All Blog
ละครเล่ห์...เสน่หา : กิ่งฉัตร



ละครเล่ห์...เสน่หา


บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร


ISBN 974-272-232-2  ฉบับปก : สำนักพิมพ์อรุณ, พิมพ์ครั้งที่ 4, 2546.


รายละเอียด

นัฏศิมา ปฏิเสธการหมั้นหมายและแต่งงานกับ อธิคม หนุ่มด็อกเตอร์ที่ คุณกานดา ผู้เป็นแม่จัดการหมั้นหมายไว้ให้ตั้งแต่หล่อนยังไม่ลืมตาดูโลก หล่อนจึงร่วมวางแผนกับ รัชช ลูกพี่ลูกน้อง ล้มเลิกการแต่งงาน โดยขอให้อธิคมเข้าร่วมแผนการครั้งนี้ด้วย เพราะหล่อนคิดว่าเขาเองก็คงต้องการแบบนั้นเช่นกัน พวกเขาจึงตัดสินใจสร้างละครฉากใหญ่ขึ้น เพื่อตบตาบุพการีทั้งสองฝ่าย ว่าแท้จริงแล้ว อธิคมคบหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่แล้ว ชื่อ ธันญา ซึ่งนัฏศิมาจัดการจ้างมาจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ให้มาประกาศตัวต่อหน้าทุกคนในงานวันเกิด คุณลำเพา แม่ของอธิคม 

ทว่าเรื่องไม่จบเพียงแค่การยกเลิกงานแต่งของทั้งคู่ แต่ลุกลามถึงขั้นคุณลำเพาประกาศตัดแม่ตัดลูกกับอธิคม ยังความรู้สึกผิดแก่นัฏศิมามาก เพราะหัวใจหล่อนนั้นไม่เคยลืมเขา แต่เขาต้องพลอยมาตกระกำลำบาก เพราะความดื้อรั้นเอาแต่ใจของหล่อนแท้ๆ


สาเหตุที่คุณปฏิเสธการหมั้นของเรา

เพราะคุณไม่ชอบให้ผู้ใหญ่มาชี้แนะมาจัดการให้คุณเลือกผม

คุณอยากจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคุณน้าหรือคุณแม่ผม

แล้วประกาศว่า

คุณตัดสินใจเลือกผมเองมากกว่า

- ละครเล่ห์...เสน่หา


รายละเอียด

ละครเล่ห์...เสน่หา ของ กิ่งฉัตร เป็นนวนิยายขนาดสั้นเล่มบางมากๆ พล็อตเรื่องไม่ค่อยซับซ้อน ว่าด้วยเรื่องพระเอก-นางเอกถูกจับแต่งงานกัน ตามขนบเรื่องทำนองนี้ก็คือ “ไม่ยอมแต่ง” อย่างเรื่องนี้นางเอกก็เจ้าแผนการ จัดแจงแต่งเรื่องโกหกสารพัด เพื่อกีดกั้นงานแต่งไม่ให้เกิดขึ้น ทั้งที่ใจตัวเองลึกๆ แล้วก็รักพระเอกมาแต่ไหนแต่ไร เคยมีความรู้สึกแบบนี้ไหมครับ ถ้ามีใครมาคอยชี้แนะให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ใจที่อยากจะทำอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยกลายเป็นไม่อยากทำตามซะงั้น นางเอกก็มีนิสัยแบบนี้แหละ 

รายละเอียดเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เพราะ นัฏศิมา กับ อธิคม พอใจกันเองอยู่ก่อนแล้ว แต่เผอิญมีเหตุให้ต้องหน่ายแหนงกันเท่านั้นเอง ความพลิกผันจากละครฉากใหญ่ที่เกิดขึ้น จึงเป็นบททดสอบความรักของทั้งคู่ ว่าแท้จริงแล้ว พวกเขายังรักกันอยู่ไหม แต่แน่นอนว่าบทสรุปตามสไตล์กิ่งฉัตร ต้องหักมุมตามเคย 

ตอนอ่านเราก็พอจะเดาปมปริศนาที่ผู้เขียนวางไว้ได้ เพราะผู้เขียนเขาก็แง้มๆ ให้ทีละนิดอยู่แล้ว โดยไม่ได้ปิดบังอะไร ความลุ้นระทึกเลยไปอยู่ตรงบทสรุปเสียมากกว่า ว่าความจริงจะถูกเฉลยไหม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันนี้ต้องไปตามอ่านกันดูครับ 

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครอย่าง รัชช เข้ามาสร้างสีสันให้เรื่องราวพอสมควร บุคคลิกเป็นผู้ชายอาร์ตติส ออกแนวติสๆ กวนๆ เขาถูกใจ รุ้งใส สาวน้อยเลขานุการของอธิคม คู่นี้เป็นแนวพ่อแง่แม่งอนกัน เพราะผู้ชายบางคนก็มีนิสัยชอบแย่ผู้หญิงที่ชอบ มักหลอกให้ผู้หญิงด่าหรือพูดจาประชดประชันใส่ คงเข้าทำนอง “ผู้หญิงด่าเพราะผู้หญิงรัก” แต่ของแบบนี้ก็คงจะขึ้นอยู่กับบริบทอีกทีนะครับ ^^ 

โดยภาพรวม ละครเล่ห์...เสน่หา ถือว่าอ่านสนุก ใช้ได้ ความที่พล็อตเรื่องไม่ซับซ้อน เนื้อหาจึงมีขนาดสั้น แต่ก็นับว่าจบอย่างสมเหตุสมผล อมยิ้มได้เหมือนกัน และเรื่องนี้น่าจะเคยทำเป็นละครมาแล้ว แต่ผมยังไม่เคยดูครับ 

ถ้าการแข่งขัน ไม่ชนะด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล การเอาชนะหัวใจคนก็คงใช้กลยุทธ์เดียวกันได้

สวัสดีปีใหม่ครับ


Jim-793009

28 : 12 : 2015





Create Date : 28 ธันวาคม 2558
Last Update : 28 ธันวาคม 2558 10:24:10 น.
Counter : 4754 Pageviews.

5 comment
ไม้ดัด : โบตั๋น



ไม้ดัด


บทประพันธ์ : โบตั๋น


ISBN 974-8269-30-2  ฉบับปก สำนักพิมพ์ชมรมเด็ก, พิมพ์ครั้งแรก, 2533.


รายละเอียด

ฉมา ได้ชื่อว่าเป็นเด็กชายวันพุธ คือเป็นลูกชายคนที่สาม ในบรรดาพี่น้องชายหญิง 5 คนได้แก่ ฉายา แสงฉาน ฉมา ฉายเฉิด และฉิมพลี ชีวิตของเด็กทั้งห้าคนเปรียบเสมือนไม้ดัดของ ครูใหญ่เฉนียน ผู้เป็นพ่อ ซึ่งคาดหวังให้ลูกๆ ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ เก่งทุกวิชา แต่ฉมาไม่ใช่คนอ่อน เขาขัดขืนความต้องการของพ่อ เพราะรู้ตัวมาแต่เด็กว่ารักงานศิลปะ รักอิสระ มากกว่าจะยอมทนให้พ่อบังคับเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ ดังนั้น ฉมาจึงเป็นลูกคนเดียวที่ครูเฉนียนตัดหางปล่อยวัดแต่ยังเด็กๆ มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้น ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้ฉมายังคงอาศัยอยู่ในบ้าน 

ฉมาต่อสู้เพื่ออนาคตตัวเอง โดยการเรียนต่อโรงเรียนช่างศิลป์ และพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ แต่ในเมื่อหนทางเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา ฉมาก็ไม่ได้ย่อท้อต่ออุปสรรคในชีวิต เขาเดินหน้าต่อในสายงานศิลป์ เข้าไปทำงานเป็นคนจัดหน้าหนังสือ และเริ่มต้นวาดภาพประกอบในหนังสือเด็กให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ซึ่งมี อาจารย์วัฒนา เป็นนายจ้าง เขาคือคนให้โอกาสฉมาได้ทำงาน มองเห็นคุณค่าในตัวเอง ฉมาจึงเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่รู้คิด รู้รับผิดชอบตัวเอง ในขณะที่พี่น้องของเขา เติบโตอย่างแคระแกร็นเหมือนไม้ดัด เมื่อต้องเผชิญปัญหาชีวิต ต่างก็ได้ฉมานั่นแหละเข้าไปช่วยเหลือ 

ปัญหาและมรสุมชีวิตของครอบครัวฉมา ไม่เพียงแต่เป็นบทพิสูจน์ความเข้มแข็งของตัวเขา หรือความเข้มแข็งของพี่น้องทุกคน แต่ยังสะท้อนให้พ่อแม่ของเขา ได้เห็นข้อผิดพลาดในการเลี้ยงลูกด้วย


คนไม่ใช่ดินเหนียว

จะได้ทุบได้ปั้นให้เป็นรูปอะไรก็ได้ตามใจเจ้าของ

ตามใจพ่อแม่ คนมีชีวิตและชีวิตเป็นของเขาเอง

คนที่มีสมองแคระแกร็นนี่บางทีก็เป็นที่นิยมเพราะปกครองง่ายดี

คุณพ่อของเธอท่านชอบลูกๆ แบบนั้น

และพยายามจะดัดลูกของท่านเหมือนไม้ดัดที่เคยเห็นปู่ของเธอดัด

- ไม้ดัด


REVIEW

ไม้ดัด บทประพันธ์ของ โบตั๋น เป็นนวนิยายขนาดสั้น เล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครคือ ฉมา ว่าด้วยชีวิตของเขา ซึ่งเป็นลูกชายที่ไม่ได้ดั่งใจพ่อแม่ ขณะเดียวกันก็ดำเนินเรื่องราวอยู่บนมรสุมชีวิตของพี่น้องและครอบครัว ต้องขอยกให้เป็นนวนิยายน้ำดีเรื่องหนึ่ง ให้ข้อคิด จรรโลงใจ และยังให้ข้อเตือนใจแก่พ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งนับเป็นพล็อตสำคัญของเรื่อง 

ผู้เขียนได้เปรียบลูกๆ ของครูเฉนียนเป็นเหมือน “ไม้ดัด” คือ ต้นไม้ที่นำมาดัดเป็นรูปทรงต่างๆ ตามใจคนเลี้ยงหรือก็คือ พ่อและแม่ โดยต้นไม้เหล่านี้ เมื่อถูกดัดแล้วก็มักไม่เติบโตตามธรรมชาติ แต่สำหรับฉมา เขาเปรียบเหมือนไม้ยืนต้น ที่ไม่ยอมถูกดัดให้แคระแกร็นตามความต้องการของพ่อ เขาออกแสวงหาชีวิต จิตวิญญาณของตัวเอง เพื่อพิสูจน์ให้คนในครอบครัวเห็นคุณค่าในตัวเขา จากสิ่งที่เขารักนั่นคือ “งานศิลปะ” ต่างจากพี่น้องที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ตามการกวดขันอย่างหนักจากพ่อ

ตัวอย่างเช่น ฉายา พี่ชายคนโต เรียนเก่ง ทุ่มเทการเรียนอย่างหนัก เป็นความหวังและหน้าตาของครูเฉนียน เขาเก่งแต่ IQ ส่วนด้าน EQ ไม่มีเลย ไม่รู้จักผ่อนคลาย ค่อนข้างตรึงเครียด พอผิดหวังจากการเรียน ก็ฆ่าตัวตายไปเสีย อีกคนคือ แสงฉาน พี่ชายคนรอง เป็นคนเก่งก็จริง แต่รู้จักการระบาย ปล่อยวางอารมณ์ เขาจึงค่อนข้างรับมือกับปัญหาหรือความผิดหวังได้มากกว่าพี่ชายคนโต เมื่อโตขึ้น มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาก็อยากจะตีตัวออกห่างพ่อแม่ ตั้งหน้าเรียนและทำงานตามความต้องการของเขาเอง ไม่อยากให้พ่อคอยกวดขัน หรือบีบบังคับอีกต่อไป

เรื่องนี้ผมไม่รู้จะเล่าเรื่องย่อออกมาอย่างไร ไม่ให้สปอย พล็อตเรื่องก็ไม่ได้วางซับซ้อนมาก เราจะได้รู้เรื่องราวต่างๆ ไปพร้อมกับฉมา (ตัวละครเล่าเรื่อง) ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา และอุปสรรคมากมายที่ประดังประเดเข้ามาสู่ครอบครัว ทำให้คนในบ้านรู้ว่า แม้ฉมาจะไม่ได้เรียนเก่ง หรือเรียนสูง แต่เมื่อครอบครัวถึงคราววิกฤต เขาคือที่พึ่งเดียวของคนในบ้าน

และการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ แม้ว่าจะตั้งอยู่บนความหวังดีต่อลูก แต่เราต้องไม่หลงลืมว่า เรากำลังหวังจะให้ลูกดีอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเรากำลังเอาความต้องการของเราไปยัดเหยียดให้ลูกกันแน่ เพราะลูกนั้นเราเลี้ยงได้แต่ตัว แม้ทุกคนจะถูกอบรมมาอย่างเดียวกัน แต่ความต้องการอิสระตามธรรมชาติของคน ย่อมทำให้พวกเขาแสวงหาแนวทางของตัวเอง

พ่อแม่ควรพยายามเปิดรับอย่างเข้าใจ ไม่ใช่กีดขวางอย่างไร้เหตุผล

นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังมีตัวละครเด่น น่าประทับใจอีกหลายตัว อย่างเช่น อาจารย์วัฒนา นายจ้างของฉมา เป็นคนมีความคิดดี มองโลกตามความเป็นจริง เป็นตัวอย่างของคนทำงานที่ดี และเจ้านายที่ดีของลูกน้อง

ด้านภาษาสำนวนถือว่าดี อ่านได้ลื่นไหล ช่วงเริ่มต้นเรื่องจะหนักไปทางนำเสนอปูมหลังของตัวละคร แต่กลางเรื่องไปจนจบเรื่องค่อนข้างสนุก เมื่อผู้อ่านผูกพันกับตัวละครอย่างเหนี่ยวแน่นแล้ว เราก็อดลุ้น อดเอาใจช่วยตัวละครไม่ได้ อยากรู้จุดจบของเรื่องว่าจะเป็นอย่างไร มีแทรกเรื่องความรักเข้ามาด้วย แต่ไม่หวือหวานัก เป็นรักอย่างใสใสมากกว่า

ถ้าจะบอกว่าเป็นนวนิยายสะท้อนสังคมก็คงได้เหมือนกัน แต่ผมมองว่าเป็นนวนิยายครอบครัวมากกว่า คือนำเสนอปัญหาการอบรมเลี้ยงดูลูก ความแตกต่างระหว่างคนรุ่นพ่อแม่กับคนรุ่นลูก หรือความคิดหัวเก่ากับแนวคิดสมัยใหม่ ทำให้รู้ว่า การรู้จักปรับตัวคือทางสายกลางในการดำรงชีวิตจริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ โบตั๋นจะเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2532 แต่เนื้อหาและข้อคิดนับว่าร่วมสมัยมาก ยังคงไปได้ดีกับสังคมปัจจุบัน

ฝากไว้อีกเรื่องครับ ถ้าใครอยากอ่านแนวจรรโลง และให้พลังใจ

สวัสดีครับ




ไม้ดัด ของ โบตั๋น

ปกนี้สวยและสื่อความถึงเรื่องราวในนิยายได้ดีมากครับ


Jim-793009

14 : 12 : 2015




Create Date : 14 ธันวาคม 2558
Last Update : 19 กันยายน 2559 9:40:53 น.
Counter : 10136 Pageviews.

6 comment
พรายปรารถนา : กิ่งฉัตร




พรายปรารถนา


บทประพันธ์ : กิ่งฉัตร


ISBN 974-90430-1-4  ฉบับปก สำนักพิมพ์อรุณ. พิมพ์ครั้งที่ 1. 2545.


รายละเอียด

กิรณา เอ.อี.สาว ต้องย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนท์ใจกลางเมือง ก็ด้วยต้องการหนีความปรารถนาในใจ ที่แอบหลงรักพี่เขยตัวเอง หล่อนได้ห้องหรู ดี แต่ราคาแสนถูก หลงคิดว่าเป็นโชคดี ทว่าความจริงแล้วโชคชะตาต่างหาก ที่พาหล่อนมาอาศัยอยู่ห้องที่เคยมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น หล่อนได้พบวิญญาณ จุลจันทร์ อยู่ในห้องพัก 312 ไม่อาจไปผุดไปเกิดได้ ด้วยติดอยู่กับแรงปรารถนาสองประการ หนึ่งคือหล่อนต้องการพบหน้าชายคนรัก และสองหล่อนต้องการรู้ว่า ใครเป็นคนฆ่าหล่อนอย่างเลือดเย็น 

จุลจันทร์จึงขอให้กิรณาช่วยเหลือ เพื่อให้หล่อนได้สมความปรารถนาที่รอมานาน

ความเชื่อมโยงระหว่างหญิงสาวต่างภพภูมิ นำกิรณาให้มาเจอกับ นิมมาน อดีตสามีของจุลจันทร์ ซึ่งเข้ามาเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทหล่อน โดยหล่อนคือเอ.อี.ผู้ประสานงานของเขา ความใกล้ชิดในงาน ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน กิรณาก็จำต้องสืบหาตัวคนร้าย ที่ฆ่าอดีตภรรยาของชายหนุ่ม โดยมี พีรยศ เพื่อนหนุ่มเสี้ยวของหล่อนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ 

เรื่องราวยิ่งซับซ้อน พัวพันกันไปหมด เมื่ออดีตการตายของจุลจันทร์เกี่ยวพันอยู่กับหลายคนในชีวิตนิมมาน และตอนนี้ก็เป็นหลายคนที่เกี่ยวข้องกับกิรณาด้วย ทั้ง เด่นภูมิ เจ้านายของหล่อน และ วิรตี ภรรยาของเขา ใครกันที่ฆ่าจุลจันทร์! หรือจะเป็นนิมมานเสียเอง...


ความปรารถนาของคนเราส่วนมากมักเก็บลึกในใจ

หากบางครั้งก็ผุดพรายขึ้นมาเป็นฟองฝอยกระจายเข้าครอบคลุมจิตใจ

รัก ชัง เกลียด ริษยา อาวรณ์

ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพรายปรารถนาในใจทั้งสิ้น

จนบางครั้งชีวิตต้องพลิกผันและเปลี่ยนไปเพราะแรงปรารถนาเหล่านั้น

- กิ่งฉัตร, พรายปรารถนา


REVIEW

พรายปรารถนา บทประพันธ์ของ กิ่งฉัตร ผมจำได้ว่าเคยดูเวอร์ชั่นละครแบบผ่านๆ ไม่จบเรื่อง เพราะยังเด็กเลยกลัวผีมาก ธัญญ่าซึ่งรับบทผีจุลจันทร์แต่งหน้าได้หลอนมากๆ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะฉายทางช่อง เมื่อปี 2546 ตอนนั้นแค่ผีมาก็เผ่นจากหน้าทีวีแล้ว เลยไม่รู้ว่าเรื่องราวดำเนินไปอย่างไรบ้าง แต่ก็นั่นแหละครับ ความติดค้างในใจยังมี พอโตขึ้นหน่อย ไม่ค่อยกลัวผีแล้ว เลยหาหนังสือมาอ่านซะเลย 

อ่านไปได้ 2-3 บทแรก พอถึงตอนเปิดตัว ผีจุลจันทร์ ผู้เขียนเปิดได้น่ากลัวมากจริงๆ คืออ่านแล้วหลอน ทำนองว่า เพื่อนๆของนางเอกพากันมากินเหล้าฉลองอพาร์ตเมนท์ใหม่ แต่เผอิญเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเกิดปวดปัสสาวะ เดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วไม่ยอมเข้าเดินกลับออกมา บอกว่าเห็นผู้หญิงผมยาวยืนขวางอยู่ อึ๋ยแค่นี้ก็หลอนกันไปเลย 

ทว่าหลังจากนั้น วิญญาณของจุลจันทร์มาในแนวเป็นมิตรกับกิรณา นางเอกของเรื่องมากกว่า ประเด็นความหลอนจึงไม่เด่นนัก แต่ไปเด่นตรงพล็อตหลักของเรื่องคือ “การตามหาตัวคนร้าย และปริศนาการตายของจุลจันทร์” เรื่องดำเนินไปอย่างเรียบๆ ไม่ถึงกับลุ้นระทึกมาก แต่ไม่น่าเบื่อ และดึงให้เราติดตามอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการตามหาคนร้ายของนางเอกจะค่อยเป็นค่อยไปสักหน่อย แต่ความสนุกอยู่ตรงที่ ผู้เขียนพยายามวางปริศนาไว้ใน Dialogue และบทบรรยาย ทำให้คนอ่าน อ่านไป นึกสงสัยไป ว่าใครกันแน่ที่ฆ่าจุลจันทร์ เพราะทุกคนดูมีแรงจูงใจ และความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น

เรื่องยิ่งซับซ้อนอีก ตรงที่มีเรื่องความรัก ความผูกพันระหว่าง นิมมาน กับ กิรณา เข้ามาเกี่ยวด้วย จึงทำให้ผีจุลจันทร์มองกิรณาเป็นคนทรยศ ทำลายความเชื่อใจที่หลงให้กิรณาไปตามสามีกลับมาหาหล่อน เรื่องราวจะดำเนินไปถึงจุดจบได้อย่างไร แล้วใครฆ่าจุลจันทร์กันแน่ ฆ่าด้วยเหตุใด ต้องตามอ่านดูครับ

รับรองว่าต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ พลิกล็อค หักมุม ทำเอาสตันไปสักพักเลยครับ

ข้อดีของเรื่องนี้คือ สะท้อนให้เราเห็นว่า คนเราทุกคนต่างมีความปรารถนา หรือแรงปรารถนาในใจ และความปรารถนานี้มักจะปรุงแต่งจิตใจเราให้คิด กระทำ ทั้งในทางที่ดี และทางที่เลวร้าย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเราเองนั่นแหละ เป็นผู้เลือกหนทางให้แก่ความปรารถนาในใจ ความดีเลว ผลกรรมที่เกิดขึ้น เราคือผู้กำหนดทั้งสิ้น

สรุปภาพรวม นวนิยายเรื่องนี้ได้ความสนุกจากการลุ้นว่าใครคือฆาตกร และเอาใจช่วยนางเอก ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิตพร้อมๆ กัน ด้านสำนวนภาษา อ่านง่าย ลื่นไหลดี อ่านแล้วแทบไม่ขัดในถ้อยคำเลย 

ผมขอแนะนำไว้อีกเรื่องครับ

สวัสดีครับ



พรายปรารถนา 

ปกใหม่ ชุดภาพวาดสีน้ำ สวยดีนะครับ

Cr.สำนักพิมพ์อรุณ


Jim-793009

30 : 11 : 2015




Create Date : 30 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 6 เมษายน 2560 14:37:32 น.
Counter : 4938 Pageviews.

4 comment
ปดิวรัดา : สราญจิตต์




ปดิวรัดา


บทประพันธ์ : สราญจิตต์


หนังสือเก่า เล่มเดียวจบ ฉบับปก : สำนักพิมพ์รวมสาส์น, 2535


รายละเอียด

ริน ระพี หญิงสาวกำพร้าที่มารดายกให้เป็นสิทธิ์ขาดแก่ คุณหญิงเพ็ญแข บำรุงประชากิจ หล่อนได้รับการฝึกสอนและถ่ายทอดวิชาการบ้านการเรือนจากคุณหญิงจนจัดเจน มีคุณสมบัติสมเป็นกุลสตรีและแม่ศรีเรือน ยิ่งเสียกว่าบุตรสาวทั้งสองของคุณหญิงเพ็ญแข คือ บราลี และ บุรณี

แต่แล้ววันหนึ่ง รินก็จำต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ ด้วยการปลอมตัวเป็น “บราลี” ลูกสาวของคุณหญิงเพ็ญแข เพื่อแต่งงานกับ ศรัณย์ ศิวะเวทย์ หนุ่มปลัดอำเภอ ลูกชายของ คุณหญิงแก้ว กับ เจ้าคุณนิติศาสตร์ธำรง สหายของเจ้าคุณและคุณหญิงบำรุงประชากิจ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยหมั้นหมายกันไว้ว่า จะให้ศรัณย์แต่งงานกับบราลี แต่เพราะฐานะของศรัณย์ค่อนข้างยากจน ไม่มั่งมีเหมือนแต่ก่อน คุณหญิงเพ็ญแขเลยไม่ยากให้ลูกสาวต้องตกระกำลำบาก จึงส่งรินไปให้แทนเพื่อรักษาคำมั่นสัญญา

รินจำใจทำด้วยสำนึกในความกตัญญู หล่อนต้องอดทนเป็นภรรยาของศรัณย์ ทั้งที่เขาก็มี ดวงสวาท อยู่แล้ว สายตาเขาที่มองหล่อนก็มีแต่ความเฉยชา เย้ยหยัน หล่อนคิดว่าศรัณย์เองก็คงจำใจแต่งกับหล่อน ตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่ แต่หล่อนหารู้ไม่ ว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่า รินไม่ใช่! บราลี บำรุงประชากิจ 


ผู้หญิงที่มีความสวยอย่างเดียว

ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่เป็นของลูกผู้หญิงเลย

ย่อมไม่อาจเรียกร้องความรักจากผู้ชายได้ นอกจากความหลงใหลในรูปโฉม

และไอ้ความหลงใหลนั้น ถ้าความรักเกิดขึ้นมาเมื่อใด มันก็ย่อมสูญสลายไปทันที

ความหลงไม่ยั่งยืนมั่นคงเหมือนความรักดอก

ผู้ชายเขาอาจหลงรูปร่างผู้หญิง

แต่ถ้าจะรัก

เขาต้องเลือกรักผู้หญิงที่มีคุณสมบัติสมหญิง

- ปดิวรัดา


REVIEW

ปดิวรัดา บทประพันธ์ของ สราญจิตต์ อีกนามปากกาหนึ่งของผู้เขียนเรื่อง แสงสูรย์ ซึ่งได้รีวิวไว้ก่อนหน้านี้ ความน่าสนใจและดึงดูดใจของนวนิยายเรื่องนี้ก็คือชื่อเรื่อง “ปดิวรัดา” ผมไม่ทราบความหมายมาก่อน ก็สงสัยนะครับ ว่าแปลว่าอะไร หรือเป็นชื่อของตัวละครเอกตัวไหน เพิ่งรู้อีกว่าช่อง 3 ได้นำบทประพันธ์เรื่องนี้ไปทำเป็นละครโทรทัศน์แล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงได้ดูกัน จึงทำให้ผมซื้อมาอ่านให้หายอยากรู้เสียเลย และก็ไม่ผิดหวังตามเคยครับ ปดิวรัดาให้ความประทับใจแก่ผู้อ่านอย่างผมพอสมควรเลยล่ะ 

พล็อตหลักของเรื่อง ผมเดาว่าผู้เขียนตั้งใจจะสื่อถึง “ความดีงามของคน” ว่ามิได้ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิด หรือฐานะทางการเงิน หรือสังคม แต่อยู่ที่ความประพฤติและการปฏิบัติตน อย่างตัวนางเอก ริน ระพี หญิงสาวกำพร้าที่ยอมเป็นคนลวงโลก เพื่อตอบแทนพระคุณของคุณหญิงเพ็ญแข ผู้ชุบเลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่แบเบาะ แต่เมื่อหลวมตัวแต่งงานกับพระเอก ศรัณย์ ศิวะเวทย์ รินก็ยังถือการปรนนิบัติดูแลเขาและแม่สามีอย่างที่ภรรยาและลูกสะใภ้พึงกระทำ แม้ว่าตลอดสองปีที่แต่งงานกับศรัณย์ จะมี ดวงสวาท อดีตคู่รักคู่ใคร่ของเขาเข้ามาพัวพันอย่างไม่เกรงใจ ให้นึกรำคาญ หมั่นไส้ ทั้งที่ใจลึกๆ รินก็หลงรักเขาแบบไม่รู้ตัว แม้จะคิดไปเองว่าศรัณย์ไม่ได้สนใจไยดีหล่อนเลยก็ตาม แต่รินก็มิได้ละเลยการดูแลเอาใจใส่สามีของหล่อน ความเป็นตัวตนและเนื้อแท้ในจิตใจของรินต่างหาก ที่ทำให้ศรัณย์และคุณหญิงแก้วรักเอ็นดูริน ทั้งที่ตัวศรัณย์เองก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่า รินไม่ใช่บราลี คู่หมั้นคู่หมายของเขา

ต่างจากชีวิตของ บราลี บำรุงประชากิจ ตัวจริง ซึ่งเลือกแต่งงานกับ นายพณิช ชวาลา เศรษฐีเมืองสงขลา เบื้องหน้าดูดี มีฐานะร่ำรวย และสร้างความสุขสบายทางวัตถุให้แก่บราลีได้ทุกอย่าง ทว่าเบื้องหลังนั้น พณิชไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด จุดจบของบราลีที่เริ่มต้นมาเหมือนจะดี เลยจบเห่ตามไปด้วย 

เรื่องที่รินสมอ้างเป็นบราลี คงจะเป็นความลับไปตลอด หากไม่เพราะโลกนี้มันกลมจริงๆ เมื่อศรัณย์ดันเป็นเพื่อนรักกับ ชรัตน์ รพิพันธุ์ ชายหนุ่มลูกเศรษฐีเมืองเหนือ ซึ่งรู้จักกับบราลีและบุรณีมาก่อน และบังเอิญทั้งศรัณย์ ริน ชรัตน์ และดวงสวาท ก็ดันไปเจอบราลีตัวจริง (ซึ่งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บารนี) กับสามี ซึ่งไปฮันนีมูนกันที่สิงคโปร์ ความเกือบแตกแต่ดีว่าบารนีแก้สถานการณ์ไว้ได้ ชรัตน์เลยหลงเข้าใจว่า รินคือพี่สาวของบารนี ทั้งที่เขาเองเคยเอะใจว่า รินมีเค้าหน้าคล้ายกับเขา หล่อนอาจเป็นน้องสาวต่างแม่ของเขา ซึ่งแม่บังเกิดเกล้าอุ้มท้องหนีพ่อของเขาไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อบราลีหรือริน คือพี่สาวของสองสาวบำรุงประชากิจ 

เรื่องทำนองนี้เดาไม่ยาก แต่ตอนอ่านก็ลุ้นอยู่ไม่น้อยเลย ลองหาอ่านดูนะครับ 

เสน่ห์ของนวนิยายเรื่องนี้ คือความไม่งี่เง่า มีความสมเหตุสมผล และตัวละครนางเอกก็ไม่ได้เงียบๆ ติ๋มๆ ไม่สู้คน แม้ว่าแนวคิดของเรื่องจะวางให้รินเป็นนางเอกที่มีความเป็นแม่ศรีเรือนสูงก็ตาม ทำให้เรื่องไม่จืดชืด พล็อตเรื่องอาจมีความซับซ้อนบ้าง แต่ไม่ถึงกับซ่อนเงื่อนงำ สำนวนภาษาดี แต่ผู้เขียนออกจะติดบทบรรยายและพรรณนาค่อนข้างยาว การดำเนินเรื่องเร็วและกระชับ แต่ก็ขมวดปม คลายปมให้เราได้ลุ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมถือว่าอ่านเพลินดี ไม่น่าเบื่อเลย 

ปดิวรัดา เป็นนวนิยายรักที่ไม่หวานเยิ้ม อาจมีบางฉากให้อมยิ้มไปกับคู่พระนางบ้าง ตัวละครหลายตัวช่วยสร้างสีสันให้เรื่องได้มาก โดยส่วนตัวผมชอบความสัมพันธ์ระหว่างรินกับครอบครัวบำรุงประชากิจ รู้สึกว่ามันดูยุติธรรมดีสำหรับตัวละคร ต่างจากหลายเรื่องที่เด็กกำพร้าในบ้าน มักถูกกระทำเหยียดหยามจากผู้มีพระคุณ แต่เรื่องนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นดี ไม่ดราม่าจัด

ความประทับใจอีกอย่างของเรื่องนี้ คือจดหมายของบราลี เขียนเล่าถึงการฮันนีมูนของหล่อนกับพณิชให้บุรณีฟัง ผู้เขียนบรรยายฉากสถานที่ต่างๆ ในสิงคโปร์ได้น่าสนใจ ภาษาสนุก อ่านแล้วอยากไปเที่ยวมากๆ ทำให้ผมรู้สึกว่า แต่ก่อนที่เราเขียนจดหมายส่งถึงกัน ถ้าเขียนได้อรรถรสขนาดนี้ ผู้อ่านคงสนุกและประทับใจมากแน่ๆ เป็นเสน่ห์ที่เหมือนจะหายไปแล้วในสังคมทุกวันนี้

ผมเดาว่า เรื่องนี้น่าจะเขียนขึ้นก่อนปี 2500 ด้วยจดหมายทุกฉบับในนวนิยายจะลงพ.ศ.24...ไว้ทั้งหมด ทำให้ได้อารมณ์พีเรียดจริงๆ คือเป็นไปตามสภาพจริงเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน แต่เป็นเรื่องราวย้อนยุคสำหรับผู้อ่านในปัจจุบัน และก่อนจะจบการรีวิว ผมก็อดไม่ได้ ต้องขอพูดถึงคำว่า ปดิวรัดา ไว้สักหน่อย

ปดิวรัดา ความหมายตามพจนานุกรม แปลว่า น.ภริยาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามี เป็นคำมาจากภาษาสันสกฤตว่า "ปติวฺรตา" เดาว่าน่าจะเกิดจากการสมานคำว่า ปติวัตร ความประพฤติต่อสามี, ความจงรักในสามี (ปติ, ปดิ, บดี แปลว่า สามี, ผัว, เจ้า) กับคำว่า รตา (รดา) = ผู้ยินดีแล้ว, ยินดี, เพลินเพลิน เป็นคำว่า ปดิวรัดา (ปะ-ดิ-วะ-รัด-ดา) ได้ความหมายทำนองว่า ผู้ยินดีแล้วต่อความจงรักในสามี หรือก็คือ ภริยาที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อสามี ซึ่งตรงกับความประพฤติของรินที่มีต่อศรัณย์ สามีของหล่อนนั่นเอง

นอกจากนี้คำว่า ปดิวรัดา ยังเป็นสร้อยพระนามที่รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พระอรรคชายาว่า “พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา” หมายถึง ทรงเป็นภริยาที่ซื่อสัตว์และภักดีต่อพระสวามี คือ รัชกาลที่ 5 นั่นเอง ฟังแล้วไพเราะ ความหมายก็ดีนะครับ

สวัสดีครับ




ริน ระพี และ ศรัณย์ ศิวะเวทย์

ละคร ปดิวรัดา ช่อง 3

Cr. Sanook


Jim-793009

14 : 11 : 2015





Create Date : 14 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 4 กันยายน 2560 14:59:27 น.
Counter : 7580 Pageviews.

2 comment
แสงสูรย์ : จินตะหรา



แสงสูรย์


บทประพันธ์ : จินตะหรา


หนังสือเก่า สองเล่มจบ ฉบับปก สำนักพิมพ์บรรณาคาร. 2522.


รายละเอียด

หลังจากหายสาบสูญไปในสงครามเกาหลีสองปี ม.ร.ว.ไอศูรย์ สุริยฉัตร ก็ได้เดินทางกลับมายังวังแสงสูรย์ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาโดยชอบธรรม ตามพินัยกรรมของราชสกุล เขาหวังจะได้กลับมาครองรัก แต่งงานกับ ติรกา หรือดาวน้อง ผู้เป็นคู่หมั้นของเขา แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปสิ้นแล้ว เมื่อติรกาหันไปหมั้นหมายกับ ม.ร.ว.ภาสวร สุริยฉัตร น้องชายฝาแฝดของเขาแทน เรื่องราวคาราคาซังระหว่างรักสามเส้าจึงเกิดขึ้น และยิ่งวุ่นเข้าไปอีกเมื่อ โชติรส สุทธิกุล หญิงสาวเมืองสุโขทัย ได้เข้ามาพัวพันกับทุกชีวิตในแสงสูรย์ ในฐานะผู้ช่วยพระเอก และคู่หมั้นเก๊ๆ ของไอศูรย์

แสงสูรย์ สถานที่อันงดงาม โอ่อ่า รโหฐาน ของราชสกุลสุริยฉัตร มีมนต์ขลังรัดรึงใจทุกชีวิตให้ลุ่มหลง และล่อลวงความปรารถนาของใครต่อใครให้ฝันใฝ่อยากครอบครอง


“แสงสูรย์มักสร้างจิตใจของคนให้ผันแปรไปได้ต่างๆ ไม่ใช่รึคะ... 

มันบังคับให้เราทำอะไรแปลกๆ ได้อย่างประหลาดที่สุด

ทุกคนต้องการแสงสูรย์ จะยอมสละทุกสิ่ง

ตั้งแต่ชื่อเสียง ความดีงาม ศีลธรรมและมนุษยธรรม...”

- แสงสูรย์


REVIEW

แสงสูรย์ บทประพันธ์ของ จินตะหรา นามปากกาของ หม่อมหลวง จินตนา นพวงศ์ อีกเรื่องหนึ่งที่ใช้นามปากกานี้คือ “ปรารถนาแห่งหัวใจ” และท่านยังมีอีกนามปากกาที่หลายคนคงรู้จักคือ สราญจิตต์ ใช้เขียนนวนิยายเรื่อง “วนาลี” และ “ปดิวรัดา” 

นวนิยายเรื่องแสงสูรย์ ไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่า เขียนขึ้นและตีพิมพ์รวมเล่มตั้งแต่เมื่อไร แต่เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี 2503 นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, ภาวนา ชนะจิต และ อมรา อัศวนนท์ ซึ่งเป็นดาราดาวรุ่งในยุคห้าสิบปีก่อน หลังจากนั้นก็ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อีกหลายครั้ง ผมเองเคยได้ดูละครโทรทัศน์เวอร์ชั่นปี 2550 จำได้ว่าเป็นเรื่องราวของผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่หลงใหล อยากครอบครองห้องสีน้ำเงินในวังแสงสูรย์ 

แสงสูรย์ เล่าเรื่องราวถึงความชิงชังและความอิจฉาริษยาระหว่างพี่น้องฝาแฝด คือ ไอศูรย์ และ ภาสวร สุริยฉัตร แฝดผู้พี่ถูกเลี้ยงโดยท่านพ่อและหม่อมมารดา ส่วนแฝดผู้น้อง หม่อมศุภางค์ ผู้เป็นย่าขอไปเลี้ยงแต่ยังเล็ก ทั้งสองจึงไม่ได้เติบโตมาอย่างใกล้ชิดกัน นิสัยใจคอก็แตกต่างกัน คนพี่สุขุม ใจดี มีจิตเมตตากรุณา แต่ออกจะเป็นคนไม่ค่อยเด็ดขาด ส่วนคนน้อง เนื้อแท้มีนิสัยค่อนข้างกักขฬะ เห็นแก่ตัว ขี้อิจฉา แต่เวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ เขาก็วางมาดผู้ดีได้ไม่แพ้พี่ชาย 

ภาสวรมีจิตริษยาก็ด้วยคิดว่า ท่านพ่อกับแม่รักไอศูรย์มากกว่า ไอศูรย์คือทายาทที่จะได้ครอบครองทุกอย่างในแสงสูรย์ นั่นเป็นปมหนึ่งที่ฝังลึกมานาน ส่วนอีกปมที่ทำให้พี่น้องไม่ลงรอยกันก็คือ ติรกา หญิงสาวผู้เป็นญาติหม่อมแม่ของทั้งสอง ถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในวังแสงสูรย์ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งฝาแฝดสุริยฉัตรต่างก็หลงรักปักใจติรกาด้วยกันทั้งคู่ หล่อนจึงกลายเป็นหนึ่งในเกมแย่งชิงของพวกเขาด้วย ติรกาได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างสุภาพสตรี เพื่อวันหนึ่งจะได้เติบโตเป็นคุณผู้หญิงแห่งวังแสงสูรย์ มันคือความใฝ่ฝันอันสูงสุดของติรกา หล่อนเลือกรักไอศูรย์ เพราะเขาคือคนเดียวที่จะทำให้หล่อนได้เป็น “คุณผู้หญิงของแสงสูรย์” แต่เมื่อไอศูรย์หายตัวไปนานกว่าสองปี ติรกาจึงยินดีหมั้นกับภาสวร เพราะเมื่อไม่มีไอศูรย์ ภาสวรก็คือทายาทที่จะได้ครอบครองแสงสูรย์แทน

ปมปัญหาของเรื่องเกิดขึ้นในวันที่ไอศูรย์เดินทางกลับกรุงเทพฯ เขาได้พบกับ โชติรส สุทธิกุล หล่อนเขามักทักทายเขาอย่างคนคุ้นเคย แต่ปรากฏว่าไอศูรย์ไม่รู้จักหล่อน โชติรสเข้าใจว่าเขาแกล้งลืมหล่อน แต่เมื่อได้สนทนากันมาตลอดทาง หล่อนถึงได้รู้ว่า ไอศูรย์คนที่หล่อนเคยรู้จักไม่ใช่เขาคนนี้ และเป็นอันว่าคนที่หล่อนเคยคุ้นคือ ภาสวร เขาสมอ้างนามพี่ชายมาหลอกหล่อน และการสนทนากับโชติรส ยังทำให้ไอศูรย์ได้รู้ความจริงอีกว่า บัดนี้ติรกาคู่หมั้นของเขาได้เปลี่ยนไปหมั้นกับน้องชายของเขาแทนแล้ว

ด้วยอับอายเรื่องเปลี่ยนคู่หมั้น ติรกาจึงหนีกลับบ้านเกิดที่นครสวรรค์ เดือดร้อนให้หม่อมศุภางค์ ผู้รักหลานอย่างลำเอียง บังคับให้ไอศูรย์ไปตามตัวติรกากลับมาแสงสูรย์ โดยหม่อมศุภางค์คิดว่าไอศูรย์คือสาเหตุที่ทำให้ติรกาหนีไป จนก่อความเศร้าใจแก่ภาสวร หลานรักของท่าน เหตุนี้ ไอศูรย์จึงนั่งรถไฟไปนครสววรค์ด้วยความรู้สึกบีบคั้นหัวใจยิ่ง ที่ต้องพาหญิงคนรักกลับมาแต่งงานกับน้องชายตัวเอง บังเอิญระหว่างทาง เขาได้พบโชติรสอีกครั้ง เขาเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟัง หล่อนจึงเสนอตัวขอเป็นผู้ช่วยไอศูรย์ ยอมสมอ้างเป็นคู่หมั้นคนใหม่ เพื่อหวังหลอกให้ติรกาถือมานะกลับวังแสงสูรย์ เพื่อเอาชนะใจไอศูรย์ให้ได้อีกครั้ง

แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบง่ายๆ เมื่อการหมั้นเก๊ๆ ระหว่างไอศูรย์กับโชติรส กลายเป็นข่าวร่ำลือในวงสังคม และหม่อมสุภางค์ก็เห็นสมควรที่ไอศูรย์จะมีคนรักใหม่ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับติรกา หญิงที่หลานรักของท่านหมายปองอีก หม่อมสุภางค์จึงเรียกตัวโชติรสให้เข้ามาพักในวังแสงสูรย์ ในฐานะคู่หมั้นที่เตรียมตัวจะเข้าพิธีสมรสกับเจ้าของแสงสูรย์ กีดกั้นไอศูรย์ออกห่างจากติรกา โชติรสจำใจต้องยอมเลยตามเลย ก็ด้วยเหตุผล 2 ประการ หนึ่งคือหล่อนอยากช่วยให้ไอศูรย์กับติรกากับมาคืนดีกันจริงๆ และสองคือทำตามคำขอของ ย่าโชติช่วง ของหล่อน ผู้เกือบมีวาสนาเป็นหม่อมของเสด็จในกรม (เสด็จปู่ของไอศูรย์) อดีตเจ้าของวังแสงสูรย์ หากแต่ท่านถูกหม่อมสุภางค์แย่งตำแหน่งนั้นไปครองแทน

จากคู่หมั้นเก๊ๆ โชติรสได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแสงสูรย์อย่างถอนตัวมิได้ มันจึงกลายเป็นอีกชนวน ที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ไฟริษยา เผาผลาญแสงสูรย์ ซึ่งมีความโอ่อ่าสง่างามและทรัพย์สมบัติเป็นเชื้อเพลิง สุมกิเลสของหลายชีวิตในวังแห่งนี้ให้ลุกโชน

เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร จะพบจุดจบแบบไหน ต้องลองหาอ่านกันดูครับ เพราะถ้ารีวิวเพิ่มอีกนิด ก็จะเป็นการเฉลยปมปัญหา และเรื่องราวทั้งหมด ส่วนเรื่องย่อตอนต้นนี้ ผมพยายามเล่าถึงปมของเรื่องในช่วงต้นเท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพรวมของนวนิยายเรื่องแสงสูรย์ครับ

แสงสูรย์ เปิดเรื่องด้วยปมปัญหาและดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วในช่วงแรก แต่กลางเรื่องออกจะเนือยๆ อยู่บ้าง แต่ไม่น่าเบื่อ ยังคงดึงผู้อ่านให้คอยติดตามต่อไปเรื่อยๆ เรื่องราวจะเริ่มเข้มข้นขึ้นในตอนกลางเรื่อง อ่านแล้วค่อนข้างลุ้น มีหลายตอนแอบกลัวตัวละครจะโง่ (อารมณ์เหมือนลุ้นฉากสำคัญในละคร) แต่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ทุกครั้งไป แล้วจึงปิดฉากสุดท้ายด้วยจุดพีค (peak) ของชีวิตติรกา หญิงผู้ลุ่มหลงแสงสูรย์อย่างที่สุด จนนำความหายนะมาสู่แสงสูรย์

ภาพรวมของเรื่องแสงสูรย์ถือว่าดีและประทับใจ โดยส่วนตัวผมชอบตัวละคร “โชติรส” เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างฉลาด กล้าหาญ แต่ก็อาจจะติดรำคาญตัวพระเอกอย่างไอศูรย์บ้าง ตรงที่เป็นคนอมพะนำทั้งความนึกคิดและความรู้สึก แต่อ่านแล้วเราจะไม่รำคาญเขามากนักหรอก เพราะนางเอกของเรื่องนี้ หล่อนถูกเขียนขึ้นเพื่อเป็นผู้ช่วยพระเอกจริงๆ จึงทำให้เรื่องสนุก มีสีสัน และไม่งี่เง่า

นวนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เด่นในประเด็นความรัก แต่มุ่งแสดงให้เห็นถึงลิเลสและความลุ่มหลงในวัตถุภายนอกของตัวบุคคล ว่าการยึดติด ใคร่ได้ ใคร่มี เป็นสิ่งปลุกเร้าความหยาบช้าในจิตใจ แปรเปลี่ยนให้คนเราหลงผิด คิดทำสิ่งผิดศีลธรรมและมนุษยธรรมได้อย่างเลือดเย็น กระนั้นคนเราก็ยังคงถือโทษวัตถุว่าเป็นต้นเหตุ ทั้งที่ความดีชั่วถูกกำหนดได้ด้วยใจเราทั้งสิ้น ในทางตรงกันข้าม เรื่องนี้ยังย้ำเตือนให้เราเชื่อว่า การสำนึกผิดในบาป และการให้อภัย คือทางแห่งความสุขสงบเช่นกัน มีหลายตัวละครที่แสดงให้เราเห็นกรรมและธรรมในข้อนี้

หลักคิดสำคัญคือ อย่ามองและหลงเพียงความสวยงามภายนอก แต่จงมองให้เห็นความดีงามภายใน เปรียบเสมือนตัวละครหญิง 2 คนของเรื่อง คือ ติรกา และ โชติรส คนหนึ่งรูปโฉมเด่น สง่างาม อีกคนไม่งามเท่า หากแต่มีจิตใจที่ประเสริฐยิ่งกว่า

ในด้านสำนวนภาษาจัดว่าดี อ่านง่าย ไม่ลิเก ได้รับความประทับใจยิ่งกว่าความสนุก โดยส่วนตัวรู้สึกดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ เพราะหนังสือหาอ่านยากมาก เลยอยากแนะนำให้ลองอ่านกันครับ

สวัสดีครับ




ภาพยนตร์ แสงสูรย์

ฉายครั้งแรกเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2503 ณ เฉลิมกรุง

ถือเป็นภาพยนตร์เปิดตัว ภาวนา ชนะจิต นางเอกเจ้าของฉายา "ไข่มุกแห่งเอเชีย"


Jim-793009

10 : 11 : 2015





Create Date : 10 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 25 กันยายน 2559 16:21:30 น.
Counter : 6277 Pageviews.

8 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

Jim-793009
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



"เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^

วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก
- กฤษณา อโศกสิน

"หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน"
- ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก]

"...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..."
- Finders Keepers, Stephen King
New Comments