ชีวิตพอเพียงกับการเลี้ยงกล้วยไม้
Group Blog
 
All Blogs
 
สูตรสำเร็จในการเล่นหุ้น ตอน 1(เลือก >>>ซื้อ>>>ถือ>>>>ทน>>>ชนะด้วยเวลา)

 การเล่นหุ้นจะให้ร่ำรวย ภายในพริบตายาก  แต่จะให้เจ๊งช่วงข้ามวันไม่ยากเกินไปครับ
วันนี้ผมจะมาแชร์ความคิดเรื่องการเล่นหุ้นในมุมมองฝ่ายขายที่ผมทำอาชีพนี้มาตั้งแต่จบ จนถึงวันนี้

หลักการมี 5 ข้อดังนี้

 ขั้นตอนที่ 1.เลือก >>> 
 การเลือกหุ้นมีความสำคัญมากที่สุด ในการขายเราจะเลือกเปิดตัวแทนจำหน่ายกับใครเรามีหลักการพิจารณาดังนี้

    1.1ลูกค้าต้องมืเงินทุน (capital)  หุ้นก็เช่นเดียวกัน ต้องมีกำไรสะสม มีสินทระพย์มากกว่าหนี้สิน และอื่นๆที่เราจะหาดูได้จากงบการเงิน
    1.2 ลูกค้าต้องมีความสามารถ(capacity) ในการทำตลาดเพื่อขยายยอดขาย หุ้นก็เช่นกัน ต้องเลือกบริษัทมีความสามารถในการทำยอดขาย และ กำไร เพิ่มทุกปี บริษัทจะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญเท่ากับความสามารถด้านการขาย ทำกำไร เราก็ดูที่ %กำไร ROA ROE ที่สำคัญต้องมีปันผลสม่ำเสมอทุกปีต่อเนื่อง
    1.3 ลูกค้าต้องค้าขายแบบหลักการ และทำตามเงื่อนไขของธุรกิจ (Condition) 
หุ้นก็เหมือนกันครับบริษัทที่เลือกต้องมีธรรมาภิบาล (GC) ไม่มีประวัติด่างพร้อยเช่น ถูกขึ้น SP หรือ H เนื่องจากส่งงบไม่ทัน หรือไม่ติด Cash balance ที่เกิดจากการปั่นติ๋วๆ ถ้าเป็นลูกค้าก็ลูกค้านิสัยดี ไม่ลากหนี้ ไม่ปล่อยเช็คเด้ง ทำนองนั้น
  1.4 ลูกค้าที่มีวิสัยทัศน์ดีค้าขายเก่ง มีชื่อเสียง (Character) ได้ลูกค้าเก่งๆยอดขายกระฉูดครับ
หุ้นก็เช่นกัน ถ้าเลือกบริษัทที่ดี ผู้บริหารเก่งจริง ผลประกอบการก็วิ่งเป็นเจ้าเข้า ผมดูจาก Opportunity day ที่บริษัทพบผู้ลงทุนทาง App ผ่าน ipad ฟังน้ำเสียงการพูดการตอบคำถามผมได้ประโยชน์จากตรงนี้มาก ดูโหวงเฮ้ง น้ำหนักการพูดการตอบคำถาม แล้วมาดูงบการเงิน ใช้ประสบการฬนงานขายมาแยกว่าพูดจริง พูดสร้างภาพ ผมได้มา 2 ตัว จากการฟังผู้บริหาร 
      ASP (ดร. ก้องเกิยรติ โอภาสวงการ)
      DRT (คุณ สาธิต สุดบรรทัด)

ซึ่งสุดท้ายทั้งสองตัวก็ช่วยพอร์ทผมพอสมควร  การเลือกต้องใช้เวลาผมใช้เวลาเป็นปีในการเลือกหุ้น คัดมา 100 ตัวที่คิดว่าดี  เรียงลำดับจากที่ชอย และรู้ข้อมูลจากมากไปน้อย  

ผมใช้เกณฑ์ในงานขาย เลือกหุ้นดังนี้

 1.ต้องมีกำไรสม่ำเสมอ และมีอัตราการโตต่อเนื่อง ในงานขายกำไรคือ คำศักดิ์สิทธิ์  ส่วนขาดทุนคือคำอัปมงคลต่อตำแหน่ง ถ้าขาดทุนต่อเนื่อเกิน 2 ปี เตรียมตัวหางานใหม่ทันที และบริษัทต้องมีกำไรสะสมมากพอควร 
 2.ยอดขายต้องเพิ่มสม่ำเสมอทุกปี มาตรฐานอุตสาหกรรมผมต้อง Plan ยอดขายเพิ่ม 10%ทุกปี
   และ%ค่าใช้จ่ายในงานขายก็ไม่ควรเพิ่มมากกว่าครับ
3.ช่องทางการจัดจำหน่าย ครอบคลุมพื้นที่ ผู้บริโภคสะดวก มีการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายหรือไม่ (CPALL และ PTT เป็นตัวอย่างที่ดีเรื่องการพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย)
 4.คุณภาพสินค้า และ ชื่อเสียงของตราสินค้า สินค้าคุูณภาพและมีชื่อเสียง ย่อมจะมียอดขายที่ดีและมีกำไรครับ
 5.คุณภาพของผู้บริหารและชื่อเสียงของผู้ถือหุ้น ตัวนี้ผมจะดูประกอบถือเป้นประเด็นหลักในการเลือกหุ้น  ผมถือว่าคนที่ชื่อเสียงย่ำแย่ มีโอกาสทำเรื่องแย่ๆ บ่อยๆ มากกว่าคนที่มีชื่อเสียงดี สังคมยอมรับ เขามีต้นทุนทางสังคม โอกาสทำเรื่องแย่ๆ มีน้อย ยกเว้นสภาวะวิกฤติ ไม่ว่าใครๆก็เอาตัวรอด

 สรุป  ในขั้นตอนเลือก คุณต้องเลือก เอาหุ้นที่คุณสำรวจมาอย่างดี มาทำตาราง Excel เปรียบเทียบไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องไปถามว่าเลือกหุ้นตัวไหนดี คำถามนี้ผมจะไม่ถามคนอื่น เขาจะมองว่าเราขี้เกียจ แม้กระท้้งกำไร/ขาดทุน ของเรา เรายังไม่ขวนขวายเลย

ขั้นตอนที่ 2  ซื้อ>>>
 ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก ไม่มีใครผิดใครถูก เพราะคุณไม่มีทางจะซื้อได้ถูกสุด ว่าถูกแล้วยังมีถูกกว่า 
  คำถามคจากกราฟ คุณจะซื้อจากกราฟแบบไหน

 แบบที่ 1






แบบที่ 2




 ผมชอบแบบที่ 2 ยิ่งแดง ยิ่งซื้อเพราะไม่มีใครแย่งซื้อ  เลือกซื้อราคาได้ตามใจชอบ ตามนโยบาย
ชาวสวน  และที่สำคัญต้อง ทะยอยซื้อเพราะก่อนที่จะซื้อเราได้ดูพื้นฐานมาเป็นอย่างดี เมื่อตลาดตกใจ กังวล จะจะขาย
แบบไม่มีเหตุผล พอตลาดคลายความกังวัล กราฟจะกลายเป็นแบบที่ 1  จากการติดตามมา 3 ปี
วงจรจะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครเข้าผิดจังหวะ หรือ ไม่เข้าใจ บาดเจ็บปางตาย

แบบที่ 3 

แบบนี้ชวนเวียนหัวสำหรับมือใหม่ สำหรับผมถ้ากราฟ Sideway แบบนี้ จะหยุดดู เพราะหุ้นมีให้เราซื้อทุกวัน ส่วนเงินมีจำกัด จะไม่ค่อยสวน เพราะถ้าสวนอาจ เงิบ ได้






 แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะขึ้นหรือลง!!!!

 ตอบ   เดาล้วนๆครับ ไม่มีใครรู้อนาคต ประเภทถ้ากรูอนาตค กรูรวยไปแล้ว 

          คนที่ใช้เทคนิค  ใช้กราฟซึ่งเป็นเรื่องอดีต กราฟไม่สามารถบอกอนาคตได้ การลากเส้น
การดู Pattern ของกราฟ ก็จะเอามาเดาอนาคตกันทั้งนั้น ผมเรียกว่าการเดาอย่างมีหลักการ
อย่างน้อยก็มีพังพอน กับ งูเห่า ออกมากัดกันให้ดู  กราฟอาจถูกหรือผิด เพราะมันเป็นการเดามีหลักการนั่นเอง

 ส่วนผมยึดพื้นฐานเป็นหลักดูงบการเงิน (มันก็เป็นเรื่องอดีต) +ดูแนวโน้มอุตสาหกรรม+ดูโหงวเฮ้งผู้บริหาร (จาก OPP DAY) +ตามราคาต่อเนื่อง +ดูกราฟ RSI +สัญชาติญาญฝ่ายขาย(มากกว่า 70%) มาเป็นตัวช่วยในการซื้อขาย 

 ข้อมูลจากตลาดทั่วโลกก็ช่วยได้ในการเดาทิศทางของตลาด แต่ก็ไม่แน่เสมอไปครับ มีการสับขาหลอกก็บ่อยไป แต่ก้ดีกว่าไม่มีข้อมูลอะไรในการตัดสินใจ





ขั้นตอนที่ 3 ถือ >>>


 ขันตอนนี้ยากครับ ส่วนใหญ่จะอดรนทนไม่ได้ จะซื้อๆขายๆ กันเป็นส่วนใหญ่ แบบว่า
มันแน่นอก ต้องยกออก เหมือนเพลงฮิตตอนนี้  ช่วงแรกๆผมก็เป็นเหมือนกัน อยากได้กำไรเร็วเห็น
หุ้นขึ้นนิดหน่อยก็มือบอนขาย ขายหมู ติดตอย ขาดทุน บ้างแต่ช่วงหลัง ผมไดเพื่อนชื่อวินัยมาช่วย เลยไม่ค่อยขากวินัย 555 ผมเริ่มซื้อหุ้นจริงจัง ไครมาศ 3 ปี 2553 หุ้นบางตัวผมซื้อสะสมไม้ละ 100-1,000 หุ้น ตามกำลังทรัพย์ที่อำนวย เช่น เงินเดือนออก เบี้ยเลี้ยงออก คอมมิสชั่นออก
เหมือนการซื้อเฉลี่ยไปในตัว หรือ ช่วงหุ้นปันผลก็เอาปันผลไปซื้อคืน หุ้นบางตัวตั้งแต่ซื้อมาไม่เคยขาย และช่วงตลาดลงแรงๆก็จะมีการปรับพอร์ทบ้าง เนื่องจากเราหุ้นที่เราเล็งไว้ มันลงมาให้เราสอยครับ  


พอร์ทที่ผมเปิดมาได้ 3 ปีแล้วครับ






ขั้นตอนที่ 4 ทน


 เราต้องทนหุ้นที่เราเลือก ดูงบการเงิน ดูผู้บริหาร ถ้าทุกอย่างเรามั่นใจว่าใช่ เราต้องทนและให้โอกาส ผู้บริหารเขาปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือรอมันโตตามวัฐจักร ธุรกิจ ผมให้เวลา 4 ปี ในการดู
ผลการดำเนินงาน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องหาทางออกตัว ผมเชื่อว่า 4 ปี ถ้าทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่มีการไล่กรรมการผู้จัดการออก ฝ่ายขายออก เปลี่ยนกรรมการ ผมก็ขอลาออกจากความเป็นหุ้นส่วน นั่นหมายความว่ามันไม่ทำธุกิจแล้วครับ มันปั่นหุ้น เพิ่มทุน เป็นอาชีพหลัก บริษัทแบบนี้มีเยอะเหมือนกันในตลาด ขาดทุนทุกปี ผมก็เห็นมันอยู่ได้ แต่ผมไม่เคยซื้อเป็นภาระลูกหลาน
ประเภทซื้อชาตินี้  ปันผลชาติหน้า   ไม่อยู่ในความคิดผม และผมจะไม่ทนกับหุ้นประเภทนี้
แต่หุ้นที่คิดว่าดี มีกำไร มีการเติบโต ถึงจะลงบ้าง ไรบ้างผมก็ทนครับ


ศรีทนได้ พอร์ท 2 ของผม ซื้อตอนต้นปี 2556 บางตัวแดงเถือก บางตัวเขียว โดยรวมทั้งพอร์ทเขียวครับ





ขั้นตอนที่ 5 ชนะด้วยเวลา>>>


    ขั้นตอนนี้ตรงกับหลักการ VI บางคนถือหุ้นบางตัว เกิน 10 ปี หุ้นที่ดี มีปันผลสม่ำเสมอ
VI ซื้อราคาต่ำๆ แค่ปันผลก็เกินมูลค่าที่ซื้อ ได้ทุนคืนแล้วที่เหลือก็กินปันผล หุ้นจะขึ้นจะลง
จึงไม่ค่อยหวั่นไหวกับราคา  


 ลองดูนะครับ การเล่นหุ้นไม่มีสูตรสำเร็จ แนวใครแนวมัน กำไรเท่านั้นคือคำตอบสุดท้าย
ผมเอาแนวทางการขายมาจับ เพราะผมเคยเป็นเซลแมนมาก่อน ปัจจุบันได้เป็นหัวหน้าเซลล์
ก็ดีขึ้นนิดหน่อย ได้เป็นขี้ข้ากิติมศักดิ์  ที่มีเจ้าของบริษัทดีและเก่งก็เท่านั้นครับ 555



Create Date : 08 มิถุนายน 2556
Last Update : 9 มิถุนายน 2556 0:29:36 น. 3 comments
Counter : 1907 Pageviews.

 
ได้ความรู้ดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: Star IP: 58.8.30.186 วันที่: 11 มิถุนายน 2556 เวลา:18:56:40 น.  

 
ได้แง่มุม และแนวคิดการลงทุนที่คุ้มค่าครับ


โดย: ชัย IP: 49.231.100.62 วันที่: 18 มิถุนายน 2556 เวลา:21:04:34 น.  

 
เป็นงานเขียนที่ดีมากครับ ผมขออนุญาตเอาข้อมูลของคุณแจ้ห่ม47 ไปเผยแพร่ต่อทางพ็อกเก็ตบุ๊คนะครับ

ขอบคุณมากครับ


โดย: ประสงค์ IP: 101.109.202.215 วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:16:07:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แจ้ห่ม47
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 109 คน [?]




ที่อยู่หลัก ลพบุรี ลำปาง และ ปทุมธานี
ที่อยู่ที่อื่นๆ ตามเขตการขายที่ดูแล ภาคตะวันตก ภาคใต้และ ภาคอิสานตอนบน (ทัวร์นกขมิ้นทุกเดือน เนื่องจากดูแลฝ่ายขายครับ ไม่ได้หนีหนี้ 555)
ภาพทุกภาพไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้านำไปเผยแพร่เพื่อ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ผิดกฏหมายหรือศีลธรรม เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาติ ไม่หวงครับ ขอกันกินมากกว่านั้นแต่ขอให้อ้างอิงแหล่งที่มาของรูปด้วยครับ ขออภัยหากตอบท่านช้า หรือเข้าไปเม้นต์ท่านช้า ผมใช้เนตผ่านมือถือครับช้ามากๆขออภัย และ หากผิดพลั้งไป ต้องขออภัยเพราะความรู้ต่ำ
New Comments
Friends' blogs
[Add แจ้ห่ม47's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.