เตรียมตัวไปเซี่ยงไฮ้
ช่วงนี้หลายคนก้อทราบว่า วีซ่าจีน ขอยากขึ้นนิ๊ดนึง ต้องเตรียมเอกสารกันมากกว่าเดิม เพราะเป็นหนึ่งในมาตรการเข้มงวดช่วงโอลิมปิคเท่านั้น และเราก้อมีโอกาสต้องทำวีซ่าช่วงนี้เหมือนกัน

เอกสารที่ต้องเตรียม คือ
1. พาสปอร์ต (ยังไม่ถึงวันหมดอายุ 6 เดือน)
2. รูปถ่าย 1 หรือ 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว หรือน้ำเงิน ตามสบาย
3. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
4. ใบจองโรงแรม

เราในฐานะสะใภ้เซี่ยงไฮ้ ไม่ได้จองโรงแรม ก้อต้องตัดเอกสารข้อ 4 ทิ้งไป
เปลี่ยนเป็น
4. จดหมายเชิญ ในกรณีนี้ สามีเราอยู่ที่ไทย เค้าทำจดหมายให้ ข้อความในจดหมายก้อง่ายๆ ข้าพเจ้าชื่อ ถือพาสปอร์ตเลขที่ มีความประสงค์เชิญใคร ไปทำอะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ พักที่ไหน ...
5. สำเนาพาสปอร์ตของผู้ทำจดหมายเชิญ (ถ้าเป็นคนจีนพำนักอยู่ในจีน ต้องใช้บัตรประชาชนของเค้า)

เวลาทำการ 9.00-11.30น.

วันที่ 24 มิ.ย.51 ไปถึงสถานฑูตจีน เวลา 10.30น. ได้คิว 333 เลขสวยแต่ขณะนั้นเพิ่งเรียกคิวที่ 151 เอง พอ 11.30น.คนที่เพิ่งมาก้อเข้าไม่ได้แล้ว แต่เรายังรอต่อไป โชคดีที่มีคนให้บัตรคิวที่ไม่ใช้แล้ว เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเบอร์ 282

ได้คิวยื่นเรื่อง 11.50น. พูดคุยกะเค้าแป๊บนึง โดยพนักงานให้เขียนเบอร์ติดต่อในจีนลงในจดหมายเชิญด้วย แล้วเค้าก้อให้ใบรับสีชมพูมา นัด 27 มิ.ย.51 ไปรับ (ก้อคือวันนี้ ไปรับมาเรียบร้อย ได้วีซ่า 30 วัน)

วันนี้ไปรับพาสปอร์ตก้อง่ายๆ ชำระเงินก่อน 1000 บาท เสร็จแล้วไปยื่นที่ช่องรับเอกสาร ไม่ถึง 3นาที ทุกอย่างเสร็จ แต่ขับรถมา 30นาที



Create Date : 27 มิถุนายน 2551
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 14:47:46 น.
Counter : 1366 Pageviews.

6 comment
เกือบ 12 ชั่วโมง กับสุวรรณภูมิ .. ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต
ปกติเราจะใช้บริการสายการบิน ไชน่าอีสเทิร์น ไปเซี่ยงไฮ้ เพราะราคาปานกลาง และทุกครั้งก้อจะมีสามีไปพร้อมกัน คราวนี้ สามีต้องไปกับการบินไทย เพราะบริษัทซื้อตั๋วให้ และต้องไปทำงานต่อที่กวางโจว เพราะฉะนั้น เมื่อคำนวณแล้ว เราต้องกลับคนเดียวอยู่แล้ว จึงจองตั๋วไชน่าอีสเทิร์น (MU) วันเดียวกัน ต่างเวลากัน 1 ชั่วโมง ราคาต่างกัน 7000บาท เพราะเป็น high-season

คืนวันที่ 30 ธันวาคม 2550 เวลา 23.30น. เราไปถึงสนามบิน พอเห็นมอนิเตอร์ เซ็งเลย เครื่อง MU ดีเลย์ไปเป็นเวลา 05.00น. พร้อมแจก voucher ให้รับประทานฟรี มูลค่า 180 บาท เกินจ่ายเอง .. มีพิซซ่า, เบอร์เกอร์คิง, คาเฟ่อีกร้านนึง แต่การบินไทยเป็นเวลาเดิม 01.30น. ความคาดหวังว่าสามีไปรอที่โน่นก่อน 1 ชั่วโมง ผิดแล้ว ต้องรอหลายชั่วโมง ก้อเลยบอกให้เค้านั่งรถกลับบ้านก่อนละกัน เด๋วนั่งรถตามไปคงจะเที่ยงๆถึงล่ะ เราเดินไปส่งสามีที่ gate C แล้วเราก้อเดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึง gate E ไม่รู้จะทำไร เลยกะว่าไปหม่ำดีกว่า

ในซุ้มร้านนั้น มีผู้ร่วมชะตากรรมเพียบเลย ยังดีนะมีเอ็มพี 3 แก้เหงาได้ พอหม่ำเสร็จ มานั่งรอ นอนรอ หลับๆตื่นๆ อยู่ที่เก้าอี้แถวๆประตู .. ลืมตามาดูนาฬิกากี่ที ก้อไม่ถึง ตี 5 ซะที ... เวลาประมาณ 04.00น. เครื่องบินมาเทียบท่าแล้ว นักบิน และผู้โดยสารจากเซี่ยงไฮ้ทยอยเดินออกมา แต่พวกเราที่นั่งๆ นอนๆคอย ได้แต่ชะเง้อ เมื่อไรจะเปิดประตูซะที จะได้ไปนอนบนเครื่องสบายๆ จนประมาณ 04.20น. ประตูเปิด ทุกคนก้อทยอยกันขึ้นเครื่อง เราได้ที่นั่งตอนหน้าจากประตู แถมข้างๆไม่มีคนนั่งซะด้วย คิดในใจนอนสบายเลย แต่แล้วก้อนอนไม่หลับ ซักพักเครื่องบินเริ่มบินแล้ว ช่างเงียบสงบ เพราะทุกคนหลับกันหมด พนักงานต้อนรับเริ่มเสริฟเครื่องดื่ม และขนมปัง ตอนนั้นน่าจะประมาณ 06.00น. ฟ้าก้อสว่างนิดหน่อย เรากะว่าจะดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าได้เห็นนะ แต่ทันใดนั้น เครื่องบินก้อวูบตกลง เหมือนเวลาเราเล่นรถไฟเหาะ หรือขับรถลงสะพานที่ชันและสูงอ่ะ เสียวท้องสุดๆ เราคิดว่าเป็นหลุมอากาศ แล้วเครื่องบินก้อบินไม่นิ่มเลย เหมือนตกหลุมตลอดทาง พนักงานต้อนรับยังหยุดเสริฟ แถมหาอะไรจับกันพัลวัน ช่วงเวลาแค่ 2 นาทีนั้น เรารู้สึกเหมือนนานมาก แล้วเครื่องบินก้อเลี้ยวขวาเต็มแรง อีก 1 นาทีต่อมา นักบินประกาศ "เรากำลังจะกลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โปรดนั่งและรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย" เค้าไม่บอกเหตุผลว่าทำไม ทุกคนก้อ งง แต่ไม่มีใครตะโกน หรือส่งเสียงดัง เราก้อได้แต่ถามพนักงานต้อนรับว่า มีอะไร ทำไมต้องกลับ เค้าตอบว่า เราขอโทษด้วย ยังไม่ทราบเหตุผลของนักบิน แต่เราต้องกลับค่ะ งีดเลยทีนี้ เดินทางคนเดียวครั้งแรก ทำไมเป็นงี้

พอเครื่องบินถึงสนามบินสุวรรณภูมิ บ้านเกิดของเรา ... สาวยุ่นคนนึงหน้าตาดี นั่งอยู่ด้านหลังก้อตื่นมา ผมเผ้ายุ่งนิดหน่อย ถามเราว่า ที่นี่ที่ไหน เราตอบว่า สุวรรณภูมิ ไทยแลนด์ เค้างง แล้วถามเราว่า เครื่องบินยังไม่ได้ออกเหรอ เราตอบว่า ออกไปแล้ว และกลับมาแล้ว สาวยุ่นโมโหมาก เค้าบอกว่า เค้าต้องไปต่อเครื่องบินที่เซี่ยงไฮ้

ทุกคนทยอยออกจากเครื่องบินมานั่งรอคำตอบอยู่ที่ F9 ตอนนั้น 7โมงเช้า เราโทรหาแม่สามีที่เซี่ยงไฮ้ บอกว่า "หว่อ ต้าว เลอะ" ฉันถึงแล้ว ฉันถึงสุวรรณภูมิ !!! แม่สามีตกใจมาก ถามว่ามีอะไร แล้วก้อบอกว่า ลูกชายเค้าถึงเซี่ยงไฮ้แล้วนะ นั่งรถกลับก่อน เพราะเค้าดูมอนิเตอร์ รู้สึกว่า MU ไม่ได้บินตามมา

พอเจ้าหน้าที่ MU มา ก้อพูดได้แต่ เครื่องเสีย เครื่องไปไม่ได้แล้ว ต้องจอดซ่อม พวกคุณต้องรอ ผู้โดยสารที่ไปเองรวมทั้งเรารุมกันอยู่ตรงนั้น ส่วนผู้โดยสารที่เป็นลูกทัวร์ ก้อนั่งกันไป ให้ไกด์จัดการแทน เจ้าหน้าที่บอกว่า ไฟล์ต่อไปที่จะไปได้คือ 09.00น. แต่นั่งได้แค่ 36 คน ที่เหลืออีก 112คน จะไปตอน 11.00น. ไฟล์ทการบินไทย เราพยายามเสนอหน้าแต่สงสัยจะสวยไม่พอ 555 เค้าเลือกพวก Business class, Transit, พวกที่มีเด็กเล็กไปก่อน เวลานี้บัตรเมมเบอร์ทั้งหลาย ไม่มีสิทธิดีๆใดๆ มีหลายคนบอกว่าไม่ไปแล้ว ให้คืนเงิน .. หลายเหตุผลกันมากมาย .. เราก้อบอกเค้าว่า เราคนเดียว ก้อต้องไปตอนนี้ด้วย เค้าก้อโอเค ผลักเราเข้าประตูไปแล้วนะ กะผู้หญิงอีกคน ..อยู่ๆ อีตาฝรั่งก้อวิ่งมาอุ้มลูกมาด้วย พนักงานเรียกเรากะผู้หญิงคนนี้กลับออกมา ขอให้ฝรั่งพ่อลูกไปก่อน เซ็งจิง ...

พอได้ข้อสรุปว่า เราต้องไป 11.00น. เครื่องการบินไทย พวกเราก้อได้ voucher มูลค่า 250 บาท again ร้านเดิม เฮ้อ!! เค้าแจกกันอยู่บ่อยๆมั้งเนี่ยะ พอไปนั่งรับประทานกัน ได้พูดคุยกันมากขึ้น รู้จักหลายคนเพิ่มเลย นั่งถึงประมาณ 10.00น. เราก้อมองเห็นเจ้าหน้าที่คนนึงเดินออกจากร้าน เราไปถามเค้าว่า สรุปเราต้องไปขึ้นเครื่องที่เกทไหน แล้วบอร์ดดิ้งพาสต้องเปลี่ยนไหม เราก้อเดินตามเจ้าหน้าที่คนนี้ตลอด หลายๆคนก้อเดินตามๆกัน แต่ไม่ทั้งหมด ใครที่คิดว่ารู้เรื่อง อาจจะผิดพลาดได้ เราเดินลงไปชั้นล่าง ไปเปลี่ยนบอร์ดดิ้งพาส แล้วขึ้นไปข้างบนอีกรอบ เพื่อไปเกท D7 รอขึ้นเครื่อง หลายคนมาที่ D7 ก่อน เข้าไปไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนบอร์ดดิ้งพาส ก้อวิ่งกันน่าดู ... ดีนะที่เราสังเกตเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ไม่มีหลงแน่

การบินไทยไฟล์ทนี้แน่นมาก ไม่มีที่ว่างเลย แต่บริการก้อยังดีเหมือนเดิม หม่ำกันอิ่มหนำ ทั้งๆที่ก้อหม่ำพิซซ่ามาแล้วนะเนี่ยะ

อยู่ที่สนามบิน 11 ชั่วโมงครึ่ง เฮ้อ .. แผนชอปปิ้งของเรา เสียไป 1 วันเต็มๆ

ไปถึงเซี่ยงไฮ้ 16.00น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 31 ธันวาคม 2550 พอได้กระเป๋าเรียบร้อย เราก้อหยอดเหรียญตู้โทรศัพท์ (เพราะมือถือไทยมันแพง) รายงานสามีว่า มาถึงแล้ว ให้เค้าจะมารอรับที่ป้ายรถเมล์ หน้าสถานีรถไฟ อีก 1 ชั่วโมง

เราก้อลากกระเป๋าไปขึ้นรถเมล์เบอร์ 5 พูดภาษาจีนพอได้ ก้อเลยไม่กลัว อีกอย่างมาหลายครั้งแล้วด้วย เราถามเค้าว่า กี่โมงออกรถ เค้าว่า อีก 5 นาที เราก้อโดดขึ้นรถเลย หลับไปถึงป้ายสุดท้ายพอดี รถจอดปุ๊บ เห็นสามี, พ่อและแม่ มายืนรอเอากระเป๋าใต้ท้องรถให้ พร้อมเสื้อโค้ทกันหนาวให้ ตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 8 องศา

ดีใจจังมาถึงซะที มา count down ปีใหม่พอดีเลยอ่ะ

:
:
:

อยู่ที่นั่นถึงวันที่ 10 มกราคม 2551 สัมภาระก้อเพียบเลย กระเป๋าหนัก 32 กก. แหะๆๆ ก้อเป็นพวกเสบียงกันตาย ของแม่สามีไง ตอนเช็คอินตั๋ว เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเค้าจะปรับ 700 หยวน .. พ่อสามีพูดภาษาเซี่ยงไฮ้ กะเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายช่วยไม่ได้เราต้องเปิดกระเป๋า แล้วเอาออกมาถือเอง 7 กก. เค้าอนุโลมให้ที่ 25 กก.

ไฟล์ทกลับดีเลย์อีกแล้วนะค๊าพี่น้อง ดีเลย์เพราะหมอกลงจัด เครื่องบินต้องไปลงสนามบิน hong xiao แล้วถึงจะมารับเราที่ pudong ได้ วิกฤตจิงๆเลยฉัน เค้าไม่ประกาศอะไร นอกจากแจกน้ำดื่มฟรี เราก้อเลยไปถามเค้าว่า มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเมื่อไหร่เครื่องบินจะมา เค้าก้อพูดแต่ว่า ยังไม่รู้ ตอนนี้ยังมาไม่ได้ เซ็งจัง เลยโทรกลับเมืองไทย บอกพ่อให้มารับช้าหน่อย สุดท้ายดีเลย์ไป 3 ชั่วโมง ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋าถือ 10 กก.ได้ เดินไปเดินมากะตู้โทรศัพท์เนี่ยะ มันเหนื่อยจิงๆ พอเจอนักเรียนไทย 2 คน เลยฝากเค้าดูกระเป๋าหน่อย คนไทยใจดีอยู่แล้ว .. สุดท้าย เราก้อได้กลับมาถึงเมืองไทย เวลา 20.20น. โดยสวัสดิภาพ

สามีบอกว่าคราวหน้า ตั๋วแพงยังไงก้อจะซื้อให้ ไปพร้อมกัน ไม่ทิ้งละ อิอิ แค่ประสบการณ์ชีวิตนิดหน่อยเอง พระคุ้มครอง




Create Date : 29 พฤษภาคม 2551
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 17:28:15 น.
Counter : 694 Pageviews.

2 comment
28 พ.ค. ฤกษ์ดี
บล๊อคนี้เกิดมานานแล้ว แต่ไม่เคยเข้ามาจิงจัง

28 เดือนพฤษภาคม ฤกษ์ดีแฮะ จิงๆไม่ว่างนะ ปวดหัวมาก เลยแวะมาหาเรื่องปวดหัวทำเพิ่ม

ไดอารี่ อาจจะไม่ใช่บันทึกประจำวัน เพราะคงไม่ว่างขนาดนั้น แต่ถ้ามีอะไรแบ่งปันกัน ก้อขอเชิญเพื่อนๆมาเม้นท์กันหน่อยนะคะ

ว่างๆเจอกันที่ห้อง บีพี กะ ชายคา นะคะ เข้าทุกวัน .. เข้าไปดู ..




Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 12:11:07 น.
Counter : 255 Pageviews.

0 comment

IT Girl
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]