้ดินมีไส้เดือน

วิธีใช้ก็ไม่ให้เขย่าก่อนดื่ม เอาcottonbudจุ่มลงไปให้ถึงตัวแป้งแล้วเอาออกมา หน้าตาแบบนี้

จิ้มไปที่น้องสิวของเรา … โธ่ สภาพหน้าช้านนน ถุยชีวิต!!!

การทดลองครั้งนี้ใช้เวลาตามวันที่ในรูปเลยจ้ะ ถ่ายในช่วงเช้าเหมือนกันทุกรูปนะคับ แต่เปิดม่านบ้าง ปิดม่านบ้าง เปิดไฟบ้าง

ผ่านไป 4 วันสิวยุบอย่างเห็นได้ชัด

แต้ม pink powder ทุกคืนก่อนนอน ไม่ทาครีมบำรุงใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้น toner มะเขือเทศของ skinfood จ้ะ

หลังจากวันที่ 20 ก็ยังลองแต้ม pink powder ต่อไปเรื่อย ๆ

ผลออกมาเป็นตามภาพเลยคับ รอยเริ่มจางลง แต่ไม่เยอะ

มาดูที่คางกันบ้าง ถ่ายที่คางถึงแค่วันที่ 20 เองอ่ะคับ

pink powder ทำให้สิวแห้งลงเรื่อย ๆ ค่อนข้างประทับใจทีเดียวล่ะ

ส่วนตัวโฟมล้างหน้าเนี่ยไม่ค่อยชอบ เพราะล้างแล้วหน้าหนืดมากกกกก ฟองเยอะมากกกกกก

สรุปคือไม่ชอบโฟมล้างหน้า แต่ pink powder ได้ใจไปเลย

กรี๊ดดดด มือเหี่ยว มือเหี่ยว มือแห้ง มือแห้ง (จะพูดซ้ำทำไมสองรอบ)
กระด้างด้วย หน้าว่าด้านแล้ว มือนี่ด้านกว่า ~~~ จะบ่นทำไม - -“

อยากจะไว้เล็บยาว แต่ทำไม่ค่อยได้ เพราะต้องใส่ถุงมือสำหรับตีกอล์ฟ

แถมทำงานก็ไม่สะดวก และที่สำคัญ ไว้เล็บทีไร เป็นต้องแกะเนื้อแห้ง ๆ ข้างเล็บทุกที

เห็น item ใหม่ของ etude (ใหม่ป่าวไม่รู้ แต่ป้าเพิ่งจะเห็น อิอิ) ขอสอยมาลองซักหน่อย
สอยมาทั้งมือและเท้า แต่เท้านี่ยังไม่ได้ลอง ถ้าลองแล้วจะถ่ายเกิบมาให้ชม 55555

ฤกษ์งามยามหลับ จับมารีวิว เผื่อสาว ๆ จะแอบสนใจ

ดูหน้าตาสิ น่าร้ากน่าชัง

1 ซองจะมีซ้ายขวา ตอนแรกนึกว่ามันจะเป็นแบบซ้ายสเต๊ปหนึ่ง เสร็จแล้วก็ทำขวาเป็นสเต๊ปสอง
หรือไม่ก็ 1 ซองใช้ได้ 2 ครั้งไรงี้ แต่ที่ไหนได้

ซ้ายเป็นถุงมือที่หมักเนื้อครีมไว้แล้ว
ส่วนขวา เป็นถุงใส แน๊ะ อย่าคิดลึก!! (แกคิดอยู่คนเดียวอิป้า)
ใครจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่จินตนาการ

แต่เค้าให้เอาไว้คลุมทับอีกชั้นนึงย่ะ

แปลภาษาเกาหลีออกมา (แหลจริง) ได้ใจความว่า

ล้างมือและเช็ดมือให้สะอาด
ใส่ hand mask แล้วก็นวด ๆ ไปด้วย ทิ้งไว้ 12 นาที ?

ทำไมต้อง 12 ด้วยอ่ะ ไม่ได้

เสียดายของ ล่อไปชั่วโมงนึง (ล่อไร?)

ก่อนใส่ถุง มาดูสภาพกีบกันซักหน่อย ว่ากีบป้าเป็นเยี่ยงไร
ป้าเป็นพวกมือบอนชอบแกะเนื้อตัวเองให้เลือดไหลซิบ ๆ เข้าขั้นจิตนิดหน่อย

ผู้ปกครองโปรดพิจารณาและให้คำแนะนำแก่บุตรหลานของท่าน

(นี่ blog ชั้นเป็น ฉ.18 แล้วเรอะ)

กีบซ้าย (กีบจริง ๆ)

กีบขวา (ถ่ายยากจริง)

ใส่ถุง

มือป้าเล็ก ๆ ใส่แล้วก็หลวม คนมือใหญ่ใส่ได้สบาย ๆ จ้ะ

ระหว่างรอก็นอนดูซีรี่เกาเหลาไป นวดไป สบายใจเฉิบ ไม่เลอะด้วย ดีๆๆๆ

คร่อกกก..ก…..กกก ….

ZZ.Z…zzz.zZZ…z

Z

z

เฮ้ย ตื่น!!!!!!! ผ่านไปชั่วโมงนึงแล้ว

แกะกีบออกดู

เฮ้ย กีบหาย

เหลือแต่มือคุณหนูแสนนุ่มนิ่ม น่าทะนุถนอม (O..o)”

มือนิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เออลืมบอกว่ากลิ่นของครีมจะหอม ๆ เหมือนพวกนีเวียอ่ะ

ป้าว่าเอานีเวียหรือครีมทามือมาพอกไว้แล้วห่อด้วยถุงกับข้าวก็น่าจะแทนกันได้นะ 55555

เปรียบเทียบมือกันเลยดีกว่า

before <<<  >>> after

ที่เห็นความแตกต่างแบบชัดเจนก็คือ “เล็บ” มันจะเงา ๆ

แล้วก็เนื้อตรงที่ป้าแกะไว้จากเดิมมันจะแห้ง ๆ ขุย ๆ หลังใช้ รอยแห้ง ๆ ลดลง

แต่

ป้าว่าเจ้า hand mask ตัวนี้เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินจะดีกว่าคับ

เพราะถ้าไม่ได้ทำหรือดูแลแบบนี้บ่อย ๆ มันก็จะกลับสู่สภาพเดิม

เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ใครจะไปเดท กลัวหนุ่ม ๆ แอบจับมือแล้วร้องจ๊าก ก็หามาใช้ซะ

รับรองไม่กัดไม่ปล่อยแน่

(ไม่ใช่หมา!!!)

ตั้งหัวข้อให้บ้าไปง้านแหละ หลาย ๆ คนคงจะผ่านการใช้มาบ้าง ก็แหม มาส์กดำออกจะโด่งดังขนาดนี้  ป้าเองเคยรีวิวมาแล้วครั้งนึง ตั้งแต่สมัย bloggang ยังไม่ก่อตั้งกันเลยทีเดียว ก็เลยกะว่ารีวิวอีกซักทีฟะ  หลังจากไม่ได้ใช้นานแล้ว

Kose white mask แต่ทำไมถึงเรียกมาส์กดำ เพราะเนื้อมันสีดำไง อืม เนอะ

ตอนน้ำดำเยิ้มอยู่บนหน้าไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะมัวเก็บผักกับตบชาวบ้านใน FB  กรี๊ดดด โดนขโมยกล้วยยยยย

ทาทิ้งไว้จนแห้ง ไม่แนะนำให้ทาในห้องแอร์ เพราะมันจะแห้งเร็วไปหน่อย แต่ป้าก็อยู่ห้องแอร์ทุกที

แต่ไม่แนะนำให้อยู่ในที่ร้อนเหมือนกัน เพราะเหงื่อจะซก อย่างห้องซาวน่าอะไรงี้ไม่แนะนำ เพราะมันจะไม่แห้งซะที

อืม.. เนอะ

ซักครึ่ง ชม. ก็แห้งสนิท แต่ป้าก็ตบเพลิน กว่าจะลอกออก ปาไปชั่วโมงนึง แห้งแล้วแห้งอีก จะแห้งไปน๊ายยย

มา มาลอกกัน เด็ก ๆ ลอกกันไม่ดีนะคะ เดี๋ยวคุณครูจับได้

ตอนลอกนี่แหละ จะรู้สึกเหมือนกับว่า ชาติที่แล้วชั้นไปทำกรรมอะไรกะแกมา
ชาตินี้ถึงขนาดเกิดเป็น mask มาแหกหน้าชั้นเลยเหรอ

ใครที่หน้านวลเนียนอยู่แล้ว จะไม่สะทกสะท้าน กลับกันซะอีก ใครที่หน้าด้าน สิวเสี้ยนเยอะ สกปรก ซกมก (เกิดใหม่ดีกว่ามะ)
แถมใครที่ขนเยอะอย่างป้า อาจต้องแอดมิดกันเลยทีเดียว

เอ้า เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง มาดูรูปกัน

ตอนที่ป้าถ่ายรูปนี่คือทิ้ง mask ไว้ 1 คืนนะคับ มาถ่ายรูปตอนเช้าอ่ะ มันเลยดูแห้งหนักเข้าไปอีก

ซูมมมมมม ขนบนจมูกคับ กรี๊ดดดดดดด สลบ เฮือก

ส่วนรูปนี้เป็นช่วงแก้มคับ
สังเกตนะคับ เป็นเส้น ๆ เลย โอ้ยยยยย โอ้ยยยยยย

ป้าค่อนข้างมีปัญหากับขนบนใบหน้าอ่ะคับ ก่อนหน้านี้เวลาไปลองยิง IPL นะโคตรเจ็บเลย สุโค่ยมาก

ทาแป้งก็ไม่ค่อยติดหน้า

ล้างหน้าก็เหมือนล้างไม่สะอาด

แถมมันยังทำให้ป้าสิวขึ้นตลอดเวลา (แกมาโทษชั้นทำไม ซกมกเองไม่ใช่เหรอ?)

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย :

ก่อนทา mask ควรล้างหน้าให้สะอาด
ถ้าใครมีปัญญา ก็เอาหน้าไปอังกับหม้อข้าว เปิดฝาหม้อร้อน ๆ ให้ไอน้ำอุ่น ๆ เกาะบนใบหน้า เพื่อเปิดรูขุมขน แล้วเช็ดออกก่อนจะตามด้วย mask

หลังใช้ mask ควรล้างหน้าอีกรอบให้สะอาด เพราะอาจมีเศษดำ ๆ หลงเหลืออยู่
ตบท้ายด้วย น้ำโสม kose หรือ serum ครีม ฯลฯ แล้วหลับให้สบาย

ฝันดีคับทุกคน (เฮ้ยนี่เพิ่งห้าโมง!!!)

แอบมา review ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตอนนี้อยู่ซักเล็กน้อยนะค้าบ

ตอนนี้ใช้ L'oreal Derma Genesis - Pore minimising ช่วยเรื่องกระชับรูขุมขน

เนื้อเป็น gel cream ทาไปแล้วมันจะลื่น ๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะดี อันนี้ชอบ มันเหมือนจะไปเคลือบ ๆ รึป่าวอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ป้าใช้แค่ตอนเช้าอ่ะคับ ตอนกลางคืนช่วงนี้ไม่ได้ทา เพราะแต้มสิวอย่างเดียว

ผลที่ได้รู้สึกดีนะ คือมันอาจจะไม่รู้สึกได้ด้วยตาเปล่า ป้าใช้ความรู้สึกเวลาซับมันที่หน้าเอาหน่ะคับ

ป้าเป็นคนรูใหญ่ รูขุมขนหน่ะ เวลาซับมัน จะเห็นบนแผ่นฟิล์มเลยว่าเป็นจุดจุด ไม่ใช่จุดประกายความสวย มันเป็นน้ำมันที่ออกมาจากรูอุ๋มอ๋น แผ่กว้างใหญ่ไพศาล หลายแหมะเหลือเกิน

หลังจากใช้เจ้า L'oreal pore minimising แล้วลองซับมันดู ไม่รู้มันไปช่วยลดความมัน หรือทำให้รูเล็กลงก็ไม่รู้นะ อันนี้เถียงกะยัย supergaye อยู่ คือมันก็ยังเป็นจุดน้ำมันอยู่ แต่ว่ามันเล็กลงจนรู้สึกได้

กะว่าจะลองใช้ต่อไปจนหมด แล้วจะมาสรุปอีกซักทีนึงละกัน เพราะเพิ่งใช้มาแค่ 2 อาทิตย์ แถมใช้แต่ตอนเช้าซะด้วย

เพิ่งมีโอกาสได้ลองกันแดดของ Biore คับ

ขวดสีม่วง รุ่น UV Moist face milk SPF50+ PA+++

ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ กลืนไปกับผิวเร็วดี

ก่อนหน้านี้เวลาออกรอบ ป้าจะใช้ sunkiller ขวดขาวฝาแดง

ซึ่งมันจะเหนียว และเกลี่ยค่อนข้างยาก เกลี่ยไม่ดีก็เป็นคราบขาว ๆ เลย

ป้าเลยลองเปลี่ยนมาใช้ Biore ปรากฎว่าทาแล้วเกลี่ยง่าย

แถมหน้าดูสว่างขึ้นด้วย แต่ก็ต้องทาเยอะ ๆ หน่อย

เพราะป้าเองก็ยังไม่ชัวร์ว่ามันจะเหมาะกับกีฬากลางแจ้งมากแค่ไหน

ถึงขนาดต้องพกติดกระเป๋า ไว้ทาซ้ำตอนแวะซุ้มอีก (ล้างหน้าก่อนแล้วทาซ้ำนะคับ)

ลองทากับมือมาให้ดู แต่ทาไม่เยอะนะคับ

ก่อนทา(ซ้าย)  >>>>  หลังทา(ขวา)

จะเห็นว่าหลังทา มือจะดูสว่างขึ้นมาเล็กน้อย และดูเงาขึ้นหน่อยนึง เงาแบบ dewy หน่ะ ไม่ใช่เงาเพราะหน้ามัน

เพราะว่ากันแดดตัวนี้เป็นทั้งกันแดดโลชั่นน้ำนมและ make up base ในตัวเดียว

คิดดูสิ ถ้าทาเยอะกว่านี้ จะสว่างขนาดไหน แต่สว่างแบบไม่หลอกนะคับ

ตอนนี้ก็ติดใจใช้แต่เจ้าตัวนี้ทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ออกรอบ อิอิ