La princesse endormie...*
Group Blog
 
All blogs
 

เป็นหวัดอีกแล้ววววววว!!!


ปิดเทอมแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เริ่มกิจกรรมอะไร ก็โดนหวัดเล่นงานซะนี่
จริงๆทำท่าว่าจะเป็นตั้งแต่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วหลังปิดเทอม
แต่ก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิดด้วยการกินน้ำอุ่นเป็นแกลลอน
เจ้าไวรัสหวัดที่กำลังจะเข้ามาจู่โจม ก็เลยแพ้ไป

แต่ แต่ แต่...

ไปๆมาๆเมื่อเช้าวันจันทร์ที่แล้ว
ตื่นนอนมาปุ๊บ ก็เอาล่ะตู งานเข้าแล้ว
เจ็บคออออออออออออ
สัญญาณแรกที่บ่งบอกได้ว่า "กำลังจะเป็นหวัด"
ฮือฮือ T^T

คือที่กลัวนี่ไม่ได้กลัวจะเป็นหวัด
แต่เป็นเพราะช่วงนี้ Swine flu กำลังระบาดที่ California นี่แหละ
ไอเราก็เลยพลอยประสาทไปกะเค้าด้วย
ถ้าเป็นแค่หวัดธรรมดา มันก็ไม่เป็นไรหรอก
แต่ถ้าเกิดเป็นหวัดหมูขึ้นมานี่...
หึหึ ไม่อยากจะคิด

ก็เลยรีบบึ่งไป Walgreens ซื้อยาตัวที่เคยกินเมื่อตอนเป็นหวัดคราวที่แล้ว
คราวก่อนก็อีหรอบนี้เลย ติดหวัดจากรูมเมท
ไปซื้อเจ้าตัวนี้มากิน ได้ผลชะงักมาก กินไปแค่สามวันก็หาย
Robitussin Night Time เริ่ดค่ะ
คราวนี้ก็เลยไปซื้อมาอีกรอบ เพราะไม่อยากเริ่มกินยาแก้อักเสบ
แบบว่าขี้เกียจต้องกินติดต่อกันไปหลายวัน
ก็เลยจัดการกินยา ตามด้วยน้ำอุ่น(โคด)เข้าไปอีกเป็นลิตร
กับVit C 1000mg อีกหนึ่งเม็ด แล้วรีบนอนอย่างเร็ว
ภาวนาให้พรุ่งนี้เช้าตื่นมา ไออาการเจ็บคอมันหายไปด้วยเถิ๊ดดด...

แต่ในที่สุด...
สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดฮ่ะ
ตื่นเช้ามาเจ็บคอมากกว่าเดิม แถมหายใจไม่ออกสุดๆ จมูกตันมากก
เอาแล้วไงตู
เสร็จแล้วคราวนี้ หวัดของจริงขนาดแท้และดั้งเดิมเลยค่ะ

เลยจำใจไปแกะกล่องยาแก้อักเสบที่เอามาจากเมืองไทย
หยิบออกมาแผงนึง แล้วก็กินเข้าไปสองเม็ดตามโดส
ไม่อยากกินยาแก้อักเสบบบบบบบ
เพราะรู้เลยว่ากินยาแก้อักเสบเข้าไปปุ๊บ
ช่วงสองสามวันแรกหลังกิน อาการจะหนักขึ้นกว่าเก่า
แล้วก็เป็นจริงตามที่คาดไว้
นอนซมอยู่บ้านสามวันติดค่ะ
เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไข้ขึ้นนิดหน่อย
ใจก็กลัวๆอยู่ว่า ถ้าไข้สูงกว่านี้แล้วไม่ลดนี่ ตูอาจจะติดหวัดหมูป่าวเนี่ย
ก็เลยนอนเยอะๆให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ ทั้งที่ปกติก็นอนเยอะอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ
แล้วก็กินน้ำเยอะมากกกกกก
หมดตังค์ค่าน้ำเปล่าไปหลายสิบเหรียญแล้วเห็นจะได้

แล้วเมื่อวานตื่นมา...
โอ้ววววววว ดีขึ้นแล้วววววว
คอก็ไม่ค่อยเจ็บ น้ำมูกก็หาย ไข้ก็ไม่มีแล้ว
เริ่ดจริงๆ
แต่ถึงจะดีขึ้นเยอะ ก็ยังต้องกินยาแก้อักเสบไปจนหมดฮ่ะ


ไม่สบายคราวนี้ ต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ไม่ใช่ หวัดหมู





 

Create Date : 01 มิถุนายน 2552    
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 7:33:56 น.
Counter : 483 Pageviews.  

กวางตุ้งลิซึ่ม...

ช่วงนี้กลับมาฮิตฟังเพลงจีนอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน
จำได้ว่าสมัยอยู่มัธยม ช่วงๆมอสามไปจนถึงจบมอหกนี่บ้าฟังเพลงจีนมากๆ
อาจเป็นเพราะเรียนภาษาจีนอยู่ ก็เลยใช้เพลงนี่แหละเป็นตัวช่วยให้เรียนสนุกขึ้น

และสาเหตุที่ทำให้เราหลงใหลในอะไรจีนๆมากๆ เห็นจะหนีไม่พ้น "เสี่ยวเยี่ยนจื่อ"
เพราะจำได้ว่าตอนนั้นกำลังบ้าองค์หญิงกำมะลอสุดฤทธิ์
เลิกเรียนปุ๊บต้องรีบบึ่งกลับบ้านไปดูเรื่องนี้ให้ทัน
ไปๆมาๆก็เลยซื้อซีดีเพลงประกอบมาฟังด้วยซะเลย ฟังไปฟังมาก็อยากร้องได้ พอร้องได้ก็อยากรู้ความหมาย กลายเป็นลูกโซ่ให้มาเริ่มเรียนภาษาจีน
แรกๆก็เรียนเองเลย ฟิตมากฮ่ะ พอซักพักก็เลยไปเรียนกะอาจารย์
เรียนไปเรียนมา ถึงเวลาเอนท์เข้ามหาลัยพอดี ตอนนั้นนี่ลังเลสุดๆ
เออ ชั้นจะเข้าคณะอะไร ใจจริงอยากเข้าอักษรฯ แล้วเลือกเอกจีนให้รู้แล้วรู้รอดไป
เพราะ passion เรื่องภาษามันล้นเอ่อ ต้องเรียน อยากเรียนมากกก
แต่พอคุยกับเหล่าซือ ไปๆมาๆก็เลยเปลี่ยนใจมาเลือกนิเทศฯแทน
เพราะเหล่าซือบอกว่า ภาษามันเป็นทักษะ เราฝึกเองได้ เรียนเองได้ถ้าใจรัก
อืมม...ก็จริง
สิ่งที่เรารักเราชอบ...เก็บมันไว้เป็นงานอดิเรกดีกว่า...

อ่า ร่ายมาซะยาว

เหตุผลที่ช่วงนี้ฟังเพลงจีนเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเพลงจีนกวางตุ้ง
ก็เพราะว่า ตอนนี้กำลังเรียนกวางตุ้งด้วยตัวเองอยู่ แบบว่ามาอยู่ที่นี่ ไปซื้อของที่ไชน่าทาวน์ทีไรรู้สึกเหมือนเป็นใบ้ทุกครั้งเลย จะสั่งไอนู่นก็ไม่รู้จะพูดยังไง ลำบากมากกก
เกิดมาไม่เคยรู้สึก hopeless ขนาดนี้มาก่อน แล้วประเด็นที่ทำให้อยู่นิ่งไม่ได้อีกแล้วคือ
ไอตัวปัญหาที่ทำให้เราลำบากนี่มันคือสิ่งที่เราชอบซะด้วย "ภาษา"
ก็เลยเอาวะ เรียนดีกว่า เรียนด้วยตัวเองเนี่ยแหละ อย่างน้อยก็ได้รู้เพิ่มอีกภาษานึง แล้วก็ใช้ชีวิตได้สบายขึ้นด้วย ฮ่าๆ

พอตัดสินใจว่า "ชั้นจะเริ่มเรียนกวางตุ้งอย่างจริงจังล่ะนะ" ได้ปุ๊บ
ก็เริ่มต้นการฟังเพลงจีนกวางตุ้งอย่างกระหน่ำ
ก่อนหน้านี้ก็ฟังมาเรื่อยๆ แต่ก็ฟังผ่านๆไม่ได้สนใจว่าเนื้อหามันพูดถึงอะไรกันแน่
แต่มาช่วงนี้นี่ โอย...ฟังละเอียดมากค่ะ
ฟังไปด้วย เปิดดูเนื้อไปด้วย อ้อๆมันแปลว่าแบบนี้นี่เอง
ทีนี้ก็เริ่มโฟกัสที่การออกเสียง เดชะบุญที่เรียนจีนมาก่อน ถึงจะเป็นจีนกลางก็เถอะ ก็ยังอ่านออก แปลความหมายได้ พอมาเป็นกวางตุ้ง ก็แค่ต้องจำว่าตัวนี้อ่านยังไง
ฟังดูเหมือนจะหมูๆ แต่จริงๆแล้ว...

ขอบอกว่าตั้งแต่เกิดมาจนบัดดี้ เราเรียนภาษาต่างๆมามากมาย
ทั้งไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส จีนกลาง เกาหลี อิตาเลี่ยน

แต่ไม่เคยมีอันไหนที่ทำให้เรารู้สึก ว่าตัวเองไร้พรสวรรค์ได้เท่ากะกวางตุ้งเลยจริงๆให้ตาย
มันยากมากกกกกกกกกกกกกกค่ะ
ออกเสียงยากที่สุด คือออกเฉยๆอ่ะไม่ยาก แต่จะออกให้เหมือนเจ้าของภาษานี่มันยากจริงๆ
เพราะคนกวางตุ้งพูดเร็วมากกกกกกกกกก แล้วพูดเร็วอย่างเดียวไม่พอ พูดย่นคำอีก


ในเมื่อเป็นแบบนี้ ความคืบหน้าในการเรียนด้วยตัวเองของเราก็เลยช้าเต่าเข้าไปใหญ่
แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าเพลงกวางตุ้งนี่ล่ะ ที่อย่างน้อยก็ช่วยให้เรียนได้เยอะขึ้นมากๆ
เพราะเวลาร้องเพลง มันจะไม่ย่อคำ และถ้าอยากฟังอะไรที่ช้าๆชัดๆ ก็ฟังเพลงช้าโลด
ฟังไป ดูเนื้อไป ออกเสียงตามไป เยี่ยมค่ะ
เราว่าถ้าจะเรียนภาษา ดูละคร ดูหนัง มันช่วยได้น้อยกว่าฟังเพลง โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกเพิ่งเริ่มเรียนแบบเรานี่ มันจะคืบหน้าไปช้ามาก
แต่ละคร กับ หนัง มีดีตรงที่ทำให้เราชินกับภาษา ดูไปมากๆจะชิน ทักษะการฟังจะพัฒนาขึ้นไปอย่างก้าวกระโดด ฟังออกเกือบหมด อันนี้มันช่วยได้เยอะจริง
แต่ถ้าเพิ่งเริ่มเรียน เราว่าฟังเพลงดีที่สุด

และด้วยเหตุนี้...
ตอนนี้ในไอพ็อด ก็เลยมีเพลงจีน ทั้งจีนกลางทั้งกวางตุ้ง อัดแน่นอยู่ในโฟลเดอร์เฉพาะเกือบสี่ร้อยเพลง
ฟังเข้าไปค่ะ ฟังให้ชินหู ฟังจนร้องได้แล้วไปหลายเพลง

จริงๆ เราว่าเพลงจีนเพราะดี โดยเฉพาะกวางตุ้งนี่ ถ้าไปเจอนักร้องที่ร้องได้อารมณ์
เพลงช้าจะซึ้งกว่าที่ควรจะเป็นอีกหลายเท่า
บางทีอาจเป็นเพราะตัวภาษามันเอง เพราะกวางตุ้งเป็นภาษาพูด แล้วเป็นภาษาที่ห้วน สั้น ไม่มีอ่ะจะมานุ่มนวลอ่อนหวาน เหมือนฝรั่งเศส ที่เค้าว่ากันว่าเป็นภาษาที่เพราะที่สุดในโลก เนื่องจากมันมีเมโลดี้ในตัวเอง หรือจะดูน่ารักคิกขุเหมือนญี่ปุ่นก็ไม่ใช่

แต่ก็นั่นละ เราว่าเป็นข้อดีของกวางตุ้ง เพราะทำให้สื่ออารมณ์ได้ชัดเจนมากกกกกกกกก
รู้สึกยังไง มันออกมาในคำที่พูดที่ร้องเลย

ยกตัวอย่าง เพลงที่เราฟังแล้วรู้สึกเศร้าตามไปด้วยมากๆอย่าง 我没有忘记 by Kelly Chen
อันนี้สุดยอดค่ะ ส่วนนึงเป็นเพราะเคลลี่ร้องได้อารมณ์ เนื้อเพลงก็เศร้า แต่เราว่าความดีความชอบอีกอย่างที่ต้องยกให้คือ ไอเจ้าภาษากวางตุ้งเนี่ยแหละ
เพราะเรามานั่งคิดๆดูแล้ว เออ ถ้ามันเปลี่ยนไปร้องเป็นจีนกลาง มันจะเศร้าขนาดนี้มั้ยเนี่ย...

ไหนๆในบล็อกนี้ก็มี group ที่จะเอาเพลงมาลงโดยเฉพาะ
เอาไว้เดี๋ยวจะทยอยเอาเพลงจีนที่ตัวเองชอบมาลงเรื่อยๆค่ะ พร้อมคำอ่านและคำแปล ถ้ามีเวลา...







 

Create Date : 27 มีนาคม 2552    
Last Update : 27 มีนาคม 2552 8:25:14 น.
Counter : 371 Pageviews.  

"ความจำสั้น...แต่รักฉันยาว"


หลังจากที่ได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง "ความจำสั้น แต่รักฉันยาว" ไปเมื่อคืนนี้...
ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านไป...

สิ่งเดียวที่วนเวียนเข้ามาในความคิดของเรา...
คือภาพความทรงจำเก่าๆกับคนๆหนึ่ง

คนๆหนึ่ง
ที่ตลอด 1,550 วันที่ผ่านมา
ไม่มีวันไหนซักวันที่เราจะลืมเรื่องเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนได้

คนๆหนึ่ง
ที่แม้ว่าใน 1,550 วันที่ผ่านมา
เราจะใช้เวลาเกินกว่าครึ่งของวันเหล่านั้นพยายามที่จะ "ลืม" เรื่องเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน...

คนๆหนึ่ง
ที่ถึงทุกวันนี้ เราได้ค้นพบแล้วว่า ไม่ว่าเราจะพยายามยังไง และพยายามไปอีกนานเท่าไหร่ เราก็จะไม่มีวันลืมเค้าได้...


บางทีการที่เรายิ่งพยายามทำให้ตัวเองลืมใครซักคน หรือลบใครซักคนออกไปจากใจ... อาจเป็นการทำให้ตัวเองยิ่ง "จดจำ" เค้าคนนั้นได้มากยิ่งขึ้นก็เป็นไปได้...

จะว่าไปแล้ว
ความรักครั้งนั้น อาจจะไม่ใช่รักครั้งแรกสำหรับเรา
แต่มันเป็นความรักครั้งที่เราเชื่อมั่น ศรัทธา และทุ่มเทใจลงไปมากที่สุด
เวลาที่เราได้ใช้ด้วยกัน มันไม่นานเลยถ้าจะนับกันจริงๆ
เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำที่เราได้เรียนรู้กันและกัน

1 ปี สำหรับการได้รู้จัก
2 ปี ที่เรารอคอย
และอีก 2 ปี ที่เราพยายามลบทุกอย่างออกไปจากใจ...

มีหลายคนบอกว่า
เราโง่มาก ที่ยังจดจำเรื่องราวเหล่านั้นไว้อยู่
เราเป็นฝ่ายจดจำมันอยู่ข้างเดียว ในขณะที่คนอีกคนอาจจะลืมมันไปแล้วหลังจากหนึ่งปีแรก...

มันก็แปลกดี
เพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเราถึงยังจำทุกอย่างได้ดีขนาดนี้
มันก็แปลกดี
ทั้งที่เวลาก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ทำไมเราถึงยังไม่ลืมๆเรื่องราวเก่าๆไป

เราใช้เวลาหลายปีค้นหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงยังจมอยู่กับอดีตเหล่านั้นอยู่ได้... ทำไมเราไม่เข้มแข็งขึ้นอีกนิด แล้วทิ้งมันไป...

ในที่สุด เราก็คิดว่า เราค้นเจอเหตุผลสำหรับทุกคำถามเหล่านั้นแล้ว...เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง...

เหตุผลที่เรายังจำทุกอย่างได้
เหตุผลที่เรายังไม่ยอมลืม ไม่ยอมทิ้ง เรื่องราวเก่าๆเหล่านั้นไป
มีแค่ข้อเดียว

เพราะจริงๆแล้ว เรายังอยากที่จะจดจำทุกสิ่งเอาไว้ด้วยตัวเราเอง
เพราะจริงๆแล้ว เราไม่เคยคิดอยากจะลืมมันเลย
แม้ว่าการที่เรานึกถึงมันทุกครั้ง จะทำให้รู้สึกเจ็บลึกๆ รู้สึกหายใจไม่ออก และน้ำตาปริ่มๆไปซะทุกครั้ง
แต่เราก็อยากเก็บมันเอาไว้ อยากให้มันอยู่กับเรา เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและความทรงจำเกี่ยวกับความรักครั้งนึงของเรา...

"เราไม่อยากลืมมัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงยังจำได้..."

.
.
.

ไดอะล็อกใน "ความจำสั้น แต่รักฉันยาว" หลายตอน โดนเราอย่างบอกไม่ถูก

"การที่เราลืมใครซักไม่ได้ นั่นไม่ได้เป็นเพราะเราไม่ยอมลืมหรอก แต่เป็นเพราะลึกๆแล้ว เรายังมีความหวังว่าซักวันนึง คนๆนั้นจะกลับมา..."

"ไม่ลืมไม่มีหรอก มีแต่ลืมช้า กับ ลืมเร็ว..."

"เราจากกันตอนที่เรายังจำกันได้จะดีกว่านะ..."


นี่แค่ตัวอย่าง ที่ยิงเข้ามากระหน่ำ พร้อมกับเมโลดี้เพลง "จะได้ไม่ลืมกัน"...
โอย ทำเอาเราน้ำตาซึม... จากซึมกลายเป็นพราก... เมื่อดูตัวอย่างไปรอบที่สอง...สาม...สี่...

อยากดูหนังเรื่องนี้มาก
รู้สึกมันสะท้อนชีวิตตัวเองยังไงไม่รู้
อยากกลับเมืองไทยเพื่อไปดูหนังเรื่องนี้จริงๆเลยให้ตายสิ...
เฮ่อ... ไม่เคยรู้สึกอยากดูหนังเรื่องไหนเท่าเรื่องนี้มาก่อนเลยจริงๆ

เพลงประกอบเรื่องนี้ เนื้อหาดีมาก ความหมายดี...
ป๋าเบิร์ดก็ร้องได้ความรู้สึกจริงๆ...

โอ้ยยย เมื่อไหร่ดีวีดีจะออกซะที
ฮือๆ ทำไมเราต้องไม่ได้อยู่เมืองไทยตอนนี้ด้วยยยยยย T^T

.
.
.

สำหรับเรา
ความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องประหลาด
ลองขึ้นชื่อว่า "รัก" แล้ว
สำหรับเรา ต่อให้ผ่านไปอีก 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี 50 ปี หรือชั่วชีวิต
เราก็ไม่คิดว่าจะมีวันไหนที่เราจะลืมรักครั้งนั้นของเราได้
ผู้ชายที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไป...

เราเชื่อว่า
แม้มันมันจะผ่านไปอีกเป็นสิบๆปี
แต่ทุกครั้งที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
เราก็จะยังรู้สึกเหมือนเมื่อตอนเจอกันครั้งแรกอยู่ดี
ทุกความรู้สึก หัวใจเต้นแรง มือไม้สั่น...
มันจะยังอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
เพราะ "คุณ" คือคนที่เรารัก
เป็นคนที่เรา "เคย" รัก
เป็นคนที่เรา "จะยังคง" รัก
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ไม่ว่าเราจะอยู่กับใคร ได้ลงเอยกับใคร
แต่มันก็จะยังคงมีที่ๆหนึ่งในความทรงจำของเรา ที่เป็นของคุณคนเดียว...
ที่ๆมีแต่เราเท่านั้นที่รู้จัก และรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนในหัวใจของเรา

ทุกครั้งที่เราคิดถึงคุณ
เราจะรู้ได้ว่าเราต้องไปที่ไหนเพื่อจะได้พบคุณอีก
ทุกครั้งที่เราเปิดอ่านบทสนทนาเก่าๆระหว่างเราสองคน
เรายังจดจำได้ถึงความรู้สึกเหล่านั้น ในวันเก่าๆ...

ความรักมันแปลก...และยากเกินกว่าที่เราเข้าใจได้หมด

เคยมีคนถามเราว่า
เราเกลียดคุณมั้ย กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ไม่รู้สินะ
ถ้าจะบอกว่าไม่เกลียด เราก็คงโกหกตัวเอง
แต่ถามว่าระหว่างความเกลียด กับ ความรัก
เราเหลืออย่างหลังไว้ให้คุณมากกว่า

ระหว่าง รัก กับ เกลียด มันมีเส้นแบ่งครึ่งเส้นบางๆเส้นนึงอยู่
เส้นที่ว่า ระหว่างเรากับคุณ...
เราเลือกให้มันอยู่ในส่วนของ "ความรัก" มากกว่า "ความเกลียด"

อาจมีหลายครั้ง ที่นั่งนึกถึงเรื่องเก่าๆของคุณกับเรา
แล้วมันทำให้เราเสียน้ำตา...
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเลิกรักคุณ

บางทีความรักที่เรามีให้คุณ อาจแค่เปลี่ยนรูปแบบไป...
มันคงไม่ใช่ความรักแบบคนรักอีกแล้ว
แต่อาจเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่งแทน...
"มิตรภาพ" อาจเป็นคำนิยามของความรักในรูปแบบนั้นก็เป็นได้...
.
.
.

แต่ยังไงก็ตาม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ทุกเรื่องราวระหว่างเราสองคน
จะยังอยู่ในความทรงจำของเราไปตลอด

มันอาจจะเลือนลางไปบ้างตามกาลเวลา
แต่เราก็ยังมั่นใจว่าเราจะไม่มีวันลืมมัน...

ไม่ว่าตอนนี้คุณจะทำอะไรอยู่ อยู่กับใคร ที่ไหน
เราขอให้คุณมีความสุข ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และที่สำคัญขอให้มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าในทุกๆวัน แม้มันจะเป็นวันที่ทุกข์ที่สุดในชีวิตก็ตาม...
ขอให้คุณเข้มแข็ง

หวังว่าคุณคงสบายดี...
รักและคิดถึงเสมอค่ะ...










 

Create Date : 13 มีนาคม 2552    
Last Update : 13 มีนาคม 2552 14:47:00 น.
Counter : 257 Pageviews.  

Old Time Buddy...*

เคยมีหลายคนบอกเราว่า
"ช่วงเวลาที่เป็นนักเรียน เป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดในชีวิตแล้ว..."

แต่ตอนนั้น เคยเชื่อซะที่ไหนกันล่ะ ฮ่าๆ
ในหัวมีแต่ "ไม่เห็นจะสนุกอย่างที่ว่าเลย ต้องอ่านหนังสือ เรียนพิเศษ ทำการบ้าน ทำรายงาน โอ้ย จิปาถะมากมาย เหนื่อยๆๆๆ..."

แต่เอาเข้าจริง...
พอไม่ได้เป็นนักเรียนกะเค้าแล้ว
กลายร่างมาเป็นคนทำงาน

อืมมมม...รู้ซึ้งสิค่ะทีนี้
จริงแท้แน่นอนเลยแหละ ที่เค้าพูดๆกัน...
มันสบายอย่างที่เค้าว่าจริงๆ มันสนุกสุดๆจริงๆ วันๆไม่ต้องคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับอนาคต ไม่ต้องวางแผนยาวไกล อย่างมากก็แค่สนุกกับวันนั้น ทำแค่วันนั้นให้ดีก็พอแล้ว...

ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมด
เมื่อถึงเวลาต้องก้าวข้ามมาเป็น "ผู้ใหญ่" กับเค้าแล้ว...
มันไม่ได้ทำอีกเลย...

จริงอยู่ที่ว่าชีวิตก็ยังสนุกได้อยู่ ยังเฮฮาได้อยู่
แต่ต่างกันตรงที่ มันต้องคิดถึง "วันพรุ่งนี้" อยู่เสมอ

ตอนเรียน... ไม่ส่งการบ้าน ส่งรายงาน ก็แค่โดนอาจารย์ว่า เสียคะแนนเก็บ
ตอนทำงาน... ทำงานเสร็จไม่ทัน ก็อาจจะโดนเพ่งเล็ง โดนคอมเพลน เสียหายไปหลายส่วน ไม่ใช่เฉพาะตัวเราซะเมื่อไหร่...

สิ่งที่ต่างกันมากมายระหว่างตอนเป็นนักเรียน กับตอนทำงาน
ก็คือ...
ไอเจ้าพันธะขนาดมหึมาที่ใครๆก็เรียกว่า "ความรับผิดชอบ" นี่แหละ...

แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะเราที่รู้ซึ้งถึงความแตกต่าง...
เพื่อนๆก็เหมือนกัน ทุกคนก็เข้าสู่วัยทำงานกันหมดแล้ว
รู้ซึ้งกันถ้วนหน้า ฮ่าๆ แล้วก็เหมือนกันทุกคน...
ทุกคนโหยหา และคิดถึงช่วงชีวิตที่เป็นนักเรียนกันทั้งนั้น

พอมาทำงานแล้ว กว่าจะนัดเจอกันได้แต่ละที มันช่างยากเย็น
ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ กว่าจะหาเวลาปลีกตัวมาเจอกัน กินข้าวกัน เม้าท์กันได้ ก็น้องๆปาฎิหาริย์เลย แต่พอได้มาเจอกันแค่นั้นแหละ...

เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเรียนไม่มีผิด
เหมือนทุกคนจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้ไม่ใช่เด็กม.ต้น ม.ปลาย กันอีกต่อไปละนะ... ยังกิ๊วก๊าว เฮฮา กันได้เหมือนเดิมไม่มีผิด ฮ่าๆๆ

.
.
.

วันนี้เราได้มีโอกาสกลับไปเฮฮากับเพื่อนเก่าสมัยม.ต้น
เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งปีเต็มๆ ทั้งที่บ้านอยู่ละแวกเดียวกันนี่แหละ
เพื่อนที่เราได้ใช้ชีวิตด้วยแค่เพียง 3 ปี ก่อนจะต้องระเห็จไปเรียนอีกที่นึง
เพื่อนที่เราได้แชร์ช่วงเวลาดีๆด้วยกัน
เข้าข่ายยุวฯด้วยกัน ทำงานกลุ่มด้วยกัน เดินเรียนด้วยกัน 3 ปีเต็มๆ
แต่--
เป็น 3 ปี ที่มีคุณค่ากับชีวิตเรามาก
เป็น 3 ปี ที่ทำให้เราได้เจอเพื่อนแท้ ที่จะคบกันไปจนแก่ (กว่านี้)...

แปลกดีที่แม้เวลาจะผ่านไป 9 ปีแล้ว ที่เราไม่ได้เรียนด้วยกัน
ไม่ได้ทำอะไรๆหลายๆอย่างด้วยกัน
แต่พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง...ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เหมือนเดิมสุดๆ จนเราเองยังแปลกใจ

นี่ละมั้ง ที่ใครๆถึงบอกกันว่า
"เพื่อนแท้ แม้ไม่ได้เจอกันเป็นสิบๆปี แต่พอได้กลับมาเจอกันอีก ก็ยังต่อกันติด เหมือนเวลาไม่ใช่ตัวแปร..."

จริงแท้แน่นอนอย่างที่สุด

.
.
.

ถึงเพื่อนๆ

ชั้นรอเวลาไปเที่ยวทริปก่อนชั้นไปเรียนต่อ กับพวกแกอยู่อย่างใจจดจ่อ
13-14 ธ.ค.นี้นะยะ

รักพวกแกทุกคนมากกกกกกก










 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 19:44:37 น.
Counter : 265 Pageviews.  

ต้อนรับตัวเองเข้าสู่บล็อคแก๊งค์


ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ซะที...

หลังจากเป็นสมาชิกกะเค้ามาก็หลายปี แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่เคยได้ลงมือจัดการ เปลี่ยนตัวเองจากคนอ่าน มาเป็นคนเขียนเลย...

วันนี้บังเอิญได้เข้าไปอ่านบล็อคของเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย
ก็เลยเอาวะ... เกิดความฮึดอยากจะเป็นเจ้าของบล็อคที่นี่กะเค้ามั่ง

แต่ก็เกือบจะไปไม่รอด เพราะมาตายอยู่ตรงขั้นตอนการจัดการกับเจ้า
HTML Script ที่แสนจะยากเย็นสำหรับเรา... หมดเวลาไปเป็นชั่วโมง แล้วก็ได้มาแค่เนี้ย...ฮ่าๆ อนาถตัวเอง

เอาล่ะ แต่ไหนๆก็ไหนๆ ก็ได้เริ่มกะเค้าแล้วเนอะ
เรื่องตกแต่งให้สวยงามก็คงค่อยเป็นค่อยไป

.
.
.

ขอบคุณบล็อคแก๊งค์ ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ในการเขียนให้เราเพิ่มอีกที่นึง
แล้วคงได้มาอัพกันบ่อยๆแน่นอน...






 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2551 18:17:21 น.
Counter : 265 Pageviews.  


pampoentjie
Location :
San Francisco United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add pampoentjie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.