บุพเพสันนิวาส * รอมแพง
บุพเพสันนิวาส * รอมแพงขึ้นชื่อว่านวนิยายอิงประวัติศาสตร์สิ่งที่ยากยิ่งสำหรับตัวนักเขียนที่จะเขียนงานออกมาได้จะแจ้ง ตรงใจคนอ่านที่มีการสืบค้น การติดตามข้อมูลในเชิงลึกได้ง่ายดายจากการค้นหาผ่านทางอินเตอร์เน็ตแค่พลิกฝ่ามือก็ได้ข้อมูลมาเกือบหมด .. นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่พวกหนอนเราได้อ่านในทุกวันนี้ (ไม่รวมนวนิยายทรงคุณค่าฝีมือชั้นครู อย่าง ทมยันตี / ว.วนิจฉัยกุล / กฤษณา อโศกสิน/ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช/ศุภร บุนนาค/ศรีฟ้า ลดาวัลย์ และอีกหลายท่าน) หายต่อหลายเรื่องมีการถ่ายทอดออกมาจากหลายนามปากกา แต่ก็ยังไม่ได้มีใครประสบความสำเร็จในแง่ความนิยมเลย .. ผ่านมาก็ผ่านไปตามกาลเวลา ..นี่ขนาดผมเป็นนักสำรวจนวนิยายตามแผงตัวยงแทบจะไม่คุ้นตานวนิยายย้อนยุคเหล่านี้เลย .. แต่ก็ต้องยอมรับว่านักเขียนใหม่หลายท่านกล้าที่จะหยิบประเด็นประวัติศาสตร์ขึ้นมาเรียบเรียงใหม่ ในรูปแบบนวนิยาย จนอาจจะประสบความสำเร็จกันบ้าง อะไรบ้าง .. แต่ก็อย่างที่ผมเคยเกริ่นในการรีวิวนวนิยายหลายครั้งที่ผ่านมาว่าสูตรสำเร็จของการเขียนนวนิยายในโลกใบนี้มีไม่กี่แบบ อย่างเรื่องบุพเพสันนิวาสเรื่องนี้ก็เช่นกัน .. การที่เกศสุรางค์ สาวหน้าตาจิ้มลิ้มในโลกปัจจุบันจะผลัดหลงเข้าไปในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ใช้กลไกแห่งเวลา มิติที่ทับซ้อนกันนี่แหละเข้าไปอยู่ในสมัยนั้น .. จนกระทั่งเกิดเรื่องราวมหัศจรรย์เหลือเชื่ออะไรตามมามากมายในนวนิยายฝีมือไม่ธรรมดาของคุณรอมแพงเรื่องนี้ ... บุพเพสันวาส .. เป็นนวนิยายที่ผมเมินเฉยในตอนแรก ก่อนจะหามาอ่านเพราะได้รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดปีนี้ ที่ผมผ่านเลยก็เพราะคิดไปว่าคงเป็นวนิยายที่ลอกเลียนหรือพล็อตเรื่องใกล้เคียงทวิภพ ของป้าอี๊ด .. อันอมตะชั่วกาลนานเรื่องนั้น .. พอนวนิยายเขารับรางวัลผมในฐานะหนอนนวนิยายไทยมีรึจะพลาดได้ .. ต้องไปหามาสนอง need กันเสียหน่อย ไม่อ่านอาจจะตกเทรนด์เอาได้ แต่ถึงยังไงก็ต้องขอขอบพระคุณคณะกรรมการเซ่เว่นบุ๊คที่ชี้นำหนังสือดีเรื่องนี้ (เรื่องอื่นๆๆที่ไปหามาอ่านก็ได้เกือบครบแล้ว อย่างเสือเพลินกรง (ได้ชนะเลิศ) ธนูสายฟ้า ก็รีวิวไปแล้ว) ผมก็มานั่งคิดว่าพวกหนอนเราต้องขอบคุณการประกวดสายต่างๆว่าถ้าพวกท่านๆไม่จัดงานแล้วประกาศรางวัลขึ้นมา พวกเราคงไม่ได้อ่านนวนิยายดีๆๆ (อย่างเรื่อง ขังเดี่ยวแดนสิบสอง หรือกุสาวดี แผ่นดินนี้ยังมีรัก ก็ชนะการประกวดมาเช่นกัน) ผลงานคุณรอมแพงน่าจะมีหลายเล่มแล้ว .. ก็นับเป็นโอกาสอันดีแล้วที่จะติดตามงานของพี่เขาต่อไป (เห็นมีดาวเกี้ยวเดือน …ภาคพิเศษกำลังวางแผง) สำหรับบุพเพสันนิวาส .. เมื่อแรกอ่านไปก็ไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะพล็อตย้อนยุคมีคนเขียนกันให้เกร่อ ..เหมือนกันไปทั้งบาง .. จนเราแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าเขียนดีหรือไม่ดี ถ้าไม่เป็นแฟนพันธุ์แท้ตามกันมานาน คงไม่ทราบว่านวนิยายเขาดีจริงๆ จนผมมาอ่านตอนแรกถึงตอนที่สี่ของบุพเพสันนิวาส .. อาการติดหนึบก็กำเริบ .. นวนิยายเรื่องนี้รอมแพงเขียนดีจริงแฮะภาษาก็แปลกดี .. เพื่อนหนอนเคยอ่านสำนวนภาษาไทยปัจจุบันนี้ แต่ไปพูดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโน้นแนะ และที่สำคัญนางเอกของเรื่องคือ เกศสุรางค์ที่เคยอวบอ้วนในปัจจุบันไปสวยสะที่สมัยโบราณ แถมมีวีรกรรมโลดโผนโจนทะยานเกินหญิงงามในยุคนั้นมากมายหลายเรื่อง ... ส่วนพระเอกของเราคุณพระศรีวิสารสุนทร .. ก็หล่อ ล่ำ บึก ฟันขาวสะอาดเท่ห์เหลือสุดใจขาดดิ้น .. ผมอ่านไปแบบไม่คุ้นตอนแรกๆ จนมาปรับตัวได้อีกไม่นาน ก่อนจะกลับกลายเป็นความสนุกสนานอย่างไม่น่าเชื่อ (บ่นไปว่าเขาเขียนดีของเขาจริงเยย อิจฉา ๆ เราไม่เห็นเขียนดีแบบนี้เลย พับผ่าสิ ..) เนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบสนุกสนานมากๆๆ ฮา แอนด์ ขำ วิธีคิด มุมมองของเกศสุรางค์ สาวมั่นในยุดดิจิตอล ..เรื่องนี้นางเอกเราได้กลายเป็น/ ทำอะไรเป็นมากมายอย่างเช่น ได้อยู่ในสมัยศรีปราชญ์มีชีวิตและสนทนาประสาญาติกันอีก / ได้สนทนาและเป็นเพื่อนกับท้าวทองกีบม้า / ได้ท่องเที่ยวเมืองอยุธยาสมัยโบราณ ย้อนไปหลายร้อยๆๆปี และทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย .. รอมแพงเขียนอธิบายสถานที่ต่างๆๆอย่างละเอียดยิบ อ่านไปไม่เห็นน่าเบื่ออะไร .. หรือรู้สึกยัดเยียดความเป็นนวนิยายย้อนยุคแต่อย่างใดเลย .. ตรงกันข้ามที่อ่านไปวางไม่ลงเลย อยากรู้อ่ะว่าชีวิตของเกศสุรางค์จะเป็นยังไงต่อไปจนจบเรื่อง .. นวนิยายเรื่องนี้ผมขอชื่นชมคุณรอมแพงมากในเรื่องการจับข้อมูลใส่ในนวนิยายได้อย่างพอเหมาะพอดี ผมอ่านไปไม่รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้อ่านสารคดีแต่อย่างใดเลย กลับมีอรรถรสเหมือนอ่านนวนิยายชั้นดีอยู่นี่เอง .. สำหรับเนื้อเรื่องทั้งหมดผมไม่สปอยนะครับ อยากให้เพื่อนหนอนไปหาอ่านนวนิยายเรื่องนี้กันดู .. รับรองต้องชอบแม่หญิงการะเกดคนงาม หรือเกศสุรางค์คนนี้อย่างวางไม่ลงอย่างแน่นอนครับผม .. ฟังประโยคนี่ที่พระเอกพูดกับแม่หญิงการะเกดดูสิครับ “ หากเป็นบุพเพสันนิวาส มิว่ากี่ภพกี่ชาติข้าก็มั่นใจว่าจักติดตามเคียงคู่ออเจ้าทุกชาติไป แม้ในชาติหน้าของออเจ้าก็เช่นกัน ..” เฮ้อ .. หวานซะจริงเลยพ่อคุณ .. ผมอ่านบุพเพสันนิวาสจบตอนตีสอง วางไม่ลงจริงๆๆ ชอบตอนจบแบบนี้แหละ กระจ่างชัดทุกประเด็น .. สมหวัง สมหวังนะคร้าบ .. อยากให้รอมแพงเขียนชีวิตของลูกๆๆเกศสุรงค์ทั้งสี่คนอีกจังเลย .. อย่างรู้ว่าพ่อเรือง .. มาดผู้นำ บุคลิกโดดเด่นจะเป็นยังไงในอนาคต แล้วพ่อริด คนหล่อขี้สงสัยละจะมีคู่ที่สมกันเพียงใด .. แม่แก้วที่ผิวขาวหน้าลออหวานฉ่ำคนนั้นล่ะจะมีชีวิตที่ดีสวยงามเพียงไรกัน .. แล้วมาถึงแม่ปราง สาวน้อยแก่นแก้วถอดแบบแม่คนนี้อีกล่ะจะออกหัวออกก้อยอย่างไร .. น่าติดตามชีวิตทั้งสี่เสียจริงๆๆๆ ก่อนนอนคืนนี้ ..ถ้อยคารมกลอนในเรื่องยังแว่วมาพร้อมสายลมเย็น .. วงพักตร์งามยามยิ่งยิ้ม สู่สนอง แฉล้มหวานปรางเปรียบทอง ผ่องแก้ม ผิวพรรณสวรรค์ปอง ทาบเทียบ นิ่มเนื้อเรื่อแสงแย้ม ยั่วเย้าใจชาย เปรียบทั่วนารี สรรพิภพ ทั้งแดนดินส่องบรรจบ สู่ไซร์ เพียงนงลักษณ์จึ่งสงบ สามโลก ส่องฟ้า หาเทียบได้ ไป่สู้ เทียมสมร วันนี้หยุดยาวสุดสัปดาห์ .. วันจันทร์อังคารหยุดยาวอีกสองวัน ... อยากให้เพื่อนหนอนไปหาอ่านนวนิยายเรื่องบุพเพสันนิวาสผลงานอันสุดประณีตของรอมแพงเรื่องนี้กันเยอะๆ นะครับ .. ผมรับรองว่าเป็นผลงานเขียนที่ทรงคุณค่า กระตุ้นจิตสำนึกรักชาติ ให้เห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป และกล้านำเสนอนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในรูปแบบใหม่ สนุกสนาน ลุ้นระทึกอย่างคาดไม่ถึงในหลายเหตุการณ์ ... ไปหาอ่านกันนะครับ .. เชียร์ๆๆๆครับเรื่องนี้ อิอิ วันอาสาฬหบูชากับวันเข้าพรรษาก็อย่าลืมไปทำบุญกันนะครับผม .. มีความสุขทุกท่านครับ .. นายอิส /เมฆชรา ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ป.ล. มีรายชื่อผลงานของพี่รอมแพงมาอัพเดท .. สามารถติดตามซื้อได้นะครับ1 สายลับลิปกลอส นามปากกา รอมแพง สำนักพิมพ์ บลูเบลล์2 มิติรักข้ามดวงดาว นามปากกา จอมนาง สำนักพิมพ์ สามสิบบุ๊ค 3 ลูกทุ่งโมดิฟายด์ นามปากกา รอมแพง สำนักพิมพ์มันดี 4 พรายพรหม นามปากกา รอมแพง สำนักพิมพ์มันดี 5 ปักษานาคา นามปากกา จอมนาง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์6 ยมธิดา นามปากกา จอมนาง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์7 พรายพยากรณ์ นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์8 พรายเนตรทิพย์ นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์9 ป่วนรักสลับร่าง นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์ 10 เรือนพะยอม นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์ 11 ดาวเกี้ยวเดือน นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์12 บุพเพสันนิวาส นามปากกา รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์13 ดาวเกี้ยวเดือน ภาคพิเศษ รอมแพง ฟิสิกส์เซ็นเตอร์ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เกิดมาชั่ว * ก.สุรางคนางค์
เกิดมาชั่ว * ก. สุรางคนางค์ “ ฉันเองก็เสียใจที่เข้าใจพิชาผิดๆ แต่มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลย ผู้หญิงคนนี้เกิดมาชั่ว ถึงขนาดปั้นน้ำเป็นตัวในทางชู้สาวขนาดนี้ แม้ว่าเราจะช่วยเหลือเมตตาอย่างไร ก็ยากจะดีได้เสียแล้ว รังแต่จะหาความวุ่นวายใส่ตัว เขามีสามีมาก่อนนายสำราญเสียด้วยซ้ำ”นี่เป็นบทสนทนาของสองสามีภรรยาคือพิชากับอรอวล .. ทั้งสองคือตัวเอกของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องเกิดมาชั่ว ของก.สุรางคนางค์เรื่องที่ผมจะมาแนะนำรีวิวเพื่อให้เพื่อนหนอนที่น่ารักไปหาอ่านให้ได้ ถ้าหากพอจะมีเวลาอันสั้นในการอ่านนวนิยายดีๆสักเรื่อง.. เกิดมาชั่ว เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อพิชาได้พามัณทนี สาวหน้าอ่อน ตาหวานเข้ามาในบ้านที่มีอรอวล .. ภรรยากำลังตั้งท้องโตกับคนรับใช้เก่าแก่คือ ยายเผื่อน .. แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว .. พอมาอยู่ได้ไม่เท่าไหร่พฤติการณ์ของมัณทนีเริ่มไม่ชอบมาพากล ตัวอย่างเช่น ..“ เป็นลูกผู้หญิง แล้วมาอยู่อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ ไม่ได้มาเป็นนาย เช้าขึ้นตื่นมาก็เข้ามากินข้าว ทิ้งจานไว้ให้ยายเผื่อนล้าง ..เขาเข้ามาอาศัยคุณอยู่ หรือจะเข้ามาเป็นนายอิฉันอีกคน ..”เรื่องราวเงาความยุ่งยากเริ่มเข้ามาสู่บ้านคนมองเห็นความหายนะอยู่รำไร .. พิชา ไม่รู้เลยว่ามัณทนีเป็นคนไม่ดี คิดอยู่อย่างเดียวว่าชีวิตของเจ้าหล่อนน่าสงสาร .. อรอวล ..รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก เมื่อความดีงามที่ตนเองยึดถือกำลังจะสั่นคลอน เพราะความชั่วร้ายของคนๆหนึ่ง .. ที่ตอบแทนความเอื้ออาทรของตนเอง ด้วยการลอบกัด ลอบปรองร้าย .. นวนิยายเรื่องนี้อ่านสนุก สั้น กระชับ ถ้อยคำเผ็ดร้อนจนเรารู้สึกได้ว่า .. นังคนนี้ทำไมมันยังหน้าด้าน หน้าทนอยู่บ้านคนอื่นได้อย่างสบายใจ ..ดูอารมณ์นางเผื่อนที่โดนมัณทนีเล่นงานดูสิครับ ..“ แหมเจ้าพระคุณพุดเหมือนใจอีเผื่อน กำลังคิดว่ามากนายอย่างนี้ บ่าวเห็นจะไม่ไหวแน่ เจ้าประคุณเอ๋ย .. ไม่เคยเห็นกินแล้วไม่ล้างชาม บ่าวล้าง เมื่อวานยังมาสาระแนสอนอีเผื่อนว่า ..ป้าแกงทำไมปลาไหล ฉันกินไม่เป็น อิฉันเลยอดไม่ได้ว่าเอาสองสามคำว่า คุณไม่ได้เป็นนายของอิฉันนี่ นายอิฉันกินเป็น อิฉันก็จะแกง .. คุณไม่กินก็อย่ากิน .. ทำดัดจริตวุ๊ยว๊าย .. ไม่มองปลาไหลว่าเป็นงู จริตมาก เป็นลูกเป็นเต้าอิฉันจะตบหน้าบวม”นวนิยายเรื่องนี้ตัวละครไม่มากมาย ..การดำเนินเรื่องราวมักเป็นเป็นรูปแบบเล่าเรื่องออกมาจากปากของอรอวล ตั้งแต่ต้นจนจบ .. เนื้อเรื่องไม่หักมุมตอนจบ .. คนไม่ดีก็จะได้รับผลกรรมตามนั้น ..ส่วนคนดีๆอย่างนางเอกก็เกือบแย่ไปเหมือนกัน ดังถ้อยคำของชลธิชาเพื่อนของอรอวลบอกกล่าวเรื่องราวเป็นคติสอนใจให้แง่คิด ที่เพื่อนหนอนสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันนี้ได้เหมือนกัน ..“ ทุกวันนี้มีแต่ของพิเศษ พิสดาร แปลกประหลาดเกิดขึ้นทุกลมหายใจเข้าออก .. เราจะมัวมาอ่อนแออยู่ไม่ได้ เราต้องเข้มแข็งและพร้อมที่จะเผชญมันอยู่ทุกเวลา – ตลอดไป ..”นวนิยายเรื่อง “ เกิดมาชั่ว “ ของนักเขียนอมตะระบือนามก้องฟ้าเมืองไทยมาทุกยุคทุกสมัย .. เจ้าของผลงาน “บ้านทรายทอง/ พจมานสว่างวงศ์/รักประกาศิต/หญิงคนชั่ว/ดอกฟ้า/โดมผู้จองหอง/เทพราช/ค่าของชีวิตสาว/ปราสาททราย/ปราสาทรัก/พันทิพา/กรองกาญจน์ และอีกนับสิบเรื่องที่เพื่อนหนอนต้องหามาอ่านให้ครบนะครับ ..ป.ล.อย่าลืมติดตามตอนจบเกิดมาชั่วให้ได้นะครับ .. อ่านแล้วสนุกจริง อิอิวันนี้วันอาทิตย์อากาศดีจัง .. ครึ้ม ๆ ฝนตกน่านอน แต่ก็นอนไม่ได้ ต้องรอดูบอลโลกรอบชิงตอนตีหนึ่งครึ่ง .. เอาเป็นว่าอย่าลืมติดตามอ่านนวนิยายไทยกันเยอะๆๆนะครับผม ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่านกัน ..สวัสดีครับ ... นายอิส / เมฆชรา####################################คำคมนักเขียนจากเวปประพันธ์สาส์น .. ซ่อนกลิ่น ..กับเสน่ห์อันยวนใจ มาฟังคำสัมภาษณ์ (ฉบับคัดลอก) มานะครับประพันธ์สาสน์ : แล้วเขียนยังไงถึงไม่ซ้ำซากและคนอ่านติดตาม เพราะเรื่องแนวทะเลทรายนี้มีคนเขียนเพียบเลย ???ซ่อนกลิ่น : นิยายในโลกนี้มีพล็อตอยู่แค่สิบกว่าพล็อต เพราะงั้นให้เขียนยังไงก็จะวนด้วยพล็อตเดิม แต่คนเขียนต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา ให้คนอ่านรู้สึกถึงความแตกต่าง ต้องพยายามคิดอะไรใหม่ๆให้ได้ ด้วยการหัดช่างสังเกตแล้วต่อยอดความคิดจากเรื่องที่เห็น ส่วนใหญ่ผมจะได้จากการดูหนัง พยายามจะดูให้ได้วันละเรื่อง แนวไหนก็ได้ แต่หนังแต่ละเรื่องจะมีหลายจุดที่ให้เรานำออกมาเล่นได้ เวลาดูๆแล้วสะกิดใจ ก็จะเปิดคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์เก็บไว้ พอว่างๆก้มาเปิดดุว่าแต่ละอย่างจะสามารถต่อยอดไปเป็นอะไรได้บ้างสิ่งสำคัญอีกอย่างคือบทแรก ต้องจับคนอ่านให้อยู่หมัด ให้ตื่นเต้นสงสัยว่าจะเกิดอะไรต่อไปจนต้องติดตามอ่าน ไม่ใช่ห้าบทสิบบทแล้วยังไม่ไปไหน ย่ำอยู่ที่เดิม อย่างนั้นสู้คนอื่นไม่ได้แน่นอน คือตัวผมยอมรับเลยว่าไม่ค่อยมีวรรณศิลปื เพราะเรียนมาทางสายช่าง ทำงานกับตัวเลข ภาษาที่ใช้เลยทื่อๆ ตรงไปตรงมา คิดว่าเป็นความบกพร่องของตัวเอง แล้วถ้ายังเขียนไม่สนุกอีก จบเลย ซึ่งทั้งหมดต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์ทั้งจากการเขียนการอ่าน”ทุ่มเทขนาดนี้ เลยได้ฉายาจากเพื่อนๆว่า “ซ่อนกลิ่นเร็วกว่านรก” เพราะเขียนงานได้เร็วมาก แต่นั่นก็แลกมากับการลาออกจากงานประจำ“ก่อนหน้าเป็นวิศวกรประจำบริษัท แล้วเหนื่อย แปลงร่างตลอดเวลา กลางวันเป็นวิศวกร กลางคืนเป็นนักเขียนหลังจากกล่อมลูกสองคนให้หลับแล้ว คือเริ่มเขียนประมาณ 3 ทุ่ม ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บรรทัดเดียวก็ยังดี เพราะคิดว่าต้องเขียนทุกวันเพื่อความต่อเนื่อง พอช่วงปลายปี 2551 ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอยากทำอะไรกันแน่ ต้นปี 2552 เลยลาออกมาทำงานส่วนตัว เน้นเขียนหนังสือเป็นหลัก พอมีงานออกแบบเข้ามาก็ไปทำตรงนั้นก่อน เพราะใช้เวลาไม่มาก และจะมีตัวเวลามาบังคับด้วย ซึ่งสบายใจมาก มีเวลาดูแลลูกมากขึ้น แต่ต้องบังคับตัวเองอย่างหนักไม่ให้ขี้เกียจ ไม่งั้นจะไม่ได้ทำอะไรเลย” ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดังเสียงหัวเราะที่มาจากความสุขของการค้นพบตัวเอง ..(ขอบพระคุณคอลัมน์คุยนอกรอบ เวปประพันธ์สาส์นด้วยครับ )
วนาลี * สราญจิตต์
วนาลี * สราญจิตต์ ผมก็รักคุณ ก่อนที่คุณรักผมตั้งหลายชั่วโมงน่าซี เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย กุล้มใจว่าวิชชุดาจะโกรธไม่ยอมยกโทษให้ผม เออ .. เมื่อเรามีบ้าน ..เราจะตั้งชื่อบ้านของเราว่า วนาลี นะวิชนะ .. เพราะรักของเราเริ่มที่ป่าแท้ๆๆ เมื่อเราแต่งงานกัน วิชเห็นด้วยกับผมไหมที่เราจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่กระท่อมในป่าหลังนั้น .. เขาฝันต่อไปด้วยดวงหน้าสดชื่น และวิชต้อองเป่าขลุ่ยเพลงะเพราะๆอีก เสียงขลุ่ยคืนนั้น ..ยังจับใจผม .. อี๋ ..ฝันอะไรไปมากมายวิชยังไม่ได้บอกว่า ..วิชจะแต่งงานด้วย หือ ..ว่าไงนะฮะ เขาทำเอียงหูฟัง วิชชุดาก้เอียงคอตอบบ้าง ตาดำแป๋วจับที่หน้าของเขา วิชเคยบอกว่า .. วิชจะไม่แต่งงานกับตำรวจเพราะวิชเกลียดตำรวจ ..วิชจะยอมแพ้พี่ใหญ่ได้อย่างไร .. อ้อเท่านั้นเอง .. วิชจะต้องแพ้พี่ใหญ่ทำไม .. ในเมื่อวิชไม่ได้รักร้อยตำรวจเอกศยามสักหน่อย ..เสือมืดต่างหาก .. เสน่ห์เขาดี ผูกใจผู้หญิงสวยๆได้น่าสงสารนายศยามเสียนี่กระไร .. นี่เป็นบทสนทนากุ๊กกิ๊กน่ารักของพระนางจากการที่ผมเพิ่งอ่านวนาลีจบเมื่อประมาณเกือบตีหนึ่งด้วยความสนุกสนานมากมายเกินคาดคิดหลายฉาก .. เหตุที่หยิบเรื่องนี้มาอ่านก็จะให้เข้ากระแสพี่ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจย้ายช่องไปทำงานที่ช่องสาม วิกหนองแขม .. ผมก็เลยคาดเดาว่าพี่แกต้องแสดงเป็นนายมืด หรือ เสือมืด หรือร้อยตำรวจเอกศยามอย่างไม่ต้องสงสัย .. จำได้ว่านวนิยายเรื่องนี้ได้นำมาทำเป็นละครและเป็นภาพยนตร์มาแล้วสองครั้ง (เท่าที่จำได้นะครับ) ครั้งแรกนี่ .. พี่หมิวลลิตาแสดงกับพี่ตั้ว ศรันยู แล้วออกฉายทางช่องสามเช่นกันกับตอนนี้ .. ส่วนทางภาพยนตร์นั่นอาเอ๋ ไพโรจน์ สังวรริบุตรกับพี่ช่า มาช่า วัฒนพาณิช แสดงเป็นวิชชุดา (แผ่นวีซีดีของค่ายเลฟโซ่มีขายอยู่นะครับ) สรุปได้ก็คือ ..ผมยังไม่ได้ดูทั้งสองเวอร์ชั่นทั้งละครและหนัง (อ้าวไงกันนี่เห็นพี่เกริ่นมาตั้งนานนี่นา)แต่วันนี้อ่านนวนิยายฉบับหายากพิมพ์ครั้งที่ ๒ พิมพ์เมื่อ ตุลาคม ๒๔๙๘ ประมาณ ๕๕ ปีผ่านมาแล้ว (ดังรูป) เวลาจับอ่านค่อนข้างยากเพราะกระดาษเหลืองกรอบได้ที่ จับแรงๆพังคามือแน่นอน .. นวนิยายเรื่องนี้มีความยาว ๗๑ ตอน หนาถึง ๘๑๖ หน้า อ่านสนุกได้รวดเดียวจบ แต่ก็ต้องไม่ทำอย่างอื่นนะ อิอิ .. เนื้อเรื่องในเรื่องน่ารักกระจุ่มกระจิ๋ม สนุกสนานไม่เครียดเหมาะกับสถาการณ์บ้านเราตอนนี้ยิ่งนัก .. เรื่องราวในวนาลีจะไม่เกิดถ้าพันตำรวจโทวิชาติ วิภาดาไม่คิดแผนการณ์ช่วยเหลือเพื่อนรักคือโสรัตน์ให้ได้สมรักสมหวังกับน้องสาวคนเล็ก แก่น เซี้ยวแสนซนนางเอกของเรา .. นางสาววิชชุดา วิภาดา ..เรื่องสนุกเข้มข้นก็ตอนที่พี่ชายนางเอกวางแผนจะให้ เพื่อนรักที่เป็นตำรวจไปรักนางเอก และบังเอิญนางเอกไม่ได้ชอบแถมเกลียดอีกต่างหาก เนื่องจากพี่ชายพระเอกแกเป็นคนขี้งกและใจแคบ พี่ชายจึงต้องวางแผน หาโจรตัวปลอมมาจับนางเอกไปเข้าป่าเรียกค่าไถ่ เลยลำบากผู้กองสยาม ..นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล ต้องปลอมตัวเป็นโจรห้าร้อยตัวดำผมยาวตามแผนการ .. กักขึงหน่วงเหนี่ยวนางเอกของเราสุดฤทธิ์ .. เรื่องราวเข้มข้นสุดๆๆๆ ตื่นเต้นตลอดเรื่อง จนสุดท้ายนายมืดได้ลงเอยกับนางสาววิชชุดาตามใจปรารถนา .. สมใจคนอ่านฉะนี้แลครับเพื่อนหนอน นวนิยายเรื่องนี้สราญจิตต์เขียนได้ดีระดับหนึ่ง .. ถึงแม้ภาษาจะไม่ดีเด่นมากขึ้นหิ้งชั้นครู แต่ก็บรรยายอะไรต่างๆ สุดจะยอดเยี่ยมเห็นภาพป่าเขา เห็นภาพกระท่อม เห็นภาพแสงเงินแสงทองระยิบระยับจับตา และบรรยายลักษณะผู้คนตัวเอก ตัวร้าย เหตุการณ์ต่าง ๆได้ละเอียดหมดจดงดงามสมเป็นนวนิยายยอดนิยมเอามาทำหนังทำละครโด่งดังมาหลายยุคสมัย ... เมื่ออ่านจบผมขอยกย่องคนแต่งว่ามีความรอบรู้ในภาษาไทยมาก บรรยายอะไรออกมาสมจริงและเชื่อว่าทุกตัวละครมีชีวิตโลดแล่นไปตามฉากที่คนแต่งคิดประดิษฐ์ให้ไปตามนั้น .. วนาลี ..วนาลี ของสราญจิตต์จะสนุกได้ยังไงถ้าเพื่อนหนอนไม่ไปหาอ่านตามคำแนะนำของผม ... เพื่อนหนอนที่ชื่นชอบนวนิยายเก่าบรรยากาศไทยไทยแสนจะน่าลิ้มลอง ยิ่งผมอ่านในเวอร์ชั่นเก่าที่เห็นยิ่งอินกับเนื้อหาเนื้อเรื่องเข้าไปใหญ่ ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับผมว่าของเขาดีจริงๆ อิอิ ..วันนี้วันอังคารชมภูสดใส มาแนะนำนวนิยายตามถนัดเช่นเคย ..รีบไปหาอ่านวนาลีเข้ากับช่วงฝนตกพรำๆๆแบบนี้กันเยอะๆๆๆ รับรองไม่มีผิดหวัง .. นวนิยายสนุกกว่าละครประมาณสามสี่เท่า (โฆษณาๆๆคริคริ) ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบล็อกจนหนาแน่น ดีใจ ดีใจที่มีคนติดตาม .. พบกันอาทิตย์หน้า .. สวัสดีครับผม นายอิส /เมฆชรา
ไฮโซติดเกาะ ๑ ตอน สายลมแห่งฤดูหนาว * รัศมีจันทร์
ไฮโซติดเกาะ ๑ ตอน สายลมแห่งฤดูหนาว * รัศมีจันทร์ .. คุณสมบัติของนวนิยายที่สนุกตามนิยามความคิดของผมมีอยู่สามสี่ข้อก็คือ ..หนึ่ง ต้องมีเนื้อหาที่สนุกสนาน อ่านแล้วลื่นไหลไม่ติดขัด เรื่องราวไหลต่อเนื่องจนอยากจะอ่านหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้นจนหน้าสุดท้ายอวสาน .. สอง ..ต้องมีพัฒนาการของตัวละคร และตัวละครต้องมีมิติ ไม่แบนไม่กลมจนมองผ่านเลยไป อย่างไม่น่าจดจำ .. สาม ..การใช้คำพูดคำจา สำนวนภาษา ดูสมเหตุสมผลเหมาะกับตัวละครตัวนั้นแค่ไหน .. เราเชื่อหรือเปล่าว่าตัวละครนี้เป็นคนพูด และอีกข้อก็คือ .. พอจบเรื่องเรายังจดจำได้ทุกอย่างในเรื่องอย่างมิลืมเลือน .. จำรายละเอียดไดอะล็อกคำพูด ฉาก การสนทนา ลักษณะนิสัยตัวละคร หรือถ้อยคำคมที่ตัวเอกหรือตัวเด่นพูดหรือเน้นย้ำอยู่เสมอ (อย่างเรื่อง .. สี่แผ่นดิน/ข้างหลังภา/แผ่นดินของเรา/ละครแห่งชีวิต/เหมืองแร่/บ้านทรายทอง/นี่แหละชีวิต (ดอกไม้สด) และอีกหลายเรื่อง) นี่แหละคือ นวนิยายที่ดีๆ ในทัศนะของผมจากการอ่านมาได้ระยะหนึ่งครับผม ..สำหรับไฮโซติดเกาะ ๑ ตอน สายลมแห่งฤดูหนาว ของรัศมีจันทร์เรื่องที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ คงไม่ต้องการันตีสรรพคุณอะไรกับเพื่อนหนอนมากมาย เพราะความโดดเด่นในหลายเรื่องมาครั้งตั้งแต่เปิดตัวหนังสือเล่มแรก ตอนแรกเมื่อปี 2552 เดือนมกราคม .. เปิดตัวมาก็ฮือฮากันในวงการ .. บอกต่อถึงความสนุกกันจนทุกคนที่เป็นหนอนนวนิยายไทยต้องจับตามองนวนิยายฝีมือของรัศมีจันทร์ .. เรื่องนี้ ..กันอย่างหนาตารวมทั้งผมด้วยคนหนึ่ง .. นิยายเรื่องนี้กว่าจะได้อ่านก็เนิ่นนานมาเพราะเวลาไม่อำนวย กอร์ปกับการงานประจำรุมเร้าอย่างหนักหน่วง .. ทำได้แค่อ่านภาคหนึ่งไปพอประทัง ความอยากอ่านไป อิอิ .. ไฮโซติดเกาะ ตอน ๑ พูดถึงชีวิตสาวไฮโซตามเรื่องอย่างนางสาวสร้อยระย้า พันธุ์ธรรม ..ลูกสาวแสนสวย หยิ่งทะนง หรู รวยของนายพานพบ พันธุ์ธรรม .. มหาเศรษฐีสองหมื่นล้าน ..ที่ได้รับมรดกจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งล่วงลับไปแล้ว เป็นห้องชุดคอนโดสุดหรูกับที่ดินติดชายหาด ๑๘๐ ไร่บนเกาะกูด (อยู่ที่ไหนในแผนที่ประเทศไทย .. ตามความคิดของนางเอก) เรื่องราวของเรื่องเริ่มต้นที่ตรงนี้เมื่อสร้อยระย้าเดินทางไปเกาะกูด เพื่อจัดแจงที่ทางตัวเองไว้สำหรับขายทอดตลาดในอนาคต .. กาลกลับไม่เป็นอย่างที่เจ้าหล่อนคิดเอาไว้เลย ..อุปสรรคตัวเป้งระดมกันเข้ามาเป็นระลอก รวมทั้งลมพายุแปลกประหลาดพัดเอาความรู้สึกตะครั่นตะคร้อมาพร้อมกับชายหนุ่มมาดศัตรูที่ชื่อ .. นายน่านน้ำ ..ไฮโซติดเกาะ ตอนสายลมแห่งฤดูหนาว ของรัศมีจันทร์เป็นตอนแรกจากสามตอน .. เป็นตอนที่กล่าวถึงเมื่อสร้อยระย้าต้องย้ายตัวเองจากเมืองกรุงเข้ามาเป็นสมาชิกเกาะกูด เจ้าของหาดทรายแดงอันเลื่องชื่อ .. พร้อมวีรกรรมสนุกสนานมากมายในเรื่อง รวมทั้งเรื่องกุ๊กกิ๊กชวนหัวใจเต้นแรงกับเจ้าของรีสอร์ทสวยหรูหรามีระดับอย่าง ... จันทร์เต็มดวง .. เขากับเธอมีเรื่องราวที่ยังไม่ลงตัวอีกมากมาย แต่ก็มีเชื้อแห่งมิตรภาพเคลือบเอาไว้บาง ๆ รอคอยวันเวลา (ที่จะบอกต่อไปในภาคสองและภาคสาม) นวนิยายเรื่องขอแนะนำหนอนที่ยังไม่ได้อ่านว่าอ่านสนุก กุ๊กกิ๊กน่ารักจริงๆสมกับความนิยมที่พูดต่อๆกันมาตามบล็อกต่างๆ ... แล้วทุกอย่างในเรื่องเกือบจะสมบูรณ์แบบ อาจจะมีบางเหตุการณ์ที่เราพอจะเดาออกว่าจะไปทางไหน เลยสะดุดไปบ้างบางตอน .. แต่สรุปเมื่ออ่านเรื่องจบโดยรวมทั้งสองเล่ม 49 ตอน จำนวน 725 หน้าแล้ว .. ต้องยอมรับว่ารัศมีจันทร์ (เหมือนมีใครเคยบอกว่าเป็นนักเขียนท่านเดียวกับ เพียรใจที่มีผลงานออกมาหลายเล่มแล้วกับสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรมครับ) มีฝีมือที่ฉกาจฉกรรจ์มาก .. ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ .. ผมอ่านไปยิ่งเชื่อว่าคนแต่งต้องมีความรู้เรื่องเกาะกูด /การทำธรุกิจสปา / รีสอร์ท / การท่องเที่ยว ตลอดจนเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องมากมายจริงๆ ไม่งั้นจะเขียนนวนิยายเรื่องนี้ออกมาได้สมจริง เราเชื่อทันทีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นบนเกาะแห่งหนึ่งในประเทศไทยเรานี่เองสำหรับเพื่อนหนอนที่ยังไม่ได้อ่านนวนิยายชุดนี้ทั้งสามชุด .. ผมก็ขอแนะนำให้ไปหาอ่านกันดูนะครับ (ถึงแม้ราคาค่อนข้างสูงต่อชุดก็ตาม) แต่เพื่อความสนุกและเป็นการอุดหนุนวรรณกรรมไทยปัจจุบันให้อยู่ยืนยง .. ไปซ้อมาอ่านเถอะ ผมรับรองว่าไม่น่าจะผิดหวังเมื่อจ่ายกะตังค์ไปแล้ว .. ผมไม่สปอยเนื้อเรื่องเพราะชื่อเรื่องก็บอกโต้งๆว่าเป็นเรื่องของไฮโซสาวสวยติดเกาะ แล้วแก้ปัญหาเฉพาะ แบบโก๊ะเปิ่นสารพัดสารเพที่จะพบเจอ .. จนแปรเป็นความสนุกสนานจนคาดไม่ถึงหลายตอน .. รวมทั้งการเข้าพระเข้านางของพระเอกกับนางเอก ที่เจอกันทีไรต้องแสบร้อนเผ็ดดุไปทุกครั้ง .. โอ๊ย โอ๊ย ..ไม่เล่าเรื่องดีกว่าอยากให้เพื่อนไปอุดหนุนผลงานของรัศมีจันทร์กันเยอะๆนะครับผม .. งานนี้รับรองขำ ฮา มันส์กันอย่างเดียว อิอิอิ วันนี้วันพุธ .. ผมมารีวิวนวนิยายช้าไปหนึ่งวันเพราะการงานรุมเร้ากลับเข้ามาอัพบล็อกไม่ได้เลย .. ขอสัญญาอาทิตย์หน้าจะรีวิวให้ตรงตามนัด ..เป็นคิวนวนิยายไทยแท้เก่าคลาสิคที่อ่านไปต้องวางไม่ลงเช่นเคย .. ติดตามกันนะครับผม .. นายอิส / เมฆชรา ************************************
ฤกษ์สังหาร * วรรณวรรธน์
ฤกษ์สังหาร * วรรณวรรธน์ ผู้เสริมดวงชะตาเสวยสุขสุขาวดีเล็งเห็น ..กระทำบัดพลีมิเว้น .. ธรณิน คงคา วายุ และเตโช .. มันคำนวณหาฤกษ์ แล้วแสวงหาผู้ถูกเลือก .. สี่คน สี่ธาตุ บูชาปสานเทพเทวา .... ถ้าเอ่ยพูดถึงนวนิยายเรื่องนี้ในตอนนี้อาจจะช้าไปแล้วสำหรับเพื่อนหนอนหลายท่าน เพราะนวนิยายเรื่องเยี่ยมเรื่องนี้อวดโฉมมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ นานเกือบ ๕ ปีทีเดียวเชียวครับ .. แต่ความสนุกยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าผมจะยังคงเพิ่งอ่านจบมาหมาดๆก็ตามที อิอิ ..งานเขียนชิ้นนี้ของพี่วรรธน์เล่าเรื่องราวของโชคชะตาโหราศาสตร์เกี่ยวพันกับคนกลุ่มหนึ่งโดยมีพระเอกของเรา คือ มหากระทิง นักพยากรณ์หนุ่มผู้รอบรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์รูปงาม กับนางเอกของเราคือ รันหณ์จะเป็นตัวผู้ถูกเลือกคนสุดท้ายจากธาตุทั้ง ๔ คือ ธาตุไฟ .. เรื่องราวที่แสนจะเข้มข้นเริ่มต้นตั้งแต่หน้าแรกจวบจนหน้าสุดท้าย ลุ้นระทึกไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นหน้าต่อหน้าไปเรื่อยๆทั้งสองเล่มจบ .. อ่านสนุกวางมาลงตามที่คาดการณ์เอาไว้ทุกอย่าง ตัวละครที่โลดแล่นมีมากมายหลายตัว แต่ละตัวล้วนมีความเป็นมาน่าสนใจ อาทิ สารวัตรศรีล / อุทธิ / ฯพณฯท่านรวี/หลวงน้า/คุณรตี/กฤติกา/กุลธิดา และอื่นๆอีกมากมายในเรื่อง .. จริงๆแล้วยังมีประเด็นให้เอ่ยถึงมากมายในเรื่องผมได้อ่านมารอบเดียวจึงไม่สามารถบอกได้หมด กะเอาไว้ว่าจะหาเวลาอ่านอีกรอบสองรอบ เพราะได้ความรู้ที่พี่วรรณวรรธน์แทรกเอาไว้ในเรื่องดังคำเกริ่นตอนท้ายเรื่องว่า .. ในเรื่องตำราพิไชยสงคราม ..ถ้าหากคนเรานำความรู้เรื่องตำราพิไชยสงครามมาทำให้แง่มุมแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวฝ่ายเดียวจะเป็นอย่างไร .ง บ้านเมืองจะระส่ำระสายเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เป็นคุณแก่คนคนนั้นโดยวิธีการทำร้ายผู้อื่น ก็คงจะทำได้ แต่ใครจะทำ และถ้ามีคนทำจะเป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญและสั่นประสาทผู้คนในเมืองทีเดียว เพราะคนเมืองจะไม่คิดทันถึงเรื่องพวกนี้ในแง่มุมนี้เมท่าไหรนัก และคงตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ยาก เมื่อชีวิตคนเราทุกวันนี้มีวิถีชีวิตที่ห่างไกลจากรูปแบบเดิมๆของวัฒนธรรม .. นวนิยายเรื่องนี้มีหนอนหลายท่านเคยเปรยมาว่าคนแต่ง .. พยายามจะแทรกตำราดูดวง การดูดวงดาว และตำราโหราศาสตร์แบบต่าง ๆ จนแน่นเอียดไปสักหน่อย . .. กรณีนี้พี่วรรธน์ชี้แจงท้ายเล่มแล้วว่า .. ที่เป็นเช่นนี้เพราะอยากให้คนอ่านได้รับสาระนอกเหนือเรื่องราว และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ .. น่าสนใจมากใช่ไหมล่ะครับ .. เอาเป็นว่าอาทิตย์นี้รีวิวเนื้อหาน้อยถึงน้อยที่สุด ต้องการให้เพื่อนหนอนที่น่ารักไปหาอ่านฤกษ์สังหาร ..นวนิยายสุดเข้มข้นฝีมือไม่ธรรมดาของนักเขียนขวัญใจชาวเรา .. ที่ชื่อ ..วรรณวรรธน์ .. ระหว่างรอคอย .. อขิทโร ภาคสอง ภาคสามกันไปพราง ๆก่อนก็แล้วกัน .. สุขสันต์วันจันทร์ .. มีความสุขสดชื่นนะครับผม .. นายอิส/เมฆชรา 888888888888888888888888888888