ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้านั้นหาความดีมิใด้ - -"
|
|||
ค ว า ม สุ ข . . . กั บ บ า ง สิ่ ง
ก่อนอื่น...
ตอนแรก วุ้นไม่ได้เข้าบล๊อกตัวเองนานมาก... หลังจากอัพเรื่องกระบี่ก็ไม่ค่อยได้ตามอะไรเลย กลับมาอัพวันนี้เพราะว่าไปดูหนังเรื่องนึงมาค่ะ คือเรื่อง up in the air ดูแล้วได้อะไรหลายๆอย่าง...อัพไว้จะได้ดูด้วยว่าตอนนี้เราคิดอะไร แล้วอนาคต เราจะเปลี่ยนความคิดไปมากแค่ไหน พอจะอัพก็มาเช็คความเห็น แอบตกใจ>< มีคนมาอวยพรวันเกิดด้วย แอร๊ยยยยยยยยยยยย... แอบเล่าดราม่าหน่อยนึง... ก่อนหน้านี้...ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไร แล้วมาเจอคนที่สนใจอะไร เลยเพิ่งรู้ตัวเองว่า...ตกเป็นเป้านินทาในแวดวงพันทิป พอควร - -... ขอโทษทุกๆคนก็แล้วกันนะคะที่ทำอะไรไปแล้วไม่ถูกใจ วุ้นมีนิสัยแบบนี้ ถ้ามีอะไรขัดใจ บอกได้เลย วุ้นว่ามันเห็นผลกว่าเอาไปนินทาอ่า - - เพราะนินทา บางเรื่องมันเติมแต่ง กลายเป็นคนละคน วุ้นก็แก้อะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่พวกคุณพูดไป มันไม่ใช่สิ่งที่ตัววุ้นทำ เพราะอันไหนที่วุ้นทำแล้วไม่พอใจ บอกเลยตรงๆ วุ้นก็จะปรับหรือเลี่ยงที่จะไม่ทำ...ส่วนตัววุ้นเอง วุ้นก็ไม่ชอบนินทาใคร(แต่ทำไมทุกคนชอบคิดว่าวุ้นเป็นตัวนินทาหว่า - -555) นั่นแหล่ะ...แอบเสียความรู้สึก...เพราะวุ้นไว้ใจ...วุ้นไม่เคยว่าถึง คนที่ว่าร้ายวุ้นก่อนเลย...ไม่จำเป็น... เพราะฉะนั้น...อย่ายัดเยียยดความคิดของตัวเองให้คนอื่นคิดตามเลย...มันเป็นการฆ่าศักดิ์ศรีตัวเอง...และคนอื่น อย่างช้าๆ ดราม่า...ไปแหล่ว อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงง กลับมา... - - ก่อนอื่น...ขอบคุณทุกๆคนจริงๆนะที่มาอวยพรวันเกิดวุ้น... หลายคนวุ้นไม่รู้จัก T T โต๊ดก๊าบบบ แต่มันทำให้เราเห็นมิตรภาพสวยงามเนอะ^^ ขอบคุณคุณจริงๆนะคะ ทุกๆคนเลยที่อวยพร ทางต่างๆ...ปีนี้ วุ้นไม่ได้ขอขอบคุณรายบุคคลเลย... ชีวิตแอบวุ่นวาย ช่วงวันเกิด... เดี๋ยวชดเชย เอาเรื่องเวียดนามมาเล่าให้ฟังน้า><(แกสนองนี้ดตัวเองชิมิ... - -) ซาบซึ้งจริงๆนะ กลับมา วันนี้ ดู up in the air ตัวละครเอก มีอาชีพ บอกเลิกจ้างพนักงานตามบริษัทต่างๆพร้อมกับเสนอแนวทางการดำเนินชีวิต หลังตกงาน งานดูหม่นหมองเนอะ ตัวละครเอกเนี่ย ไม่มีความสัมพันธ์กับคนอย่างเป็นทางการในด้านความรู้สึกเลย...กล่าวคือ ...เป็นคนที่มีความสุขกับการอยู่คนเดียว วุ้นเห็นแล้ว...ไอดอลช้านนนนนนนนนนนนน ชอบๆๆ...เพราะมันมีตัวละครอีกตัวเข้ามาเป็น ผู้หญิงวันรุ่น ที่มีมุมมองแบบ อเมริกันดรีม... ฝันว่า ต้องมีครอบครัวที่อบอุ่น...ชีวิตจะเพียบพร้อมก็ต่อเมื่อมีครอบครัว การประสบความสำเร็จและขึ้นคาน มันไม่เติมเต็มความสุขอะไรประมาณนั้น...ดูแลต้องพึ่งพิงอ่า วุ้นชอบประโยคที่น้องเขยของพระเอกถามพระเอกว่า...ช่วงเวลาที่คุณมีความสุขที่สุด คุณอยู่กับใคร(อะไรประมาณนี้)... ตอนที่น้องเขยถาม วุ้นก็คิดตาม...คำตอบคือ...เออแฮะ วุ้นอยู่คนเดียวนะ ตอนที่วุ้นมีความสุขมากๆ... แต่...ตอนนั้น...วุ้นกลับนึกถึง แม่ คนสนิท...แล้วก็อยากบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้วุ้นมีความสุข เช่น...ตอนที่วุ้น รู้ผลสอบญี่ปุ่น...ตอนที่วุ้นรู้คะแนนสอบความถนัดหมอ...ตอนที่วุ้น ยืนเหยียบหาดทรายขาวที่อ่าวมาหยา...หรือตอนที่วุ้น ลงจากเครื่องบินที่ฮานอย... เฮ้ย...แบบ...อยากให้ แม่ คนสนิท มาอยู่ด้วยจัง หรืออยากให้เค้าร่วมรับรู้ความสุขไปพร้อมกับวุ้น เผื่อว่า...ความสุขที่วุ้นมีอยู่ มันจะส่งผ่านให้พวกเค้ามีความสุขได้บ้าง... ก็ย้อนมาคิด...เรามีความสุขมากตอนอยู่คนเดียวก็จริงนะ...แต่เราก็ยังโหยหาคนที่มาร่วมมีความสุขกับเราอยู่ดี... ถึงจุดนี้...แอบเคืองตัวเอง...ว่า...งั้นเราจะอยู่บนคานไหวเหรอ - -... เพราะส่วนตัววุ้นเอง...ไม่เห็นว่า...การมีครอบครัวแบบเวอร์ๆที่สื่อแสดงให้เห็นแบบชนชั้นกลาง...มันจะสวยงามอะไรขนาดนั้น ยิ่งมาดู ซีรี่ย์ desperate housewives ยิ่งหวาดกลัวการมีครอบครัว...ยิ่งเห็นน้า คนรู้จักแต่งงาน แล้วเห็นถึงความรับผิดชอบต่างๆ ยิ่งน่ากลัว - - สงสัยตอนนี้...เรายังเด็กเกิน ที่เห็นว่าความรับชอบเหล่านี้ มันคุ้มที่จะแลกมั้ง - -... มีอีกฉากนึงที่พระเอก เป็นวิทยากรพูดถึง กระเป๋าเป้... อันนี้ วุ้นตีความในมุมมองของวุ้นนะคะ คนที่ดูอาจดูแล้วคิดว่าไม่ใช่สักหน่อยก็ได้ - - สมมติว่าเราจะออกเดินทาง โดยมีกระเป๋าเป๋ในนึง เราจะใส่อะไร พระเอกก็เริ่มพูดจากใส่สิ่งเล็กๆของใช้ทั่วไป...แล้วค่อยขยายขนาดเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ บ้าน... แล้วก็ถามว่า...คุณแบกไหวมั้ย...คมนะ...(ถ้าไม่เอาไปเทียบกับนิกายบางนิกาย...ชอบพานอกเรื่องเข้าคุกวุ้ย - -) ...ลองนึกถึงน้ำหนักที่ต้องใช้บ่ารองรับของที่จะเอาไปด้วย... ถ้าเราปล่อยวางล่ะ...ไม่เอามันไป...เราจะมีความสุขกว่านี้มั้ย...อะไรประมาณนี้ พูดง่าย...แต่ทำยาก... การไม่มีอะไรเลย...มันอาจทำให้เรามีความสุขมากๆก็ได้...ใครจะไปรู้... แต่วุ้น ทำไม่ได้แฮะ - -... แล้วเจอกัน กับ บล๊อก ฮานอยน้า^^ ก้ออ่านะ ก็ ไ ม่ มี อ ะ ไ ร ห ร อ ก . . .
ก็ไม่มีอะไรหรอก...
แค่เราชอบเพลงเหมือนกัน ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เค้าทักเราในเรื่องที่เราคิดไม่ถึง (วันนี้เขียนตาสวยนะ>< แอร๊ยยยยย...) ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยู่กับเค้าแล้วเรามีความสุข ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เค้าเอาเอกสารการเรียนที่เราขาดมาแบ่งเรา ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เค้ามองเราเหมือนลูกหมาน่าสงสาร ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เราก็ยินดีที่จะเป็นลูกหมาของเค้า ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่ยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้อยู่กับเค้า ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่รักคนๆนึงที่ไม่คิดว่าเราจะรักเค้าได้เลย ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่น้อยใจที่เค้าทำหมือนกับไม่ไว้ใจเราเลย ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่รำคาญกับพฤติกรรมของคนบางคนที่ตามตื๊ออย่างน่าเกลียด ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่รู้สึกเป็นเหมือนอากาศธาตุของใครบางคน ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากเป็นคนที่เค้ายอมรับได้บ้าง ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เค้าทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำให้โลกนี้ยังสดใส ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่รักเค้ามากจนอยากจะหยุดไว้เพียงแค่นี้ ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่รู้สึกไม่มั่นใจในความรักของเรา ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากมีตัวตนในสายตาของเค้าจริงๆ(ไม่ใช่เพราะเราไม่เรียกร้อง) ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากให้เค้าเข้าใจเราบ้าง ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่ดีใจที่รู้ว่าเค้าใส่ใจเรา ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่เค้ายอมพูดเรื่องส่วนตัวให้เราฟัง ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากเป็นน้องสาวที่น่ารักในสายตาของเค้า ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้(ผลประโยชน์ในอนาคต 555) ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากหัวเราะได้ทุกครั้งที่อยู่กับคนที่เรารัก ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากให้เค้าเข้าใจความรู้สึกเราบ้าง ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่ชอบแหย่ให้เค้ารู้สึกหึงเล่นๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากรู้ความเป็นไปในชีวิตเค้า ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่ดีใจที่ทุกวันนี้มีความสุขมากๆที่ได้รู้จักกับเค้า ก็ไม่มีอะไรหรอก... แค่อยากบอกในบล๊อก แค่นั้นเอง... ก้ออ่านะ ร ถ ไ ฟ ชั้ น ส า ม . . . ก็ ดี เ ห มื อ น กั น น ะ ^ ^
เริ่มจากความจริงข้าพเจ้ากลับบ้านไปแล้วรอบนึงตอนช่วงวันพ่อ
แล้วก็ได้ทำการพูดคุยกับมารดาของตัวเองว่าปีใหม่นี้จะกลับบ้านดีมั้ย ซึ่งมารดาของข้าพเจ้าก็บอกว่าปีใหม่รถเยอะลำบากไม่ต้องกลับมาหรอก เพราะกลับมาตอนนี้แล้ว แถมเปลืองเงินโดยใช่เหตุ ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าอยู่กทม.เรียบร้อยแล้ว วันที่22มารดาของข้าพเจ้าก็โทรมาพูดประมาณว่าอยากให้ข้าพเจ้ากลับบ้าน ซึ่งถ้าคนที่บ้านอยู่ต่างจังหวัดและทุนทรัพย์เหมาะสมกับการกลับโดยเครื่องยนต์ดีเซล จะทราบดีว่ามันไม่มีตั๋วแล้ว!!! และก็เป็นไปตามคาดโทรไปทุกบริษัทเต็มทุกบริษัท(ความจริงเหลือ พรพิริยะทัวร์บอกว่าว่างที่นึง - -แต่ตอนนั้นถ้าเดินทางจะเสียเวลามากมาย - -และไม่รู้ว่าจะมีคนซื้อตัดหน้าตอนเดินทางหรือเปล่า อีกทั้งเป็นช่วงสอบของข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้อ่านหนังสือไม่คุ้มด้วยประการทั้งปวง) เช็คเครื่องบินก็เหลือแต่ที่แพงๆ - - ก็เลยโทรไปถามรถไฟดู ปรากฎว่าเหลือแต่รถไฟชั้นสาม กับ รถไฟฟรี ข้าพเจ้าก็เลยโทรไปบอกมารดาข้าพเจ้า - - ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวอย่างสุดซึ้งเลยบอกว่า "รถไฟชั้นสามถึงกี่โมง เดี๋ยวแม่ไปรับนะ" โหยยยยซึ้งสุดๆๆๆ ไม่มีห่วงเลย ว่ามันจะอันตรายลูกสาวยิ่งอวบๆน่ากินอยู่ด้วย - - ตอนนั้นงอแงแล้ว นั่งร้องไห้ขี็มูกคาคอม คิดว่าจะไม่กลับบ้านแล้ว ด้วยความรู้สึกผิดเดี๋ยวหาว่าอกตัญญูเลยต้องกลับบ้านแล - - เศร้าาาา ช่วงนั้นพ่อแม่ของน้องที่สอนพิเศษก็ได้ทราบเรื่องที่ข้าพเจ้าได้กลับบ้านโดยรถไฟชั้นสาม โดนไซโค เรื่องที่เคยมีผู้หญิงโดยคนเมาลวนลาม - - ข้าพเจ้านี่เครียดเรื่องใครจะมานั่งข้างข้าพเจ้ามากกว่า - - เพราะตั๋วมันไม่ได้ระบุชื่อไว้อยู่แล้ว เมื่อถึงวันที่ออกเดินทางจริง(26)คุณพ่อคุณแม่ของน้องที่สอนพิเศษก็มาส่ง^^ ขอบคุณนะคะ คุณพ่อน้องก็เปรยว่า นี่ถ้าไม่เกรงใจแม่เธอพ่อจะฉีกตั๋วทิ้งไม่ต้องกลับแล้ว น่ากลัวจะตาย ตอนนั้นลืมไปว่าที่นั่งของตัวเองติดห้องน้ำ - - ---------- ---------- l ห้องน้ำ l l ห้องน้ำ l l l l l l l l l ------------ ------------ l 1. l 2. l l l l ------------ ----------- l 3. l 4. l l l l ------------ ------------ ข้าพเจ้านั่งหมายเลขสาม - - หากใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับรถไฟชั้นสามก็จะทราบดีว่า อนุภาพของกลิ่นห้องน้ำมันรุนแรงเพียงไหน ซึ่งอาจเป็นเพราะทำบุญมาดี(มั้ง - -...เริ่มอ้างสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ - -) ปรากฎว่าบุคคลที่นั่งหมายเลขสี่ข้างข้าพเจ้านั้นเป็นหญิงสาวอายุ สิบแปดปีเป็นชาวต่างชาติ(สิงคโปร์ เชื้อสายจีน) และเป็นน้องสาวของคนที่นั่งหมายเลขหนึ่ง ส่วนคนที่นั่งหมายเลขสอง เป็นผู้ชาย(ที่ข้าพเจ้ามองตอนแรก คอนเฟิร์มว่าไม่ใช่ชายแท้ชัวร์ๆแต่ไปๆมาๆ ดันมาจีบข้าพเจ้าซะนั่น - -) และเป็นเรื่องบังเอิญที่ข้าพเจ้าเห็นเป็นเรื่องแปลกใจคือ ถ้าเรียงลำดับอายุ จาก 4. 3. 1. 2. คือ 18 19 20 21 เจ๋งมั้ยล่ะ!!!....เงียบบ ตอนแรก หมายเลขจะขอแลกที่นั่งกับข้าพเจ้า...ซึ่งคำตอบก็คือ sorry ...จะบ้าเหรอ นี่ไม่ใช่เวลาของคนดี - -เสียสละ ไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ กาแฟกระป๋องดีเซเว่น เพราะฉะนั้น ขอสบายอย่างรู้สึกผิดดีกว่า และต่อมาข้าพเจ้ากับพี่สาวหมายเลขสี่ (เอิ่ม...มีชื่อว่า จูเลียน่า ส่วนน้องสาวชื่ออะไร ข้าพเจ้าลืม - -) ก็คุยกันสนุกสนานด้วยภาษาอังกฤษเลเวลสิบสามเอยูเอ - -(อยากอวดเป็นครั้งแรกที่คุยกับชาวต่างชาติได้หลายประโยคมากมาย...ปลื้มมม) ขอนอกเรื่องแป๊ป...เย้เย ในที่สุดภาษาอังกฤษที่เรียนตะแล๊ดแต๊ดแต๋กับตาบ๊องตื้น มีประโยชน์แว้วววววว กลับมาๆๆนั่นแหล่ะ คุยกันไปมาถึงได้รู้ว่า คุณจูเลียน่า เนี่ย เค้าชอบเมืองไทย ภาษาไทย แถมอ่านภาษาไทยได้(แต่แปลไม่ได้ - -...เหมือนที่ข้าพเจ้าอ่านฮิราคานะได้ แต่แปลไม่ได้ - -) แบบ...ปลื้มประเทศไทยมาก ประมาณนั้น ซึ่งเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง จูเลียน่าก็ขอถ่ายรูป สี่คนเป็นที่ระลึก^^ อยากบ่นว่ารถไฟ แค่ตามตารางเริ่มสี่่ทุ่ม ถึง เที่ยงสี่สิบห้า ข้าพเจ้าก็ตาค้างแล้ว - -แต่ความจริงถึงบ่ายโมงครึ่ง โอ้วววววววววบะลุงอุมโบ๊ะมั่กๆ เกือบลืมก่อนจากกันเราก็ได้ทำการแลกอีเมลล์(มีแลกบอร์สำหรับผู้ชายเบอร์สอง-คือคิดว่าแบบเผื่อให้คำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ เพราะไม่เคยมา - - ปรากฎทำข้าพเจ้ารำคาญได้อีก ทั้งทางโทรศัพท์ที่ข้าพเจ้ารับเพียงสองเปอร์เซนต์ และทางเอมเอสเอน ที่พยายามชวนคุยจนโดนบล๊อกไปรอบนึง - -) สรุปๆ นั่งรถไฟชั้นสาม บางครั้งก็ได้มิตรภาพดีๆเช่น จูเลียน่า^^ ทำให้ได้รู้อะไรมากมายเลย ลองนั่งดูสักครั้งสิคะ หึๆ ก้ออ่านะ เ รื่ อ ง บั ง เ อิ ญ . . .
คือว่า...
ถ้าใครได้เคยอ่านบล๊อกของข้าพเจ้ามาบ้าง จะทราบว่าช่วงหลังๆ ประเด็นการอัพบล๊อกจะเป็นเรื่องตาบ๊องตื้น ซึ่งข้าพเจ้าได้ประกาศปิดซีซั่นหนึ่งไปแล้ว (คาดว่า ซีซั่นสองจะตามมา - -...อารมณ์เหมือนบางรักซอยเก้ากว่าจะเป็นแฟนกัน - -...แต่ซีรี่ย์นี้คงไม่มีทาง 555) นั่นแหล่ะ...แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนของข้าพเจ้าเอสชื่อลอกอินข้าพเจ้าไปเสิร์ชในกูลเกิ้ลดู แล้วก็เอากระทู้มาประจานข้าพเจ้า - - ด้วยความสงสัยเลยลองเอามั่ง(เพราะปกติเคยลองหาแต่ชื่อตัวเอง-อิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง wanted) ทีนี้ มันมีลิ้งๆหนึ่งที่ข้าพเจ้าคาดว่าในชีวิตกูคงไม่เข้าแน่ๆ - -(ไม่ใช่เพราะไม่ดีนะแต่...มันไม่ใช่อ่ะกิ๊บ มันไม่ใช่) คือเวบเกี่ยวกับ มายากล!!! โอ้ว วุ้นใสจ้า ไปปรากฎอยู่ในนั้นได้อย่างไร?? ตอนแรกนึกว่า มีคนใช้นามแฝงเหมือนกัน แต่... ไม่ใช่ค่ะ!!!! มันคือ บล๊อกตอนหนึ่งของข้าพเจ้าเอง เรื่องตาบ๊องตื้นนั่นแหล่ะ - - โดยเอาไปโพสตัวแต่ชื่อเรื่อง จนจบ....ยกเว้น เครดิต - - ไม่ใช่อะไรหรอก...จะมาอวดว่า เฮ้ย!!! บล๊อกข้าพเจ้าเนี่ยมีคนอ่านจนก๊อบไปโพสบอร์ดเวบอื่น(โดยแยกเรื่องย่อย หัวข้อ คือความรัก - -)ด้วย?? ปลื้มมมมมมมม555 อยากฝากบอกคนโพส แหมๆ คราวหน้าเครดิตก็ดี...ช่วยโฆษณาบล๊อกแปลกๆเอิ๊กกกกกก ทำเป็นเล่นไป...เรื่องที่เจอโดยบังเอิญทำข้าพเจ้าปลื้มไปสามวัน555 และผลจากเรื่องบังเอิญนี้บวกกับจินตนาการของสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา(ช่างกล้า - -)ทำให้คิดต่อไปว่า เฮ้ย!!!ถ้ามันเป็นฟอร์เวิดเมลล์ล่ะ(พอนึกถึงตรงนี้ เริ่มตระหนักได้ว่า - - วุ้นใสจ้ามัน...คิดได้ไงอ้าาา) ยังๆ ยังไม่พอ คุณหนูวุ้นใสจ้า คิดต่อไปอีก แล้ว...ถ้าตาบ๊องตื้นได้อ่านมันโดยบังเอิญล่ะ!!!(คือ...ชั้นจะบอกแกเลยนะนังวุ้นใสจ้า ชาติหน้าตอนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วนกกระจอกร้องจิ๊บๆสามตัวพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เรื่องแบบนี้ก็ยังไม่มีทางเป็นฟอร์เวิดเมลล์ได้หรอกย่ะ) ดูความคิดของข้าพเจ้าสิ - - ...แปรผกผันกับอายุและหน้าตาได้อีก - - นั่นแหล่ะ... คือเรื่องบังเอิญ^^ ก้ออ่านะ วิ ก ฤ ต ก า ร ณ์ . . . ม . 5 เ ท อ ม 1
ตอนแรก...
นึกว่าเหตุการณ์ตอนนั้น มันน่าจะจบลงแล้ว - - มันกลับมาอีกครั้งครับ ท่านผู้อ่าน - - เหตุการณ์ในตอนนั้น...ที่บอกว่ามันเหมือนขณะนี้คือ... ความเปลี่ยนไปของข้าพเจ้า...ตอนนั้น...คล้ายๆเหตุการณ์นี้เลย แต่ไม่มีใครมาบอกตรงๆเหมือนตรงนี้... แต่ก็พอรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น... เอาแต่ใจตัวเองอย่างน่ากลัว...พอไม่ได้ดั่งใจก็จะโวยวาย...ไม่งั้นก็ดื้อเงียบ - - พอถูกคนมาว่า...ก็จะตกใจ...แล้วแอบไปร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร(ดูความโรคจิตของมัน - -) ซึ่งผู้รับเคราะห์ที่ต้องมาปลอบข้าพเจ้า...ก็มักจะเป็นคนที่เพิ่งมารู้จักข้าพเจ้า- - แบบ...อย่างอดีต...พอข้าเจ้าโดนเพื่อนว่าปุ๊บ...ข้าพเจ้าก็โทร.หาเพื่อนอีกสายนึงเลย...พร้อมกับขอไปกินข้าวด้วย - - ไม่ยอมคุยกับเพื่อน... - -คืออยากจะบอกว่า...ไม่ได้โกรธเพื่อน...แต่โกรธตัวเองที่ไปทำให้เพื่อนไม่พอใจ...ที่ทำตัวแย่ๆทำให้เพื่อนเสียใจ...ที่ไม่กลับไปคุยเพราะยังรู้สึกผิดอยู่...และกลัวว่าเราจะทำนิสัยเดิมๆให้เพื่อนระอา เป็นอย่างนั้นจริงๆ!!! นานพอๆกับตอนนี้เลย 3-4 เดือนเลยล่ะ - -... ช่วงนั้น...สับสนตัวเอง...เป็นไรหว่า...ทำไมขี้หงุดหงิดง่ายขึ้น...ทำไมวีนกับคนรอบข้างง่ายขึ้น...ทำไมไม่มีเหตุผลมากขึ้น...ทำไมเจ้าน้ำตาง่ายขึ้น...ทำไมเอาแต่ใจอย่างไม่มีเหตุผล...ทำไมชอบทำร้ายจิตใตคนอื่น...ทำไมชอบทำเหมือนไม่ใสใจสิ่งรอบข้าง...ทั้งๆที่จริงอยากใส่ใจ..อยากดูแล..อยากเป็นห่วง..อยากเอาใจ..อยากอ่อนหวาน..กับคนๆนั้นอย่างสุดหัวใจ...ทำไมทำร้ายจิตใจคนที่หวังดีกับเรา...ทั้งๆที่..อยากทำดีด้วย..อยากเป็นคนร่าเริง..อยากเป็นคนที่ไม่ต้องแคร์ว่า.คนที่ประสงค์ร้ายกับเราเค้าจะว่าเรายังไง - -(ประหนึ่งดั่ง หญิงวัยทอง) นั่นแหล่ะ...ซึ่งพอไปหาเพื่อนคนนั้นแล้ว...สักพักก็ร้องไห้...น้ำตาไหลพรากๆ...ไม่ยอมหยุด... เพื่อนก็ตกใจ...ถามว่าเกิดอะไรขึ้น...ข้าพเจ้าก็บอกว่า ไม่มีอะไร...เราผิดเอง...พูดแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา(อาการทางจิตแน่ๆ - -) สรุป...นอกจากจะทำให้เพื่อนที่หวังดีกับเราโดยการเตือน...เครียดกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังทำให้เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว...กังวลไปด้วย...ว่ามันร้องไห้ทำไม - -(ทั้งๆที่ปกติใครเห็นน้ำตาข้าพเจ้าได้นี่ ต้องสนิทกันจริงๆเลยล่ะ - -) ตอนนี้มันกลับมาแล้ว - - แต่ทีนี้ผู้ที่ได้รับผลกระทบกลายเป็นคนที่ไม่สมควรได้รับการกระทำแบบนี้กับข้าพเจ้า...ไม่ว่าใครทั้งสิ้น เพราะคนส่วนใหญ่ที่โดน...เป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักข้าพเจ้าเองเท่านั้น... ซึ่งมันแย่กว่าครั้งที่แล้วตรงที่... ครั้งที่แล้ว...เหตุการณ์นั้นผ่านไป...คนที่ได้รับผลกระทบ...เข้าใจข้าพเจ้าทุกคน...เพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่...ครั้งนี้...หลายๆอย่างมันเลวร้าย... เลวร้ายจน...เอ่อ...สามารถทำให้ข้าพเจ้าคิดฆ่าตัวตายได้ - - แย่เนอะ - -...โรคซึมเศร้าแน่ๆ - - ตอนนี้พยายามอยู่ - -...จะรีบกลับมาเป็นคนเดิมน้า^^ เฮือกกกก ถึงแม้...จะรู้ว่า...บอกไปในที่นี้...หลายๆคนคงไม่ได้อ่าน...หลายๆคนคงไม่รับรู้...แต่อยากจะบอกว่า...ขอโทษ...กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ไม่พอใจ...ที่ทำให้เสียใจ...ขอโทษจริงๆค่ะ... อย่างน้อย...ถ้าข้าพเจ้าตายไป...ข้อความนี้มันก็ถูกแปะที่บอร์ดงานศพข้าพเจ้าแน่นอน^^ ก้ออ่านะ |
วุ้นใสจ้า
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อืม สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดี(กับตัวเอง)ก่อนที่หลงเข้ามาดูบล๊อกของข้าพเจ้า และแสดงความเสียใจ(กับท่านที่กำลังอ่านอยู่)ที่บล๊อกไม่มีอะไรเลย - - จบข่าว - - ก้ออ่านะ Group Blog
All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |