พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก * วินทร์ เลียววาริณ
อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก * วินทร์ เลียววาริณอาทิตย์นี้มาเปลี่ยนแนวรีวิวหนังสือเสริมกำลังใจจากนักเขียนดับเบิ้ลซีไรต์ พี่วินทร์ เลียววาริณกันนะครับ ... พิ่วินทร์เป็นคนจังหวัดสงขลา เกิดปี ๒๔๙๙ จบปริญญาตรีจากคณะสถาปัตย์ จุฬาลงกรณ์ฯ ปริญญาโทด้านการตลาด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำงานที่ประเทศสิงคโปร์และนิวยอร์กรวมห้าปี และทำงานวงการโฆษณาอีกสิบปห้าปี ก่อนจะออกมาผลิตงานเขียนเต็มตัว ก่อนจะมีผลงานอันโดดเด่นก็คือ รางวัลสมาคมภาษาและหนังสือฯ รางวัลช่อการะเกดยอดนิยมสามสมัย รางวัลคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติสี่สมัย รางวัลซีไรต์สองสมัย ปี ๒๕๔๐ และ ๒๕๔๒ รางวัลศิลปาธร สาขาวรรณศิลป์ ปี ๒๕๔๙ มีผลงานได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายเรื่องผลงานเขียนของพี่วินทร์ที่ผมต้องกลับมาอ่านซ้ำๆ อยู่บ่อยๆก็จะมีประชาธิปไตยบนเส้นขนาน (๒๕๓๗) /สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน (๒๕๔๒) ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล (๒๕๔๘) นิยายข้างจอ(๒๕๔๘) หนังสือชุดกำลังใจทั้งหมด ๔ เล่ม และเล่มอื่น ๆ ก็น่าสนใจมากเช่นกัน ... อาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก เป็นหนังสือเสริมกำลังใจเล่มที่ ๔ ต่อจาก รอยเท้าเล็กๆของเราเอง (๒๕๔๘) /ความฝันโง่ๆ (๒๕๔๙)/ เบื้องบนยังมีแสงดาว (๒๕๕๐) ที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้วตามลำดับ ... เนื้อหาในหนังสือเล่มเล็กไม่ใหญ่มากเล่มนี้ยังคงมีเจตนาเสริมสร้างความคิด มุมมองหลากหลายและนอกกรอบ ไม่กล้าคิดมาก่อนอยู่เช่นเดิม ...แต่ที่เพิ่มมาอีกหน่อยก็คือการมองโลกแบบมุมกลับ และคิดต่างจากที่เคยเป็น อาทิเช่นเรื่อง ...* บุณคุณกับกตเวทิตา * เป็นเรื่องของปลาวาฬเพศเมียที่ติดอยู่กับเชือกไนลอนโยงข้องจับปู ชีวิตของมันก้ำกึ่งจะรอดไม่รอด จนกระทั่งมีชาวประมงเห็นความยากลำบากที่จะเอาชีวิตรอดของมันเข้าเลยช่วยเอาไว้ ... มันเลยรอดชีวิตมาได้อย่างมีปาฏิหาริย์ ... ก่อนที่มันจะหลุดมันจ้องมองมายังคนช่วย พอหลุดได้เท่านั้น .. มันว่ายวนใช้ปากแตะคนที่ช่วยทีละคน ๆ จนครบเหมือนจะมาขอบคุณที่ช่วยชีวิตเรา ... พี่วินทร์สรุปกรณีนี้ว่าสัตว์ต่างชนิดพันธุ์กับเรา กำลังแสดงความขอบคุณเรา ...กตัญญู คือ รู้คุณ ... กตเวทิตา แปลว่า สนองคุณ ....* รูบนกำแพงน้ำ * ในเช้าวันหนึ่งที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เด็กชายวัยแปดขวบไปเยี่ยมคนตาบอดที่รู้จักคุ้นเคย ระกหว่างทางกลับได้ยินเสียงน้ำไหล พลันมองเห็นรูเล็กๆที่กำแพงกั้นน้ำ ... ซึ่งทุกคนในเมืองรู้ดีว่ามันหมายถึงอันตราย แรงดันของน้ำมหาศาลสามารถขยายรูเล็กๆ นั้นในเวลาอันสั้น น้ำทะเลจะทะลักเข้าท่วมเมือง ผู้คนนับร้อยนับพันจะสูญสิ้น ...เด้กชายจึงตัดสินปีนขึ้นกำแพงยัดนิ้วมือไปอุดรูรั่ว กระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานเด็กชายหนาวสั่น ... เป็นตายยังไงก็จะไม่ขอดึงนิ้วออกจากรูนั้น ภาพเมืองทั้งเมืองจมอยู่ในน้ำทำให้เขายืนหยัดสู้ต่อไป ... กระทั่งบาหลวงมาพบเจอเด้กชายอาการปางตาย แต่ก็รอดมาได้ และเมืองก็รอดมาด้วยเช่นกัน ...เรื่องนี้พิ่วินทร์พูดถึงการอุดรูรั่วให้กับประเทศชาติ อยากทราบไหมครับว่ายังไง ... ต้องตามไปอ่านกันนะครับ ....* คนที่ไม่มีวันแก่ * ตอนนี้พี่วินทร์พูดถึงปู่คลินท์ อีสต์วูด ที่เริ่มเป็นนักแสดงด้วยหนังเกรดบี ก่อนจะมาประสบความสำเร็จมากมาย ด้วยผลงานสุดท้ายในตอนนี้ก็คือเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มือรางวัลออสการ์หลายปี ... ด้วยอายุอานามที่ถึงปูนนี้น่าจะเลี้ยงหลานอยู่กับบ้าน หรือไม่ก็เข้าวัดเข้าวาดีกว่า ... แต่คลินท์หาได้เป็นเหมือนคนอื่นไม่ ... เขากลับสู้งาน และคิดทำสิ่งใหม่ๆให้กับวงการภาพยนตร์หลายแบบหลายแนว ... คลินต์มักจะมีคำพูดในเรื่องนี้ว่า ผมไม่ชอบความจำเจ และคิดอยู่อย่างนี้เสมอว่า ..... เพราะคนเราไม่มีความสมบูรณ์ และกล้าเปลี่ยนแปลงกล้าทดลองทำในสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่แยแสตัวเลขอายุของตนเอง เราก็สามารถมีชีวิตที่สนุกได้ตลอดไป และไม่มีวันแก่ ...สามเรื่องที่ผมยกตัวอย่างมีเป้นแค่น้ำจิ้มในอีก ๔๘ เรื่อง ...เช่น หัวใจที่ชายแดน / คนวิ่งชีวิต / ไม่มีวันยอมแพ้ / ถึงจะเดินถอยหลังก็ยังออกแรง /หัวใจ Y /นางสาวมารยาท / สิ่งที่เรามีเหลืออยู่ / แมวที่ริมฝั่ง / ปากที่สกศิลป์ / ยิ่งน้อยยิ่งมาก /คนอารมณ์ดี /ผลไม้วิเศษ /ฮาร์ทกับเฮด / อาชีพ:แม่บ้าน / เหนือข้อจำกัดทมางกายภาพ / ท้องฟ้าเป้นผู้ชาย ดวงดาวเป็นผู้หญิง / หมาเยี่ยวรดภูเขาทอง จากความว่างเปล่าสู่ความว่างเปล่า / ลมปราณแห่งปัญญา /เคียงไหล่ลูกน้อง/ ถุงยา / ข้าวผัด / ตุ๊กตาล้มลุก / รักตัวเอง / ปาร์ตี้ชีวิต / ผงชักฟอก /คุณจะหาแฟนได้ไหมในชาตินี้ และอีกมากมาย ... เยอะเจง ๆ ...๑๑๑๑ วันนี้เป็นวันอังคารชมพูสีหวานสำหรับคนกำลังมีความรัก ... ผมจึงขอเชิญเพื่อหนอนเปลี่ยนแนวจากนวนิยายที่เรารักมาลองอ่านหนังสือที่เสริมสร้างกำลังใจชั้นยอดเล่มที่ชื่อ ..พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก ของนักเขียนขวัญใจของผมอีกท่านหนึ่ง คือ พี่วินทร์ เลียววาริณ .... ผมรับรองเลยเอ้าว่าถ้าเพื่อนอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบแล้วไม่ได้อะไรกลับไป จะยอมถูกเตะหนึ่งทีเอ้า ... ลงทุนจริงๆ เนอะคนเรา @@@@@@ ********************************คำคมนักเขียน : วราภา การเป็นนักเขียนเรายอมรับได้อยู่แล้ว ไม่ว่าสิ่งที่ผู้อ่านหยิบยื่นให้จะเป็นก้อนอิฐ หรือดอกไม้ ...สกุลไทย : วางแนวทางการเขียนภายใต้นามปากกา วราภา ไว้อย่างไรบ้าง ?วราภา : เขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเขียน และเขียนแล้วเกิดความสบายใจ หลีกเลี่ยงเรื่องที่เขียนแล้วเครียดและเป็นวิชาการมากเกินไป ... ไม่เขียนเรื่องที่หนักจนเกิดความอึดอัด และที่สำคัญไม่ลอกเลียนงานของใคร เพราะนักเขียนแต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ...ลอกเลียนใครก้ไม่มีวันเหมือน ที่สำคัญคนอ่านต้องจับได้ เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งสกุลไทย : การวางฉากในแต่ละเรื่องเกิดจากความคิดอย่างไร ?วราภา : ชอบที่จะเขียนเรื่องเกียวกับฮ่องกงและคนจีน เช่น วันนี้ที่รอคอย เหมราช เพราะประทับใจบรรยากาศที่นั่นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ไป มันเป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างชัดเจนและลงตัว จนสามารถมองเห็นภาพพระเอกที่สามรถเป็นเจ้าพ่อ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นชายหนุ่มธรรมดาที่มีความรักเต็มหัวใจ ฮ่องกงจึงเหมาะสำหรับจ้าวซัน จะลี้ภัยการเมืองและพบนางเอกที่นั่น ... ส่วนฉากภายในประเทศเป็นการสร้างฉากเพราะครึ่งชีวิตอยู่ต่างประเทศ ไม่กล้าอ้างอิงสถานที่หลักเพราะกลัวผิดพลาด เลยตั้งเมืองสมมุติของตัวเองขึ้นมา สกุลไทย : แล้วการวางพล็อตล่ะ ...วราภา : ไม่ต้องใช้เวลามากนัก และก็เชื่อว่านักเขียนทุกคนจะมีพล็อตสะสมอยู่แล้วในสมอง มันเกิดขึ้นเอง รออยู่ที่นั่น ...รอกระบวนการกลายเป็นอักษรและขัดเกลาให้เหมาะสมกลมกลืน ... บางครั้งเขียนเพราะชอบชื่อเรื่อง ชอบชื่อพระเอก ชื่อนางเอก มันสะดุดตาดี ถึงพล็อตไม่สมบูรณ์ก็ไม่เป็นไร ... พยายามเขียนมาให้เข้าไปจุดนั้น จนจบได้ในที่สุด ซึ่งก็เพิ่มความสนุกในการเขียนและท้าทายดีเหมือนกัน .... (บทสัมภาษณ์วราภาจากนิตยสารสกุลไทย)
น้ำเพชร * ปิยะพร ศักดิ์เกษม
น้ำเพชร * ปิยะพร ศักดิ์เกษมตามธรรมดาแล้วการรอคอยอ่านนวนิยายที่น่าติดตามหลาย ๆ เรื่อง อาจจะทำได้หลายวิธี อย่างเช่น อ่านตามนิตยสาร อ่านตามบล็อก อ่านตามเวปที่มีให้โพสต์นวนิยาย หรือไม่ก็อ่านแบบส่งต่อเป็นเมลให้เพื่อนสนิทคอยคอมเม้นท์หรืออีดิทให้ก็ตามแต่ ... มีวิธีที่นิยมกันแพร่หลายและทำกันมานานก็คือ การอ่านตามนิตยสารชื่อดัง อาทิเช่น สกุลไทย ขวัญเรือน หญิงไทย กุลสตรี บางกอก ทานตะวัน ชีวิตรัก เริงสาร และอีกหลายฉบับ ... นวนิยายที่ได้ลงนิตยสารเหล่านี้ล้วนมักจะได้รับความนิยมจากแฟนกลุ่มหลักกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ไม่มีละหนีไปไหน ... ถึงแม้จะมีสื่อบันเทิงอื่นๆ ที่เสพง่ายและเข้าถึงในวงกว้างจะได้รับความนิยมมาก หลากหลายและรวดเร็ว ราคาถูกกว่าตั้งเยอะแยะเป็นร้อยเป็นพันก็ตาม ... การรอคอยอ่านนวนิยายจากหน้านิตยสารถือเป็นวัฒนธรรมคู่คนไทยมานาน เพราะเท่าที่จำความได้ ... ทุกวันอังคารจะรอคอยอ่านสกุลไทยกับบางกอก ถ้าเป็นรายปักษ์ก็จะอ่านขวัญเรือนกับกุลสตรี เหล่านี้เป็นต้น .... การอ่านนวนิยายทีลงเป็นตอนๆ และต้องรอคอยข้ามปีถึงจะจบเล่ม แล้วใช้เวลาอีกพักใหญ่ถึงจะรวมเป็นเล่มใหญ่ ให้ได้เก็บหาและชื่นชม .... จึงไม่แปลกใจที่นวนิยายที่ได้ลงเป็นตอนในนิตยสารมักจะได้รับความนิยมมากกว่าไปลงไว้ที่สื่ออื่น และที่สำคัญ (เท่าที่ผมสังเกต) นวนิยายเหล่านี้มักจะมีผู้จัดละครนำไปสร้างละครโทรทัศน์ให้ได้รับความนิยมซะเกือบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ( ยกเว้นนวนิยายเรื่องนั้นๆ มีฉากใหญ่และอลังการมากเกินงบประมาณที่ได้รับ หรือมีฉากที่ล่อแหลมหมิ่นเหม่ศิลธรรมากเกินไปหน่อย ) จึงสรุปได้ว่า ...* กว่าที่นักเขียนจะเขียนนวนิยายลงเป็นตอนๆในหน้านิตยสารก็ใช้ความยากลำบากในการสร้างเรื่องให้น่าติดตามตอนต่อตอน บทต่อบท แถมต้องคิดมุกหักมุมจบให้คนติดตามอีกต่อไปในอาทิตย์หน้าให้ได้ ....ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ...** ถึงแม้พล็อตนวนิยายบนโลกใบนี้จะมีไม่เกินห้าสิบแบบ ... งานหนักของนักเขียนที่หนักมากจริง ๆ นั่นก็คือ สร้างความแปลกใหม่ให้กับนวนิยายที่ตนเองลงมือเขียน ยิ่งถ้าเขียนแบบไม่เคยมีใครเขียนแนวนี้มาก่อน ยิ่งดี ยิ่งเจ๋ง ยิ่งอัศจรรย์เกินกว่าใคร ( ข้อนี้ทำได้ยากมากๆๆๆ เพราะอย่างที่บอก ถ้าเป็นนักอ่านที่อยู่ในกะลาอย่างผม คงจะไปคิดพล็อตพิสดารโลกไม่ได้แน่ เพราะชั่วโมงบินในการอ่านผมช่างน้อยนิดซะเหลือเกินครับท่าน ... แถมยังมีวิสัยทัศน์ในการมองชีวิตแบบจอแคบอีกต่าง เฮ้อ ... กลุ้มจังเป็นหนอนน้อยด้อยประสบการณ์เช่นนี้เนอะ ).*** ข้อนี้สำหรับนักเขียนใหม่คิดส่งเรื่องไปให้นิตยสารพิจารณา ... ต้องคิดให้ดี ลองมาฟังทางนี้ดู ... สำหรับมือใหม่หัดเขียนอย่างพวกเรา ... การเขียนนวนิยายสักเรื่องหนึ่งให้จบตามประสงค์ได้นั้น เป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก น่าภูมิใจมาก และมหัศจรรย์มากด้วยเช่นกัน เพราะอะไรนะเหรอครับ ... ก็เพราะมันยากมากถึงมากที่สุดนั่นเอง ... นักเขียนที่เขาเป็นมืออาชีพเขียนนวนิยายได้สี่ห้าเรื่องในคราวเดียวกันนั้นก็ผ่านจุดที่เรียกว่ายากของผมมาเหมือนกัน กว่าจะได้หนึ่งเรื่องก็แทบจะลมจับ แถมเขียและอีดิทส่งไปให้นิตยสารพิจารณา นิตยสารชื่อดังคิวก็ยาวดองโหลนวนิยายของเราไว้อีกครึ่งปี พอไปจี้ถามบ่อย ๆเข้า ก็ได้รับคำตอบว่า .. เรื่องคุณไม่ผ่าน รับเรื่องกลับไปเถอะ รกโต๊ะแล้วนะ ... ลมจะจับรอบที่สองสามสี่ ได้แต่ร้อง เฮ้อ .. ชะตาชีวิต ...สรุปอีกครั้งก็คือ ... ถ้าเพื่อนหนอนเห็นนวนิยายที่ได้พิมพ์เป็นตอนในนิตยสารแล้วรวมเล่ม ราคาถูกราคาแพงก็ช่วยอุดหนุนกันเยอะๆ นักเขียนจะได้มีกำลังผลิตงานออกมาเรื่อยๆ เหมือนอย่างนวนิยายน้ำเพชร ของพี่เอียด ปิยะพร ศักดิ์เกษมเรื่องที่ผมกำลังแนะนำต่อไปนี้ไงครับ ...น้ำเพชรเป็นผลงานล่าสุดของพี่เอียด ปิยะพร ศักดิ์เกษม นักเขียนมือรางวัลที่มีแฟนติดตามอย่างเหนียวแน่นกลุ่มใหญ่มาพอสมควร ... ผมก็หนึ่งในนั้นที่มักจะตามงานของพี่เค้าอยู่เรื่อยๆ ว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรลงตามหน้านิตยสารมั่ง และเรื่องอะไรกำลังจะรวมพิมพ์เป็นเล่มเร็วๆ นี้ ... นวนิยายเรื่อง น้ำเพชรก็เช่นกัน .... เมื่อแรกที่ลงเป็นตอน ๆ ในขวัญเรือน ผมติดตามเฉพาะช่วงแรก ๆที่ลงตีพิมพ์ พอตอนหลังไม่ค่อยมีเวลาไปติดตามเลยหยุดไว้แค่นั้น ... จนมาวันหยุดห้าวันที่ผ่านมานนี่แหละถึงมองเห็นว่านวนิยายเรื่องนี้ได้วางแผงแล้วที่ร้านนายอินทร์ เดอะมอลล์ ชั้นใต้ดินเจ้าประจำ แย้ว ...อารามดีใจหยิบมาไว้ครองในมือสั่นระริก ... แต่ก็ยังเหลือบตาไปมองราคาก็มองเห็นว่า เฮ้อ ... แพงเอาการเหมือนกัน เนอะ ... แต่เอาน่าเราไม่ได้กินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเล่นหวย เล่นหุ้น ฟุ่มเฟือยอย่างอื่นอะไรเลย (ชึวิตนี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะซื้อนวนิยายมาอ่านอย่างเดียว และถ้าหากอ่านไป ๆ จนหมดโลกแล้ว ก็จะเขียนอ่านเอง เก็บไว้เอง สนุกเอง ไปซะงั้น อิ อิ ) ตัดสินใจไม่รีรอซื้อ กลับมาอ่านที่บ้าน อ่านไปก็พบว่าเข็มนาฬิกาเวลาเคลื่อนไปไวมากกว่าปกติ ... ก่อนจะพบว่านวนิยายเรื่องน้ำเพชรเรื่องนี้ พี่เอียดเขียนได้สนุก เข้มข้นถึรสต้มยำกุ้งมาก .... ถึงรสชาติขนาดต้องอ่านรวดเดียวจบ (ถ้าเป็นไปได้) ในความยาว ๕๐ ตอนจบ ...นวนิยายเรื่องนี้พูดถึงชายหนุ่มผู้ร่ำรวยน้ำใจ และเงินทองอย่าง ... เกื้อคุณ ...พระเอกในใจขวัญใจสาวๆ หลายคนหนึ่งในพี่น้องในตระกูลเชิญอิสราชัย กับอัญชัน .. ..ด๊อกเตอร์สาวมั่นจากตระกูลจางวางประวาส ที่ทั้งคู่ต้องผ่านชีวิตที่หักเห ขึ้นลงๆตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีความสุขก็น่าจะสุข แต่กลับมาเรื่องราวเป็นทุกข์มหาศาลให้ได้แก้ไขตลอดเวลา ... โดยเฉพาะตอนที่ชนุตม์ น้องชายต่างมารดาของอัญชัน เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ...เรื่องราววุ่นวายตามมาอีกหลายเหตุการณ์ที่ต้องไปอ่านดู .... ตัวละครอื่นที่โดเด่นก็มีอีกหลายตัวอย่างเช่น พิมรตา สาวสวยผู้อ่อนไหว แต่มีชีวิตน่าสงสารมาก ... / นางอารีวรรณ ผู้เป็นแม่ของอัญชัน มีเบื้องหลังเบื้องลึกกับเขาเหมือนกัน .../ นายประวิทย์ ปู่ของนางเอกที่งานนี้ก็เกือบจะสายที่จะคิดทำอะไรเสียก่อน ..../ เทวฤทธ์กับนางประวิง ... ร้ายซะเหลือเกินพ่อคุณแม่คุณ .../ คุณกมลาสน์ คุณป้าผู้ใจดีกลับมาคราวนี้สร้างเซอร์ไพร์ซเช่นเดิมครับท่าน .... ฯ ล ฯ นวนิยายของพี่เอียดเรื่องนี้อ่านสนุก ได้ข้อคิดและถ้อยคำประโยคที่บอกกล่าวเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตถึงแก่นแท้(มักจะพบอยู่เสมอๆในนิยายของพี่ปิยะพรแทบทุกเรื่อง) เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที้ไม่สปอยเนื้อเรื่อง ... เอาไว้ให้เพื่อนหนอนไปหาอ่านน้ำเพชรกันเต็มฉบับ ๕๓๗ หน้ากันดีกว่า ผมรับรองว่าเรื่องนี้เป็นนวนิยายที่อ่านสนุกอีกเรื่องหนึ่งของพี่เอียด ปิยะพรครับ อาทิตย์นี้หยุดยาวหลายวัน ... วันนี้วันศุกร์ พรุ่งนี้จะหยุดอีกแล้ว ... ขอให้เพื่อนหนอนมีความสุขกับลองวีคเอนด์กันเน้อครับ สวัสดีม่วนซื่นครับ .... นายเมฆฉาย ********************************* คำคมจากนักเขียน : พงศกร * ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นคนเขียนหนังสือ พงศกร : เลือกเขียนหนังสือ เพราะเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุขมากครับ เหมือนเป็นโลกใบหนึ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง สร้างคน ตัวละครและฉากต่างๆขึ้นมา และเรารู้จักทุกคนในโลกของเราเป็นอย่างดี อีกอย่างเป็นคนช่างคิดช่างฝันครับ การเขียนหนังสือเป็นทางระบายออกของจินตนาการที่เรามี* ทำไมถึงเลือกเขียนเรื่องแนวลึกลับเหนือจริงครับ พงศกร : เลือกเขียนแนวลึกลับเหนือจริง เพราะเป็นคนชอบอ่านเรื่องแนวนี้ นักเขียนที่ชอบมากที่สุด คือ คุณจินตวีร์ วิวัธน์ครับ ผมอ่านทุกเรื่อง มีเก็บสะสมทุกเรื่อง ถ้าจำไม่ผิดคุณจินตวีร์ เสียชีวิตไปประมาณปี 2531 หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีใครเขียนงานแนวลึกลับออกมาอีก อยากอ่านมาก โหยหา เลยลงมือเขียนเสียเอง* คิดว่าข้อมูลจำเป็นสำหรับนักเขียนหรือเปล่าพงศกร: จำเป็นมากครับคนอ่านเดี๋ยวนี้เก่ง มีความรู้เยอะมาก เขียนโดยที่เราข้อมูลไม่แน่นนี่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะอาจผิดพลาดได้ง่าย สร้างความเข้าใจผิดได้ง่ายที่สำคัญที่สุด ผมมองไปไกลถึงขนาดอีกห้าสิบปี ร้อยปีข้างหน้าตอนที่เราตายไปแล้ว แต่งานเขียนของเรายังอยู่ และถ้าเราเขียนมั่ว คนรุ่นหลังมาอ่านแล้วเกิดเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง อันนี้อันตรายมากครับ ผมไม่อยากเป็นคนบิดเบือนประวัติศาสตร์ของประเทศผ่านงานเขียนของตนเอง* สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงคนอ่านไหมครับพงศกร : อยากฝากว่า ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ฝันอยากเขียนหนังสือ คุณหญิงวินิตาท่านเคยให้ข้อคิดกับผมเอาไว้ว่า ถ้าอยากเขียนหนังสือ ให้เขียนเลย อย่ามัวแต่อยาก ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้ลงมือเขียนสักที ซึ่งผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ครับ ถ้าอยากเขียน เขียนเลยครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะดีหรือไม่ดี เขียนออกมาก่อน เขียนให้จบ แล้วคุณจะภูมิใจมาก เมื่องานเขียนชิ้นแรกของคุณสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างและสำหรับท่านที่อยากพูดคุยกันกับผมอีก ขอเชิญแวะไปเยี่ยมที่ website ของผมได้นะครับ //www.groovebooks.com/.com ครับ (จากคอลัมน์คุยนอกรอบ เวปไซต์ประพันธ์สาส์น...)
สางสีทอง * จินตวีร์ วิวัธน์
สางสีทอง * จินตวีร์ วิวัธน์ .... แสงเดือนละออสาดส่องกระทบภาพเขียนสีน้ำมันเก่าแก่แขวนบนผนังปลายตีนเตียง ข้าพเจ้ามองเห็นถนัดถึงละอองหมอกบางๆลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่นั่น และอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเนิบช้าแทบจะสังเกตไม่เห็นอยู่เบื้องหลังม่านหมอกนั้นด้วย ... ข้าพเจ้านอนตัวแข็ง เบิกตาเพ่งมองสิ่งนั้นจนรู้สึกปวด ... สายตาที่ชินกับความมืดแล้ว พอแยกออกว่าอะไรเป็นอะไร พอเห็นและรับรู้ ข้าพเจ้าก็เริ่มรู้สึกกระตุกแรงๆที่หัวใจ และชาดิกไปทั้งกายเหมือนเป็นอัมพาตด้วยความตกใจกลัว ... แพรผืนใหญ่สองทองระยับไหวพลิ้วน้อยๆ อยู่หลังม่าน หมอกบางเบาเหมือนเจ้าของร่างกำลังเคลื่อนไหวการอย่างแช่มช้า .... หมอกแผ่ตัวขยายกว้างขึ้นลอยมาทางเตียงข้าพเจ้าพรน้อมแพรผืนนั้นขยับไหวมากขึ้น และมากขึ้น ... จนในที่สุด ข้าพเจ้าก้เห็นร่างที่คลุมด้วยแพรสีทองผืนนั้นถนัด เพราะดูเหมือนว่ามันขยับเข้ามายืนอยู่ตรงปลายตีน เตียง ห่างจากตัวข้าพเจ้าไม่กี่ฟุตเท่านั้นเอง ... ละอองหมอกบางเบาที่แผ่กั้นเราทั้งสองไว้ ทำให้ภาพพร่าเลือนไปบ้าง .... กระนั้นข้าพเจ้าก็เห็นถนัดถึงร่างโปร่งคลุมด้วยพัตราภรณ์ผืนใหญ่สีทองอร่าม ต้องประกายแสงเดือนเป็นมันระยับ .... (สางสีทอง หน้าที่ ๘๘ - ๘๙) บล็อกนี้จะถือเป็นบล็อกรีวิวต่อเนื่องจากเรื่อง ..ขวัญหนี คราวที่แล้วก็ว่าได้นะครับ ... เพราะว่าหลังจากกระทู้ที่ผมโอดครวญไปคราวนั้นว่าอยากได้สางสีทองของคุณจินตวีร์ ฯ มาไว้ครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัว โดยฝากของความอนุเคราะห์จากพี่ทอมมี่ พี่ที่น่ารักจากเวปพี่หมอโอ๊ตพงศกร ... จนมาในวันหนึ่งซึ่งผ่านมาเร็วๆนี้ ... พี่ทอมมี่สุดหล่อก็โฟนฮัลโหลมาหาบอกว่าได้ส่งสางสีทองกับนวนิยายที่ผมอยากได้อีกสองเรื่องมาให้แล้ว ... ผมร้องเย้ เย้ เย้ ไปครึ่งวัน (ไม่ทำงานทำการรึไง) จนได้รับพัสดุมาในไม่กี่วันหลังจากนั้น ... ก็รีบแกะออกมาตะลุยอ่านสองรวดจบ .... สรุปได้ในเบื้องต้นว่า ... ของเขาดีจริงๆ ด้วยล่ะ ... นวนิยายเรื่องสางสีทอง ... เรื่องนี้พี่ทอมมี่ของเราบอกว่าเป็นนวนิยายของคุณจินตวีร์ฯ อีกเรื่องที่ชอบมาก ๆ ผมอ่านจบไปรอบแรกก็รู้สึกเหมือนกับพี่ทอมมี่ คือ เป็นนิยายที่สร้างบรรยากาศได้สยองขวัญตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งๆที่มีขนาดของเล่มเล็กบางมากมาย ... ความยาวของหน้า 200 หน้า( 13 บท) แต่ความสนุกกลับไม่เล็กน้อยเหมือนขนาดหนังสือเลย ... เรื่องย่อของสางสีทอง ... มีอยู่ว่าอากร กับอัญชลี กัมลารัต ได้รับการติดต่อจากทนายประจำตระกูลว่าให้ไปรับมรดกเป็นที่ดินผืนหนึ่งพร้อมกับบ้านบังกะโลทาสีขาวหลังเล็กๆ .. แรกๆชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าสนใจอะไร กระทั่งทนายความแจ้งมาว่ามีคนมาติดต่อจะซื้อหลายรายแล้ว ... ถ้าจะขายก็ขายซะ ... อากรกลับมามองตัวเอง ภาระครอบครัวก็มาก การเงินก็ยอบแยบ เมียหนึ่ง ลูกอีกสาม ทั้งสามคนคืออากร อัญชลีและทนายความจึงไปยังบ้านหลังนั้น ...ชายหนุ่มก็รับรู้ว่าอาคนเล็กของเขาคือ กอบเกียรติเป็นเจ้าของบ้าน พร้อมภรรยาที่เป็นศิลปินด้วยกันก็คือ ดุรียา ... อัญชลีเปิดลิ้นชักเจอสมุดบันทึกปกหนังสีดำขนาดเขื่อง สภาพเก่าซีดเล่มหนึ่ง นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของสางสีทองที่จะเล่าย้อนไปครั้งกอบเกียรติกับดุรียา ได้มาอยู่บ้านหลังน้อยหลังนี้ ... สางสีทอง เริ่มเข้มข้นเมื่อทั้งสองสามีภรรยาได้มาปลูกบ้านน่ารักหลังนี้ในยุคเมืองพัทยา ปี พ.ศ. 2508 ชีวิตประจำวันของคนทั้งสองอาจจะธรรมดาไป ถ้าไม่ไปอยากรู้จักตึกใหญ่เก่าแก่ปรักพังเหลือแต่ซากหลังหนึ่ง ... ตึกหลังนี้แหละคือเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบของสางสีทอง ... เพราะความเป็นนักศิลปะตัวยง ทำให้ดุรียาทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำ ...นั่นก็คือไปหยิบฉวยภาพวาดต้นเรื่องทั้งหมดคือภาพหลวงอภิรักษ์พิธภัณฑ์กับคุณหญิงมาไว้ครอง ... แถมยังเอาแขวนไว้ปลายเตียงอีกต่างหาก ... บรื๋อ ๆ ๆ ๆ ๆ น่ากลัวมากกกกก .... วิญญาณร้ายก่อเรื่องราวมากมาย นับตั้งแต่ฆ่าหมา ลามมาฆ่าคน และจะปิดท้ายด้วยฆ่าพระเอกและนางเอก ... จนสุดท้ายนึกว่าเรื่องราวจะจบแล้วเพราะผีร้ายถูกทำลายไปอย่างสิ้นซาก ... แต่ ... ที่ไหนได้ ... ยังหลอนก๊อกสองได้อีกครับ โอ้ว .. มายก็อด ... น่ากลัวจริง ๆ เลยนังผีตนนี้ ... นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วสนุกมากตั้งแต่ต้นจนจบ ... ผมไม่สปอยเนื้อเรื่อง เพราะอยากให้ไปอ่านกัน ... เนื้อหาในเรื่องนี้ไม่ใช่ดุแต่ผีคนนะ ผีหมาในเรื่องก็ดุโคตร ๆ ด้วยเช่นกัน ... พออ่านไปก็จะอินกับบรรยากาศอึมครึมไปตลอดทั้งเรื่อง อาจมีเหลียวดูรอบตัวเป็นพัก ๆ เพราะอาการเสียวสันหลังวาบเหมือนถ้อยความเกริ่นนำในวรรคแรกไงล่ะครับ ... ในผลงานของคุณจินตวีร์ วิวัธน์มีมากมายหลากหลายเรื่องให้ได้ติดตาม และเก็บสะสม ..หายากบ้างง่ายบ้าง ก็แล้วแต่โชคชะตาบันดาลให้ได้เป็นเจ้าของ ... สำหรับสางสีทองเรื่องนี้ผมก็ขอขอบพระคุณพี่ทอมมี่ผู้ใจดี ที่เผื่อแผ่คิดถึงน้องนุ่งเวลาเดินร้านหนังสือเก่าแถวสวนจัตุจักร ... ถ้าวันดีคืนดีเจอมฤตยูเขียววววววว ก็บอกกล่าวน้องนุ่งบ้างเด้อพี่เน้อ อิ อิ อิ ... วันนี้วันจันทร์แสนสดใสอีกวันแล้ว ... ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ... นายเมฆฉาย ********************************คำคมจากนักเขียน : กิ่งฉัตร สิ่งแรกสำหรับการเริ่มต้นคืออะไร? กิ่งฉัตร : คือการสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความรักในการอ่านการเขียนมากน้อยแค่ไหน การเป็นนักเขียนไม่ใช่ทำได้ในชั่วข้ามคืน อย่างน้อยต้องใช้เวลานับปี ต้องทำงานมานานพอสมควรจึงจะอยู่รอด และพอมีผู้อ่านรู้จักบ้าง ฉะนั้นคนที่คิดจะมายึดอาชีพนี้ต้องมีใจรักมากพอที่จะอดทนทำงานได้อย่างต่อเนื่อง .... แล้วเคล็ดการเขียนของ กิ่งฉัตร คืออะไร? กิ่งฉัตร : เคล็ดอย่างหนึ่งที่ดิฉันถือมาตลอดในการเขียนหนังสือคือ เขียนเรื่องที่ตัวเองชอบอ่าน ไม่ฝืนเขียนอะไรที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่รู้ เพราะดิฉันถือเสมอว่าตัวเองเป็นผู้อ่านคนแรก ถ้าเขียนออกมาแล้วผู้อ่านคนแรกไม่ชอบ จะมีคนอ่านที่ไหนชอบงานของเราอีก ... ( หนังสือชงคำ ... เรียบเรียงโดยสัจภูมิ ละออ .. หน้าที่19 และ 25 )
ปฏิบัติการพิเศษ Q ตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน * เหลียงเคอชิ่ง
ปฏิบัติการพิเศษ Q ตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน * เหลียงเคอชิ่งอาทิตย์นี้อากาศดีมาก ฉ่ำเย็นด้วยน้ำฝนโปรยปรายตลอดเวลา ... ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านนวนิยายแปลแนวสืบสวนสอบสวนสุดฮิตโด่งดังลั่นเกาะฮ่องกง และขายดีที่สุดเรื่องจาก ปฏิบัติการพิเศษ Q ตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน ซึ่งเป็นเล่มที่ ๑ ผลงานของนักเขียนชื่อดังที่ชื่อว่า ...เหลียงเคอชิ่ง นวนิยายเยี่ยมยอดเรื่องนี้เป็นผลงานแปลของคุณปานชีวา บุตราช (เมื่ออ่านจบเล่มก็จะพบว่าสำนวนแปลสนุก ลื่นไหล และเข้าใจง่ายดีทีเดียวครับ) ปฏิบัติการพิเศษ Q เป็นนวนิยายชุด หรือที่เราเรียกว่า SERIES นั่นเอง ... นิยายชุดนี้อ่านสนุกน่าติดตามแม้จะเป็นฉบับแปลที่ผมอ่านก็น่าสนุกไม่แพ้ฉบับจริงที่มีความเป็นมาว่า ... แรกเริ่มได้ตีพิมพ์เป็นตอนๆในนิตยสาร ก่อนจะนำมารวมเล่มเป็นตอน ๆ เมื่อได้รับความนิยมอย่างมากมาย ....แน่นอนนักสืบคนเก่งของเราในเรื่องจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก ... นายวิง ..วิง ...เป็นสายลับพันหน้า ฝีมือดีเยี่ยมยอดจากองค์กรลับที่ตั้งขึ้นมาจากนานาประเทศ ( แต่ไม่บอกว่าประเทศอะไรบ้างอะ) หน้าตาของวิงจะปรับเปลี่ยนไปตามภารกิจที่ได้รับ ... แต่ถ้ายังจะถามว่าอายุเท่าไหร่ วิงจะตอบว่า ... เขาอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบ หน้าตาถ้าจะให้เปรียบเหมือนดาราคนไหนเขาตอบว่า ...เขาหล่อกว่าจางต๋าหมิง แม้แต่หลี่หมิงก็หล่อน้อยกว่าเขามากมาก ... แต่อาชีพที่เขามักจะตอบคำถามหลายคนอยู่บ่อยๆก็คือ ...เป็นช่างภาพกับชอบดื่มนมสดเป็นที่สุด ...อ้อ ... ลืมบอกไปว่านายของวิงมีชื่อว่า ...เอ็ม ...ครับภารกิจแรกของวิงในตอน Vicious คำสั่งระทึกขวัญ ก็คือ ตอน หนอนฟอสซิลในข้าวกล่อง ... ตอนนี้เมื่ออ่านไปก็งงๆ กับภารกิจที่แสนจะฉับไวของวิง ... เพราะภารกิจนี้วิงตามหาและปกป้อง หมีน้ำ ซึ่งมันก็ตัวหนอนที่เป็นเส้นยาวๆตัวหนึ่ง ...เอาเป็นว่าใครอยากรู้ว่าแค่หนอนตัวเดียวทำไมวิงถึงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปมากมายขนาดนั้น ลองไปอ่านในตอนนี้ดู ... สนุกเจงๆ ตอนที่สอง ชื่อตอนว่า ... คดีวันโลกาวินาศลัทธิจานบิน ... ตอนนี้ผมชอบ ผมชอบเพราะนางเอกน่าร้าก ก๊าก ๆ ๆ ๆ ในตอนนี้ภารกิจของวิงมีอยู่ว่าลูกสาววัยสิบเจ็ดปีของท่านรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางประเทศหนึ่งได้หายไปพร้อมกับลัทธิลึกลับที่อเมริกา (ลัทธิจานบิน) คือ เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก ... ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของวิงล่ะครับที่จะติดตามเอาตัวน้องหนูน่ารักคนนี้กลับมา ... ภารกิจตอนนี้ตื่นเต้นน่ารักดี เราอ่านไปก็จะทราบว่าบางทีความเชื่อกับความงมงายเป็นเพียงแค่เส้นบางๆเส้นเล็กนิดเดียว ... ตอนที่สามชื่อเหมือนหนังสือ ชื่อตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน ... ตอนนี้ก็สนุกตื่นเต้นเมื่อวิงได้ออกสืบราชการลับในคดีนี้ที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตั้งแต่ต้น ... เรื่องนี้จบเศร้าเพราะจีจี้ หมาน่ารักต้องตายอ่ะ ฮือๆ ๆ ๆ ส่วนตอนที่สี่ ชื่อ ... ปริศนาผีดูดเลือด กับตอนที่ห้า ชื่อ นักสู้ผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม ... ผมอ่านไม่จบ ก็เพราะสาเหตุที่ว่าอ่านไปหน้ากระดาษกลายเป็นสีขาว ไม่มีอักษรอะไรเลย มีเยอะตั้งแต่ หน้า ๗๘ ๘๘ รวมเกือบ 10 หน้า (จะทำยังไงดีเนี่ย) มาตอนสุดท้ายของเล่มนี้ชื่อตอนว่า ...สามพยัคฆฮามาส ตอนนี้พูดถึงกลุ่มหัวรุนแรงในองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ที่ชื่อฮามาส ... ต้องลำบากนายวิงอีกแล้วที่ต้องฟันฝ่าการเข้าถึงปมปัญหาที่เราชาวหนอนที่ได้อ่านจะต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว กับความซับซ้อนของปัญหาเรื้อรังปัญหานี้ ... ตอนสุดท้ายท้ายสุดนายวิงจะมีสภาพปางตายยังไง เพื่อนๆต้องไปตามดู .... ตอนสุดท้ายก็เป็นอีกตอนที่ผมชอบมากครับ ...จากการอ่าน นวนิยายแปลเรื่อง ... ปฏิบัติการพิเศษ Q ตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน ของคุณเหลียงเคอชิ่ง จากฮ่องกง ผมสังเกตแกมทึ่งในตัวนวนิยายเรื่องนี้หลายประเด็นอย่างเช่น ...- เมื่อเราอ่านนวนิยายไปเรื่อยจะเห็นว่าเหลียงเคอชิ่งมีความรู้ในเรื่องที่จะเขียนอย่างเต็มที่ กรณีอย่างตอนที่ชื่อ ... วันโลกาวินาศลัทธิจานบิน .... เขาก็ได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของลัทธิมอมเมาลัทธิจานบินนี้อย่างถึงแก่น ... เราอ่านไปอ่านไปก็จะรู้ว่าคนแต่งศึกษาและรู้เรื่องราวที่ตนเองถ่ายทอดอย่างช่ำชอง จนกลายมาเป็นนิยายที่สนุก ได้ความรู้และมุมมองโลกที่กว้างขึ้น ยิ่งตอนสุดท้าย ... ผมอ่านไปก็อินไปกับตัวละคร และพันธะกิจของวิงซะจริงๆ รู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังเป็นสายลับทีเพิ่งผ่านความเป็นความตายมาหมาดๆยังไงยังงั้น ...- นิยายแปลเรื่องนี้ ยิ่งอ่านยิ่งรู้ว่า ... ความน้อยก็สามารถอธิบายสิ่งที่มากได้ ในความหมายก็คือ ... การบรรยายลักษณะตัวละครในเรื่องไม่มีความจำเป็นมากเท่ากับเหตุการณ์ที่เดินเรื่องอย่างฉับไว เรียงร้อยต่อเนื่อง ... จนคนอ่านลืมรายละเอียดไปเลยว่าใครเป็นยังไง มีคุณลักษณะยังไง ...เพราะความสนุกและมันส์ จนหยุดไม่ได้นี้เอง ...- ผมก็ไม่แปลกใจอะไรเลยที่นิยายเรื่องนี้จะโด่งดังที่ฮ่องกง กับอีกหลายประเทศ ... เพราะฝีมือของคนแต่งที่ชื่อเหลียงเคอชิ่งคนนี้ ... อ่านไปก็อดภูมิใจคนเอเชียไปไม่ได้ว่า ฝีมือการสร้างนวนิยายไม่ได้แพ้ประเทศตะวันตกที่เป็นจุดกำเนิดของนวนิยายแต่อย่างใดเลย และที่สำคัญคุณเหลียงได้หยิบเรื่องราวประวัติศาสตร์ในเรื่องต่างๆมาใส่ไว้ในนิยายทั้ง 5 เล่มของเขาได้ทั้งหมด ... หนอนอย่างได้อ่านไปก็ได้รับความบันเทิง ...และไปต่อ ยอดประวัติศาสตร์ในตอนต่างๆ อีกมากมาย ...ภารกิจของวิงมีอีกสี่ตอน ก็คือ 2/ ล่าโนอาห์ , 3/ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า , 4/นักฆ่าผู้กลับมา และ 5/ระเบิดนิวเคลียร์สะท้านขวัญ ... ต้องติดตามอ่านด้วยใจระทึก ...เอาเป็นว่าวันนี้วันอังคาร ชมพูหวานล้ำ ... ผมมาชวนหนอนตัวอ้วนน่ารักน่าชัง ... ไปหาอ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวนยอดนิยมที่ต่างประเทศ เรื่อง ปฏิบัติการพิเศษ Q ตอน ปริศนาผ้าห่อพระศพแห่งตูริน ของเหลียงเคอชิ่ง เล่มที่ ๑ เรื่องนี้กันเยอะ ... เพื่อจะได้สังเกตการณ์ประพันธ์ของคนแต่งว่า ... เขาแต่งเรื่องราวยังไงถึงติดอันดับขายดี อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะนำไปแปลเกือบทั่วโลกอีกหลายภาษา ... เขาทำยังไง แล้วนักเขียนไทยเราจะทำแบบนี้ได้ไหม ... ก็อยากให้เพื่อนๆ เอาไปเป็นการบ้านว่า ... ทิศทางนวนิยายบ้านเราจะหนีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แบบหัวเข้าบ้าน ..หรือแย่งชิงในเรื่องอะไรมากมาย จะได้ไหม ...อันนี้น่าสนใจที่จะนำไปคิดต่อกันนะครับผม ....วันนี้ก็ขอเชิญเพื่อนหนอนไปหาอ่านนิยาย SERIES ชุดนี้กันเยอะเพื่อเป็นกำลังใจให้สำนักพิมพ์และคนแปล ...ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านบล็อกกันหนาแน่นตลอดมา .. สวัสดีวันดีครับ ... นายเมฆฉาย ****************************************คำคมคารมนักเขียน : กฤษณา อโศกสิน นิตยสาร ALL : อาจารย์อยากจะฝากอะไรถึงคนอ่านหรือผู้ที่อยากเป็นนักเขียนบ้างไหมคะ? กฤษณา อโศกสิน : ก็อยากจะให้ติดตามต่อไป ดิฉันรักคนอ่านมาก และรักตัวอักษรของตัวเอง ก็จะพยายามที่สุดที่จะไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังในคุณภาพ และในๆทุกอย่างที่ผู้อ่านหวัง อาจจะมีบางเรื่องที่พล็อตที่ไม่ถูกใจ แต่รายละเอียดก็จะพยายามที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆบรรทัด ... สำหรับผู้ที่อยากเป็นนักเขียน ก็ขอให้อ่านหนังสือให้มาก ต้องเลือกหนังสืออ่านที่ดี เพราะการอ่านหนังสือที่ดีก็จะเกิดแรงบันดาลใจ ตอนนี้หนังสือมีหลากหลาย เราก็ต้องเลือกให้ถูกจริตของเรา และถ้าอยากจะเขียนเรื่องแนวไหนก็ต้องไปหาเรื่องแนวนั้น ๆ มาอ่าน จะได้ดูดซับสิ่งที่ถูกต้องหรือตรงตามแนวทางที่อยากจะเดิน ถ้าจับทางถูกก็จะเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาเอง .... (คอลัมน์นัดพบนักเขียน เรื่อง...รินคำ /นิตยสาร ALL ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๑๒ เดือน เมษายน ๒๕๕๒)
คลื่นร้างพรางรัก * ซ่อนกลิ่น
คลื่นร้างพรางรัก * ซ่อนกลิ่นผลงานของคุณซ่อนกลิ่นมีอยู่หลายเรื่อง แต่ผมไม่ได้ติดตามงานของพี่เขาเลย ... พอดีเจอะเจอนิยายเรื่อง ... คลื่นร้างพรางรักวางอยู่บนโต๊ะที่ทำงานใกล้ๆ มือ ลองหยิบมาอ่านคิดอยู่ว่าชื่อนามปากกาซ่อนกลิ่น ฟังดูน่ากลัวจังแฮะ ... แต่ครันพออ่านบทนำไปสองสามหน้าแรกก็รู้ได้เลยว่าฝีมือของเขาไม่ธรรมดาเหมือนกันกับนามปากกาที่น่าสนใจ ....แต่พอเปิดนิตยสาร อ่านเอาเรื่อง แบบแว่บๆ เห็นคอลัมน์เล่มแรก ของคุณไญยิกา เสือขำ ... ก็ได้รู้ประวัติของซ่อนกลิ่นมาพอประปรายว่า ... ซ่อนกลิ่นเป็นนามปากกาของ มนต์ชัย ศิริลัทพร มีอาชีพวิศวกร (เหมือนพี่เขมชาติและพี่ชัยกร หาญไฟฟ้าอ่ะ ) ได้อ่านหนังสือมาทุกแนวทุกประเภทมาเยอะมากนับตั้งแต่แฮรรี่ พอตเตอร์เป็นต้นมา ... จนมาวันหนึ่งอยากจะลองเขียนนิยายดู จึงเริ่มต้นที่นิยายที่ชื่อ ... 615 Dangerous Code รหัสมรณะ เรื่อยมาจนถึงลิขิตรักทะเลทราย กระทั่งผลงานเรื่องที่ 9 คือเรื่อง ... คลื่นร้างพรางรัก เรื่องที่ผมจะมารีวิวแนะนำในวันนี้ ...คลื่นร้างพรางรัก ของ ... ซ่อนกลิ่น ... เป็นนวนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์มหันตภัยธรณีพิบัติสึนามิ แบชายทะเลภาคใต้ของไทยเรา เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ... เหตุการณ์ครั้งนั้นนำมาความสูญเสียกับคนหมู่มากรวมทั้งวาริช พระเอกสุดหล่อที่ต้องสูญเสียคนรักที่กำลังจะแต่งงานไปอย่างไม่มีวันกลับ .... นั่นรวมทั้งดนุพล เจ้าของรีสอร์ทหรูกลางทะเลก็เช่นกันที่คนรักถูกคลื่นยักษ์พัดพาภรรยาสาวหายไป แต่ตรงข้าสมกับวาริชคือ ได้ภรรยากลับคืนในสภาพที่จดจำอดีตอะไรไม่ได้ ... นวนิยายเริ่มเข้มข้นน่าติดตามเมื่อวาริชไปเที่ยวเกาะในเช้าวันหนึ่งจนพบเจอกับชลลดา ที่มีใบหน้าประพิมพ์ประพรายคล้ายอดีตคู่หมั้นยังกะแกะถอดกันมาเหมือนคนเดียวกัน ... ทั้งสองมีความรู้สึกต้องกันก็คือ เหมือนเคยผูกรักกันมาเนิ่นนาน ... แต่ไฉนตอนนี้ถึงจำอะไรไม่ได้ มันผิดทิศผิดทางไปหมด ...แน่นอนครับ ... ความรักของทั้งสองต้องมีอุปสรรคใหญ่หลวง ทั้งคู่หมั้นตามจิกไม่เลิกอย่างเหมือนฝัน / ดนุพล ผู้เป็นเจ้าของชลลดา ผู้ซึ่งไม่ยอมจะเสียสละถึงแม้ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ .... อีกคนที่สำคัญก็คือหญิงสาวสวยชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ .. โมริ ฮานาโกะ ผู้ที่มากไปด้วยราคะและความหยิ่งทระนงในอำนาจของเงินตรา ....นวนิยายเรื่องนี้อ่านได้สนุกตามสมควร ... ถ้าหนอนท่านไหนชอบนิยายที่เน้นบทสนทนาเผ็ดร้อน หรือการลำดับเหตุการณ์ลื่นไหลต่อเนื่องอย่างรวดเร็วตั้งแต่บทนำจนจบ ... ผมรับรองว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่ผิดหวังแน่นอน ...ผลงานของคุณซ่อนกลิ่นชิ้นนี้ เป็นลำดับที่ ๙ (ไม่ทราบว่ารวมชุด บ้านไร่ปลายฝันที่ชื่อ ... วายุภัคอัคนี หรือเปล่านะครับ) ก็ถือว่าต่อไปผลงานที่ออกมาของคุณซ่อนกลิ่นจะไม่ใช่มือใหม่อีกแล้ว ... เมื่ออ่านคลื่นร้างพรางรักก็นึกไปถึงผลงานของพี่ปุ้ย กิ่งฉัตร เรื่อง คลื่นลวง ... ที่อ่านสนุกมากๆ ๆ อยากจะให้พี่ปุ้ยเขียนเรื่องนี้เป็นภาพต่อเร็วๆนี้จังครับ ...เอาเป็นว่าวันนี้มาชวนอ่านนวนิยายผลงานนักเขียนใหม่ในวงการวรรณกรรมที่ชื่อ ... ซ่อนกลิ่น ผลงานของนักเขียนชายอีกคนที่น่าจับตามองกันต่อไปว่าจะนำเสนอผลงานอะไรมาให้เราได้ชื่นชมอีก ... อย่าลืมเขียนงานออกมาเยอะๆนะครับ ...(กระซิบนิดนึงว่าพี่ซ่อนกลิ่นมีเวปไซต์เพื่อติดตามข่าวสาร หรือติชมผลงานได้ที่ //www.sonklin.com นะครับ)ช่วงนี้สถานการณ์สิ่งพิมพ์โดยเฉพาะสาขานวนิยายแทบจะรวยริน ขาดห้วง ไม่ขาดห้วง เพราะพิษภัยที่ชื่อ เศรษฐกิจ สำนักพิมพ์น้อยใหญ่ที่เคยออกมาปกสองปกในหนึ่งเดือนแทบจะขาดหายไปเลย .... พวกหนอนตัวน้อยอย่างเราก็หายใจระทวยอยากจะอ่านนวนิยายดีๆ แต่ก็มีราคาแพงเกินจะหามาครอบครองไว้เสียเหลือเกิน ... เฮ้อ ... สู้ต่อไปนะครับ อย่าท้อล่ะ ...วันนี้ วันจันทร์ วันแห่งความสุขสนุกในการงาน .... ขอให้เพื่อนหนอนมีฝันร่วมกันแบบนี้ตลอดไปนะครับ ... นายเมฆชรา -----------------------------------------คมวาทะจากนักเขียน : ว.วินิจฉัยกุลโลกหนังสือ - แล้วคุณเองมีคำแนะนำสำหรับคนที่อยากจะเป็นนักเขียนอย่างไรบ้าง ?อาจารย์ ว.วินิจฉัยกุล - เขียนไปเถอะค่ะ เขียนเพราะอยากเขียน ตัวเองเคยเขียนแล้วโยนทิ้ง หากนับได้ก็เป็นโกดังอย่าท้อถอยก็แล้วกัน สำหรับตัวเองคิดว่าจะเขียนไปเรื่อยๆเพราะชอบเขียน และรักที่จะเขียน หากไม่มีใครอ่านก็จะเขียนไว้อ่านเอง ... หากมีเงื่อนไขว่าเขียนแล้วคนต้องอ่าน ต้องได้ลง ต้องมีคนชอบ คิดว่าชักจะลำบากแล้วละ เพราะมันทำลายเรา บางเรื่องนะคะสัมยก่อนกว่าจะได้ลงตั้งสองปี ได้เงินมั่ง ไม่ได้เงินมั่ง แต่ก็ยังสู้เพราะสนุกและชอบเขียน .... (จากคอลัมน์ห้านาที ว.วินิจฉัยกุล นักเขียนนวนิยาย ... นิตยสารโลกหนังสือ) -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-