ชีวิตพอเพียงกับการเลี้ยงกล้วยไม้
Group Blog
 
All Blogs
 

เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่ก็ซื้อได้เกือบทุกอย่าง!!!

ผมเปิดBlogกลุ่มนี้เกี่ยวกับเรื่องการบริหารเงินมาเพื่อเล่าประสพการณ์เรื่องการใช้เงิน การบริหารเงินแบบบ้านๆ ที่ผมไม่ได้จบด้านเศรษฐศาสตร์หรือการเงินมาโดยตรง แต่ชั่วชีวิตเกิดมาต้องเกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆ โชคดีที่ทำงานฝ่ายขายพอรู้เรื่องค้าขาย กำไร ขาดทุน ศึกษาจากตำรา How to ต่างๆเกี่ยวกับเงิน จดจำขี้ปากคนอื่นเอามาเขียนเผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านที่เข้ามาอ่านบ้างครับ

กับจั่วหัวที่ว่า " เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่ก็ซื้อได้เกือบทุกอย่าง!!!
ปัจจุบันคนจะลุ่มหลง วุ่นวาย อยู่กับการหาเงิน จนลืมไปว่า เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ชัดๆก็มี

1.ความตาย
2.เวลาที่ผ่านไป
3.คบครัวที่อบอุ่น
4.เพื่อนแท้
5.วัยหนุ่ม-สาวที่เป็นนิรันดร์
6.สติปัญญาและความสามารถ
และสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่เงินซื้อไม่ได้

ดั้งนั้นเราต้อง "บริหารเงิน อย่าให้เงินมาบริหารเรา"

ขอย้อนไปสัก 100 ปี ที่ผ่านมาผมได้คุยกับยายเรื่องชีวิตของคนสมัยเมื่อปี 2460 ความมั่นคงของชีวิต เงินไม่ใช่ตัวหลักในการกำหนดครับ
ความมั่นคงเขานับจากปัจจัย 4 ที่ครอบครองครับ คือ

1.บ้าน เป็นสิ่งที่วัดฐานะความมั่นคงของชีวิตครับ การสร้างบ้านสมัยก่อน เป็นระบบที่ดีมากๆๆ ไม่เหมือนปัจจุบันถ้าจะมีบ้านสักหลังเป็นบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพก็กู้เงิน 3 ล้าน ผ่อนกันหูดับ ตับไหม้ครับ ผ่อนจนลูกจบมหาวิทยาลัย สมัยก่อนยายเล่าให้ฟังว่าการสร้างบ้านเป็นการทำแบบสามัคคีชุมนุมครับ มีการเอาแรง หรือลงแขก ใครที่จะปลูกบ้่านต้องเตรียมหาตัดไม้มาทำเสา ทำคาน ทำไม้แปร ไม้กระดาน สมัยก่อนป่ามีมากมาย เลือกตัดได้ครับ เมื่อสะสมได้พอแล้วก็จะระดมคนทั้งหมู่บ้านมาทำหลังจากเสร็จจากทำนา ก็ช่วงหน้าแล้งละครับ ทำกันถ้าบ้านไม่ใหญ่โตมากก็ไม่เกินเดือนก็เสร็จแล้ว เจ้าของบ้านก็มีหน้าที่หาอาหาร คาวหวานและเหล้ามาเลี้ยงดูช่างที่มาทำ 3 มื้อ พอเสร็จแล้วเจ้าของบ้านต้องจำไว้ว่ามีใครมาช่วยบ้าง ถึงเวลาที่เขาทำบ้านต้องไปช่วยเขาจนเสร็จเช่นกัน ทำวนไปมาจนครบหนี้ค่าแรงที่ติดหนี้คนอื่นไว้ สมัยก่อนทำได้ครับเพราะเป็นสังคมเกษตร มีเวลาว่างหลังเก็บเกี่ยวเอามาทำได้
และอยู่กันแบบครอบครับขยาย มีคนหลายรุ่นอยู่ในบ้านเดียวกัน พอสักระยะก็จะมีการขยายครอบครัวโดยย้ายไปทำบ้านใหม่ มีการช่วยเหลือกันเรื่องการซื้อบ้านจึงไม่เป็นภาระสำหรับคนรุ่นนี้ ผมก็อยู่ปลายของครอบครัวขยาย ปี 2500 ลุงป้า น้า อา ก็ออกไปตั้งครอบครัวเดี่ยว จากนั้นครอบครัวขยายก็ถึงเวลาล่มสลาย กลายมาเป็นครอบครัวเดี่ยว ประเพณีการช่วยกันสร้างบ้านยังมีให้เห็นบ้างในสังคมต่างจังหวัด ปัจจุบันจะเป็นการรับเหมาเป็นส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดครับ>>> บ้านจึงเป็นภาระแรกๆของพวก Baby boom ที่ต้องแบกกันหลังโก่ง







2.อาหาร สมัยก่อนเรื่องอาหารก็ไม่ได้ใช้เงินซื้อกินกันเกือบทุกมื้อเหมือนปัจจุบัน ไม่มีคนอดตาย มีการแบ่งปัน มีความมั่นคงทาอาหารสูงมาก ส่วนใหญ่ครอบครัวจะช่วยกันทำนาเพื่อเก็บข้าวเปลือกเอาไว้กินทั้งปีในรูปข้าวเปลือก ค่อยๆเอามาตำหรือสีกินเป็นเดือนๆ เรื่องข้าวแพง ข้าวขาดตลาดเหมือนปัจจุบัน ลืมไปได้เลย ผมยังทันยุ้งข้าวแบบนี้แต่ปัจจุบันหมดไปแล้วจากหมู่บ้านผม หันมากินข้าวถุงกันแล้วครับ แต่ทางภาคอิสานและเหนือยังพอมีอยู่ครับ






แต่ก็น่าเป็นห่วงยุ้งขาวของทางเหนือ ถูกกว้าซื้อไปหลังละ 1-2 แสนบาท เอาไปทำรีสอร์ท ซะเกือบหมด

เมื่อกินอิ่มและนอนอุ่นกันแล้วเรื่องเงิน จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ของคนสมัยยายผม วันๆไม่คิดแต่เรื่องหาเงินเพราะปัจจัย 2 ข้อนั้นเขามั่นคง จึงมีเวลาเข้าวัด ใจสงบ ไม่ร้อนรุ่ม จิตใจมีเมตตาธรรมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณภาพชีวิตต่างกับคนรุ่นปัจจุบัน ราวฟ้ากับเหว มารุ่นผมต้องเข้ากรุงเทพ มาหาตำแหน่งงาน หาเงินซื้อบ้าน ซื้ออาหาร ทำงานเกือบค่อนชีวิต เพื่อปัจจัย 2 อย่าง ตื่นเช้า นอนดึก พักผ่อนสัปดาห์ละ 1 วัน มีเงินมากกว่าสมัยยายผมเป็นร้อยเท่า แต่คุณภาพชีวิตต่ำกว่าร้อยเท่าเช่นกัน

3.เครื่องนุ่งห่ม ผมยังทันเห็นคนทอผ้าในหมู่บ้านแต่รุ่นที่ทอเป็นลาโลกไปหมดแล้ว รุ่นผมซื้อใส่อย่างเดียว กี่กระตุก กระสวยใส่ด้าย ผมลองไปค้นดูที่หมู่บ้านผมหายหมดแล้วเสียดายจริงๆ คนสมัยก่อนมีชุดไม่เกิน 5 ชุด เช่น ชุดไปวัด ชุดไปติดต่อราชการหรือเข้าเมือง ชุดไปงานมงคล
ชุดไปงานศพ ชุดที่ใส่ประจำวัน ชุดใส่ไปทำนา เขาจะดูแลชุดเขาอย่างดีครับ ดังนั้นความจำเป็นในการใช้เงินซื้อเสื้อผ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ

ปัจจุบันเรามีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่ยังรู้สึกว่ายังมีไม่พอ ซื้อตลอด บางตัวยังไม่เคยใส่เลยตั้งแต่ซื้อมา บางคนติดแบรนด์เนม รูดบัตรเพลิน มันเป็นภาระอันใหญ่หลวงในการหาเงินมาใช้หนี้ เงินมันบงการชีวิตเราโดยไม่รู้ตัวครับ

เสื้อคุณมีมากเกินไปหรือเปล่า





4. ยารักษาโรค เป็นสิ่งเดียวที่คนรุ่นก่อนสู้คนรุ่นปัจจุบันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง อายุไม่ยืนเหมือนคนรุ่นปัจจุบัน เฉลี่ยไม่เกิน 50 ปี
เป็นโรคโอกาสหาย ครึ่งๆ

ผมเล่ามาซะนานเนื่องจากวัยวุฒิถึงแล้ว

ภาระทางการเงินสมัยก่อนก็ไม่มาก ไม่มีใครผ่อนรถ
ขึ้นรถรถไฟ รถเมล์ เรือเมล์ ล้วนๆครับ

ปัจจุบัน ผ่อนกันตั้งแต่ลูกเกิดจนลูกเข้าอนุบาล ผ่อนยังไม่หมด



มือถือไม่ได้ผ่อน ค่าโทรรายเดือนไม่มี ไม่เสียค่าแอพพลิเคชัน ไม่ต้องเปลี่ยนทุกปี








ลูกโตเป็นหนุ่มก็ไม่รบเร้าเอามอไซด์เหมือนปัจจุบัน ครบ 20 ปีแล้วก็บวช เกณฑ์ทหาร แต่งงาน ออกเรือน หมดภาระพ่อแม่



คนสมัยก่อนไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตมากมาย จึงไม่จำเป็นต้องบริหารเงินกันมากมาย ส่วนใหญ่จะบริหารบุญกันมากกว่า ทำบุญด้วยใจเพื่อชีวิตในชาติหน้า หรือบรรลุหวังขึ้นสวรรค์กันเป็นจริงเป็นจัง

มาสมัยเราเงินเป็นตัวชี้นำ จะนำความสุขหรือความทุกข์มาให้
ถ้าเราบริหารเงินไม่เป็นก็นำความวิบัติมาให้ ผมจึงเอาแนวคิดการบริหารเงินแบบบ้านๆมาเล่าสู่กันฟัง กันในครั้งหน้าครับ

ภาพประกอบ จากเนท




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 23:52:01 น.
Counter : 2553 Pageviews.  

1  2  3  

แจ้ห่ม47
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




ที่อยู่หลัก ลพบุรี ลำปาง และ ปทุมธานี
ที่อยู่ที่อื่นๆ ตามเขตการขายที่ดูแล ภาคตะวันตก ภาคใต้และ ภาคอิสานตอนบน (ทัวร์นกขมิ้นทุกเดือน เนื่องจากดูแลฝ่ายขายครับ ไม่ได้หนีหนี้ 555)
ภาพทุกภาพไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้านำไปเผยแพร่เพื่อ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ผิดกฏหมายหรือศีลธรรม เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาติ ไม่หวงครับ ขอกันกินมากกว่านั้นแต่ขอให้อ้างอิงแหล่งที่มาของรูปด้วยครับ ขออภัยหากตอบท่านช้า หรือเข้าไปเม้นต์ท่านช้า ผมใช้เนตผ่านมือถือครับช้ามากๆขออภัย และ หากผิดพลั้งไป ต้องขออภัยเพราะความรู้ต่ำ
New Comments
Friends' blogs
[Add แจ้ห่ม47's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.