เที่ยวสุขใจสไตล์เก๋ๆ
Group Blog
 
All Blogs
 

หลบวันหยุดยาว ลาพักร้อน ตะลอนกระบี่ ตอนที่ 4 พัก ซันดารีสอร์ท


นับว่าเป็นบทความมหากาพย์กันเลยทีเดียวเขียนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด นับเป็นการท่องเที่ยวที่ยาวนานที่สุดเลยก็เป็นได้สำหรับใครเพิ่งเปิดมาอ่านเจอ ย้อนกลับไปดูบทความมหากาพย์ของเราได้ที่นี่

>> หลบวันหยุดยาว ลาพักร้อน ตะลอนกระบี่ ตอนที่ 1 พักอารีธารา

>> หลบวันหยุดยาว ลาพักร้อน ตะลอนกระบี่ ตอนที่ 2 อาหารเช้า ที่ อารีธารา และ ทัวร์ เกาะห้อง

>> หลบวันหยุดยาว ลาพักร้อน ตะลอนกระบี่ ตอนที่ 3 แนะนำโรงแรมดังในอ่าวนางซอย 8 และร้านอาหารชื่อดัง

นี่ก็ล่วงเลยมาจนถึงตอนที่ 4 แล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ เริ่มเลยละกันนะคะ

หมดเวลาสำหรับอารีธาราแล้วเราต้องย้ายที่พักกันแล้วสินะวันนี้ สถานีต่อไป คือ “ซันดารีสอร์ท” เท้าความนิดนึงเราได้ที่พัก ซันดารีสอร์ท มาจาก แพ็คเก็จ ททท. รู้สึกตอนนั้นจะเป็น themeเที่ยววันธรรมดาราคาประหยัด อะไรนี่แหละ ประจวบกันวันที่ 3 และ 4 ตามแพลนของเราคือวันจันทร์และอังคารพอดีก็เลยลองไปดูกัน ส่วนวันที่ 1 และ 2 ได้อารีธาราจากอโกด้าแล้ว ปรากฏ เดินไป เดินมา อยู่หลายรอบ ก็มาป๊ะกับบูธซันดารีสอร์ทเข้า ข้อเสนอโดนใจ สองคน 5000 บาทอาหารฟรี 5 มื้อ พัก2 คืน Pool view และ มีทัวร์ 4 เกาะแถมด้วย จะรอช้าอยู่ไย สอยมาทันที 

เราเช็คเอ้าท์ออกจาก อารีธาราเวลาประมาณ 9 โมงนิดๆ โทรไปแจ้งให้รถที่ซันดามารับ แว๊บเดียวก็มาถึง รถน่ารักเชียวไม่ต้องยกของซักอย่าง พี่คนขับรถแย่งถือหมด ประทับใจที่แว๊บแรกเลยทีเดียว





รถที่มารับเราเป็นแบบนี้ค่ะ มีโลโก้ของซันดารีสอร์ทชัดเจน

ซันดารีสอร์ทห่างจากอารีธารา มากพอสมควรที่แน่ๆ ห่างอ่าวนางด้วย T_T เข้าไปในซอยตรงใจกลางถนนอ่าวนาง ซอยอะไรจำไม่ได้ แต่ที่จำได้แน่ๆเข้าไปไกลมาก ระหว่างทางที่ขับรถเข้าไป มีรีสอร์ทและโรงแรมใหญ่น้อยมากมายปะปนไปกับบ้านของชาวบ้านแถวนั้น นั่งมาซักพักก็ถึงซะทีซันดารีสอร์ทของเรา




ส่วนนี้เป็นบริเวณล็อบบี้ค่ะเราเช็คอินกันตรงนี้



ก้าวแรกที่มาถึงที่นี่ สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นต้นไม้ที่นี่เยอะมากๆ ค่ะ ที่พักเป็นแบบห้องพักบังกะโลทั้งหมด เป็นสไตล์กึ่งไม้กึ่งปูน มีสวนเล็กๆ ไว้ให้เดินเล่น แอบห่วงว่ายุงจะเยอะมั้ยนะ เพราะมีบ่อน้ำและต้นไม้มากมาย


หันไปที่โต๊ะรับแขกมีน้ำสองแก้วนี้วางไว้ Welcome drink อร่อยชื่นใจน้ำอะไรก็ไม่รู้ พันช์มั้ง





ดื่มน้ำพอหายเหนื่อยแล้วอากาศวันนี้ไม่ร้อนค่ะ เมฆครึ้มมานิดๆ เช็คอินเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ให้บัตรทานข้าวเช้ามาแล้วนัดแนะกับเราเรื่องที่ออกไปทัวร์ 4 เกาะในวันพรุ่งนี้ พนักงานมารออยู่แล้วค่ะเตรียมขนกระเป๋าของเราไปที่ห้องพัก มาเป็นรถเข็นแบบนี้เลยค่ะ




ทางเดินจะเป็นสะพานไม้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะมีต้นไม้และคลองเล็กๆ ที่ทางรีสอร์ทขุดเอง มีที่พักให้นั่งเล่นด้วยค่ะเข้าถึงธรรมชาติจริงๆ เย็นสบายสุดๆ เลยค่ะ 




มีม้านั่งไม้แบบนี้เต็มไปหมดเลยค่ะจะมีเวลามานั่งเล่นมั้ยนะโปรแกรมฟิตไปหมดเลย





ทางรีสอร์ทขุดคลองเล็กๆไว้ จะเป็นที่มาของยุงมั้ยนะ แอบหวั่น



โซนห้องพักอยู่ด้านในหมดเลยค่ะ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงเป็นโซนสวน และ อีกฝั่งเป็นโซนนา ใช่ค่ะ โซนนามีนาด้วยค่ะที่นี่ เราเลือกพักฝั่งโซนสวน แล้วที่สำคัญ Pool view ด้วย เรียกได้ว่าเปิดห้องปุ๊บ วิ่งลงน้ำปั๊บ 




ใกล้ถึงที่พักแล้วค่ะ



ถึงแล้วห้องพักของเรา มีที่นั่งหน้าบ้านด้วยบางทีก็ชอบประตูกระจกแบบนี้นะ เวลาที่ตื่นเช้ามาเปิดออกมาเจอสระน้ำสีฟ้าก็ท่าจะฟินดี แต่บางทีก็แอบไม่เป็นส่วนตัว แต่คิดว่าม่านคงจะหนาพอนะก็ดีอย่างเสียอย่างเนอะ




ถ่ายจากหน้าบ้านจะเห็นสระว่ายน้ำอยู่ทางซ้ายมือค่ะ



ถ่ายออกมาจากในห้องค่ะเห็นวิวชัดเจนเลย



จ๊ะเอ๋...เตียงนอนใหญ่ดีค่ะ เตียงนุ่ม แต่ผ้าห่มบางไปหน่อยนะคะ



ปลาหมึกอ๊ะเปล่า....



มีโคมไฟหัวเตียงให้ทั้งสองฝั่งค่ะ ชอบที่นี่ตรงที่มีหน้าต่างกระจกเยอะกลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ แต่ไม่กล้าเปิดหน้าต่างกลัวยุงเข้าค่ะ 




มีทีวี แต่ไม่ใช่ LCDนะคะ เป็นจอแบน ชัดดีมีหลายช่อง มีตู้เย็นน้ำด้านในให้ 2 ขวดค่ะ มินิบาร์เล็กๆ กาแฟ และชา 




ถัดไปด้านใน เป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะที่นี่ไม่มีไดร์เป่าผมนะคะต้องเตรียมมาเอง






ในตู้เสื้อผ้ามีไม้แขวนเสื้อให้ 4-5อัน, ตู้เซฟ, และร่ม ไม่มีหมอนสำรองนะคะพอมาเห็นตู้เสื้อผ้านี้แล้วแอบเคืองนิดๆ เพราะว่าในตู้นี้จะมีถุงสำหรับใส่เสื้อผ้าให้ไปซักด้วยค่ะ มีบริการซักอบรีดพอดีเรามีผ้าจะส่งซักด้วย เลยเอาใส่ไว้ให้ วางไว้ให้เห็นชัดเจนด้วยนะคะเพราะถุงนั้นคือถุงใส่เสื้อผ้าสำหรับฝากซัก กลับมาจากเที่ยวยังอยู่ที่เดิมสรุปวันนั้นต้องใส่เสื้อผ้าเก่า งอนละ




ห้องนี้เป็นห้องแบบ connectค่ะ เปิดประตูไปหาอีกห้องหนึ่งได้ แต่พอลองเปิดไปก็จะ จ๊ะเอ๋กับประตูอีกประตูหนึ่งค่ะ ว่าไปก็เหมาะสำหรับมาเป็นหมู่คณะ ครอบครัว และผองเพื่อน




เปิดเข้าไปดูในห้องน้ำกัน เป็นแบบกระเบื้องและ ปูเปลือยค่ะ ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ คิดว่าทางรีสอร์ทคงอยากให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดแต่เราว่ามันออกไปแนวธรรมดามากกว่าธรรมชาติ แต่ที่แน่ๆ กว้างมากๆๆๆ มากเกินไปจริงๆ มันน่าจะตกแต่งได้สวยกว่านี้ ส้วมเป็นชักโครก มีสายชำระให้ค่ะ 




ส่วนของที่อาบน้ำค่ะ เป็นฝักบัวมีน้ำอุ่นแต่แอบสกปรกเล็กน้อย มีผ้าม่านกั้นน้ำให้ค่ะ แต่มันไม่ถึงพื้นก็เปียกเหมือนเดิม



ของใช้ในห้องน้ำค่ะมีครบ เช่นเคย ไม่ใช้เก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึก



ที่นี่มีสระว่ายน้ำ2สระ ค่ะ ตรงโซนเราเป็นแบบนี้ค่ะ



มีจากุชชี่ด้วย แบ่งโซนผู้ใหญ่และเด็กค่ะไม่ลึกมากนะคะ สำหรับโซนผู้ใหญ่ 150 ซม. ค่ะ รอบๆก็จะมีบ้านเรียงรายประมาณ 14 หลัง





-----------------------------------------





 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 17 ตุลาคม 2558 22:15:18 น.
Counter : 873 Pageviews.  

คำศัพท์น่ารู้คู่มือคนจะบิน


เคยได้เขียนบทความเก่าเกี่ยวกับมือใหม่หัดขึ้นเครื่องบินไว้ วันนี้มาเพิ่มเติมเรื่องราวของคำศัพท์ที่เราจะต้องเจอแน่ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการจองตั๋ว, เช็คอิน,รอขึ้นเครื่อง, ขึ้นเครื่องจนถึงลงเครื่องกันเลย ขอเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ เพื่อจะได้นึกภาพออกแล้วกันนะคะ

หลังจากที่เราผ่านกระบวนการถกเถียงกันเรียบร้อยแล้วว่าเราจะไปไหนกันดีในทริปนี้ แน่นอนทริปนี้ต้องมีการขึ้นเครื่องบินแน่ๆ ขั้นตอนต่อมาก็คือ การจองตั๋วเครื่องบิน วิธีการจองตั๋วเครื่องบินได้เคยบอกไว้ในบทความเก่าแล้วคราวนี้เรามาดูกันว่า เราจะเจอศัพท์อะไรที่จำเป็นต้องรู้ในการขึ้นเครื่องบินกันบ้าง


ในการจองตั๋่วเครื่องบินในปัจจุบันง่ายมากๆ เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์ของสายการบินที่ต้องการจะจองขึ้นมาขั้นตอนนี้ง่ายมากๆ ตอนจองเพียงแค่คลิกไปที่เวอร์ชั่นภาษาไทยก็ทำตามขั้นตอนได้เลยโล่งอกไปยังไม่เจอศัพท์ แต่พอจองเสร็จเท่านั้นล่ะ เราจะได้เมล์ตอบกลับมาเป็นใบจองบางสายการบินแจ้งเป็นภาษาไทยแต่ส่วนใหญ่แล้วจะเจอเป็นภาษาอังกฤษ 



มาเริ่มกันเลยใบหน้าตาแบบนี้ เค้าเรียกว่า “Itinerary” มันก็คือใบรายละเอียดการจอง และการขึ้นเครื่องบินนั่นแหละค่ะ มาคัดเอาเฉพาะศัพท์ที่เราต้องจำและต้องใช้จริงๆในใบนี้ดีกว่า

Booking Number ตัวนี้จำเป็นเลยเป็นหมายเลขการจองของเราค่ะจะเอาไปใช้ตอนที่เราจะเช็คอิน

Flight (Flight no.) เป็นหมายเลขของเครื่องบินที่เราจะขึ้นค่ะตัวนี้จะเจอที่ตารางการบินค่ะสังเกตุเวลาที่เราไปสนามบินจะเจอบอร์ดตารางการบินที่เป็นตัวดิจิตอลหรือบางทีเป็นจอโทรทัศน์ เอาไว้ดูว่าเครื่องเราจะขึ้นกี่โมงมีเหตุการณ์อะไรฉุกเฉินหรือเปล่า เครื่อง delay หรือไม่

Departing รายละเอียดเครื่องออกจากสนามบิน

Arriving รายละเอียดเครื่องถึงสนามบินปลายทาง

ทั้ง Departing และ Arriving นี่จำเป็นต้องจำให้ขึ้นใจเลย เพราะอาจจะตกเครื่องได้ถ้าจำวันที่และเวลาขึ้นเครื่องผิด

เมื่อได้ใบ Itinerary หน้าตาแบบนี้มาก็ทำการปริ๊นท์ออกมาได้เลยค่ะต่อไปก็นั่งนับวันรอขึ้นเครื่อง

เวลาผ่านไป ได้เวลาออกเดินทาง เช็คสิ่งของเตรียมเดินทางให้เรียบร้อย ตรวจสอบของเหลวมีปริมาณเกินกำหนดหรือไม่กระเป๋าเดินทางลองกะดูเกินกำหนดหรือไม่ ไม่ใช่อะไรหรอกบางสายการบินอาจจะมีการชาร์จเงินกรณีน้ำหนักกระเป๋าเกิน ควรกะเวลาอย่างน้อย 2 ชม. ในการออกเดินทางไปสนามบิน เพราะเราต้องเผื่อเวลาเช็คอิน ตรวจนั่นตรวจนี่ของทางสนามบินด้วย ป่ะออกเดินทางไปสนามบินกัน

เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว สิ่งที่ต้องมองหาสิ่งแรกคือเค้าน์เตอร์เช็คอิน “Check-in”คำนี้ได้ยินบ่อยๆ สำหรับการขึ้นเครื่องบิน คำว่า Check-in ที่ใช้ในสนามบินก็คือ การมารายงานตัวว่าฉันมาแล้วนะ พร้อมขึ้นเครื่องแล้วนะปกติแล้วทางสายการบินจะเปิดให้ทำการ เช็คอิน ก่อนขึ้นเครื่อง 1 ชม.เมื่อมองหาเค้านท์เตอร์เช็คอินของสายการบินที่เราจะไปเจอแล้วก็เตรียมบัตรประชาชน และใบจองที่เราปริ้นท์เตรียมไว้ออกมา ยื่นให้พนักงานตรวจสอบหลังจากนั้นพนักงานก็จะปริ๊นท์ Boarding pass ให้เรา

“Boarding pass” คำนี้เจอแน่ๆ มันก็คือบัตรโดยสารนั่นแหละค่ะ ใบที่จะพาเราผ่านไปยังห้องที่รอขึ้นเครื่องได้เคยสังเกตุมั้ยคะ สำหรับคนที่ยังไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เวลาไปส่งใครขึ้นเครืื่องบินเราไปส่งได้แค่ข้างนอกตรงบริเวณเช็คอินเท่านั้นมีจะมีประตูที่เราไม่สามารถเดินตามคนขึ้นเครื่องไปได้ ประตูนั้นแหละค่ะที่จะเดินไปยังบริเวณที่รอขึ้นเครื่อง ใครไม่มี boarding pass ก็เข้าไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นไปเอา boarding pass มาก่อนนะจ๊ะ

ในขั้นตอนการ Check-in ถ้าใครมีกระเป๋าที่น้ำหนักมากๆ ทางสายการบินจะไม่อนุญาตให้นำเข้าไปในห้องผู้โดยสารเพราะฉะนั้นต้องฝากกระเป๋า Load ลงใต้ท้องเครื่อง “Load กระเป๋า” ถ้าได้ยินคำนี้ที่สนามบินก็หมายความว่ากรณีที่กระเป๋าเดินทางสัมภาระของเราน้ำหนักเกินพนักงานก็จะนำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ใต้ท้องเครื่องให้เราก็เพียงส่งกระเป๋าให้พนักงานหลังจากนั้นพนักงานก็จะนำกระเป๋าของเราไปชั่งน้ำหนัก แล้วยื่นใบรับกระเป๋าให้เรา เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเจอกระเป๋าของเราอีกทีก็ตอนลงเครื่องเลยค่ะ 



ต่อไปเรามาส่อง Boarding pass กัน ใน boarding pass จะระบุรายละเอียด

Flightno.: หมายเลขเครื่อง

BoardingTime: เวลาขึ้นเครื่อง

Gate:ประตูที่เราจะเดินไปขึ้นเครื่อง

DepartureTime: เวลาเครื่องออก

ArrivingTime: เวลาเครื่องถึง

รายละเอียดใน 5 ตัวนี้จำให้ขึ้นใจนะคะเดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วย

Check-inเสร็จแล้ว ได้ Boarding pass แล้ว ก็เดินไปที่จุดตรวจเพื่อผ่านทางไปขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ เตรียม Boarding pass และ บัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจด้วย

เมื่อเข้ามาแล้วตอนนี้จะจัดการธุระอะไรก็ทำให้เสร็จจะหาของกิน จะเข้าห้องน้ำ ช็อปปิ้งสินค้า duty fee อะไรก็ทำให้เสร็จสรรพ์ เสร็จแล้วก็หันดูหน้าจอตารางบินซักนิด เผื่อเครื่องบิน Delay เครื่องบิน Delay ก็หมายถึงเครื่องจะขึ้นช้ากว่าปกตินั่นเอง

เสร็จธุระแล้วก็มานั่งรอที่หน้า Gate หรือประตูขึ้นเครื่อง ตามหมายเลขที่ใน Boarding pass ระบุได้เลยค่ะหลังจากนั้นรอน้องแอร์สาวสวยเรียกขึ้นเครื่องก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีการรอ

เมื่อขึ้นเครื่องแล้ว ก็ไม่ค่อยมีศัพท์อะไรที่น่าสนใจแล้วค่ะ ยกเว้นซะจาก กัปตันรูปหล่อจะบอกว่า เครื่องกำลังจะ take-off ก็หมายถึงเครื่องจะขึ้นแล้วน๊าาา ก็เตรียมตัวตามที่คุณแอร์เค้าสาธิต

นั่งไปเพลินๆ ซักพักใกล้ถึงกัปตันบอกว่า เครื่องกำลังจะ Landing กำลังลดระดับลง นั่นหมายถึง เครื่องจะลงแล้วค่ะ อย่าลืมทำตามที่แอร์บอกอย่างเคร่งครัดแอร์ก็จะมาเดินๆ ตรวจว่าเราคาดเข็มขัดหรือยัง

พอเครื่องลง ใครมีกระเป๋าก็ไปรอรับ เอาใบรับกระเป๋าไปด้วยอย่างที่เค้าเคยบอกกันว่า “ไปรอโหลดกระเป๋า” ส่วนใครไม่มีกระเป๋าที่โหลด ก็ไปโล้ดเลยจ้า



----------------------------------------------------------




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 17 ตุลาคม 2558 20:09:52 น.
Counter : 1542 Pageviews.  

เครื่องขึ้นก็ปวดหู เครื่องลงก็ปวดหู ทำไงดี


          เดี๋ยวนี้นึกจะไปเที่ยวไหนไกลๆ ทีนึงหลายคนคงนึกถึงการเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นอันดับแรก จากเมื่อก่อนที่อาศัยรถไฟและรถทัวร์เป็นหลัก เนื่องด้วยราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกลงๆ สายการบินต่างๆแข่งขันกันทำโปรโมชั่นมากมาย การที่กำเนิดเกิดสายการบิน Low cost ขึ้นมาทำให้เราท่องเที่ยวโดยสารเครื่องบินเป็นเรื่องง่ายขึ้นทุกคนเอื้อมถึงมากขึ้น

           จึงเป็นที่มาของ มือใหม่หัดขึ้นเครื่องบิน อ่านเรื่องราวมือใหม่หัดขึ้นเครื่องบินได้ คลิกที่นี่




          วันนี้ขอพูดถึงปัญหาที่มือใหม่จะต้องพบเจอเมื่อขึ้นเครื่องบินไปแล้วนั่นคืออาการปวดหู อาการปวดหูนี้ไม่เฉพาะเจาะจงกับมือใหม่เสมอไป เมื่อเราขึ้นเครื่องบินจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของความดันบรรยากาศกะทันหันเกิดขึ้นได้กับบางคน เพื่อเป็นการเตือนการสำหรับผู้ที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกเรามีวิธีแก้ไขให้จะได้ไม่ตกใจเข็ดขยาดการขึ้นเครื่องบินไปเสียก่อน



          เครื่องบินมีขึ้นก็ต้องมีลงส่วนใหญ่ปัญหาการปวดหูนั้นจะเกิดตอนที่เครื่องขึ้นซะมากกว่าตอนที่เครื่องลงเนื่องจากขณะที่เครื่องบินกำลังขึ้น (take off) แรงดันบรรยากาศด้านนอกจะน้อยกว่าในหูชั้นกลางอากาศจึงไหลออกได้ง่าย ซึ่งตรงกันข้ามกับตอนที่เครื่องลง (Landing)




เรามาดูวิธีแก้ไขกันดีกว่า

วิธีการแก้ไขก็คือการปรับความดันในหูซึ่งก็มีหลายวิธีด้วยกัน

- กลืนน้ำลายบ่อยๆ

เคี้ยวหมากฝรั่ง

กลั้นหายใจใช้นิ้วมือปิดจมูกปิดปากให้แน่นแล้วเบ่งลมหายใจให้อากาศดันเข้าไปแล้วกลืนน้ำลาย

- อมลูกอม



เท่านี้มือใหม่เมื่อรู้ว่าต้องเจออะไรที่บนเครื่องบินแล้วพร้อมมีวิธีแก้ไปเรียบร้อยก็ไม่ต้องกลัวการขึ้นเครื่องบินอีกต่อไปอย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ อาการปวดหูนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนและไม่ได้รุนแรงอะไรอย่างที่คิด ทำใจชิลๆ พร้อมเที่ยวดีกว่า ไม่แน่นะคะ คุณอาจจะตื่นเต้นจนลืมที่จะปวดหัวกันไปเลย

ขอให้บินอย่างมีความสุขนะคะ



**ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก pixabay.com **



--------------------------------------------------------




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 17 ตุลาคม 2558 20:02:31 น.
Counter : 829 Pageviews.  

แนะนำโรงแรมดังในอ่าวนางซอย 8 และร้านอาหารชื่อดัง (หลบวันหยุดยาว ลาพักร้อน ตะลอนกระบี่ ตอนที่ 3)


หลังจากที่ออกone daytrip กันจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันแล้ว ก็ถึงเวลาหาอะไรลงท้องกัน ได้ข้อมูลมาจากห้องบลูแพล็นเน็ตpantip เช่นกัน เค้าแนะนำกันมาว่า ถ้าอ่าวนางกระบี่ต้อง“วังทรายซีฟู๊ด” จะรออะไรกันอยู่ล่ะ ไปกันเลย ดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศ ปฏิวัติโดยคณะคสช. ใจแอบกลัวเค้าจะเปิดให้บริการมั้ยนะ เพราะเพิ่งประกาศเคอร์ฟิวไปหมาดๆลองเดินๆ ไปดูละกัน

เท้าความตอนที่เราไปเดินดูแพ็คเก็จท่องเที่ยวที่งานททท. กัน มีแต่คนกล่าวถึงอ่าวนางซอย 8 อ่าวนางซอย 8 ก็ซอยที่เราพักกันอยู่ในอารีธารานี่ละค่ะ ว่าที่พักชื่อดังเยอะ ตั้งแต่ 3ดาวจนถึง 5 ดาวกันเลยทีเดียวเห็นตั้งแต่ป้ายทางเข้ามาละค่ะ ว่าเยอะจริงๆ แต่ละโรงแรมก็น่าพักทั้งนั้นเลยตกแต่งสไตล์แตกต่างกันออกไป เลยเก็บภาพแต่ละโรงแรมมาฝากกันแต่ได้เฉพาะป้ายหน้าโรงแรมนะคะไม่ได้เข้าไปข้างใน เผื่อจะเป็นไอเดียให้กับเพื่อนๆได้เลือกพักกันเมื่อได้มีโอกาสไปอ่าวนาง จริงๆมันเป็นทางผ่านเดินออกไปหน้าปากซอยด้วยแหละ มาดูกัน

Hostel อยู่ตรงกันข้ามกับอารีธาราเลยค่ะ ชื่อมันเขียนว่า Hostel แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงแรมแบบ Hostel หรือเปล่านะคะแต่ดูจากภายนอกแล้วดูโมเดิร์นดีน่าพักเลยทีเดียวค่ะ แต่ที่จอดรถไม่มีเลยเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถมากกว่า




Centara เดินเลยมาอีกนิดไม่ถึง30 เมตร ก็จะเจอกับ Centara ค่ะ อยู่ฝั่งเดียวกับ Hostelส่องดูหลังป้ายลิบๆ นั่น คือป้ายอารีธาราค่ะ Centara ก็น่าพักค่ะ สวยหรูตามมาตรฐานของ Centara แหละค่ะราคาก็ตามมาตรฐานเลย แต่เราขอผ่าน งบไม่ถึง 





Anantaburin อยากจะบอกว่าตอนนั้นเล็งโรงแรมนี้เป็นโรงแรมแรกเลยราคาแทบไม่ต่างกับอารีธารา แต่เสียดายที่เต็ม เข้าไปดูรูปภาพและรายละเอียดใน Agoda สวยหรูเลยทีเดียวค่ะแต่ราคาแสนประหยัด ถ้าใครสนใจต้องรีบหน่อยนะคะของเค้าเต็มเกือบตลอดเลยค่ะ นี่ขนาด Lowseason นะ





Red ginger อยู่เกือบถึงหน้าปากซอย เป็นโรงแรมเล็กๆ ราคาแรงแต่ชิคมากการตกแต่งทันสมัยและแปลกตา อยากเดินเข้าไปถ่ายรูปจังแต่เกรงใจเค้ามีมุมให้ถ่ายรูปมากมายเลยค่ะ ถ้าใครเงินถึงแนะนำเลยค่ะ มีราคาตั้งแต่ 2500 ขึ้นไปแต่เรามิอาจเอื้อม ได้แต่ยืนมองตาละห้อย




Buritara สุดท้ายจากที่เก็บภาพมาได้ละค่ะอันนี้คือบุรีธารา ชื่อคุ้นๆ ใช่มะ เค้าเป็นโรงแรมพี่โรงแรมน้องกับอารีธาราค่ะอยู่เยื้องๆ กับ Redginger ตอนแรกก็เลือกอยู่เหมือนกันว่าจะพักที่บุรีธารา หรือ อารีธารา การตกแต่งแทบจะเหมือนกันเลยค่ะบุรีธาราใหญ่กว่า แต่เก่ากว่า ก็เลยเลือกอารีธาราค่ะเป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นาน





และแล้วก็เดินถึงหน้าปากซอยพูดเหมือนไกลเนอะ แค่เฉพาะไม่กี่โรงแรมที่เก็บภาพมาได้ก็ถือว่าเยอะแล้วนะคะภายในระยะทางไม่ถึง 500 เมตรมีโรงแรมน้อยใหญ่อีกเป็นตับเลยค่ะ นี่ยังไม่รวมถึงเลยที่พักเราไปอีกเรียกได้ว่าเป็นซอยโรงแรมที่พักเลยค่ะด้านในที่ใหญ่เกือบสุดซอยก็จะมีเมอร์เคียวค่ะ และอะไรอีกโรงแรมก็ไม่รู้จำไม่ได้ถ้าใครต้องการจะหาห้องพักที่อ่าวนาง แนะนำอ่าวนางซอย 8 เลยค่ะถ้าไม่ได้จองมาก่อน มา walk in ที่ซอยนี้รับรองได้ห้องพักชัวร์ค่ะแต่ถ้าจะให้ดี ให้ได้โรงแรมที่ถูกใจจองมาก่อนก็ดีนะ อันนี้เป็นป้ายหน้าปากซอยค่ะ 





หิวแล้วเดินไปอีกไม่ถึง 300เมตรจากหน้าปากซอย หน้าปากซอยออกไปแล้วเลี้ยวขวา จะเจอกับร้านอาหารชื่อดังวังทรายซีฟู๊ดที่เค้าร่ำลือกันว่าทั้งอร่อยและถูก ด้านในไม่ได้ถ่ายรูปมามีที่นั่งมากมายด้านในจะติดริมชายหาดเลยค่ะ วันนี้คนเยอะมาก พลาดแล้วที่ไม่ได้โทรมาจองคิวก่อนต้องรอนานเลยค่ะ ประมาณ 20 นาทีได้เกือบถอดใจแล้วเชียวแต่ก็เอาละมาถึงตั้งอ่าวนางละ รอก็รอซักพักพนักงานก็มาเรียกไปค่ะ ไม่ได้นั่งติดริมทะเลเสียดายจัง วันนี้พนักงานให้บริการไม่เพียงพอเลยค่ะคนเยอะมาก




เมนูแนะนำที่อ่าวนางที่คนนิยมสั่งกันคือนี่เลยค่ะหอยหวาน อร่อยดีค่ะไม่แพงจานนี้ 120 น้ำจิ้มเด็ด




เราสั่งแกงเขียวหวานและปลาหมึกย่างมาเพิ่มอีก2 อย่าง ข้าวเปล่าอีก 1 โถ หมดไปแค่ 600 บาท ถูกอย่างเค้าว่าจริงๆ ค่ะ 

ยังค่ะโปรแกรมการกินยังไม่หมดเท่านี้เหลือบไปเห็นร้านกาแฟและเบเกอรี่น่ารักๆ อยู่โซนด้านหน้าของวังทรายซีฟู๊ดค่ะร้านน่ารักมากเลยค่ะ กาแฟอร่อย มีฮันนี่โทรสด้วย 




กินกันเสร็จสรรพอิ่มหนำสำราญแล้วก็ได้เวลาเข้านอน กลางคืนของอ่าวนางไปทางฝั่งอ่าวนพรัตน์ธารา (ทางด้านขวาของซอย 8) เงียบมากเหมาะกับคนที่ชอบความสงบของทะเลยามค่ำคืน มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งและแสงของพระจันทร์ที่สาดลงมาที่ผิวน้ำทะเลสวยดีค่ะ สงบ มีร้านค้าให้พอหาทานได้ประปราย ส่วนใหญ่เน้นอาหารค่ะ

ส่วนทางด้านซ้ายมือของซอย8 คือส่วนของอ่าวนางด้านนี้จะคึกคักมีร้านรวงเปิดมากมาย มีผับและบาร์ไว้คอยบริการมีสินค้าให้เลือกช็อปมากมายมีตู้เอทีเอ็ม ธนาคาร ร้านซักอบรีด ไว้บริการ ใครที่ชอบนั่งแบบมีแสงสีเสียงชิลๆจิบเบียร์เย็นๆ ก็เชิญทางฝั่งนี้เลยค่ะ ส่วนเราเจอร้านนึงน่านั่งมากดนตรีสดเพลงเบาๆ จิบเบียร์สองสามขวดนั่งดูฝรั่งเดินไปมา แค่นี้ก็ฟินแล้ว

ดึกแล้วได้เวลาเข้านอนแล้วพรุ่งนี้ต้องย้ายที่พักไปที่ซันดารีสอร์ท มารอลุ้นกันว่าจะดีเลิศเช่นไร



-----------------------------------------------




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 17 ตุลาคม 2558 19:56:39 น.
Counter : 2035 Pageviews.  

การท่องเที่ยวสไตล์ Backpacker: การเตรียมตัว


จากบทความก่อนเรื่อง การท่องเที่ยวสไตล์ Backpacker เราได้นำเสนอการท่องเที่ยวในรูปแบบสไตล์ backpacker กันไปแล้ว คาดว่าคงมีคนที่เริ่มจะหลงรักการท่องเที่ยวสไตล์นี้กันบ้างแล้ว คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าก่อนที่เราจะออกเดินทางนั้น เราต้องมีการเตรียมตัวกันอย่างไรบ้างเพราะว่าการท่องเที่ยวสไตล์ backpacker นั้นการเตรียมตัวจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายนั้นสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องครบจึงจะทำให้ปัญหาในการเดินทางนั้นน้อยลงได้

มาเริ่มจด list กันดีกว่า

1. กระเป๋าเป้ นัก backpacker จำเป็นต้องมีกระเป๋าเป้ใบเก่งซักใบควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับตัวเราลองสะพายซักนิด ลองใส่ของ ว่าน้ำหนักกระจายได้ทั่วหรือไม่เป้นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับนัก backpacker ดังนั้นควรให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อเป็นพิเศษเลือกชนิดผ้าที่ทนทานแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี



2. ยา เตรียมยาที่ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เบื้องต้นติดไปด้วยเผื่อต้องไปเดินป่า หรือต้องนอนกางเต็นท์ ยาที่ควรพกในก็เช่น ยาพารา, แก้แพ้,ยาหม่อง, ยาดม, ยาแก้ท้องเสีย, ผงเกลือแร่, ยาแก้ผื่นคัน, ยาหอม, ถุงเจล,ยาคลายกล้ามเนื้อ, อุปกรณ์รักษาบาดแผลเบื้องต้นพวกสำลี แอลกอฮอล์)




3. รองเท้าผ้าใบ ควรเลือกที่คงทนใส่สบาย



4. รองเท้าแตะ เอาไว้สำหรับสับเปลี่ยนกับรองเท้าผ้าใบในกรณีที่ ต้องลุยน้ำ



5. มีดพก เอาไว้สำหรับตัดกิ่งไม้ หรือ ปอกผลไม้รวมทั้งสำหรับป้องกันตัวด้วย



6. ถุงพลาสติก สำหรับใส่เสื้อผ้าเปียกหรือ ขยะ

7. ไฟฉาย ในบางที่ ที่เราไป อาจจะไม่มีแสงสว่างเพียงพอ หรือมีการดับไฟในยามค่ำคืน ควรเลือกใช้ไฟฉายดีกว่า เทียนเพื่อความปลอดภัย



8. คู่มือเดินทาง เราสามารถเปิดดูแผนที่พร้อมทั้งหาอาหารการกินได้จากหนังสือคู่มือเดินทาง รวมทั้งตารางรถ สถานที่ขึ้นรถหรือรายละเอียดแต่ละที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปเยือนอีกด้วย



9. ปากกา สมุดโน้ต นัก backpacker หลายคนรักการบันทึกการท่องเที่ยว การพกแท็บเล็ต หรือ ไอแพดไปอาจจะไม่สะดวกนัก อาจจะโดนขโมย หรือ สูญหายได้



10. ถุงนอน ถ้าพื้นที่ในเป้ของคุณยังพอมีที่ว่างสำหรับถุงนอนก็เอาติดไปด้วยซักนิด เข้าคอนเซ็ปต์มืดไหนนอนนั่น จริงๆ แล้ว การเดินทางแบบ backpacker ไม่ได้สบายอย่างที่ว่าการนอนในถุงนอนนอกจากจะช่วยให้อบอุ่นยังป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายตัวเล็กตัวน้อยได้อีกด้วย



เตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้เลยในการจัดกระเป๋าเพื่อออกเดินทางแบบ backpacker นั้นนอกจากจะต้องคำนึงถึง10 สิ่งด้านบนแล้ว ต้องคำนึงถึงปริมาณอีกด้วยควรเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ให้พอเหมาะกับจำนวนวันที่เราจะไปไม่ควรเผื่อให้มากเกินไป เพราะจะมีผลในเรื่องของน้ำหนักอย่าลืมว่าเราจะต้องแบกเป้ใบนี้ติดตัวไปไหนต่อไหน ควรเตรียมไปในปริมาณที่พอดีสิ่งใดที่พอใช้แล้วทิ้งได้ เช่น รองเท้าแตะ สบู่ ยาสีฟัน ก็ซื้อที่มีขนาดเล็กๆพอใช้หมดแล้วทิ้งไปก็พอ 

          สุดท้ายในการท่องเที่ยวแบบ backpackerนั้น นอกจากสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องคำนึงถึงและเตรียมไปแล้วสติก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรท่องเที่ยวแบบมีสติและรอบคอบวางแผนการท่องเที่ยวก่อนออกเดินทางก็จะดีมากพร้อมแล้วก็ลองดูกันซักตั้ง

**ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก pixabay.com


---------------------------------------




 

Create Date : 17 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 17 ตุลาคม 2558 19:52:58 น.
Counter : 1407 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

jikkegodhji
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Doll is my dream!!
Friends' blogs
[Add jikkegodhji's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.