Group Blog All Blog
|
กระบวนการบำบัดรักษา ขั้นตอนการฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation)
จุดประสงค์เพื่อ
..ฟื้นฟูสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม ..เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ..เพื่อแก้ไขความผิดปกติของจิตใจ สิ่งแวดล้อม ปัญหาต่างๆอันเป็นเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเลิกยาเสพติดได้โดยเด็ดขาด ..ประกอบด้วย กิจกรรมบำบัด ทักษะการดำเนินชีวิต ปรับกระบวนการคิด กลุ่มบำบัด และจิตบำบัดรายบุคคล ที่ศูนย์บำบัดแบ่งระยะฟื้นฟูเป็น 3 ตึก 1.ตึกตะวันฉายและตึกทอแสง สำหรับผู้ป่วยชาย ยาบ้้า ผิ่น ผงขาว สาระเหย กัญชา 2.ตึกเอื้ออาทร สำหรับผู้ป่วยชาย โรคพิษสุราเรื้อรัง 3.ตึกรุ่งอรุณ สำหรับผู้ป่วยหญิง สารเสพติดทุกชนิด รูปแบบการบำบัดในขั้นตอนนี้คือ F: Family ครอบครัวมีส่วนร่วม A: Alternative treatment กิจกรรมทางเลือก S: Self help ฝึกให้ช่วยเหลือตนเอง T: Therapeutic community ชุมชนบำบัด ผู้ป่วยบางคนจะมีระยะฮันนีมูนเป็นระยะต่อเนื่องจากระยะขาดยา ในช่วงนี้ผู้เลิกยาจะรู้สึกมีกำลังเพิ่มขึ้น กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี มีความเชื่อมั่นมากจนหลายคนเข้าใจผิดว่าระยะนี้เป็นการสิ้นสุดกระบวนการรักษา ทั้งที่ในความเป็นจริง ยังมีความเสี่ยงต่อการกลับไปใช้ยารออยู่ จำเป็นที่ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาขั้นต่อไป คือ ขั้นตอนฟื้นฟู บางคนอาจเกิดความวิตกกังวลไม่อยากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ปัญหาที่พบบ่อยในช่วงนี้ คือผู้ป่วยต่อรองขอกลับบ้าน ทั้งทีมพยาบาลและญาติจะถูกต่อรองมาก ซึ่งการตัดสินใจว่าจะรับการบำบัดต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ป่วยและญาติร่วมกัน สิ่งที่ทางศูนย์บำบัดทำได้คือ แนะนำประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับ และภาวะเสี่ยงต่อการไปเสพซ้ำสูง เนื่องจากยังไม่ผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยนความคิดพฤติกรรม กระบวนการบำบัดรักษา ขั้นตอนการบำบัดด้วยยาหรือถอนพิษยา (Detoxification)
จุดประสงค์ของขั้นตอนนี้ -- บำบัดอาการถอนพิษยา ทั้งทางกายและจิตใจ -- ช่วยระงับความต้องการยา รักษาอาการขาดยา และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ 1. สงบอาการ (Sedation) - ยากลุ่ม Benzodiazepine: Chlordiazepoxide, Diazepam, Lorazepam ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก ผู้ป่วยสุราเรื้อรังเปรียบสมองที่แช่เหล้ามานานหลายปี หากหยุดดื่มทันที สมองจะขาดเหล้าทำให้มีอาการหูแว่วระแวง มีอาการชัก เพ้อสับสนพูดจากไปเรื่อย ซึ่งมีอันตรายถึงกับชีวิตได้ ดังนั้นจะต้องให้ยาไปทดแทน หมอใช้คำพูดเปรียบว่า ใช้ยาถอนพิษเหล้า หากอาการถอนเหล้าทุเลาก็จะค่อยๆลดยาลง มีญาติเคยถามว่า ถ้าหยุดเหล้าแล้วอันตราย จะจัดหาเหล้ามาให้ผู้ป่วยได้ไหม คำตอบคือถ้าดื่มเหล้าตลอดก็ไม่มีอาการถอนจริง แต่ไม่คุ้มเลยเพราะตับ ไต ระบบหมุนเวียนเลือดก็ถูกทำลายไปด้วย การให้ผู้ป่วยดื่มไปเรื่อยๆเป็นการส่งเสริมให้ติดเหล้าไปเรื่อยๆ จริงๆแล้วหมอมียารักษาอาการถอนเหล้าซึ่งได้ผลดีกว่า ควบคุมปริมาณได้ ทางที่ดีคือ ญาติจูงใจโน้มน้าวให้ผู้ป่วยมารักษาดีที่สุด 2. สกัดทุกข์กายใจ (Symptomatic relief) นอกจากอาการถอนสุราแล้ว ในผู้ป่วยบางคนจะมีอาการไม่สุขสบาย ด้วยภาวะร่างกายที่ทรุดโทรมจากการดื่มสุรามานานและโรคประจำตัวต่างๆ และภาวะทางจิตที่อาจมีความวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ทางทีมรักษามีการให้ยาบรรเทาตามอาการที่ผู้ป่วยแต่ละคนมี เช่น ปวด คลื่นไส้อาเจียน จุกแน่นท้อง ถ่ายเหลว ยาลดความวิตกกังวล ยาช่วยให้หลับดี ยาต้านซึมเศร้า ยาต้านโรคจิต เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบาย ม่วนกายม่วนใจ มากที่สุด 3. เสริมอาหารวิตามิน (Supplement) ผู้ป่วยโรคสุราเรื้อรังจำเป็นที่ต้องได้รับการเสริมวิตามิน เนื่องจากสุราไปขัดขวางการดูดซึมวิตามิน ร่วมกัีบพฤติกรรมไม่รับประทานอาหารหรือทานน้อยลงเมื่อดื่มสุรา หากไม่เสริมวิตามินกล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ปลายประสาทฝ่อ เสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม มีภาวะซีด 4. สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นปลอดภัย (Supportive environment) ..จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ปลอดภัย อากาศถ่ายเทสะดวก แสงสว่างพอเพียง สิ่งรบกวนน้อย
การบำบัดรักษาภาวะถอนพิษสารอนุพันธ์ฝิ่น. อนุพันธ์ฝิ่น ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน(ผงขาว) ยาแก้ไอโคดิอีน ยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่น เมธาโดน ..เริ่มมีอาการหลังจากเสพสารครั้งสุดท้าย 6-8 ชั่วโมง ..ทีมรักษาจะมียาแทนที่อนุพันธ์ฝิ่น เรียกว่า เมธาโดน จะให้ยาจนร่างกายคงที่แล้่วค่อยๆลดยาลง . ระหว่างนี้จะมียารักษาตามอาการ เช่น อาการปวด อาการกระวนกระวาย อาการนอนไม่หลับ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายมากที่สุด
การดูแลภาวะเมาและถอนพิษสารอื่นๆ เช่น แอมเฟตามีน สารระเหย กัญชา อารมณ์ซึมเศร้า วิตกกังวล ให้ยาต้านซึมเศร้า เช่น Fluoxetine ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วยอยู่มาก ไม่ว่าจะเกิดจากฤทธิ์ของสารเสพติด หรือแนวโน้มที่จะเป็นโรคอยู่แล้ว โรคทางจิตเวชจะต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องและประเมินเป็นระยะๆ หากไม่ได้รับการรักษาสมรรถภาพของผู้ป่วยจะด้อยลงไปเรื่อยๆ และไม่สามรถหยุดเสพสารเสพติดได้
Free TextEditor กระบวนการบำบัดรักษายาเสพติด ขั้นเตรียมการก่อนการบำบัด (Pre-Admission)
ขั้นเตรียมการก่อนการบำบัด (Pre-Admission)
ประกอบด้วย - การลงทะเบียนประวัติที่แผนกเวชระเบียน - สัมภาษณ์ประวัติผู้ติดยา - จูงใจให้เห็นความสำคัญและจำเป็นในการเข้าบำบัดรักษา - แนะนำและชี้แจงวิธีการบำบัดรักษาทางการแพทย์ - แนะนำและชักชวนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการบำบัด - ตรวจสุขภาพและประเมินสภาพจิตของผู้ติดยาเสพติด ข้อมูลที่สำคัญในการซักประวัติผู้ติดยา -- สารเสพติดที่เคยใช้ทุกชนิดและที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ปริมาณและความถี่ -- แบบแผนการใช้ -- อายุที่เริ่มใช้ -- เหตุจูงใจให้ใช้ -- อาการเมาสาร อาการถอน -- ระยะเวลาการใช้สารครั้งสุดท้าย -- ผลกระทบจากการใช้สารในทุกๆด้าน -- ปัญหาทางกฎหมาย -- ประวัติการบำบัดรักษาก่อนหน้า -- เหตุปัจจัยที่ทำให้หยุดสารได้ -- ปัจจัยกระตุ้นให้กลับไปเสพซ้ำ -- โรคร่วมและอาการทางจิตเวช เช่น ซีมเศร้า วิตกกังวล โรคจิต แมเนีย -- โรคแทรกซ้อนทางกาย -- ประวัติสมาชิกในครอบครัวใช้สารเสพติด -- ความสัมพันธ์ในครอบครัว -- การเรียนหรือการทำงาน -- กลุ่มเพื่อน -- พฤติกรรมเสพติดอื่นๆ ที่ศูนย์บำบัดฯมีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางและทีมพยาบาลที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถค้นหาโรคทางจิตเวชที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมักเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยหยุดเสพไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยได้รับการรักษา นอกจากจะหยุดเสพได้แล้ว ปัญหาด้านพฤติกรรมอารมณ์ก็จะเป็นปกติ สามารถใช้ชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางทีมรักษาจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาได้มากขึ้น ซึ่งจะรักษาเป็นแบบผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ป่วยด้วย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1. ตรวจเลือด เพื่อดูภาวะสุขภาพของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ มีโรคประจำตัว ภาวะติดสุราเรื้อรังซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก 2. ตรวจปัสสาวะ เพือดูภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ประเมินการทำงานของไตเบื้องต้น และตรวจหาสารเสพติดบางตัว ซึ่งสามารถบอกได้ทั้งชนิดของสารและปริมาณสารที่ขับออกมาได้ 3.ตรวจเอกซเรย์ปอด เพราะโรคติดสารเสพติดก็นำไปสู่โรคทางกายได้หลายอย่าง ดังนั้น ที่ศูนย์บำบัดฯจึงมีการดูแลให้ครอบคลุมทุกด้าน เบอร์โทรติดต่อ 053-268037-41 //www.drugcare.net กระบวนการบำบัดรักษายาเสพติด ที่ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด เชียงใหม่
รูปแบบการรักษากลุ่มผู้ติดสารเสพติด
1. แบบผู้ป่วยนอก คือ รับยากลับบ้าน 2. แบบผู้ป่วยใน คือ นอนโรงพยาบาล เข้าโปรแกรมตามที่กำหนด โดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักกิจกรรมบำบัก นักจิตวิทยา ระบบการรักษาผู้ติดยาเสพติด - ระบบสมัครใจ - ระบบบังคับบำบัดรักษา: ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2534 ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด เป็นระยะเวลา 120 วัน - ระบบต้องโทษ: ถูกคุมขังในเรือนจำ ทางศูนย์บำบัดฯ รับดูแลผู้ติดสารเสพติดใน 2 ระบบแรก ขั้นตอนการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 1. ขั้นเตรียมการก่อนการบำบัด (Pre-Admission) 2. ขั้นตอนการบำบัดด้วยยาหรือถอนพิษยา (Detoxification) 3. ขั้นตอนการฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation) 4. ขั้นตอนติดตามผล (After-Care) จะเห็นได้ว่าการรักษาโรคติดสารเสพติดไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้หลายขั้นตอนและใช้ระยะเวลากว่าผู้ป่วยจะหยุดเสพสารได้ ดังนั้นต้องใช้ความตั้งใจและความอดทนของผู้ป่วยอย่างสูง รวมถึงกำลังใจและความอดทนของญาติด้วย และที่สำคัญการมาติดตามการรักษาต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้หยุดเสพได้สำเร็จ รายละเอียดแต่ละขั้นตอนอยู่ในหัวข้อถัดไป เบอร์โทรติดต่อ 053-268037-41 //www.drugcare.net แบบเตรียมความพร้อมผู้ป่วยและญาติก่อนเข้ารับการบำบัดรักษาแบบนอนโรงพยาบาล
แบบเตรียมความพร้อมผู้ป่วยและญาติก่อนเข้ารับการบำบัดรักษา ณ ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด เชียงใหม่
ข้าพเจ้า………………....………………….…………อายุ………..…ปี เสพติด……………….…………มีความประสงค์จะเข้ารับการบำบัดรักษา ณ ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด เชียงใหม่ ในวันที่................................................ได้รับการเตรียมความพร้อมและข้อมูลเบื้องต้นก่อนเข้ารับการบำบัดรักษา ดังนี้ ๑.การสัมภาษณ์ ซักประวัติเกี่ยวกับการเสพยาและสารเสพติด การแพ้ยา โรคประจำตัวและประวัติการได้รับการบำบัดรักษาทั้งด้านร่างกาย จิตใจและการติดยาและสารเสพติด โดยข้าพเจ้าได้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ๒.ระยะเวลาที่ต้องรับการบำบัดรักษา…………เดือน ขั้นตอนการบำบัดรักษาโดยในสัปดาห์แรกจะได้รับการบำบัดด้วยยา ณ ตึกถอนพิษยา หลังจากนั้น หากผ่านการประเมิน จะต้องย้ายไปรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ณ ตึกฟื้นฟูสมรรถภาพต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดการบำบัดรักษา ๓.ค่าใช้จ่ายในการบำบัดรักษา ข้าพเจ้าได้ชำระเงินล่วงหน้าไว้ ตามที่ทำเครื่องหมาย X ในช่อง (กรณีที่ผัดผ่อน ญาติของข้าพเจ้าจะนำมาชำระตามกำหนดการผัดผ่อน) ดังรายการต่อไปนี้ เดือนที่ ๑ ค่ายาและเวชภัณฑ์ จำนวน ………..….. บาท (ศูนย์ฯจะคิดราคาตามที่ใช้จริงในวันที่จำหน่ายกลับบ้าน) ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน ………..….. บาท ประกอบด้วย ค่าตรวจอิเลคโตรไลท์ จำนวน ๑๖๐ บาท ค่ากระตุ้นไฟฟ้า จำนวน ๔๒๐ บาท ค่าตรวจทางรังสี ( X-ray ) จำนวน ๑๕๐ บาท ค่าอบสมุนไพร จำนวน ๑๕๐ บาท ค่าชุดของใช้ ( ชุดธรรมดา ) จำนวน ๑๒๐ บาท ( สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ขันน้ำ แก้วน้ำ ช้อน ผ้าขาวม้า ผ้าเช็ดหน้า รองเท้าแตะ ) ค่าชุดของใช้ ( ชุดพิเศษ ) จำนวน ๒๒๐ บาท (สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ขันน้ำ แก้วน้ำ ช้อน ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า รองเท้าแตะ ลูกกลิ้ง ) ค่าใช้จ่ายที่ญาติฝากไว้ให้ผู้ป่วยใช้ขณะบำบัดรักษา จำนวน…………………………บาท( ครั้งแรก ) รวมจ่ายเงินทั้งสิ้น .................................................... บาท วดป. ............................................... เดือนที่ ๒ ขึ้นไป ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน ๒๔๐ บาท ค่ายาและเวชภัณฑ์ จ่ายตามที่ใช้จริง ค่าอบสมุนไพร จำนวน ๑๕๐ บาท หมายเหตุ : ราคาค่ารักษาอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากที่ได้ชำระไว้ล่างหน้า ขึ้นอยู่กับรายการที่ใช้จริง ๔.การใช้จ่ายเงินที่ญาติฝากไว้ให้ ผู้ป่วยจะไม่ได้ถือเงินสด จะใช้จ่ายผ่านสมุดบัญชี และผู้ป่วยจะต้องเซ็นชื่อกำกับในสมุดบัญชีเมื่อมีการใช้จ่าย และไม่ อนุญาตให้นำสิ่งของมีค่าเข้าไปขณะบำบัดรักษา ๕.ผู้ป่วยจะต้องผ่านการตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียด ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจากเจ้าหน้าที่ และเปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วยของศูนย์ฯ ก่อนเข้ารับการบำบัดรักษา ๖. ผู้ป่วยจะต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ ขณะรับการบำบัดรักษา ณ ตึกนั้นๆ หากฝ่าฝืนหรือกระทำผิดจะได้รับการช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงของพฤติกรรม เช่นการว่ากล่าวตักเตือน การงดรับโทรศัพท์จากญาติ การงดญาติเยี่ยม การทำงานบำเพ็ญประโยชน์ โดยระยะเวลาการช่วยเหลือขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วย (ซึ่งเป็นหลักการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยในขณะบำบัดรักษา) ๗.การติดต่อญาติ สามารถติดต่อได้โดย ๗.๑ ทางจดหมาย ผู้ป่วยสามารถเขียนจดหมายถึงญาติได้ โดยจะต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ก่อน ๗.๒ ทางโทรศัพท์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รับฟังอยู่ด้วยขณะพูดคุยกับญาติ (ใช้โทรศัพท์แบบ Speak phone) ๘. ญาติจะต้องมีส่วนร่วมในการบำบัดรักษา โดยอาจได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่เพื่อเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมขณะที่ผู้ป่วยอยู่รับการบำบัดรักษา ๙. การติดต่อผู้ป่วยสามารถติดต่อได้โดย ๙.๑ การส่งจดหมายหรือสิ่งของให้ผู้ป่วย โดยจะต้องผ่านการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ก่อน (ส่งถึงผู้ป่วยได้ตามที่อยู่ ของศูนย์ฯ ซึ่งอยู่ในบัตรเยี่ยมที่ให้ญาติไว้) ๙.๒ ทางโทรศัพท์ สามารถติดต่อได้ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยพักหรือไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่รับฟังอยู่ด้วยขณะพูดคุยกับผู้ป่วย โดยใช้โทรศัพท์แบบSpeak phone(หมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์ฯอยู่ในบัตรเยี่ยมที่ให้ญาติไว้ ) ๑๐.การเยี่ยมผู้ป่วย สามารถเยี่ยมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนระเบียบเกี่ยวกับการเยี่ยมอยู่ในบัตรเยี่ยมที่ให้ญาติไว้แล้ว สิ่งของที่นำมาเยี่ยมจะต้องผ่านการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ก่อน ๑๑.หลังจากบำบัดรักษาจนครบตามกำหนดการแล้วผู้ป่วยจะต้องมาตรวจตามนัด จำนวน ๗ ครั้งเป็นระยะเวลา ๑ ปี เพื่อติดตามผลการบำบัดรักษา ดังนี้ ครั้งที่ ๑ เมื่อครบ ๒ สัปดาห์ ครั้งที่ ๒ เมื่อครบ ๑ เดือน ครั้งที่ ๓ เมื่อครบ ๒ เดือน ครั้งที่ ๔ เมื่อครบ ๓ เดือน ครั้งที่ ๕ เมื่อครบ ๖ เดือน ครั้งที่ ๖ เมื่อครบ ๙ เดือน ครั้งที่ ๗ เมื่อครบ ๑ ปี ( โดยแต่ละครั้งจะนับจากวันที่ผู้ป่วยกลับบ้าน ) หากผู้ป่วยไม่มาตามนัด จะมีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์สอบถามหรือส่งจดหมายติดตามไปตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับ ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด เชียงใหม่ ข้าพเจ้าและญาติได้รับทราบแล้วและยินดีปฏิบัติตามทุกประการ จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ลงชื่อ........................................................................ผู้ป่วย (....................................................................) ลงชื่อ........................................................................ญาติ/ผู้นำส่งผู้ป่วย (....................................................................) ลงชื่อ.........................................................................เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูล (....................................................................) Free TextEditor |
Sim Lim
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Friends Blog
Link |