Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  x
::+:: 5th = last one (วัน) in JAPAN ..AEON สวรรค์นักช๊อป ::+::

เซ ฮายยยยยย..... วันสุดท้ายทักทายกันแบบฝรั่งขี้นกซักหน่อย
จั่วหัวซะเหมือนช๊อปกันกระหน่ำ แต่จริง ๆ แล้วไม่เท่าไหร่หรอกงานนี้~
เพราะช๊อปกันไปตั้งแต่ชินจุกุ แทบไม่เหลือไว้วันนี้เลย 555 อาศัยรูดปรื๊ด ๆ


เช้านี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศแจ่มใส ณ นาริตะ พอร์ท โฮเต็นนนนน
ป้ากำลังง่ำ ๆ แก้มตุ่ยเชียว ฮิฮิ



วันนี้อยู่แค่นาริตะ เพราะฉะนั้น ไปกันเล้ยยย "วัดนาริตะ"


เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและผู้คนให้ความเคารพนับถือ มาสักการะมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี
ทางเดินเข้าวัดจะเป็นอุโมงเข้าไปแล้วเย็นจังง่ะ



วัดแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 940
จุดเด่นของวัดนี้คือ เทวรูปฟุโตเมียวโอ (ห้ามถ่ายรูป)
ซึ่งเป็นเทพระดับสูงของลัทธิชินกอน แกะสลักถวายโดย
โคโบไดชิ ตามคำสั่งของจักรพรรดิซากะ



ป้าได้ยินคนไทยกรุ๊ปอื่นเค้ามาล้างไม้ล้างมือ เค้าบอกว่า
ให้ล้างมือซ้ายก่อน แล้วมือขวา แล้วก็ซ้ายอีกที แล้วก็หน้า ตามด้วยปาก (... งง)
ไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ก็คงเป็นธรรมเนียมของวัดนี้ (มั้ง)


(ป้ากะเจ๋แอบนัดกันแต่งตัวเป็นแฝดผี 555)



ทางเดินขึ้นวัด



วัดแต่ละที่ก็จะมีกระถางธูปใหญ่ ๆ ควันโขมง
เชื่อกันว่าให้กวักควันธูปเข้าตัว เพื่อเป็นศิริมงคล



บรรยากาศภายในวัดคับ




 


เทวรูปฟุโดเมียวโอ อยู่ข้างในนี้



ถ่ายรูปกะกิฟหน่อยนะ




 


เมื่อสักการะกันไปเป็นที่เรียบร้อย ก็เดินออกมาถ่ายรูปเล่นรอบ ๆ วัดนาริตะ
มีที่น่าถ่ายรูปเยอะแยะเลย แต่เวลาจำกัด เลยได้แค่เดินผ่านเฉย ๆ เสียดาย...




เดินออกมาข้างนอก ก็เจอต้นซากุระบาน สวยดีอ่ะ
แต่ก็ร่วงไปเยอะ
ใครเคยดื่มชาซากุระบ้างคับ ... ป้าจะอิ๊บกินแล้วทิ้งแทบไม่ทันเลย
มันเค็ม ๆ แปร่ง ๆ ... กินไม่ได้ง่ะ





ไม่มีอะไรทำคับ รอคนในกรุ๊ปอยู่ เลยเล่นกันซะ - -"



ได้โปรดอย่าถือสาคนบ้า



เอาล่ะ ได้เวลาถ่ายรูปหมูของคนในกรุ๊ปซะหน่อย
กรุ๊ปพวกเราถือว่าน้อยมากเยย มีแค่ 24 คนเองอ่ะคับ



ซูม.....



แล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นั่นก็คือ!!!!


..............................SHOPPING~~~~~


กิฟพาพวกเราไปปล่อยที่ "ห้างอิออน" ประมาณ 3 ชั่วโมง
เข้านู้นออกนี่ ได้กินทาโกะเจ้าดัง ที่มีในเอสพลานาด
แต่ก็งั้น ๆ แหละ ไม่ได้อร่อยนักหนาเลย (ตามความคิดป้า)



หอบของกันพะรุงพะรังมาก ๆ ป้ากะเจ๋แจนได้แมวน้ำยักษ์กันคนละตัว ฮิฮิ
ตอนแรกนะคิดฝันไว้ใหญ่โต จะซื้อเสื้อผ้า ซื้อรองเท้า ฯลฯ
แต่... แพงโค๊ะโค๊ะ  ... ตกเป็นเงินไทยตัวละเป็นพันเลย เฮ้อ...


ถึงเวลานัดตอนบ่ายสองโมง ก็รีบกุลีกุจอขึ้นรถ กลัวตกเครื่อง


เครื่องออกตอนสี่โมงขอรับ 555


เดินทางกลับโดยสายการบินไทย เหมือนเดิม เที่ยวบินที่ TG 677




-----------------------------------------------


ต่อไปเป็นรายการบ่น


งานนี้ขอบ่นสายการบินไทยหน่อยเหอะ เรื่องอาหารอ่ะ


เมนูมื้อนี้คือ "ข้าวหน้าเนื้อซอสเกาหลี" (ประมาณนี้อ่ะ)
อีกอย่างนึงก็คือ "ข้าวฉู่ฉี่กุ้ง" ...


แล้วรู้สึกว่าแอร์จะเลือกปฏิบัติกับผู้โดยสารต่างชาติสุด ๆ ไม่พอใจอย่างแรงนะคับ


ตอนเดินเสริฟอาหาร ปกติที่เคยเห็น จะเดินเสริฟพร้อม ๆ กัน ซ้ายขวา
แต่คราวนี้ เค้าไปทางฝั่งขวาก่อน ซึ่งฝั่งนั้นจะเป็นคนจีน + ญี่ปุ่นซะส่วนมาก


แล้วคนจีน.. ไม่กินเนื้อ!!! ถึงกินก็น้อยมาก ฉะนั้น ทุกคนจะเลือกฉู่ฉี่กุ้งกันหมด
พอเสริฟฝั่งนั้นเสร็จ ทางเดินด้านซ้ายก็มาเสริฟบ้าง


แล้วไง.... คิดว่าคนไทยที่กินเนื้อจะมีซักกี่คนมิทราบ ... สรุปว่า เนื้อเหลือเพียบ
ฉู่ฉี่ไม่พอกิน ... คนไทยหลายคนที่ไม่กินเนื้อ และไม่มีอะไรกิน!!!!


 


มีแอร์คนนึง จำชื่อไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะให้ชื่อว่า "ผีเสื้อสมุทร"
ที่เลือกชื่อนี้ เพราะพี่แกเหมือนม๊ากกกกกกกก
เป็นแอร์ที่ตัวใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นมา พวกเรามาเม้าท์กันว่า สงสัยจะเส้นใหญ่
เพราะเจ๋แจนแอบเห็นนาฬิกา บอกว่าเรือนละเป็นล้านนนนน ยี่ห้อนี่รอเจ๋บอกละกัน


พอรู้ว่าผู้สารไม่กินเนื้อก็เที่ยวถามว่า "กินไม่ได้เลยเหรอคะ ไม่ได้ซักนิ๊ดดดเลยเหรอคะ"
.. นี่หล่อน คนเค้าไม่กินก็คือไม่กิน ถ้าเค้าถือศีล หรือไม่กินเนื้อวัวอยู่
เค้าจำเป็นจะต้องมาแหกศีลตัวเองเพื่ออาหารเหลือเดน 1 มื้อเหรอยะ ไม่รู้จักคิด


 


สจ๊วดคนนึงยังดีนะ พอรู้ว่าไม่ทานเนื้อ ก็ถามว่า "กลัวจะหิวนะครับ เพราะต้องนั่งอีกหลายชั่วโมง
รับเป็นมาม่าก่อนมั้ยครับ ทางเรามีเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉิน ... ถ้าไม่รับมาม่า
เดี๋ยวจะไปเอาแซนวิชมาให้นะครับ"


อิป้าก็เกลียดตัวกินไข่ ไม่กินเนื้อหรอกนะ แต่เอามาก่อนเหอะ
เพราะในถาดมันยังมีโซบะเย็นกับขนมปังอยู่ เอาก็เอาวะ .. ส่วนเนื้อก็ให้โจ๊กกะแจ๊กกินไป


 


สรุปว่ามื้อนั้น คนในกรุ๊ปป้าไม่ได้กินข้าวกันหลายคนเลย


 


แล้วยัยผีเสื้อสมุทรก็ทำพิษอีก เที่ยวเดินชนแขนของผู้โดยสารไปตลอดทาง
อันนี้เก๋บ่นมา เก๋นั่งติดทางเดินอ่ะ แล้วก็เอาแขนวางบนที่วาง ปรากฎว่า
ยัยผีเสื้อสมุทรเดินมาชน ปั๊ก เข้าให้ แล้วเป็นไง เฉยสนิท ไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ทั้งสิ้น


เวลาพูดก็หน้าตาย ๆ .... ทำไมมันต่างกับโฆษณา "คุณคะ" .... จังเลย


(กลับมาเห็นโฆษณาแล้วอยากทุ่มโททัดทิ้ง)


 


อ๋อ.... เรามันชั้น eco นิฝ่า ไม่น่าเรียกร้องอะไรเลย .... เฮ้ออออออออออออ


แล้วยัยนี่ก็ทำผิดอีก 1 เรื่อง คือ


ตอนขึ้นเครื่อง จะมีขนมห่อ ๆ แจก ซึ่งขนมวันนี้อร่อยด้วยนะ
เจ๋แจนซึ่งไม่ได้กินข้าว (ไม่กินเนื้อเหมือนกัน) เห็นคนญี่ปุ่นที่นั่งเบาะข้างหน้าเจ๋
ขอเบียร์มากิน แล้วก็ขอถั่วแบบนี้มาด้วย แอร์ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นก็เอามาเดินเสริฟพวกนี้ตลอด


เจ๋แจนเลยขอบ้าง แต่เจ๋ดันเลือกคนผิดไปหน่อยนะ ไปขอกะยัยผีเสื้อสมุทรอ่ะ
เจ๋บอกว่า "ขอขนมแบบนั้นอ่ะค่ะ" ... ยัยผีเสื้อสมุทรก็บอกว่าจะเอามาให้


แป๊บนึงเดินกลับมาพร้อมขนม แต่เป็นขนมถั่ว ๆ อะไรซักอย่าง แล้วบอกว่า
ขนมแบบนั้นหมดแล้วค่ะ รับเป็นอันนี้แทนนะคะ เจ๋ก็โอเค ไม่ว่าอะไร


ซักพักคนญี่ปุ่นแถวหน้าก็ขอขนมกับแอร์ญี่ปุ่นคนเดิมอีก


แอร์ญี่ปุ่นก็เดินเอาขนมแบบนั้นมาให้อีกเพียบเลย


เจ๊แจนแทบปรี๊ดแตก เกลียดมันๆๆๆๆๆๆ


 


ตอนนี้เริ่มติดลบกับสายการบินไทยไปเรื่อย ๆ ที่นั่งก็แออัด
แอร์ก็ไม่ได้อย่างใจ แอบเซ็ง


 


----------------------------------------------------------


จบแบบประทับใจกับญี่ปุ่นทุกอย่างที่เจอ


กลับมาไทย จบแบบเบื่อกะการบริการ และอากาศร้อน ๆ เหมือนเดิม เฮ้อ~


ขอบคุณทุกคนที่ตามป้าไปเที่ยวแบบถึงไหนถึงกันนะค๊า


ส่วนเรื่องของ shopping มีมา update แน่ ๆ รอติดตามตอนต่อไปจ้า ฮิฮิ




Create Date : 30 เมษายน 2551
Last Update : 30 เมษายน 2551 13:54:56 น.
Counter : 1029 Pageviews.

43 comment
::+:: 4th = วัดอาซะกุซ่า & Tokyo Disneyland!!! ::+::

เช้านี้อากาศแจ่มใสเหมือนเดิม ระหว่างรอคนพร้อมรถพร้อม
ป้าก็ออกไปถ่ายรูปกับเก๋ก่อน เจ๋แจนไม่ออกมาถ่ายด้วยอ่ะ



บังคับให้เก๋ถ่ายให้ ^o^ เก๋ต้องคอยถามว่าจะเอารูปแบบไหน
เพราะกลัวไม่ถูกใจป้า .. โธ่ คนจะสวย มันก็สวยวันยังค่ำ ................ กล้าเนอะ



เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็เดินทางได้!!!!


ที่แรกคือ "วัดอาซะกุซ่า" เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว
ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาสักการะบูชา


 


โคมไฟขนาดยักษ์ มีความสูงถึง 4.5 เมตร



เห็นโคมไฟมิเคอะ แดง ๆ ข้างหลังป้านั่นแหละ
โอว... ป้าบังโคมไฟมิดเยย - -"


วัดที่ไปทุกที่ของญี่ปุ่นจะมีน้ำสำหรับไว้ล้างมือล้างหน้า
ก่อนที่จะเข้าไปกราบไหว้ขอพร บางคนก็ล้างปากบ้วนปากกันด้วยนะ


ส่วนป้าจะอิ๊บก็ล้างมือล้างไม้เรียบร้อย แต่ลืมเข้าไปสักการะเจ้าแม่กวนอิม
เพราะถ่ายรูปเพลิน สถานที่สวยงามแบบนี้ ก็อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำซักหน่อยไง



เมื่อเดินลอดใต้โคมไฟยักษ์ไป ก็จะพบกับ "ถนนนาคามิเซะ"
มีร้านรวงเยอะแยะมากมาย ความยาวประมาณ 200 เมตร
เป็นแหล่งขายของที่ระทึก เอ้ย ระลึก ของพื้นเมือง และเครื่องรางต่าง ๆ


ที่ไม่บอกไม่ได้ก็คือร้านขนมที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ป้าจำชื่อร้านไม่ได้
แต่เดินนับไปเถอะ ร้านที่ 3 ซ้ายมือ เป็นร้านขายซาลาเปาทอด
คนซื้อจะเยอะมาก อย่าไปซื้อร้านผิดซะล่ะ มีไส้เยอะเหมือนกัน



ตอนนี้ยังมีซากุระตามสถานที่ต่าง ๆ ให้เห็นบ้าง แต่ไม่เยอะ
แค่นี้ก็เป็นบุญตาแล้วววววว


ร้านขายของที่นี่ส่วนใหญ่จะเปิดตอน 10 โมงเช้านะคะ
จากรูปจะเห็นร้านขายรองเท้าร้านนึง ร้านนี้มีเจ้าของเป็นลุงแก่ ๆ สองสามคน
(น่าจะ)เป็นพี่น้องกัน แล้วลุงแกก็โหดมาก เปิดร้านประมาณ 9.30 น.
แต่ห้ามให้คนเข้า เพราะลุงแกจะทำความสะอาดร้าน จัดร้าน ปัดกวาดไปเรื่อย


ใน 1 ปี ร้านลุงจะเปิดแค่ 3 เดือนเท่านั้น !!! ทำไมหว่า...


หน้าร้านจะมีป้ายกระดาษขนาดประมาณ A4 เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่น
ประมาณว่าเปิด 10 โมง อะไรเงี้ยะ แต่บางคนก็ไม่รู้หรอก แหม...
พวกเราจะอ่านกันออกมั้ย แล้วร้านก็ใหญ่ ป้ายนิดนึงอ่ะนะ
แต่พวกเราก็รู้ เพราะกิฟบอกไว้ก่อนแล้ว ว่าถ้าเข้าก่อน 10 โมงก็ตัวใครตัวมันละเว้ยยยย



แต่แล้ว.. ความซวยบังเกิด ไม่รู้จะคราวซวย หรือคราวฟายรับประทานก็มิทราบ
พวกเรายืนออ ๆ กันอยู่หน้าร้าน เพราะลุงแกยังไม่ให้เข้า

อินังเก๋ supergaye ของเรา นอกจากตัวจะมืดแล้ว ยังเกิดหน้ามืดตัวมัว เดินเข้าไปซะเฉย ๆ
พวกเราตาลุกวาว แต่เก๋ก็ไม่คับ ไม่รู้ตัว เดินเข้าไปอีก เดินเข้าไปเรื่อย ๆ


จนลุงแกคงทนไม่ไหว รีบเดินเข้าไปต้อนเก๋ให้ออกมา แล้วก็พูดไรไม่รู้แหละ
เก๋งง พวกเราหน้าร้านรีบบอกว่า "เฮ้ยยย มันยังไม่สิบโมงเลย!!!"
เท่านั้นแหละ เก๋ก็หูตาสว่าง รีบวิ่งออกจากร้านแทบไม่ทัน แล้วยังมายืนขำหน้าร้านอีก


ลุงแกก็พูดๆๆๆ กิฟแปลให้ฟังว่า "ร้านอื่นมีตั้งเยอะแยะ จะมาดูทำไมร้านนี้ร้านเดียว ไปร้านอื่นไป๊!!!"


โอ้แม่เจ้า ทำมาหากินกันแบบนี้เอง - -" .... แต่ก็จริงของลุงแกแหละ ร้านอื่นเยอะแยะ
แต่ไม่เคยเห็นเจ้าของร้านแบบลุงไง คนเค้ามาดูลุงนี่แหละ ไม่ได้ดูรองเท้าร๊อก 5555


ที่ไหนได้ ... เสร็จหม่าม๊าไป 1 คู่ ... แล้วไม่ถูกนะคับร้านนี้ หม่าม๊าเจอไป 6000 กว่าเยน
บวกลบคูณหารเอาเหอะ คู่ละเป็นพัน ร้านนี้ส่วนใหญ่เป็นรองเท้าหนัง ใส่สบาย ๆ เลยแพงนั่นเอง


อิป้าว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วนะ แต่ก็ยังเจอดีจนได้ ....
ก็ป้าเดินเข้าไปดูว่าหม่าม๊าซื้ออะไรแบบไหน แล้วก็เผลอไปหยิบรองเท้ามาดูคู่นึง
ใจก็คิดว่า "เหมือน 199 บ้านเราเลยว่ะ ฮิฮิ" คิดต่อยังไม่จบ อิลุงแกก็รีบกระชากรองเท้าไปจากมือ
"ด๊าน ด๊าน ด๊าน" กรี๊ดดด แกด่าชั้นหน้าด้านเหรอ ..... เหอะ ..
ลุงแกจะบอกว่าเป็นรองเท้าสำหรับ Dance (มีป้ายเขียนไว้ข้างบน)


"อ๊ายยยยยยยยยยย ชั้นจะด๊านซ์บ้างไม่ได้รึไงฟะ แล้วอิรองเท้าด๊านซ์ของลุงเนี่ย
มันก็ส้นสูง ส้นแหลม ธรรมด๊าธรรมดา คลองสานสวยกว่าอีก เชอะ"


แค่คิดในใจ แล้วก็รีบเดินออกมาจากร้าน เฮ้อ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วว่ะ
แป๊บเดียว ป่ะป๊าเรียกอิป้าจะอิ๊บช่วยเข้าไปต่อราคารองเท้าให้หน่อย


ปร๊าดดดด เพิ่งจะหนีออกมา จะให้เข้าไปต่อราคาเนี่ยนะ!!!!
แต่ก็ต้องไป ... เผอิญคนขายเป็นลุงอีกคนนึง ใจดีกว่ากันหน่อย
รองเท้าห่า....นไรวะ แพ๊งแพง รองเท้าหนัง คู่ละ 12000 เยน ... หรือประมาณ 4 พันกว่าบาท
ฮ่วย!!! แอบต่อ ... ต่อไปได้ 10000 เยน โหลุง บอกผ่านชะมัดเลย


แต่ก็ยอมรับอ่ะว่ารองเท้า (บางคู่) design เค้าใส่สบาย ใส่ง่าย
คนแก่นิยม ประมาณนั้น ก๊ากกกก


---------------------------------------------


เสียเงินเสียทองกันไปไม่น้อย เสร็จแล้วก็รีบขึ้นรถ ถึงเวลาไปแล้วววว


TOKYO DISNEYLAND!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ใฝ่ฝันๆๆๆ คงดีกว่า dream world บ้านเราแน่ ๆ  ฮิฮิ (ต๊ายย เอามาเปรียบกันนะ - -")


 



อืม.. เห็นตัวเองแล้วเหมือนยายเพ้ง บ้าหอบฟาง ^^"


ตอนไปถึง คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ทัวร์มีอยู่แค่สี่ห้าคัน  แต่รถของคนญี่ปุ่นเนี่ยเป็นร้อย


เข้าไปปุ๊บ ต่างคนก็แปลงโฉมกันไป จะน่ารักรึเปล่าไม่รู้ แต่ชอบ 555
ตอนแรกกะว่าจะไปถอยที่คาดผมน่ารัก ๆ หลาย ๆ อัน แต่ปรากฎว่า
.. มันเยอะเกิน มันเยอะม๊ากกก เลือกไม่ถูก .. เลยเอาหูสติชมา (ซะงั้น)
ไป ๆ มา ๆ ก็ทำให้รู้ว่า อิป้าชอบสติชคับ เพราะพวงกุญแจที่ห้อยเป้อยู่
ก็เป็นสติชมานานแล้วด้วย ^^" แต่เก๋บอกว่าเหมือนควายเยย ... กำ



โจ๊กเป็น jack sparrow ... เดินไปไหนมีแต่คนมอง ลุคมันเถื่อนอยู่แล้วด้วยอ่ะ 555
jack sparrow มีหูมิกกี้ด้วยนะ ^^


แยกย้ายกับคนในกรุ๊ปทัวร์ ก็ไปเล่นกันเต๊อะ!!!! ... อันดับแรก ไปหา jack sparrow ก่อน



เครื่องเล่นที่นี่ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยเป็นอะไรที่เดินชมนะ
อย่าง jack ก็จะเข้าไปนั่งในเรือ พาชม แต่ก็ดี ไม่เมื่อย แล้วก็สวยดีด้วย
พอจบรอบ เดินออกมา ก็จะเจอ shop ขายของ jack sparrow อืม..
เป็นการค้าอย่างนึงนั่นเอง เหอ ๆ


-----


ไปนั่งรถไฟชมเมืองกันซะหน่อย



ชอบรูปนี้มากเลยอ่ะ สวย เหมือนภาพวาด (แสดงว่าป้าถ่ายรูปสวย ฮิฮิ)



ผู้ชายพายเรือ (แคนนู)
... คนนำพายให้พวกเราน่ารักอ่ะ ยิ้มแย้ม ยิ้มทีมองอะไรไม่เห็น
แต่ก็ยังน่ารักอยู่ แล้วเมื่อยมาก ขอบอก .... พายทีก็เอียงที หวาดเฉียว



การเข้าคิวเพื่อเล่นเครื่องที่นี่ จะมีอยู่ 2 แบบ คือ...
- ต่อแถวเข้าคิวปกติ
- ใช้ Fast Pass คือถ้าเราต้องการเล่นอะไร แต่ว่าขี้เกียจต่อคิว ก็จะมีเครื่องใส่บัตรเข้าไป แล้วมันก็จะปั้มเวลาให้ (ประมาณนั้น) และเมื่อถึงเวลาที่จะเล่น เราก็ใช้บัตรนี้ ผ่านเข้าไปได้เลย


แต่ FP จะมีข้อจำกัดคือ จอง 1 อย่าง แล้วก็ต้องเว้นไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงจะจองเครื่องเล่นอื่นได้
แล้วที่หน้าเครื่องเล่นแต่ละอย่าง จะมีป้ายเวลาบอกเลยว่า ต้องคอยอีกกี่นาที ถึงจะได้เล่น บางเครื่องนะ 90 นาที บางเครื่อง 2 ชม. โอ้มายก๊อด ฉี่แตกกันตรงนั้นเลยดีกว่า เอิกกกก


พวกเราไม่ได้เล่นอะไรมากมายหรอก ชอบถ่ายรูปมากกว่า



ตรงจุดนี้ป้าแอบโดนทิ้ง เพราะมัวแต่ถ่ายรูป หันมาอีกที หายไปกันหมดเลย
แต่ป้าก็ยังมีสติคับ ไม่เดินหา หลงกันจุดไหน ก็ยืนอยู่ตรงนั้น
พอพวกนั้นนึกขึ้นได้ว่าอิป้าหายไป ก็จะเดินกลับมาหาจุดเดิม
แล้วก็จริงดังว่า เพราะตอนแรกป้าคิดว่า พวกนั้นจะเดินไปทางไหนกัน
เกือบจะเดินไปอีกทางแล้วด้วยแหละ แต่ยืนอยู่กับที่ดีกว่า
แป๊บนึงโจ๊กก็เดินมาหา ยังมาแซวอีก "จิ๊บร้องไห้~~~"
ไอ้บ้า ไม่ได้ร้องเว้ย ชั้นอายุตั้งเกือบสามสิบแล้ว จะร้องได้ไง
แค่สับสนใจชีวิต 5555



เดินถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนต่าง ๆ



สังเกตเก๋ดี ๆ ดิ ถ้าพวกเราไม่อยู่ด้วย อาจจะโดนเก๋ลากไปข่มขืน
ตัวการ์ตูนก็ไม่เว้น เฮ้อ...



เสียดาย ไม่ได้เข้าบ้านหมีพู ไม่รู้เป็นยังไง
แต่กิฟบอกว่ากำลังฮิตเลย


 


อ้อ.. ไปเข้าบ้านผีสิงมาด้วยนะ แบบว่า... น่ารักอ่ะ กรี๊ดมาก ๆ น่ารักสุด ๆ
ตอนเดินเข้าไป ก็จะผ่านห้องประมาณ 2-3 ห้อง จำไม่ได้ ที่น่ากลัวที่สุดของบ้านผีสิงก็คือ
"พนักงาน" ... เปิดประตูมา เจอน้องนางหน้าบานใส่ชุดเหมดยืนก้มหน้า ฮ่วย...


ในบ้านผีสิงก็ไม่ได้เดินเหมือนกัน .. นั่งกัน 2 คน แล้วก็เลื่อนไปเรื่อย ๆ ตามทาง


แต่ต้องเข้านะ น่ารัก ประมาณผีแคสเปอร์อ่ะ อยากเอากลับบ้าน 555


-----------------------


เห็นป้ามั้ย~~~ ... ใครจะเล่นตัวนี้ ถ้าอยากเปียกก็นั่งหน้า ข้างหลังไม่เปียกเลย
มีรูปใหญ่ด้วยนะที่ทางนั้นเค้าถ่ายไว้ตรงจุดที่กำลังลง แต่ไม่ได้ scan อ่ะ


เครื่องเล่นที่นี่จะเป็นเรื่องเล่า ตอนนั่ง space mountain
ก็จะเลื่อนผ่านตัวการ์ตูนเยอะแยะ น่ารักอ่ะ แต่ว่าไม่ค่อยสูงเลย ไม่เฉียว



ตอนห้าโมงกิฟนัดให้พวกเรามาเจอกันด้านนอก เพราะต้องไปหม่ำ ๆ กันก่อน
แล้วค่อยกลับมาดูพาเหรดกันใหม่


แสงนี้แหละที่ต้องการ เลยเอาตัวเก๋มายืนหน่อย เหมือนควายจริง ๆ ด้วยอ่ะเก๋



กินข้าวกันเสร็จ เหลือเวลานิดหน่อย ก็ขอถ่ายรูปกับคนขับรถ
น่าจะอายุน้อยกว่าป้าอีกนะ แต่มาเป็นคนขับรถซะแล้ว แอบเท่ห์ แต่สูบบุหรี่จัดเป็นบ้า
ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอ่ะ .. ในจำนวนคนขับรถทัวร์นะ กิฟบอกว่าคนนี้ดีสุดแล้ว 55



เอาล่ะ ถึงเวลากลับเข้ามาดู Electric Parade กันแล้วววววว แสงสวย แต่ถ่ายไม่สวย แอบเซ็ง



รูปข้างบนตรงกลางที่เห็น คือรูป Disney Resort ... เพี้ยงงงงงงง
ขอให้ได้มาพักซักครั้งในชีวิตเหอะ ข้างในต้องน่ารักแหง ๆ เลยอ่ะ


ส่วนร้านพวกนี้ก็เข้าแล้วเข้าอีก เดินทะลุปรุโปร่ง




พอพาเหรดเริ่มมา คนเริ่มเบียดกัน ป้าก็ถ่ายรูปได้บ้างไม่ได้บ้าง อากาศก็เย็นจัด
มือสั่น กล้องเย็นเฉียบเลย หลัก ๆ ก็ถ่ายแต่ตัวการ์ตูนที่ชอบแหละ


เอาภาพมาให้ดูกันนิดหน่อยนะ








แล้วเจอกันใหม่นะ Tokyo Disneyland .. พูดไว้ก่อน  เผื่อว่าได้ไปอีก 555


มาที่นี่แล้วรู้สึกประทับใจ "ทุกอย่าง"


มองไปทางไหนก็รู้สึกดีอ่ะ พนักงานทุกคนยิ้มแย้มน่ารัก แม้แต่แม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำก็เหอะ


ที่ Disneyland จะอบรมพนักงานทุกคน หลักของการบริการที่นี่คือ


"บริการให้เต็มที่ เสมือนว่าลูกค้าจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก" เพราะฉะนั้นจะต้องให้ลูกค้ากลับไปพร้อมกับความประทับใจสุด ๆ แล้วป้าก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เห็นทุกคนเต็มที่ ก็รู้สึกดีมาก ๆ


------ แล้วคืนนี้พวกเราก็มาพักกันที่ Narita port hotel
โรงแรมแถวนี้ส่วนใหญ่มีไว้เพื่อรองรับคนที่เดินทาง เพราะสนามบินจะปิด 4 ทุ่ม
ที่ไม่เปิดตลอด 24 ชม. เพื่อไม่ให้รบกวนผู้คนแถวนี้เวลาเครื่องบินขึ้นลง



เฮ้อ.. อยากกลับไปอีกจริง ๆ เลย .... พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว แง้ๆๆๆๆ




Create Date : 29 เมษายน 2551
Last Update : 29 เมษายน 2551 11:09:45 น.
Counter : 1143 Pageviews.

20 comment
::+:: 3rd day = Shopping @... Shinjuku!!! ::+::

อาริงาโตะ อายิโนะโม ะ โ จ๊ ะ เ ด๊ ะ .. อ่ะ เอาให้มั่ว


เช้านี้ตื่นมาก็อากาศแจ่มใสเหมือนเดิม แจ่มกว่าเมื่อวานอีกน๊า ฟ้าใส มีแดด แต่ก็ยังมีลมเย็น ๆ หนาว ๆ ชอบจัง คิดไม่ผิดที่หนีร้อนจากเมืองไทยมาได้ ฮิฮิ


ทานบุฟเฟต์อาหารเช้าที่โรงแรม บนชั้น 9 ..
ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใส ปลอดโปร่ง ก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากโรงแรมนี้ได้สบาย ๆ


แต่ทว่า ก็ยังไม่เห็นปล่องภูเขาไฟอยู่ดี เพราะเป็นช่วงอากาศเปลี่ยน
ร้อนกะเย็นมาชนกัน เลยทำให้มีเมฆมาก แต่ถ้ามาช่วงที่อากาศหนาว ๆ เลยเนี่ย
สามารถเห็นได้สบาย ๆ เลย น่าเสียดายจัง


รูปนี้ถ่ายที่ชั้น 9 ของโรงแรมจ้า ... ตอนทำรูปแอบสับสน นึกว่าของเมื่อวาน
เพราะใส่เสื้อซ้ำกัน ... ไม่ได้ตั้งใจน๊า แบบว่าไม่ได้เอาเสื้อลงมาหมด เพราะห้องมันแคบ
เลยต้องหยิบ ๆ เสื้อมาฝากไว้ในกระเป๋าเจ๋แจน แล้วก็ลืมเอาเสื้อตัวในมา เลยต้องใส่ตัวเดิมซะงั้น ^^"
(((เชื่อมั้ย??)))



ที่แรกที่จะไปวันนี้ก็คือ "หุบเขาโอวาคุดานิ"


จุดเด่นของที่นี่คือ... มีบ่อน้ำแร่กำมะถัน เป็นบ่อน้ำแร่ที่สามารถต้มไข่ให้สุกได้
กำมะถันทำให้เปลือกไข่ที่ต้มในน้ำ กลายเป็นสีดำ
(อุณหภูมิประมาณ 97 องศาเซลเซียส) โดยเชื่อกันว่า
หากทานไข่ดำ 1 ฟอง จะทำให้อายุยืนขึ้นอีก 7 ปี



ป้ากลัวกินไม่หมด เลยแบ่งกับเก๋คนละสามปีครึ่ง 55
อยากอายุยืนหมื่น ๆ ปี ก็ลองคำนวณดูนะ ว่าจะกินซักกี่ฟอง - -"


จากจุดนี้ก็สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เหมือนกันจ้า
รูปด้านหลังที่เป็นภูเขา แล้วมีควันลอยขึ้นมา
นั่นก็คือความร้อนใต้พื้นดิน ... ถ้าขุดดินลงไปตรงไหน
ก็จะมีควันลอยขึ้นมาเหมือนกัน



ที่ญี่ปุ่นเค้าชอบกินไอติมกันนะ ขนาดอากาศเย็น ๆ ยังมีขายทุกที่ที่ไปเลย
แล้วโจ๊กก็ชอบกินไอติมมันซะทุกที่ - -"
ด้านหลังโจ๊ก สังเกตดี ๆ นะ เห็นภูเขาไฟฟูจิแว๊บ ๆ ด้วย ^3^

จากนั้นก็นั่งกระเช้าเพื่อลงมาทะเลสาบอาชิ



สนามที่เห็นนั่นเค้ากำลังเล่นเบสบอลกันอยู่ ได้บรรยากาศญี่ปุ่นจังเลยอ่ะ


"ล่องเรือทะเลสาบอาชิ"



ทะเลสาบอาชิ เป็นทะเลสาบที่ก่อตัวจากลาวาของภูเขาไฟฟูจิ
หากวันไหนอากาศดี ท้องฟ้าโปร่งสดใส ก็จะเห็นทัศนียภาพในอีกมิติหนึ่ง
ที่มีความงดงามราวกับภาพวาดสะท้อนลงสู่ทะเลสาบ
เปรียบเสมือนสะท้อนจากกระจกใสบานใหญ่
(ข้อมูลมาจากเอกสารของ Apple Japan)



ลักษณะของเรือ มองจากภายนอก เหมือนเรือโจรสลัด
ดูอลังการดี ภายในจะแบ่งออกเป็น zone มีชั้น first class ด้วย



พวกเราได้นั่งชั้นนี้ จะมีระเบียงชั้นบน ให้ออกมาสูดอากาศกัน
ลมแรง และเย็นสบายมาก ๆ เฮ้อ~ สดใสจัง


อากาศดี ๆ แบบนี้ คนญี่ปุ่นจะออกจากบ้านเพื่อมาทำกิจกรรมกัน
ที่ทะเลสาปอาชิ ก็จะมีคนญี่ปุ่นออกมาตกปลาบ้าง มาพายเรือกันเล่นบ้าง
พอแล่นสวนกับเรือลำอื่น ๆ ก็จะมีคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวโบกไม้โบกมือให้กัน
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกัน (แต่เหมือนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน 55)

น่ารักดี




เมื่อถึงจุดหมายปลายทางก็ลงเรือที่ท่า Hakone (ฮาโกเน่) แวะทานอาหารกลางวันกัน
มีโซบะ เทมปุระ และข้าวอีก 1 ชาม .. กินอาหารแต่ละมื้อไม่เคยหมดเลยซักครั้ง
เพราะปกติเป็นคนกินน้อยอยู่แล้วด้วย (อาศัยกินเรื่อย ๆ) มื้อนี้เลยกินได้อย่างละครึ่ง
เห็นช้อนมั้ย ช้อนใหญ่มาก เค้าใช้ช้อนนี้แหละตักน้ำซุบเข้าปาก 555



อิ่มกันได้ที่ก็เดินทางเข้าสู่มหานครโตเกียว
การเดินทางช่วงนี้ใช้ "Shinkansen" รถไฟหัวจรวด
เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในย่านนั้น




ถ่ายรูปบนนี้แล้วตลกดี ครั้งแรกรอจังหวะรถไฟวิ่งผ่าน
แต่พอมาจริง ๆ กลัว ไม่กล้ากดชัตเตอร์ เพราะมันเร็วและเสียงดังมาก


ครั้งที่ 2 ตั้งท่าจะถ่ายให้เก๋ยืนอยู่ แล้วรถวิ่งเร็ว ๆ ดูมี movement ดี
ปรากฎว่า แชะแรก เก๋ไม่หันหน้ามา พอเรียกเก๋เพื่อจะถ่ายแชะที่ 2
รถไฟไปซะแล้ว .... ไม่ทันตั้งตัวเลย งือ...


ครั้งที่ 3 เอาวะ กะจังหวะได้ละ แต่พอจะกดเข้าจริง ๆ ดันแบตหมด แล้วแบตอีกก้อนอยู่บนรถทัวร์
สรุปคือ ต้องแบกกล้องหนัก ๆ ใส่เป้ไป shopping ด้วย .. เฮ้อ~ ไม่น่าเลย


เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ ป้าเลยยืมกล้องเจ๋แจนมาใช้
เจ๋แจนบอก ดี ชั้นจะได้เพลินกับการ shopping อย่างเดียว (ซะงั้น)
แต่ก็ดี digital เล็ก ๆ จะได้ถ่ายตัวเองได้ 555



รูปข้างบนที่ถ่ายได้ทัน เพราะมันมาจอดที่สถานีนี้อ่ะ - -"


พอลง shinkansen แล้วก็ต้องต่อรถไฟฟ้าไปลงที่ shinjuku อีกที



ก่อนถึง shinjuku ก็จะผ่านย่านแหล่ง shopping อื่น ๆ อย่าง shibuya ด้วย
มีพวกแต่ง cosplay ไปลง harajuku กันเยอะเลย เห็นแล้วอยากแต่งบ้าง
อยากแอบถ่ายรูปมา แต่ไม่กล้า กลัวเค้าด่าเอา เหอ ๆ


------------- ถึงแล้วจ้า shinjuku -------------



ผู้คนเดินไปมากันวุ่นวาย ปิดถนนเดินกันสบาย เห็นร้านขายของแล้วระรานตา
อยากเข้าไปหมดทุกที่ สาว ๆ ก็น่ารัก แต่งตัวกันแฟชั่นจ๋าสุด ๆ


!!! ... มีร้าน sex shop ที่หน้าร้านเปิดคาราโอเกะเพลงไทยดังสนั่น
ไม่แน่ใจว่าหมอลำ หรือลูกทุ่ง ... แอบเข้าไปกันด้วย โจ๊กได้ของฝากมาให้เพื่อน (ไม่บอกหรอกว่าอะไร)


โจ๊กบอกว่า เข้าไปถามคนขายว่าเอาไว้ทำอะไร คนขายแทบจะทำท่าทางให้ดูเลย ขำดี


แล้วก็เค้าเปิดหนัง av อยู่ในร้าน ป้าเดินเข้าไป ต๊กกะจายหมดเลย แต่ยังดีที่มีเซ็นเซอร์อยู่นะ
โจ๊กบอกว่าสังเกตดี ๆ ดิ ผู้ชายที่แสดงใน av เรื่องนี้อยู่ คือเจ้าของร้านนี่แหละ


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด



หายใจหายคอกันไม่ทั่วท้อง รีบเดินออกจากร้าน ก็เจอผู้ชายวัยทำงานยันวัยเกษียณ
เดินเข้ามาในร้านกันเต็มไปหมดเลย เหนื่อย ~


~ ไปเข้าร้าน brand ดีกว่า มีของมือ 2 ขายเต็มไปหมด โดยเฉพาะ Louis Vuitton จะมีเยอะมาก
สาว ๆ ที่นั่นนิยมกันสุด ๆ เดินไปที่ไหนก็เจอแต่หลุยส์ ... จากที่ดู ๆ นะ ราคาถูกอ่ะ คือถูกกว่ามือสองที่ไทยพอสมควร
ก็แล้วสภาพด้วยแหละ แอบเหล่ ๆ มา อยากได้เหมือนกัน แต่ว่ามันเยินเกินไปหน่อย
เลยเก็บตังค์รอชิ้นที่เล็งไว้จริง ๆ ^^"


และที่ไม่แวะไม่ได้ก็คือ Sanrio ร้านนี้เข้าไปหลังจากที่ซื้อของกันหิ้วแทบไม่ไหว
แต่ที่ไม่เห็นของ ก็แอบไว้หน่ะสิ ไม่งั้นรูปออกมาอาจจะไม่เห็นขาคิตตี้ได้ 55


~ เมื่อถึงเวลานัดทานอาหารเย็น ก็รีบแจ้นไปรวมตัว
เป็นบุฟเฟต์สุกี้ อยู่ที่ตึกอะไรซักอย่าง ต้องขึ้น lift ไปอ่ะ
อร่อยมากกกกก อาหารที่เค้าเสริฟก็มีเท่าที่เห็นนี่แหละ
หมูสไลด์บาง(โคตร) ไข่ และผัก .. ที่เด็ดคือน้ำซุป จะเรียกว่าน้ำซอสเลยก็ได้



เวลากินกับข้าวเปล่า รวม ๆ แล้วรสชาดเหมือนข้าวหน้าหมูตุ๋นของสกายลาร์คบ้านเรานี่เอง
หมูเค้าก็นิ่ม อาจจะนิ่มเพราะสไลด์บาง ๆ รึเปล่าไม่รู้ จะกินก็คีบไปจุ่มในน้ำซอส รอให้สุกแล้วทานได้เลย
ไม่เอาไปแช่ กลัวแข็ง แล้วหมูนี่คีบขึ้นมามันแทบจะไม่เป็นแผ่น เพราะนิ่มเกินไป ^^"


อิ่มหมีพลีมัน ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ โรงแรม ซันไชน์ ซิตี้ ปรินซ์


ตอนกลางคืนพวกเราตามกิฟออกมาเดินเที่ยวข้างนอกกันต่อนิดนึง
แอบ shopping ต่อนั่นแหละ 555 ตอนกลางวันยังไม่สะใจ แบร่~


เข้าไปลองดูปาจิงโกะ เค้าสอนแหละ แต่ก็ยังงงอยู่ดี อะไรก็ไม่รู้
ใส่เข้าไปพันเยน หมุน แล้วก็รอ - -" ....


แล้วจะมีร้านเหล้า ซึ่งวัยรุ่นญี่ปุ่นเข้าไปแข่งดื่มเหล้ากัน แล้วก็ออกมาอ๊วกกันข้างถนน
เห็นแล้วอนาถ ผู้หญิงเมาก็นั่งร้องไห้ ... พนักงานของที่นั่นก็ออกมาทำความสะอาด - -"
ยืนอยู่ได้ซักพักก็ต้องรีบหนีจากตรงนี้ เพราะโดนมอง .. ก็พวกเราไปมองเค้าก่อนง่ะ 55


คืนนี้นอนไม่ค่อยหลับเลย แต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมอ้อนวอนขอให้อากาศแจ่มใสเหมือนเดิม ฮิฮิ


--------------------- ภาพเก็บตกประจำวัน ----------------------




... แว่น cc-oo
... เสื้อหมวกตัวใน แขนยาวลายทางสีขาวม่วง จาก FQ&L
... เสื้อหมวกหูหมี (ห้ามผวนนะ ทะลึ่ง) ซื้อจากเนท จำราคาไม่ได้
... กระโปรงยีนส์บาน 2 ชั้น จากเนทเหมือนกัน
... tight เหยียบส้นสีเทา จากเนท


และรองเท้าบูท .. มีคนชอบกันด้วยแฮะ ดีใจๆๆ
มาเฉลย .. คู่นี้ซื้อในเว็บจ้า ถูกด้วย 890 บาทเองง่ะ
เป็นพื้นทึบนะ แต่หนา 2 cm. อัพความสูงป้าขึ้นมานิดนึง
คู่นี้ลุงซื้อให้ด้วยล่ะ ชอบๆๆๆๆ


ซื้อใน Cute girl shop จ้า มาแอบโฆษณาให้เค้าด้วย 55


เป้สีน้ำเงินจาก tabo sanrio แปดร้อยกว่าบาท ซื้อประมาณ 10 ปีที่แล้ว 555




Create Date : 26 เมษายน 2551
Last Update : 26 เมษายน 2551 12:16:48 น.
Counter : 1743 Pageviews.

24 comment
::+:: 2nd day = Go 2 Fuji-san ::+::

อ๊ะ อ๊ะ อาริยาโตะก๊าบบบบบบ เจอกันอีกแล้วในวันที่ 2
เมื่อคืนสวดมนต์ก่อนนอนว่าขอให้อากาศแจ่มใส ฝนไม่ตกและได้เที่ยวอย่างหนุกหนาน
ตื่นเช้ามา กรี๊ดดดด สมใจอยาก ฟ้าปลอดโปร่งมาก ๆ มีแดด แต่ก็ยังมีลมเย็น ๆ หนาว ๆ
ดีใจที่ฝนไม่ตก (โล่งอกไปที)



นอกจากจะกรี๊ดว่าฟ้าโปร่งแล้ว ที่ต้องกรี๊ดอีกอย่างก็คือ "สิวขึ้น"!!!!!


OMG!!! มันขึ้นแบบทุกจุดที่แห้ง ขึ้นแบบกระจัดกระจาย
แล้วสิวทุกเม็ดจะเป็นหนองเม็ดเล็ก ๆ ทั้งนั้นเลย เห็นแล้วสยอง
แต่สิวที่สยองสุดคือ มันมาขึ้นตรงร่องของปีกจมูก 3 เม็ดรวด
เรียกได้ว่าเจ็บแล้วเจ็บอีก เจ็บเป็น 3 เท่าทับถมกัน
ดีนะที่บีบแล้วก็ออก เหลือแต่จุดแดง ๆ ไว้ให้ช้ำใจเล่น
เช้านี้ทาแต่ครีมกันแดด เพราะหน้าแสบ แต่ยังไงก็ต้องกะแดะ เอ้ย กันแดดไว้ก่อน
เพราะแดดแรงเอาการเหมือนกัน กิฟบอกว่าเมื่อวานเป็นช่วงปลายของพายุพอดี
ดีนะที่ไปช่วงนี้ เพราะถ้าจองทัวร์ก่อนนี้ซักสามสี่วัน มีหวังเจอฝนทุกวันแน่ ๆ เลย


-----------------------------------


เอาล่ะ ว่าแล้วก็รีบหม่ำอาหารเช้าของโรงแรม จัดแจงขึ้นรถกันได้เล้ยยยย



ระหว่างทางก็หวั่น ๆ เพราะอยู่ดี ๆ ก็มีลมแรง แล้วเมฆครึ้ม ๆ พิกล
ตอนแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทาง แอบมีฝนโปรยเล็ก ๆ แต่พอถึงจุดหมาย ก็แดดออก ฝนหายซะงั้น


สถานที่แรกที่จะไปวันนี้ก็คือ "ทะเลสาบฮามานะ"



ทะเลสาบฮามานะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาไหลที่ใหญ่ที่สุด
รอบ ๆ บริเวณมีต้นไม้หลากหลายพันธุ์กว่า 3000 ชนิด
และยังเป็นจุดแวะพักที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้า-ออกเมืองนี้


ที่ทะเลสาบจะเหมือนเป็นสวนสาธารณะที่คนชอบเข้ามาแวะนั่งเล่น
บางคนก็จะมาเหมือนปิกนิคกัน พาสุนัขมาเดินเล่น แล้วสุนัขที่นี่มีแต่น่ารัก ๆ อ่ะ
ทุกตัวจะต้องมีเจ้าของหมด ไม่มีมาเดินเพ่นพ่านให้เกะกะสายตาเลย


พอได้ที่ ก็มานั่งถ่ายรูปกัน แล้วดูตากล้องดิ ทุ่มทุนโคตร ๆ ขอรับ - -"



พออิป้าถ่ายรูปเสด ก็ยืนขึ้นสู่ท่าของมนุษย์ปกติ(ซะที) - -"
มองซ้ายมองขวา ปรากฎว่าคนยืนมองกันเต็มเลย
ขอโทษที่ทำอะไรประหลาด ๆ ให้เห็นนะ
น้องหมาที่นั่นยังเรียบร้อยกว่านี้อีก T^T


ของฝากจากที่นี่ คงไม่พ้นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากปลาไหล
แต่เผอิญว่าอิป้าไม่กินปลาไหลคับ เนื้อมันยุ่ย ๆ แปลก ๆ แต่ยัยเก๋บอกของโปรดมาก ๆ
กิฟเอา "พายปลาไหล" มาให้พวกเราลองชิมกัน ปรากฎว่าไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นปลาไหลเลย
มันเหมือนพายกรอบ บาง ๆ แล้วก็อร่อยด้วย หวาน ๆ กรอบ ๆ



ขอรูปตัวเองบ้างนะ ถ่ายแต่คนอื่น
ป้าเลยต้องบังคับชาวบ้านให้ถ่ายตามใจป้าซะหน่อย 555
ภาพพวกนี้มาจากกล้องเก๋



อิ่มหนำสำราญกับทะเลสาบฮามานะกันแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน (แต่ไม่ถ่ายมา)
กินกันอิ่มปุ๊บ ก็ไปที่ต่อไปได้เล้ยยยย


เป็นที่ที่อยากไปมาก ๆ อยากไปมานานมาก และต้องมาด้วย ถ้ามาญี่ปุ่น
นั่นก็คือ "ภูเขาไฟฟูจิ" นั่นเอง เงง เงง เงง (ไม่ใช่ทีวีแชมป์เปี้ยนนะ)



จากหัวข้อที่ป้าเขียนว่า Fuji-san เป็นเพราะว่า ภูเขาฟูจิ มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า "ฟุจิซัง" นั่นเอง



สมัยก่อนภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้หญิงขึ้นเขา
แต่หลังจากนั้น ได้มีผู้หญิงต่างชาติคนนึง ได้ปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขาฟูจิได้
ต่อแต่นั้นมา ความเชื่อนี้ก็หายไป (ซะงั้น .. ง่าย ๆ เลย)



วันนี้พวกเราได้ขึ้นมาถึงแค่ชั้นที่ 4 เท่านั้น เพราะชั้นที่ 5 มีหิมะหนา
เป็นอันตราย เจ้าหน้าที่จึงมากั้นทางขึ้นไว้ แต่พอพวกเราจะกลับ
เห็นมีรถโกยหิมะกำลังขึ้นไป คาดว่าหลังจากพวกเรา 1 วัน
น่าจะขึ้นได้ถึงชั้น 5 เลยทีเดียว



อากาศหนาวมากกกกก เย็นมือไปหมด จับกล้องนี่แสบมือเลยอ่ะ


เล่นหิมะกันจนหนำใจ ก็กลับเข้าที่พัก วันนี้เข้ากันเร็ว เพราะที่พักมีกิจกรรมให้ทำ
นั่นก็คือการอาบน้ำแร่ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ออนเซ็น (Onsen)" ฮิฮิ


คืนนี้พักกันที่โรงแรมฟูจิโนโบะ คาเอน เป็นห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น
นั่นก็คือการนอนแบบเรียวกัง ในห้องเล็ก ๆ ทางเดินแคบ ๆ ไม่มีที่ให้วิ่งเล่นกันเลย



โรงแรมจะเตรียมชุดยูกาตะไว้ให้เปลี่ยน ป้ากะเจ๋แจนก็เลยเอาซะหน่อย ฮิฮิ
อิป้าหน้ากลมเชียว ทัวร์เลี้ยงดีไปหน่อย



มีเกมให้เล่น และมีตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์ด้วยนะเนี่ย



อาหารค่ำของวันนี้เป็นบุฟเฟต์อาหารสไตล์ญี่ปุ่น
แต่ที่เด็ดที่สุดของที่นี่คือ "ขาปูยักษ์" เนื้อแน่นปั๊ก ๆ ป้ากินไปขาเดียวพอ
เพราะขี้เกียจแกะ อิอิ ถ้ามีคนแกะให้ก็กิน ^^"


ทานกันเสร็จ ก็ได้เวลาสลัดความอายทิ้งไป กับการแช่ออนเซ็น
ตอนแรกว่าจะไม่แช่ เพราะไม่มีใครกล้าไปเลย เป็นการแช่ที่ต้องแก้ผ้าลงไปอยู่ในบ่อ
คนก็เยอะแยะ แต่คิดไปคิดมา "เฮ้ยเก๋ มาทั้งที ไม่แช่ก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น"
แต่เจ๋แจนแช่ไม่ได้ เพราะมีปจด. ฮิฮิ อดไป (ถึงไม่มีก็คงไม่กล้าลงร๊อกกก)


ป้ากะเก๋ ใจกล้าหน้าด้าน พุ่งเข้าไปเลย (ไม่มีรูปให้ดูหรอกนะ อิอิ) จะเล่าให้ฟังละกัน


ออนเซ็นอยู่ชั้น 3 ก็ขึ้นลิฟท์กันไป ในลิฟท์มีคนอยู่สามสี่คน คนไทยทั้งนั้น
มีทั้งหญิงและชาย แต่เป็นผู้ใหญ่ ด้วยความที่พวกเราใส่ยูกาตะไป และถือผ้าขนหนูไปด้วย
เค้าก็พูดขึ้นมาว่า "ทำใจรึยัง" ... ตอนแรกที่เค้าไม่พูดก็ไม่อายหรอกนะ
แต่จะพูดขึ้นมาทำไมเนี่ยยยย คนในลิฟท์รู้หมดเลยว่าจะไปแก้ผ้าอาบน้ำกันหน่ะ เฮ้อ....



-------- ถึงแล้ว ออนเซ็น -------


เปิดประตูเข้าไป ก็จะเป็นที่วางรองเท้าก่อน ชะแง้มองว่าคนเยอะมั้ย
อูววว อยู่กันประมาณ 7-8 คนได้ แล้วก็เปิดประตูเลื่อนเข้าไปอีกที
เจอห้องที่มี locker วางเรียงกันอยู่ คล้าย ๆ พวกฟิตเนสเนี่ยแหละ


ห้องนี้ก็จะมีสาว ๆ รุ่นอาม่า (เอ๊ะยังไง) บ้างก็แก้ผ้าเดินโทงเทง บ้างก็นุ่งผ้าเช็ดตัว
ตอนป้ากะเก๋เดินเข้าไป ก็ดูงุ่นง่าน ๆ ว่าจะทำยังไงดี จะเอารึยัง ประมาณว่ายืนทำใจกันแป๊บนึง


เอาวะ เอาก็เอา ยืนตกลงกันว่าใครจะลงก่อน ใครจะหันไปทางไหน
เพื่อไม่ให้เห็นของกันและกัน 55 นึกแล้วก็ขำดี


ตกลงกันได้แล้วก็เปิดประตูเข้าไปสู่ห้องอาบน้ำ
ข้างในจะเป็นล๊อค ๆ แล้วมีฝักบัวสำหรับนั่งอาบน้ำสระผมล้างหน้า ก่อนที่จะลงในบ่อ


ช่วงนี้ก็ต้องแก้ผ้าอาบน้ำกันแล้ว ป้ากับเก๋อาบน้ำกันตั้งแต่ห้องพัก
มาถึงจุดนี้เลยแค่เอาน้ำลาด ๆ เฉย ๆ เก๋เป็นคนลงน้ำก่อน ป้าก็นั่งหันหลังให้เก๋


ไอ้เก๋รีบวิ่งลงน้ำ พอเอาเท้าลงน้ำได้ มันก็ฟุบตัวนั่งไปเลย
อารมณ์คนอาย กลัวชาวบ้านเห็นไง... แล้วก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวน
"ร้อนนนนน ร้อนนนนน ร้อนนนนนนนนนนนนนน" 5555


ไอ้เก๋ลงกะทะทองแดงไปซะแล้ว กร๊ากกกกกก


พอถึงคิวป้า "เฮ้ยเก๋ พี่จะลงแล้วนะ" เก๋รู้งาน นั่งหันหลัง


แต่ป้าก็รู้งานกว่า ด้วยความอาย เลยเอามือปิดหน้าตัวเอง กันคนจำได้ 555
ไม่ช่ายยยยย มือซ้ายปิดบน มือขวาปิดล่าง แล้วก็ค่อย ๆ หย่อนขาลงทีละข้าง ๆ


พอให้ได้รับรู้ความร้อน จากนั้นค่อย ๆ หย่อนตัวลงไป


อ้า... สบายยยย จริง ๆ มันก็ร้อน แต่ว่าก่อนลงบ่อ ป้าอาบน้ำฝักบัวที่มีความร้อนประมาณนี้มาแล้ว
เลยกะได้ว่ามันจะร้อนแค่ไหน


อุณหภูมิใจบ่อ 41 องศา ...


แล้วก็ยังได้ยินเสียงโหยหวนของเก๋ต่อไปเรื่อย ๆ ... ร้อนนน .น.นนน ร้อนนนน...น...น...นนน...


ซักพักก็มีผู้หญิงในกรุ๊ปเดียวกันมาลง เอ้า จำหน้าได้ แต่ก็พยายามไม่มองซึ่งกันและกัน 555


ระหว่างนั้นอิป้าก็แอบมองชาวบ้านไปเรื่อย ๆ ว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง
มีแม่ พาลูกชายกับลูกสาวมาลงบ่อ อุ้ยยย มีผู้ชายด้วย แต่เด็กเกิน .. ตกไป


ไอ้เด็กบ้ามันก็เล่นอยู่ข้างหลังเก๋ สาดน้ำ ดิ้นไปดิ้นมา


เก๋จะขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ กลัวเด็กจู๋โด่มั้ง 55555



ป้ามองคนนั้นคนนี้ แล้วย้อนกลับมามองดูตัวเอง


อืม.... ได้กำไรเยอะเลย (เก๋ก็คงคิดเหมือนกันแหละ กร๊ากกกก)


ตอนขึ้นก็เหมือนเดิม เก๋ขึ้นก่อน ป้าขึ้นทีหลัง รีบเอาผ้าเช็ดตัวมาพัน นั่งอาบน้ำอีกรอบ แล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับห้อง


คืนนี้นอนสบายเลย หลับปุ๊ย มีความสุข


ก่อนนอนก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์อีก ขอให้พรุ่งนี้อากาศแจ่มใส ฮิฮิ


----------------------------------------



ภาพเก็บตก จากกล้องชาวบ้าน



นุ้งกอฟบอกว่าวันแรกรูปน้อย งั้นจัดไปอีก 1 นะ อิอิ



บะบายยยย วันต่อไปก็เข้าชินจูกุแล้ว ตื่นเต้นนนนนนนนนนน อย่าลืมติดตามนะจ๊ะ






Create Date : 25 เมษายน 2551
Last Update : 26 เมษายน 2551 12:52:49 น.
Counter : 1507 Pageviews.

25 comment
::+:: 1st day = Let's go to JapaN ::+::

เหิรฟ้าโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 622



ป้าเป็นตากล้อง เลยมีแต่รูปเท้าตัวเอง 555 นั่งกันแสนจะอัดอึด อึดอัด
นอนก็ลำบาก เหนื่อย เฮ้อออออ


เที่ยวนี้พวกเราใช้บริการทัวร์ของ Apple Japan ขอรับ อาหารมื้อนี้คือ "ข้าวฉู่ฉี่กุ้ง"
ก็อร่อยดี แต่อยากกินเผ็ดกว่านี้อ่ะ



ถึงท่าอากาศยานคันไซ เมืองโอซาก้า ประมาณหกโมงเช้ากว่า ๆ ได้นอนแค่ชั่วโมงกว่า ๆ เพราะหลับ ๆ ตื่น ๆ
มาถึงก็ฝนตกเลย อากาศวันนี้ขมุกขมัวมาก ๆ ค้าบบบบ
อันดับแรกเลย ห่วงกล้องที่สุด กลัวน้ำเข้า แต่จะถ่ายรูปเฟร้ยยย ไม่ยอม เป็นไงเป็นกัน
เจ๊งก็อ้อนหม่ามี้อีกรอบ 555



รอรถ รอรวมตัวกันก็ประมาณ 7 โมงเช้า พอลงเครื่องได้ อิพวกเรา 3 ตัว
เจ๋แจน ป้าจะอิ๊บ แล้วก็ยัยเก๋ รีบวิ่งจู้ดดด เข้าห้องน้ำ ประทินโฉมทันที


แต่หน้าป้าแหกขอรับ คือหน้าแห้งอ่ะ แล้วก็เริ่มลอก ๆ มาตั้งแต่อยู่เมืองไทย
พอขึ้นเครื่อง เจอความกดอากาศเข้าไป ขนาดทาครีมไป ไม่แต่งหน้าอะไรเลย
ก็เอาไม่อยู่ หน้าแตกเปรี้ยะ ๆ ... ผลสุดท้าย เยิน ไม่มีชิ้นดี ทาครีมอะไรก็แสบอ่ะ


ไม่เชื่อดูนี่!!! ภาพนี้คือลอกน้อยลงแล้วนะ ถ่ายวันที่ 3 ของการเดินทางอ่ะ
และเป็นแบบนี้ทั้ง 2 ข้างเลย T^T



หลังจากนี้เจ๋แจนบอกว่ามี baby oil เลยลองเอามาทาหน้าดู ปรากฎว่าดีขึ้น
ไอ้ที่ลอกก็น้อยลง แต่ผิวยังสาก ๆ อยู่ (กลับมาเมืองไทย ตอนนี้ก็ยังสากอยู่ง่ะ)


บ่นเกินไปละ กลับมาเที่ยวกันต่อ


พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็เดินทางสู่ "เมืองนารา"
เมืองนาราเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น

ที่แรกที่คุณไกด์ (ชื่อกิ๊ฟ) พาไปก็คือ "วัดโทไดจิ" แอบอายอ่ะ
แบบว่าชื่อที่ติดกับรูปอยู่มันผิดนะค๊า เชื่อไม่ได้ ขี้เกียจแก้แล้วอ่ะ


เอาเป็นว่า วัดโทไดจิ นะ อิอิ ^^"



วัดโทไดจิเป็นวัดสำคัญของเมือง ข้างในประดิษฐานหลวงพ่อโต (ไดบุทสึ)
ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ มีความสูง 15 เมตร สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้อีกอย่างนึงก็คือ "ฝูงกวาง"
คนญี่ปุ่นเชื่อว่า กลางเหล่านี้เป็นบริวารของเทพเจ้า


ตูดกวางเป็นรูปหัวใจด้วยอ่ะ ป้าเลยเอาแต่ส่องตูดกวาง ดูโรคจิตดี 55



เดินชมวัดกันเสร็จ กิฟก็พาคณะทัวร์ไปกินอาหารกลางวันกัน
"นาเบะ" เป็นหม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น มีหมูสไลด์ แล้วก็สารพัดผัก ซึ่งหลัก ๆ เลยจะเป็นถั่วงอกนะ - -"
แล้วที่เด็ดสุดคือ หอยเชลล์ ตัวใหญ่ม๊ากกกกก กินตัวเดียวอิ่ม (เวอร์ม๊ะ)




อิ่มกันแล้วก็ไปกันต่อที่ "วัดคินคะคุจิ" หรือที่พวกเรามักจะเรียกกันว่า "ปราสาททอง" เมืองเกียวโต
ซึ่งในปี 1994 ได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ตัวปราสาท 3 ชั้นสีทอง
ตั้งกระหง่านอยู่ในสระน้ำที่มีการจัดสวนแบบลัทธิเซน เพื่อให้คนที่เข้าไปชมได้เห็นคติธรรมทางพุทธศาสนา




ในอดีตที่นี่คือบ้านพักตากอากาศของโชกุน "อาชิคางะ โยชิมิทสึ" ผู้หลงใหลในความสงบ
หรือที่พวกเรารู้จักกันในเรื่องอิคคิวซังนั่นแหละ




ที่สุดท้ายของวันนี้ "วัดคิโยมิสึ" หรือ "วัดน้ำใส"
ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาฮิงาชิยาม่า



วัดนี้มีน้ำ 3 สายไหลมารวมกันจากเทือกเขา
เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ละสายก็จะมีความหมายแตกต่างกัน



จบที่การ shopping สินค้าพื้นเมืองที่ "ถนนสายกาน้ำชา"
คนเยอะมากกกก ที่ด้านล่างของถนนเส้นนี้ มีร้านรับแต่งหน้าทำผมแบบเกอิชา
ใส่ชุดเกอิชา ใส่เกี้ยะ เอาเป็นว่าเดินออกมาก็เป็นเกอิชาสมบูรณ์แบบเลยแหละ
แล้วพนักงานก็จะพาเดินขึ้นไปบนวัด เพื่อไปถ่ายรูป แต่กว่าจะขึ้นไปถึงวัดคงเดี้ยงก่อน
เพราะเดินไกล แถมใส่เกี้ยะอีก พวกเราเลยถอยดีกว่า .. อยากลองแต่งเหมือนกันนะ



เดินกันจนเมื่อยกันไปข้างแล้ว ก็ไปกินบุฟเฟต์บาร์บีคิวสไตล์ญี่ปุ่นต่อ
อาหารเยอะมาก (แต่ป้าไม่ได้ถ่ายรูปมา) ของดี ๆ ทั้งนั้นเลยนะ
หอยเชลล์ที่ญี่ปุ่นทำไมมันใหญ่จังง่ะ กินตัวเดียวเคี้ยวไปอีกนาน เหอ ๆ


--------------------------------------------------------


จบกันที่ภาพนี้ - -" เชื่อกันว่าถ้ารอดจากรูนี้มาได้ ก็จะโชคดี
...............แทบตาย เหอ ๆ



CANON 400D + SIGMA 18-200 MM.




Create Date : 24 เมษายน 2551
Last Update : 24 เมษายน 2551 16:50:45 น.
Counter : 1034 Pageviews.

29 comment
1  2  3  

ป้าจะอิ๊บ jipnaja
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



- เสื้อผ้าของใช้เด็ก
- เสื้อผ้าวัยรุ่น-วัยทำงาน สไตล์ลำลอง
- เครื่องสำอาง brandname
http://www.issocuteshop.com
https://www.facebook.com/issocuteshop



ผ่านมาทางนี้เมื่อไรให้เธอเข้ามาทักทายบ้าง
สวัสดีผู้มาเยือนทุกท่านจ้า


ป้าจะอิ๊บ jipnaja



ป้าจะอิ๊บ jipnaja








-----------------------

New Comments