Love Lives Forever...I do it for u, Michael Jackson...You're always in my heart...
Group Blog
 
All Blogs
 
ช่างภาพ Todd Gray เขียนถึงไมเคิลในช่วงก่อนที่เขาจะกลายเป็น King of Pop

//www.vanityfair.com/hollywood/...printable=true

I’m with Michael!

After landing an assignment shooting the Jackson 5, the author was told that Michael Jackson wanted him to be his personal photographer. The result: a trove of images, taken between 1974 and 1984, that reveal the future King of Pop’s quiet, soulful side. Related: Gray’s exclusive photos.
By Todd Gray

WEB EXCLUSIVE October 23, 2009

Excerpted from Michael Jackson: Before He Was King, by Todd Gray, to be published on November 6, 2009, by Chronicle Books; © 2009 by the author.

In January 1980, I received a call saying that Michael Jackson had specifically requested me to photograph him at Disneyland, where he was taping a television special celebrating the 25th anniversary of the Magic Kingdom. When Michael was not on the set performing, he took every opportunity to explore the park. The moment the director would release him from the set in order to prepare the next shot, Michael would grab my arm and say, “Come on, let’s hit some rides.” Off we went, the two of us accompanied by a Disney security person, who ushered us through secret passageways, making certain we never waited in line. Michael, who was 21 at the time, loved Disneyland, and while sitting next to him on the rides—the Matterhorn, the Pirates of the Caribbean—I joined right in with his screams and laughter. We really had fun.


Not long after this job, I got another call from the Jacksons’ manager, Ron Weisner, asking me to shoot Michael at a charity event. He said that Michael had instructed him to hire only me when he needed a photographer. Then Ron asked me, “What’s up with you and Michael?” I answered, “We just get along, I guess.” (I had first met Michael in 1974 while photographing the Jackson 5 for Soul Newspaper.) I asked Ron if Michael had given him any indication as to why he wanted only me to photograph him. He said Michael told him, “I like Todd because he doesn’t talk much.” And that’s how it began. I was Michael’s photographer and friend for the next four years. It was the ride of my life.

From early on, I saw how dedicated Michael was to work. He worked nearly all the time and rarely seemed to relax. A great deal of time was spent in the recording studio—the Jacksons’ intense focus on creating a flawless product helped make them the success that they became, and Michael was clearly the most focused, hardest-working member of the group. While in the mixing booth, making technical adjustments and working the board with the engineers, he would whisper instructions to his brothers about a vocal arrangement, whispering not because the instructions were secret, but because he was shy and didn’t like to yell out his ideas.

In the spring of 1981, Michael and his brothers began rehearsals for the Triumph Tour, which would travel to 35 cities in North America. When Michael found time to relax, he loved to leaf through photographic books. He especially loved books about 1930s Hollywood glamour, richly illustrated children’s books, and coffee-table books on photography. Michael would usually hole up in the rear of the bus, while the others spent their time together in front. I also preferred the quiet at the back, and I would sit down with him while he was engrossed in reading.

My photographs of Michael, from 1974 to 1984, show him as the engaging, charming, youthful person he was before the insatiable demands of his extraordinary celebrity bore so heavily on him. As I reflect, I realize now that this was the time before he was King.



ผมเคยอยู่กับไมเคิล!

หลังจากได้ถ่ายรูปให้กับวง the Jackson 5 เสร็จสิ้นแล้ว ผู้เขียนก็ได้รับแจ้งว่าไมเคิล แจ็คสันต้องการให้เขามาเป็นช่างภาพส่วนตัว ผลลัพธ์คือรูปถ่ายมากมายที่ถ่ายขึ้นระหว่างปี 1974-1984 ซึ่งได้เปิดเผยด้านที่เงียบขรึมและเต็มไปด้วยความรู้สึกของอนาคตราชาเพลงป๊อบ

WEB EXCLUSIVE 23 ตุลาคม 2009
โดย Todd Gray
บทคัดลอกจากหนังสือ Michael Jackson: Before He Was King, by Todd Gray
ซึ่งจะตีพิมพ์ในวันที่ 6 พ.ย. 2009 โดยสำนักพิมพ์ Chronicle Books

มกราคม 1980 ผมได้รับโทรศัพท์ว่าไมเคิล แจ็คสันต้องการให้ผมไปถ่ายรูปให้ที่ดิสนีย์แลนด์ ซึ่งเขาจะไปอัดเทปรายการโทรทัศน์เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของ Magic Kingdomที่นั่น ถ้าตอนไหนที่ไมเคิลไม่ได้เข้าฉากเขาจะออกไปสำรวจสวนสนุกทันที ไม่ว่าครั้งใดที่ผู้กำกับปล่อยตัวไมเคิลเพื่อที่จะตระเตรียมถ่ายฉากต่อไป ไมเคิลจะจับแขนผมและพูดว่า “มาเถอะ ไปเล่นเครื่องเล่นกัน” แล้วเราก็ไปกันเลย เราทั้งสองไปพร้อมกับร.ป.ภของดิสนีย์แลนด์ เขาพาเราผ่านทางเดินลับต่างๆ ทำให้เราไม่ต้องเข้าคิว ไมเคิลผู้ซึ่งในขณะนั้นอายุ 21 ปี หลงใหลในดิสนีย์แลนด์มาก ในขณะที่ผมนั่งใกล้เขาเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เช่น the Matterhorn, the Pirates of the Caribbean ผมก็ได้ร่วมกรีดร้องและหัวเราะไปกับเขา เราสนุกกันมากครับ

ไม่นานหลังจากงานนี้ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จาก Ron Weisner ผู้จัดการของวง the Jacksons จะให้ผมไปถ่ายรูปให้ไมเคิลในงานการกุศลงานหนึ่ง เขาบอกผมว่าไมเคิลกำชับให้เขาจ้างผมเท่านั้นเมื่อเขาต้องการช่างภาพ แล้ว Ron ก็ถามผมว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับไมเคิล” ผมตอบว่า “เราแค่เข้ากันได้ดี ผมว่านะ” (ผมพบไมเคิลครั้งแรกในปี 1974 ขณะที่ถ่ายรูปวง the Jackson 5 ให้กับ Soul Newspaper) ผมถาม Ron ไปว่าไมเคิลบอกหรือเปล่าว่าทำไมเขาถึงต้องการผมเท่านั้น เขาบอกว่า
ไมเคิลบอกเขาว่า”ผมชอบ Todd เพราะเขาไม่พูดมาก” และนั้นคือจุดเริ่มต้น ผมเป็นช่างภาพและเพื่อนของไมเคิลในช่วง4 ปีต่อมา นั่นเป็นช่วงขาขึ้นของชีวิตผม

ตั้งแต่ช่วงแรกเลย ผมก็รับรู้ได้ว่าไมเคิลทุ่มเทให้กับงานมากแค่ไหน เขาทำงานตลอดเวลาและไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย ไมเคิลใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องอัดเสียง ความมุ่งมั่นของวง the Jacksonsในการสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้ข้อตำหนิทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้ และเห็นได้ชัดเลยว่าไมเคิล
เป็นคนที่มุ่งมั่น และทำงานหนักมากที่สุดในวง ในขณะที่ไมเคิลอยู่ในห้องมิกซ์เสียง ปรับแต่งเพลงโดยใช้เทคนิคต่างๆ และทำงานร่วมกับวิศวกรเสียง เขาจะกระซิบกับพี่ชายเกี่ยวกับการเรียบเรียงเสียงร้อง เขากระซิบไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นความลับหรอกครับ แต่เพราะว่าเขาขี้อายและไม่ชอบที่จะพูดไอเดียของเขาออกมาดังๆต่างหาก

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 1981 ไมเคิลและพี่ชายเริ่มซ้อมวงสำหรับทัวร์คอนเสิร์ต Triumph ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองใหญ่ 35แห่งในอเมริกาเหนือ เมื่อไมเคิลมีเวลาว่าง เขาชอบเปิดหนังสือภาพดู เขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับความงามของฮอล์ลีวู๊ดในยุค 1930 หนังสือสำหรับเด็กที่มีภาพประกอบเยอะๆ และหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ไมเคิลชอบนั่งอยู่หลังรถบัส ในขณะที่คนอื่นๆนั่งอยู่ด้วยกันด้านหน้า ผมก็ชอบนั่งเงียบๆอยู่ด้านหลังเหมือนกัน ผมจึงนั่งข้างๆเขาในขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ

ภาพถ่ายของไมเคิลในช่วงปี 1974-1984 แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่มุ่งมั่น มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยพลัง ก่อนที่ชื่อเสียงและความโด่งดังสุดขีดจะนำมาซึ่งภาระหนักอันอึ้งให้เขาต้องแบกรับไว้ ขณะที่ผมครุ่นคิดถึงความหลังนี้ ผมก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาก่อนที่ไมเคิลจะกลายเป็นราชา

ในช่วงที่อัดรายการโทรทัศน์ ปี 1980 ที่มีไมเคิลและแดนนี่ เคย์ในดิสนีย์แลนด์นั้น ผมได้ถ่ายภาพไมเคิลไว้หลายๆแบบ บริษัทจัดการหรือค่ายเพลง (หรือทั้งสองอย่าง ผมก็จำไม่ได้) บอกให้ผมถ่ายภาพไมเคิลในแบบภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วเมื่อใดก็ตามที่ทำได้



ไมเคิลรออยู่ที่ executive lounge เพื่อขึ้นเครื่อง Delta Airlines ตัวแทนของสายการบินได้มอบเครื่องหมายปีกกัปตันให้ไมเคิลและเขาก็กลัดมันบนหมวก



ที่สตูดิโอ Record Plant ในฮอล์ลีวู๊ด ปี 1974 พี่น้องแจ็คสันร่วมงานกับ Stevie Wonder เพื่อบันทึกเพลง You Haven’t Done Nothin’ ของสตีวี่ ไมเคิลดูจะตั้งใจทำงานซะจนลืมสิ่งต่างๆรอบตัวยกเว้นขั้นตอนการอัดเสียงและความอัจฉริยะของ Stevie Wonder



ไมเคิลอวดโรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่เพิ่งสร้างเสร็จตกแต่งด้วยเก้าอี้กำมะหยี่หรูหรา ผมคิดว่าเสื้อสเว็ตเตอร์สีฟ้าที่เขาใส่อยู่จะถ่ายรูปขึ้นดีกับเก้าอี้สีแดงเข้ม ผมจึงขอให้เขานั่งลงและแกล้งทำเป็นดูหนัง “หนังเรื่องไหน” เขาถาม ผมตอบว่า “มันไม่สำคัญหรอก หนังเรื่องไหนก็ได้” แต่ไมเคิลก็ยังยืนกราน “ท็อดด์ คุณต้องบอกผมว่าหนังเรื่องไหน ถ้าคุณอยากให้ผมมีปฏิกิริยาโต้ตอบ” โอเค งั้นเอาเป็นหนังตลกของชาลี แช็ปลิน ผมแนะ “เรื่องไหนหละ” ไมเคิลถาม “เขามีหนังตั้งหลายเรื่อง คุณรู้ไหม” สมองของผมว่างเปล่า แต่โชคดีที่ผู้ช่วยตะโกนว่า “เรื่อง Modern Times ซิ” ไมเคิลตอบ “โอเค งั้นตอนไหนของหนัง” ผมเริ่มหงุดหงิด ผมบอก “ไมเคิล มันเป็นหนังตลก แค่หัวเราะออกมาก็เท่านั้น!” มันเริ่มจะเกินเวลา พวกเราก็เหนื่อยล้าและอยากจะรีบทำงานให้เสร็จ แต่ไมเคิลกำลังสนุกสนานกับเรื่องเหล่านี้อยู่ “อืม” เขาเริ่ม “ถ้าคุณอยากให้ผมหัวเราะ งั้นคุณต้องเล่าเรื่องตลกให้ผมฟังซิ แต่คุณบอกให้ผมแกล้งทำเป็นดูหนัง แล้วหนังเรื่องไหนที่คุณอยากให้ผมดูหละ” สุดท้าย ผมยอมแพ้และทำหน้าตาตลกใส่เขา ซึ่งทำให้เขาหัวเราะออกมาจนได้

(น่าจับไมเคิลมาตีก้นนัก แกล้งช่างภาพซะสนุกเลย ^^)



ก่อนคอนเสิร์ตเกือบจะทุกครั้ง จะมีการประชุมกันที่ห้องแต่งตัวเพื่อทบทวนลักษณะเฉพาะต่างๆของสถานที่แสดงซึ่งจะมีผลต่อคอนเสิร์ต สถานที่แสดงแต่ละแห่งจะแตกต่างกันในเรื่องเสียง ที่ตั้งของ mixing-booth และการจัดที่นั่ง รวมทั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ จะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในทุกๆโชว์ตามความจำเป็นของสถานที่ ไมเคิลได้ใช้โอกาสนี้เพื่อปรับปรุงให้โชว์ดีขึ้นและชี้ข้อบกพร่องของโชว์ครั้งที่ผ่านมา



ในปี 1983 ผมได้ไปถ่ายรูปไมเคิลสำหรับขึ้นปกนิตยสารที่บ้านของเขาใน Encino, California เขาเพิ่งเสร็จจากการปรับเปลี่ยนบ้านให้เป็นบ้านในฝันของเขาได้ไม่นาน บ้านที่มีโรงภาพยนตร์ สวนสัตว์ และการตกแต่งแบบดิสนีย์แลนด์ที่หลังบ้าน บ้านหลังนี้เป็นเหมือนการทดลอง
เป็นเนเวอร์แลนด์ในแบบที่เล็กกว่า ซึ่งเขาได้สร้างเนเวอร์แลนด์ขึ้นที่ซานตาบาบาร่าในหลายปีต่อมา



ในปี 1980ไมเคิลรออยู่หลังเวทีในงานการกุศลแห่งหนึ่งในจำนวนหลายๆงานที่ลอสแองเจอลิสซึ่งไมเคิลได้สละเวลาและใช้พรสวรรค์ของเขาเพื่อสนับสนุน



แฟนๆมาเฝ้ารอ the Jacksons ในขณะที่พวกเขามาถึงเพื่อมาเล่นคอนเสิร์ตที่ the Omni ใน Atlanta เมื่อปี 1981



ไมเคิลเพลิดเพลินในช่วงพักจากงาน



//www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C8569413/C8569413.html#18
ขอบคุณ คุณ Snow Crystal ที่นำข้อมูลมาฝากและแปลให้ด้วยค่ะ



Create Date : 20 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 13:33:05 น. 1 comments
Counter : 1404 Pageviews.

 
พี่ไมค์น่ารัก จังเลยนะค่ะ.. ขี้เล่น..ชอบแกล้ง..
น่าจับมาตีก้นเหมือนที่คุณว่า จิงๆ ด้วยอ่ะ...
(^_^)


โดย: pk IP: 27.130.219.191 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:45:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jeeup
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




แดุ่ไมเคิล ที่รัก.... ตั้งใจทำบล็อกนี้ เพื่อเป็นการเก็บรวบรวมบทความดี ๆ ที่เขียนเรื่องราวของคุณ.. ผลงานที่งดงาม.. ภาพแห่งความประทับใจที่ทิ้งร่องรอยของคุณไว้ ณ โลกใบนี้... โลกที่คุณใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะปกป้อง...หวงแหน... ด้วยความรักและปรารถนาทีุ่ลึกซึ้งต่อผู้คนทั้งหลาย... สิ่งที่ฉันทำได้เพื่อคุณช่างเล็กน้อยราวหยดน้ำในมหาสมุทร เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอ... พักให้สบายนะ... สักวันเราคงได้พบกันอีกครั้งในบ้านของพระเจ้า.....
Friends' blogs
[Add Jeeup's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.