ชีวิตพอเพียงกับการเลี้ยงกล้วยไม้
Group Blog
 
All Blogs
 

รถเมล์ในความทรงจำของผม

สุภาษิตโบราณว่าไว้ " กินของขม ชมสาว เล่าความหลัง" เป็นอาการของคนเริ่มสูงวัย ผมก็มีอาการเหมือนกัน วันนี้ผมขอเอาเรื่องรถเมล์มาเล่าให้ฟัง เป็นกระทู้เช็คอายุครับ เชื่อว่าคยอายุ 35 ปี เกือบทุกคน สมัยเป็นเด็กนักเรียน คงเคยขึ้นรถเมล์ไปเรียนกันนะครับ สมัยก่อนประเทศไทยการคมนาคมไม่สะดวกครับ ถนนยังเป็น 2 เลน เชื่อมจังหวัด คนมีรถส่วนตัวมีน้อย มีใช้ในหน่วยงานราชการ และผู้มีอันจะกินเท่านั้น รถเมล์จึงเป็นทางเลือกหลักในการเดินทาง ผมก็อยู่ใน อ.เมือง จ.ลพบุรี แต่บ้านห่างจากตัวเมือง 13 กม ก็อาศัยรถเมล์เป็นหลักในการเดินทางไปเรียน รถเมล์บ้านผม มี 2 ชนิด แบบแรกใช้รถ 6 ล้อ มาต่อกระบะทำเป็นรถเมล์หรือเรียกว่ารถสองแถว (ภาพบางภาพจากอินเตอร์เนต)






อีกประเภทเป็นแบบรถเมล์จริงๆ ซึ่งผมจะชอบใช้แบบหลังมากกว่าเพราะฝนตกจะไม่เปียกมาก




สมัยเป็นนักเรียนถ้าใครได้มายืนโหนตรงบันได หรือขึ้นไปบนหลังคารถเมล์จะเทห์มาก แต่กระเป๋าจะมาไล่ให้ชิดใน รู้สึกเคืองเหมือนกันตามประสาเด็ก ที่ไม่ค่อยสนใจถึงอันตราย

ถ้าเป็นรถเมล์วิ่งระหว่างจังหวัด หรือเอาเภอใหญ่ๆจะเป็นของ บขส
หรือรถร่วมบริการจะมีสีส้ม




รถรุ่นนี้จะแข็งแรงเพราะมีพื้นฐานจากรถบรรทุก หลังคาเอาสัมภาระ เช่นข้าวสาร ปูน น้ำอัดลม ของที่แม่ค้าซื้อมาขายในหมู่บ้านขนมาเต็มหลังคา ช่วงนั้นประชาชนทั่วไปไม่มีปัญญาซื้อรถปิคอัพ ถึงแม้ราคาจะไม่เกินแสนบาท เงินช่วงนั้นหายากมาก ทองคำบาทละ 400 เองครับ




จากนั้นก็พัฒนารูปแบบขึนมาเรื่อยๆ สมัยนั้น ยี่ห้อ เบนซ์ เป็นหลักเลยครับ (ไม่รู็เครื่องยนต์จะเบนซ์หรือเปล่า) ว่ากันว่าติดดาวสามแฉกเพื่อเรียกความมั่นใจของลูกค้า




รถเมลสายที่ผมขึ้นประจำจะมาทุก 1 ชั่วโมงหมายความว่าตอนเช้าถ้าพลาดขึ้นรถเมล์เที่ยว 7 โมง โอกาสไปโรงเรียนสาย ต้องยืนหน้าเสาธงสูงมาก แต่ก็พลาดประจำ ตอนเย็นก็ต้องรีบกลับเพราะรถหมด 5 โมงเย็น ต้องลุ้นทุกวัน เพราะเลิกเรียน 4 โมงเย็น รถมอร์ไซด์ก็ไม่มีเหมือนเด็กปัจจุบันที่มีรถมอร์ไซด์เกือบทุกคน ไปไหนก็สะดวก บางคนมีเมียก่อนเรียนจบ ม 6 เพราะมอร์เตอร์ไซด์นี่แหละครับ สมัยผมแค่รอรถกลับบ้านก็หมดเวลา มือถือก็ไม่มี ลำบากจริงๆ

ต่อมาเข้ากรุงเทพก็อาศัยรถ บขส ประมาณนี้ครับ แต่เก่ากว่า





ต่อมาก็พัฒนาการขึ้นมาเป็นรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง สีฟ้าโดยบริษัท
เอกชนที่เข้ามาวิ่งร่วม กันมากมายหลายร้อยบริษัท





ต่อมาคนไทยเริ่มต่อรสบัสเก่ง โดยอู่เชิดชัย (เจ๊เกียว คนดัง) และอู่แถวบ้านโป่ง โดยเอาแชสซี และเครื่องมาจากต่างประเทศ แล้วมาต่อตัวถังเอง เครื่องที่นิยม ก็มี เบนซ์ วอลโว่ สแกนเนีย รองลงมาก็สัญชาติญี่ปุ่นที่ราคาย่อมเยา เช่น อีซูซุ ฮีโน นิสสัน




ตัดกลับมาสมัยเข้ามาเรียนกรุงเทพใหม่ๆ ผมก็ใช้รถเมล์เส้นหลักๆ ก็
รังสิต - อนุสาวรีย์ชัย ครับ
ยังทันรถเมล์นายเลิศ ค่าโดยสาร 2 บาทตลอดสาย





บางที่ก็ใช้รถ ขสมก และรถร่วมบริการ





ปัจจุบันรถบัสได้นำมาเป็นรถรับส่งพนักงานโรงงานต่างๆ หรือเป็นรถบัสนำเที่ยวสังเกตไม่ยาก มีลายแอร์บรัช พ่นรูปการ์ตูนจะว่าเลอะเทอะหรือสวยงามก็แล้วแต่คนมอง แต่รับรองว่ามีที่เดียวในประเทศไทย





แบบสองชั้นก็มี อุปกรณ์ให้ความบันเทิงพร้อมสรรพ ชั้นบนร้องคาราโอเกะ ชั้นล่างตั้งวงคิดเลข








รถ 2 ชั้นเริ่มนำมาให้บริการวิงรับส่งโดยสารโดยบริษัท ชาญทัวร์ที่วิ่ง กทม-ขอนแก่น สมัยแรกๆเป็นที่ฮือฮา แต่ปัจุบันมีใช้แพร่หลายมากกว่ารถบัสชั้นเดียว





ปัจจุบันถ้าระยะทางไม่เกิน 300 กม ก็จะมีรถตู้ออกมาวิ่งแข่ง จนทำให้บริษัทราถทัวร์สายใกล้หันมาใช้รถตู้แทนเพราะต้นทุนต่ำ คนนิยม
ใช้แก๊ส NGV เพื่อนผมออกรถตู้ 2 คัน วิ่ง ลพบุรี-กทม ไปกลับวันละเที่ยวก็พออยู่ได้แล้วครับ





ถ้าเป็นรถตู้เหมาท่องเที่ยวก็คิด 12 ชม 1,200-1,500 บาท ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง เป็นที่นิมของคณะแม่บ้าน และผู้รักการท่องเที่ยว รถตู้พิมพ์นิยม 10 คัน จะพบรถตู้โตโยต้า 9 คัน





รถตู้บางคันมีชุดสเกิตร์แต่งรอบคัน





ถ้าเป็นรถทัวร์พาคณะทัวร์ต่างประเทศท่องเที่ยวจะเป็นรถค่อนข้างดี
และใหม่ ระบบกันสะเทือนจะเป็นแบบถุงลมนั่งนุ่มสบาย





..








มาดูรถเมล์ต่างจังหวัดที่สะดุดตาผมก็รถเมล์ แถบจังหวัด สุโขทัย พิษณุโลก เรียกเล่นๆว่ารถคอกหมูโดยดัดแปลงเอารถ 6 ล้อมาต่อตัวถังด้วยไม้ สวยงามเป็นเอกลักษณ์ มีเรื่องเล่ากันเล่นๆว่าคนขี่รถเมล์แบบคอกหมู ถูกงูจงอางจัดตายปีละหลายคน ที่ขี้นไป อ.ทุ่งสะเลี่ยม เพราะเมื่อก่อนต้องขี่ผ่านป่าทึบติดต่อระหว่างอำเภอ ผมว่าเป็นเรื่องอำกันมากว่า ถ้าท่านไปแถวนั้นเขาก็ใช้รถคอกหมูกันอยู่ครับ




ขี่แบบกินลมชมวิว ถ้าไปนั่งบนหลังคาได้บรรยากาศสุดๆครับ





ทางใต้แถวภูเก็ตและพังงา ก็มีรถคล้ายกับทางสุโขทัย




แถวเชียงใหม่ลำพูนก็มีรถแดง ไปตอนแรกผมก็งงไม่รู้ว่าทำไมเชียงใหม่ไม่มีรถวิ่งเป็น สายเหมือน กรุงเทพ มีแต่รถสองแถวสีแดงวิ่งทั่วไปหมดเลยลองขึ้นดู คุณต้องบอกว่าคุณจะไปไหนกับคนขับ จากนั้นก็ถามราคาค่าโดยสาร ระหว่างรถวิ่งไปเขาก็รับผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกันเรื่อยๆจนเต็ม














ถ้ารถลำปาง-แจ้ห่มก็รถสีฟ้าเลยครับคิวรถอยู่แถว ห้างเสรีค่ารถ 40 บาท










.... นอกจากรถแดงก็มีรถเขียวคือรถบัสขนาดใหญ่ ที่วิ่งระหว่าอำเภอใหญ่ๆของเชียงใหม่ และเชื่อมจังหวัดเกือบทุกจังหวัดในภาคเหนือ คนที่เมารถง่ายไม่ควรขึ้นครับ เพราะคนขับเขาชำนาญทางมาก เข้าโ้ค้งไม่ค่อยเบรค ทำให้เมารถได้ง่าย ในรถจะมีถุงพลาสติกเอาไว้ให้อว๊กด้วยครับจะได้ไม่เลอะเทอะ











สุดท้ายก็น้องรถเมล์ในดวงใจของใครหลายๆคน





 

Create Date : 07 กันยายน 2553    
Last Update : 7 กันยายน 2553 23:41:21 น.
Counter : 18017 Pageviews.  

ข้อมูลพื้นฐานของรถยนต์ที่เรามักลืมดู

ข้อมูลจำเป็นของรถมักมีติดมากับรถอยู่แล้ว คือ คู่มือ (ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยอ่าน รวมทั้งผมอีกคนครับ) แต่บริษัทรถมักจะให้ข้อมูลที่สำคัญติดอยู่ตามบริเวณรถ ที่เรามักจะไม่ค่อยสนใจ
ลองดูที่ขอบประตูด้านคนขับครับ (ข้อมูล เป็นรถ Vios ปี 2007)







มาดูว่าเจ้าป้ายที่ว่ามันจะบอกอะไรเราบ้างครับ

1.ความดันลมยางหน้า-หลัง ขณะเย็น (วัดก่อนที่จะใช้รถครับ)
2. ขนาดยาง ขนาดล้อ
เวลาเช็คลมยาง หรือจะเปลี่ยนยาง เปลี่ยนล้อ ก็ดูตรงนี้ครับไม่ต้องถามคนอื่นๆโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี








ตรงขอบประตูหน้าด้านซ้ายก็มีนะครับ





ป้ายนี้บอกอะไรบ้างครับ

1 บอกรุ่น แต่มันเป็นรหัสรุ่นของบริษัทเขา เราขี้เกียจจำ เลยตั้งชื่อเรียกกันเอง เช่น โตโยต้า รุ่นโดเรม่อน สามห่วง ฯลฯ
2.รหัสเครื่องยนต์ - ขนาดความจุของเครื่องยนต์
3.เลขตัวตัง เบอร์สี
4. ปีที่ผลิต ประเทศที่ผลิต

ในกระโปงรถก็มีข้อมูลทีสำคัญเช่นกัน เบอร์น้ำยาแอร์ ชนิดของน้ำมันคอมเพรสเซอร์ (รายละเอียดอื่น ก็อยู่ในคู่มือรถครับ)




บางทีก็มีคำเตือนมาให้ด้วยเช่น





ภาพสุดท้าย สติกเกอร์เหล่านี้บริษัทไหนๆก็ไม่มีครับ







เย็นนี้ก่อนขับรถกลับบ้านอย่าลืมดูนะครับรถท่านมีป้ายที่ผมเอามา review
หรือเปล่า !!!!!!!!




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2553    
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 13:12:37 น.
Counter : 4213 Pageviews.  

รถบรรทุกในความทรงจำของผม

รถบรรทุกในความทรงจำของผม เป็นกระทู้เช็คอายุครับ ถ้าคุณได้ทันเห็นแสดงว่าอายุใกล้เคียงกับผมครับ 55555
เริ่มจากรถบรรทุกคันแรกที่ผมจำได้ คันนี้ครับเป็นของเถ้าแก่รับซื้อข้าวโพดที่เอารถมาซื้อข้าวโพดแถวบ้านผมแล้วติดหล่ม ผมออกไปดูเขาเอารถไถมาลากออกจากหล่ม ถนนเส้น ต.โคกตูม-ลพบุรี สมัยเด็กไม่ราดยางครับหน้าฝนพอๆกับปลักควายครับ (รูปแทนจาก เนทครับ)








รถบรรทุกเบนซ์อีกรุ่นที่ผมจำแม่น เพราะนิยมใช้ลากไม้ และใช้ในหน่วยงานราชการสมัยเด็กครับ









ส่วนรุ่นนี้ผมพบบ้างในหน่วยราชการเช่น กรมป่าไม้ หน่วยงานด้านเกษตร
ในมหาลัยเกษตรก็เคยเจอจอดเป็นซากครับ







โตขึ้นมานั้นรถยุโรปก็ค่อยๆหายไป ก็เห็นรถจากญี่ปุ่นเข้ามาครับ
เริ่มจากรถ 6 ล้อ เขาเอามาใช้ส่งน้ำแข็ง น้ำแข็งสมัยเด็กมันจะเป็นก้อนใหญ่ๆที่เขาเอามาทำน้ำแข็งไส เวลาเขาขนส่งไม่มีรถห้องเย็นครับเขาจะใช้การหมกในแกลบมากันมันละลาย (แก่แล้วเรา) โรงน้ำแข็งก็อยู่ในตัวจังหวัครับ เขาวิ่งส่งไปหลายอำเภอแบบออกเช้า -เย็นกลับ รุ่นนี้เลยผมจำได้






ธุรกิจขายน้ำปลาเร่ก้เอามาใช้ครับ น้ำปลาตราสิงห์ทองนั่นเอง น้ำเสียงอันเป้นเอกลักษณ์ " น้ำปลาตราสิงห์ทองมาแล้วครับ> น้ำปลาตราสิงห์ทองมาแล้วครับ" เขามาตามนัดทุกๆวันที่ 2 ของเดือน ก็ใช้รถแนวนี้ครับ ตอนนี้ไม่รู้ว่าน้ำปลายี่ห้อนี้ยังมีขายอีกหรือเปล่า!!!!!






แต่รถบรรทุกที่ผมจำได้แม่นก็รถ อีซูซุ 10 รุ่นหน้ายาว 160 แรงม้ารุ่นนี้
สมัยก่อนใครขับถือว่าเทห์มาก อุปรณ์ตกแต่งที่ติดรอบคันสุดยอด ใช้แสตนเลส ตีขึ้นรูปสวยงาม ประดับ นับเป็นงานฝีมือ กระบะเป็นไม้เนื้อแข็ง
ชิ้นเดียวขนาดใหญ่ ลูกกรงกระบะเป็นไม้ ไม่มีประตูข้าง บนหัวเก๋งประดับไฟสวยงาม มีธงทิวประดับ คนขับรถสิบล้อสมัยก่อนล้วนเป็นเจ้าของเสียส่วนใหญ่ เขาจะตกแต่งรถแข่งกัน แต่ละรายมีรถ1-2 คัน ปัจุจบันเป็นเถ้าแก่กันหมดแล้ว




แบบ 6 ล้อก็มี ผมว่ารถบรรทุก อีซูสุ รุ่นนี้คลาสสิคที่สุดในบรรดารถบรรทุกที่ผมเจอมา ปัจจุบันก้ยังเห้นวิ่งอยู่ แต่ไม่มากครับ





จากนั้นรถบรรทุกญี่ปุ่นก็ไปเอาแบบอเมริกามา หมดเสน่ห์ลงไปเยอะ
รุ่นนี้เป็น Hino หน้ายาวแบบ 6 ล้อ ไม่ค่อยนิยมสำหรับสิงห์รถบรรทุกนัก
ยังคงเหนียวแน่นกับ อีซูซุหน้ายาว




ยุกต่อมาก็มาถึงยุค รถบรรทุกสมัยใหม่แบบหน้าตัด เครื่องแรงขึ้น มีสองเพลา มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่ม เช่น แอร์ วิทยุ ระบบเบรคแบบหม้อลม
และ ออฟชั่นมากมาย
เริ่มจากฮีโน่ ญาติของผมก็ไปออกรถมาวิ่งดิน แต่มีงานไม่ต่อเนื่องส่งค่างวดไม่ทันเลยโดนยึดเป็นหนี้เป็นสิน สมัยก่อนตามต่างจังหวัดเขาวัดฐานะกันที่ บ้านใครมีรถไถ มีรถบรรทุก ถือว่ามีเงินครับ




ตามมาด้ว รถ isuzu หน้าตัด สองยี่ห้อนี้กินกันไม่ลงครับเรื่องยอดขาย




ตัวประกอบก็มี นิสสัน






มิซูบิชิ ฟูโซ่ หรือ เรียกกันในหมู่นักขับว่ารุ่นเฉินหลง





ในปัจจุบันถ้าใช้ขนผลไม้และผักแบบ 6 ล้อก็เจ้าสองยี่ห้อนี่เลยครับ

ฮีโน่








อีซูซุ





ถ้าเอ่ยถึงรถบรรทุก จะข้ามรถบรรทุกขนาด 1 ตันไม่ได้ครับ มันก็คือรถกระบะครับ
ที่นิยมนำมาบรรทุกันมากๆ ก็นิสสัน บิกเอ็มขวัญใจมหาชนครับ



รถกระบะ เขาให้บรรทุกเสมอกระบะ แต่คนไทยเก่งด้านการดัดแปลง
เพื่อให้บรรทุกได้เยอะ โดยการเสริมแหนบ เพิ่มโ๊ช๊คอัพ เปลี่ยนยาง





คันนี้น่จะบรรทุกประมาณ 3 ตัน ประมาณ 3 เท่าของความสามารถในการบรรทุกครับ




รถต่อกระบะสูงพวกนี้เป็นที่ชอบใจของตำรวจที่ซุ่มริมถนน ตั้งด่านลอยด่านจริง ตามถนน โดนโบก ร้อย...เรียบ เคยคุยกันเขาบอกว่ามันคุ้มกว่าที่ไม่ต่อ
กระบะ รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ต้องเสี่ยงเอา วันไหนซวยแบงค์ม่วงก็ลอยออกจากกระเป๋า บางวันโชคดีก็ไม่โดน แต่มันก็อันตรายถ้าแต่งรถมาไม่ดีหรือ
รถหมดสภาพก็อาจเป็นเช่นนี้





มาดูรถบบรทุกในปัจจุบันกันครับ
รุ่นใหม่ แรงม้า 200-300 ขึ้นไป ระบบเบรคดี ห้องโดยสารดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่าสมัยก่อนเยอะ ราคาหลายล้านบาท


เริ่มจากรถพ่วงก่อนครับ พวกนี้นิยมใช้ขน หิน ดิน ทราย





ส่วนรถ 12 ล้อ รถเก่าจากญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมเช่นกัน





ถ้าเป็นสิบล้อรุ่นใหม่ก็ตกแต่งสวยน่าขับครับ





มาถึงรถหัวลาก ที่ลากตู้คอนเทเนอร์ใหญ่ๆ รถพวกนี้เทคโนโลยีสูง แรงม้าเยอะ ระบบเกียร์ก้าวหน้า ระบบเบรคสุดยอด เพราะต้องลากจูงของหนัก

เริ่มจากรุ่นที่นิยม สแกนเนีย





วอลโว่





ฮีโน่ รุ่นใหม่ มีการติดแก๊ส NGV ควันไม่ค่อยดำอากาศสะอาดขึ้นเยอะครับ





สรุปว่าคนชาติไหนๆ ใช้รถบรรทุกก็ชอบบรรทุกน้ำหนักเกินครับ





 

Create Date : 21 สิงหาคม 2553    
Last Update : 22 สิงหาคม 2553 9:04:46 น.
Counter : 79274 Pageviews.  

การเช็คสุขภาพรถด้วยตัวเอง

ผมได้เอารถไปเข้าศูนย์ คันแรกเป็นโตโยต้า vios อายุการใช้งาน 3 ปี
เลขไมล์ 130,000 กม อายุรถก็ไม่มากครับแต่ระยะทางก็พอสมควร รถผมใข้ในงานขายต้องขี่ไปทำงานต่างจังหวัดเฉลี่ย 4,000 กม/เดือน การเข้าเช็ครถและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ทำทุก 10,000 กม ครับ พอดีเข้าที่ จ.ราชบุรี
ทางศูนย์เขา มีรายการเช็คสุขภาพรถ ให้ลูกค้าผมว่าเราผู้ใช้รถน่าจะนำไปเช็คด้วยตัวเองได้เลยเอามาฝากเพื่อนๆครับ







เริ่มจากสภาพยางก่อนครับ





แบตเตอรี และ ยางปัดน้ำฝน





ระบบเบรค เช็คยากหน่อยครับเพราะต้องถอดล้อ ดูผ้าเบรคและจานเบรค
แต่ก็เอาเป็นความรู้แล้วกัน เช่นความหนาของผ้าเบรค สภาพจานเบรค
จะได้ไม่ถูกหลอกเปลี่ยนก่อน เสียเงินโดยใช่เหตุ





เช็คสภาพภายนอก










การตรวจเช็คและเปลี่ยนตามระยะทาง






อีกยี่ห้อ เป็นมิตซูบิชิ รถส่วนตัวของผมเป็น Lancer CNG ที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กม
แต่รายการเช็คเป็นของ Lancer EX พร้อมราคาอะไหล่ น่าจะไม่แตกต่างกันมาก





ระยะที่ตรวจเช็ค และค่าใช้จ่าย เอมาให้เป็นข้อมูลครับ





สิ่งไหนที่เราทำได้ก็ทำครับ หรือเรารู้ข้อมูลจะได้ไม่โดนฟันจนหัวแบะครับ




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 20 สิงหาคม 2553 0:04:45 น.
Counter : 5190 Pageviews.  

ไอ้หนุ่มรถไถ(ภาค:รถไถป้ายแดง)

หลังจากรีวิวรถไถมือสอง มาแล้วก้ได้เวลารถไถมือหนึ่งกันแล้วครับ
ตลาดรถมือ 1 มีหลายบริษัท ที่จำหน่ายกันอยู่ในบ้านเรา วงการรถไถเพิ่งมาบูมตอนที่ข้าวเกียนละ 10,000 ยางพารา 100 บาท/กก ปาล์ม 4 บาท/กก
ข้าวโพด 7 บาท/กก มันสำปะหลัง 2.5 บาท/กก แรงงานหายากเนื่องจากย้ายไปทำที่โรงงานหมด เครื่องมือขนาดเล็กที่ใช้ในไร่นาจึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างสูง ภายในระยะไม่เกิน 3 ปีมานี้เอง

บริษัทที่จำหน่ายรถไถขนาดเล็ก-กลาง

1. Kubota (คูโบต้า ) เป็นเจ้าตลาด ขายรถไถทุกขนาด มีตัวแทนจำหน่าย
กระจายอยู่ทั่วประเทศ เปรียบกับรถยนต์ก็โตโยต้า
2. Yanma (ยันมา่ร์) ทำตลาดแบบเรื่อยๆ กิจกรรมการตลาดไม่มากนัก
ความนิยมเป็นรอง คูโบต้า
3. Mitsubishi (มิตชูบิชิ) เอาเข้ามาทำตลาดไม่เกิน 2 ปี เป็นที่รู้จักไม่มาก
4. Champion (แชมเปี้ยน) รถใหม่ น่าจะนำเข้ามาจากจีน ราคาไม่แพงมากนักในรุ่นที่แรงม้าเท่ากัน








รถไถขนาดใหญ่ 80 แรงม้าขึ้นไป ใช้ในไร่นาขนาดใหญ่ เช่นไร่อ้อย
ไถบุกเบิกที่ กลุ่มนี้จะเป็นรถที่มาจากยุโรปและอเมริกาครับมีดังนี้


1.ฟอร์ท (Ford) ส่วนมากจะเป็นรถมือสองมากกว่ารถมือ 1 สังเกต รถจะเป็นสีน้ำเงิน จะใช้กันมากในหมู่ชาวไร่ ชาวนาจะไม่นิยมใข้เพราะเอาลงนารถมันหนักมันจะจมและติดหล่ม ส่วนมากใช้รถขนาดเล็ก รุ่นที่นิยมรุ่น 5500, 6500 ข้อดีคือ ซ่อมง่าย อะไหล่หาง่าย แรงดี ราคามือสองไม่แพงมาก ข้อด้อย เป็นเครื่องเก่า จะกินน้ำมันมากกว่ารถใหม่

2. นิวฮอล์แลนด์ (New Holland) เป็นรถใหม่นำเข้า เป็นรถรุ่นใหม่ๆ
มีทั้ง turbo + inter cooler เป้นรถที่เหมาะกับงานหนัก สีก็คล้ายฟอร์ท
คือ สีน้ำเงิน ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นฟอร์ท






3. จอนเดียส์ (๋John deer ) มาจากอเมริกาครับ เจ้านี้เป็นเจ้าเทคโนโลยีด้านรถไถ และทำเครื่องจักรการเกษตรขนาดหนัก เช่น เครื่องเก็บข้าวโพด
เครื่องเก็บเกี่ยวอ้อย ฯลฯ แต่ไม่เป็นที่นิยมในบ้านเรา เนื่องจาก ราคา
อะไหล่ ศูนย์บริการ แต่เป็นรถไถที่ดีอีกยี่ห้อครับ





มาดูเจ้าตลาดดีกว่าครับ KUBOTA (ราคาประมาณ 1 แรงม้า ต่อ 15 -20 K)

สาเหตุทีเขาประสพผลสำเร็จในการทำตลาดเพราะว่า
ใช้หลักการตลาด 5 P คือ
1.Product คือ สินค้ามีครบทุกขนาด จากขนาดเล็ก - ขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทอื่นไม่มี
2.Price คือ ราคามีหลายระดับ แตกต่างให้เลือก พร้อมทั้งมีไฟแนนซ์
3.Place คือ ช่งจำหน่ายสินค้า มีตัวแทนอยู่ทั่วประเทศ
4.Promotion คือ รายการส่งเสริมการขาย ทั้งชิงโชคไปเที่ยวญี่ปุ่น ลดราคาอุปกรณ์เสริม โฆษณาทางสื่อ
5.People มีทีมงานบริการหลังการขาย

มาดูตัวเล็กสุดที่เอามาทดลองตลาดใหม่ๆมีโฆษณา เมื่อ 3 ปีก่อน แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากยังไม่ใช่รถไถที่แท้จริงโดอยเอาเครื่องรถอีแต๋นมาใส่และขับโดยสายพาน





ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด 24 แรงม้า เป็นรถไถจริงๆ 2 สูบ ใช้งานทั่วๆไปยังใช้งานหนักได้ไม่มาก ลูกค้าจะไปหาซื้อรถมือสองมาใช้มากกว่า ในราคาเ่ท่าๆกันก็สามารถซือรถมือสองได้ 28 - 34 แรงม้า รุ่นนี้ก็มีใช้น้อย





มาถึงรุ่นขวัญใจมหาชน ขนาด 36 แรงม้า สารพัดประโยชน์ นิยมใช้ในการทำนากันครับ ขนาดพอดีเพมาะในการทำนา เพราะขับเคลื่อน 4*4
โดยส่วนใหญ่รถไถปัจจุบันมักจะทำแบบขับเคลื่อน 4*4 เป็นส่วนใหญ่




ขนาด 46 แรงม้า มักจะติดใบมีด ดันดิน หรือ ที่ตักใช้ตักดิน ข้าวเปลือก
ทะลายปาล์ม นิยมใช้ในสวนยาง สวนปาล์มภาคใต้ครับ









ขนาดกลาง ใช้งานในการไถบุกเบิก ใช้พ่วงเครื่องพรวนดิน ขนาด 60 แรงขึ้นไป













ขนาด 70 แรงม้า





ขนาด 85 แรงม้า เป็นรถขนาดใหญ่เหมาะกับการทำงานหนัก





ขนาด 95 แรงม้า






ขนาด 105 แรงม้า ใหญ่สุดของบริษัทที่มีจำหน่าย ราคาพอๆกับ ฟอร์จูนเนอร์ ครับไม่ถูกนะครับ รุ่นนี้พบมาทางภาคใต้ ใช้ใรงาน รื้อสวนปาล์ม
ไถตอ ยาง ในสวนยางที่รื้อและปลูกใหม่





รถแมคโครขนาดเล้ก สำหรับรื้อตอยาง ปาล์ม หรือขุดหลุมปลูก ก็มีให้เลือก แรงงานหายากมาก เดรื่องมือเลยผลิตออกมา ให้เกษตรกรใช้





ชาวนาก็มีเครื่องดำนามาใช้แล้ว ไม่มีการลงแขกดำนา หรือหาคนดำนาได้ยาก จ้างคนตอนเย็นต้องมีน้ำมันหล่อลื่นเป็นเหล้าขาว เดี๋ยงนี้สบาย

เครื่องดำนาขนาดเล็ก






ผลงานของเครื่องดำนา





เครื่องดำนาขนาดใหญ่ แบบนั่งขับ





มาถึงเครื่องเกี่ยวข้าวครับ






เดี๋ยวนี้ ชาวนา สบายครับ ใช้มือถือ ทำนา !!! ไม่ใช่ I PHONE 4 G นะครับ มือถือรุ่นไหนๆ ก็ทำได้ครับ อย่า งง ครับ
ผมไปหาลูกค้าที่ อ. ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี แกก็อำผมอย่างนี้แหละครับ

แกเฉลยว่า จะไถนา ก็โทรเรียก จะหว่านข้าวก็โทรเรียก จะฉีดยากันเพลี้ยก็โทรเรียก จะเกี่ยวข้าว ก็โทรเรียก มีบริการครบวงจรครับ ผมเลยถึงบางอ้้อ
เดียวนี้มีการประกันราคาข้าว 10,000 บาทต่อเกวียน พอมีกำไร เมื่อก่อนไม่มีประกันราคาข้าว ต้องวัดดวงเองครับ ชีวิตเกษตรกรก็แบบนี้ละ่ครับ







>>>.>> กลับมา Update รถไถในงานเษตรกำแพงแสนปี 2555 กันครับ<<<<<<


>>> มีผู้เล่นมากรายเข้ามาขายรถกันมากขึ้น และนิยมผลักดันรถขนาดเล็กถึงกลางกันมากขึ้นทั้งรายเก่าและรายใหม่ เนื่องจากต้องมาทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนที่ต้องจ่าย 300 บาท/วัน ที่สำคัญหายากมาก ดังนั้นเครื่องทุ่นแรงในเกษตรกรที่มีพื้นที่ 25 - 100 ไร่ รถขนาด 20 -50 แรงม้าจะเหมาะกับฟาร์มขนาดนี้  ไม่เล็กไม่ใหญ่ไปเกินไป บำรุงรักษาง่าย ราคาไม่แพงมากพอผ่อนได้มาดูเจ้าแรกครับ

 New  Holland งานนี้จัดเต็มรถขนาดกลางและใหญ่ครบทุก Segment น่าใช้ครับ



 รายต่อมา CLAAS จากเยอรมัน เป็นรถขนาดกลางเพิ่งเข้ามาทำตลาด ราคาก็สูสีกับเจ้าตลาด
แต่แพงกว่าเล็กน้อยตามแบบฉบับสินค้าที่มาจากเยอรมัน จะถูกจริตกับเกษตรกรไทยหรือไม่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองครับ



เขาแนะนำในแนวทางการทำไร่อ้อยครับสำหรับ CLAAS  เทคโนโลยีเยอรมันคงจะพอเชื่่อถือได้
สำหรับเครื่องจักรกลทุกชนิด






  จอนส์ เดียส์ ปีนี่ก็มีรถในกลุ่มนี้มาตอบสนองกับเกษตรกรครับเน้นจับกลุ่มเกษตรกรรายกลาง-เล็ก
เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ใช้รถคุณภาพดีใน ขนาดและราคาที่พอเอื้อมถึง




 ยี่ห้อยันมาร์ คู่แข่งแดนปลาดิบ กับเจ้าตลาดก็เดินเครื่องทำตลาดอย่างเข้มแข็ง มีศูนย์บริการ
คุณภาพสินค้า และ รูปแบบสวยงามไม่แพ้กับเจ้าตลาดปีนี้ก็มาออกงาน สาธิตการใช้งาน
ดีครับที่ทำให้เกษตรกรมีตัวเลือกที่สูสีกัน การแข่งขันทำให้ผู้บริโภคหรือเกษตรกรได้ใช้ของดี
ราคาสมเหตุผลบริการที่ดี แข่งกันทำตลาดเยอะๆครับ เมื่อก่อนเครื่องยนต์ยันมาร์ ขายดีพอๆกับคูโบต้าครับ แต่ช่วงหลังแผ่วไปเยอะ คูโบต้าทิ้งซะไกล แต่คุณภาพไม่น่าต่างกันมากครับ




 อีกยี่ห้อ KIOTI ผมเห็นมาสองปีแล้ว แต่ปีนี้มีรถขนาดกลางมาร่วมแสดงครับ





 ต่อมาก็ยี่ห้อ KAMOL น่าจะเป็นรถที่นำเข้าแล้วมาติดยี่ห้อตัวแทนจำหน่าย เป็นรถขนาดกลางคุณภาพงานก็ดูดีน่าใช้ครับ





  อีกตัวคือยี่ห้อ แมสซีย์ -เฟอร์กูสัน  ผมเจอในงานเหมือนเจอเพื่อนเก่า เพราะรถยี่ห้อนี้นิยมใช้กันมาก
ในเขต ลพบุรี ในเขต อ.พัฒนานิคม สมัยเด็กๆก็เคยหัดขับรถยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรก ขับง่ายอุปกรณ์ไฮโครลิคและเบรคดีครับ  ลุงผมเมือก่อน 40 ปีที่แล้วมีกันคนละ 2- 3 คัน  พอทำไร่เสร็จก็รวมกันเป็นกองคาราวานไปไถนาและไร่ วิ่งจากลพบุรีไปไถที่ แถวร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ขอนแก่น  ไปที 2 เดือน รายได้ดีมากครับครั้งละ 50,000 - 100,000 บาท (เมื่อ 40 ปีที่แล้วนะครับ ถ้าคิดปีนี้ก็คูณ 5 เท่า) ตอนนี้แกอายุมาก ขายทิ้งไปแล้ว เมื่อต้นปี ได้เงินคันละ 180,000 บาท สมัยที่ซื้อมือสอง ราคาไม่เกิน 250,000 บาท ใช้มานานมากยังขายได้ราคาอยู่ กำไรไม่รู้เท่าไหร่ เกษตรกรชาวไร่ลพบุรีส่วนใหญ่จะผูกพันธ์กับรถยี่ห้อนี้เป็นพิเศษครับ




   รู้สึกว่าแมสซี่ เฟอร์กูสัน จะไม่ได้ทำจากยุโรป ไปดูแทคโลหะที่ติดตัวรถ เขียนว่าทำที่ บราซิล
แต่ผมดูงานเนียนมากระดับเดียวกับ จอนห์เดีย  นิวฮอร์แลนด์ น่าใช้เช่นกันครับยี่ห้อนี้ ช่างซ่อมได้สบายครับ  ขนาดลุุงผมจบ ป 4 ยังรื้อรถมาซ่อมเปลี่ยนแหวนลูกสูบ OVERHALL บ่อยๆ  ช่างคุุ้นเคยกันดีรถยี่ห้อนี้ถึงแม้จะหายไปจากตลาดนาน มีแต่มือสองนำเข้าบ้างเล็กน้อย ใช้แล้วทนทานดี
แต่ช่วงหลังโดนมือสองยี่ห้อฟอร์ท มาตีตลาดเงียบหายไปพักใหญ่


 มาถึงยี่ห้อสุดท้ายผมชอบเพราะเป็นของคนไทย คือยี่ห้อ EUROTRAC เป็นของคนไทยครับ ที่เขากล้าคิดกล้าทำ โดยเอาอุปกรณ์ชั้นนำของแทรคเตอร์ เช่น เครื่องของเพอร์กินส์ ระบบเกียร์และไฮรโดรลิค
จากหลายๆแหล่งที่ีชื่อเสียง มาประกอบกันงานประกอบคุณภาพดีทีเดียว และทางเจ้าของก็นำเอารถมาสาธิต ที่สำคัญราคาครับ รถขนาด 100 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อเหมาะกับไร่ขนาดใหญ่หรืองานที่หนักๆ ราคา 9 แสนมีทอนเล็กน้อย ถ้าเป็นยี่ห้อหลัก ล้านกลางๆครับ ส่วนตุณภาพก็ต้องพิสูจน์ แต่อุปกรณ์หลักจากผู้ผลิตที่ดีก็น่าจะเบาใจระดับหนึ่ง ต้องมาดูบริการหลังการขาย น่าสนับสนุนครับสำหรับความกล้าหาญของคนไทยที่จะสร้างยี่ห้อนี้ขึ้นมา ผมขอชมเชยครับ ที่สำคัญราคาเอื้อมถึงครับใครที่ต้องการรถขนาดใหญ่ในราคามิตรภาพครับ






ทดลองไถจริงในแปลงทดสอบในงาน     คุณภาพการไถไม่น้อยหน้ายี่ห้ออื่นๆครับ






 ใครที่สนใจรถไถขนาดใหญ่ ราคาประหยัด ลองศึกษาดูได้ครับเพราะเทคโนโลยีรถไถไม่ซับซ้อน
มากเหมือนรถยนต์นั่ง ถ้าคิดว่าใช่เหมาะกับเราก็ ไปลองหรือศึกษาดูก่อนซื้อ ถ้าดีก็บอกต่อเราจะได้
มีทางเลือกหลายๆทางครับ 





ถ้ามีข้อมูลดีๆจะเอามาเสนออีกครับ รู้สึกว่าบล็อกนี้จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษครับ

 Update งานแทรคเตอร์โชว์  4-10 ธันวาคม 2558 ( งานเกษตรกำแพงแสน)

 ปีนี้เน้นรถขนาดใหญ่ รถที่มาโชว์ยังคงเป็นเจ้าเดิม มาดูกันครับ


 คูโบต้า




CLAAS ปีนี้มาเต็มครบทั้งรถใหญ่และอุปกรณ์ต่อพ่วง



 ตัวใหญ่มี Turbo และ intercooler








  แมสซี่เฟอร์กูสัน


 EUROTRAC



 ยันมาร์



Kamol



KIOTI



 New  Holland 



Farmer



เครื่องต่อพ่วงและเครื่องมืออื่นๆ

เครื่องปลูกมัน

 เ

เครื่องขุดมัน



เครื่องปลูกอ้อย



เตรื่องฝังปุ๋ย



เครื่องคีบอ้อย



โรตารีตีดิน



เครื่องตัดหญ้า(แบบนี้เหมาะกับหญ้าเนเปียร์)



แบบนี้เหมาะกับหญ้าขน หญ้ารูซี่



อุปกรณ์กวาดรวมหญ้าหรือฟาง



 รถอีแต๋น



อีกแบบนิยมใช้ทำนา



เครื่องดำนา





















 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 19:43:10 น.
Counter : 177593 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

แจ้ห่ม47
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




ที่อยู่หลัก ลพบุรี ลำปาง และ ปทุมธานี
ที่อยู่ที่อื่นๆ ตามเขตการขายที่ดูแล ภาคตะวันตก ภาคใต้และ ภาคอิสานตอนบน (ทัวร์นกขมิ้นทุกเดือน เนื่องจากดูแลฝ่ายขายครับ ไม่ได้หนีหนี้ 555)
ภาพทุกภาพไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้านำไปเผยแพร่เพื่อ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ผิดกฏหมายหรือศีลธรรม เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาติ ไม่หวงครับ ขอกันกินมากกว่านั้นแต่ขอให้อ้างอิงแหล่งที่มาของรูปด้วยครับ ขออภัยหากตอบท่านช้า หรือเข้าไปเม้นต์ท่านช้า ผมใช้เนตผ่านมือถือครับช้ามากๆขออภัย และ หากผิดพลั้งไป ต้องขออภัยเพราะความรู้ต่ำ
New Comments
Friends' blogs
[Add แจ้ห่ม47's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.