ดั่งเช่นที่มาร์แชล บารังส์ นักแปลชาวฝรั่งเศส ผู้นำพา อสรพิษ ไปสู่ความยิ่งใหญ่ในวงการวรรณกรรมฝรั่งเศส กล่าวไว้ว่า มันจะสถิตอยู่ในความทรงจำของท่านชั่วนิรันดร์ เหมือนกับ ดิโอลด์ แมน แอนด์ เดอะ ซี หรือ เรื่องสั้นชั้นดี ของ มาเกอริต ยูร์เซนาร์, วิลเลียยม โฟล์คเนอร์ หรือ เอ็ดการ์ อัลลัน โป ไม่น้อยกว่านั้น ในส่วนของข้าพเจ้า เมื่ออ่านจบแล้ว ไฉนหนอจึงนึกไปถึง หมายเหตุฆาตกรรม ของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เรื่องราวของชนบทไทย ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละคร เด็กชายพิการอายุราว 10 ขวบ ที่แขนข้างขวาลีบ ข้อศอกงอพับไม่ได้ จนถึงนิ้วมือ แต่มีแขนซ้ายที่ทรงพลัง เนื่องจากอุบัติเหตุการตกต้นตาลตอน 8 ขวบ ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่หนามแดง เป็นเรื่องราวสั้น ๆ ที่สอดแทรกเรื่องราว ความคิดมากมาย และแสดงถึงสังคมชนบทของไทย สะท้อนไปถึงสังคมโดยทั่วไปด้วยเช่นกัน คำถามที่ค้างอยู่ในห้วงคำนึงของเรามากมายถึงจุดจบของเรื่อง สาเหตุของเรื่อง อสรพิษที่ชั่วช้า พิษร้ายของมัน และในที่สุดแล้ว อสรพิษที่เดินดิน และเที่ยวพ่นพิษของมันไปทั่ว....จะกัดกินดวงจิตที่บริสุทธิ์อย่างเด็กน้อยคนขึ้น...ไปอีกนานแค่ไหน ผู้เขียนบรรยาย ฉากประทับใจ แห่งท้องถิ่นไทย ที่ร่มเย็น แห้งแล้ง ยากแค้น และมีความสุข การเล่าเรื่องบางช่วงก็ตื่นเต้นและน่าหวาดหวั่น โดยใช้คำพูดที่ไม่ฟุ่มเฟือย แต่เห็นภาพได้ชัดเจน ดั่งว่าครั้งหนึ่งที่เราได้นั่งใต้ต้นไม้ มองดูควายกินหญ้า ฟังเสียงแม่น้ำไหลริน หยีตามองฝ่าเปลวแดด และเดินดุ่มในบ้านมุงจากเรียงราย บรรยากาศเช่นเดิมที่เราเคยผ่าน และยังมีหลงเหลืออยู่ ณ ดินแดนห่างไกล เด็กพิการ ที่ถูกเรียกขานในนามว่า แป เล่าถึงวิถีชีวิตของเขา ครอบครัว และชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่มีวัดเป็นศูนย์กลาง ความไม่มีความรู้ และห่างไกลความเจริญ ทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เป็นหลักยึดของชาวบ้าน นอกเหนือไปจากเจ้าอาวาส วิถีชีวิตเดิม ๆ ผ่านไปในแต่ละวันอันเป็นปกติสุข และความไม่ลงรอยกันของทรงวาด หรือ ร่างทรงของเจ้าแม่แพรกหนามแดง ชายอายุประมาณ 50 ปี กับพ่อของแป มีการเล่าถึงประเพณีของชาวบ้าน วันลอยกระทง การเล่นหนังตะลุง ค่อย ๆ บอกให้เราทราบถึงจิตใจที่ดีงามของแป ความรัก ความเมตตาของพ่อแม่ และเจ้าอาวาสวัดที่มอบให้แป กล่อมเกลาเขาให้เป็นเด็กที่มีที่ยืนในสังคม ช่วยลบล้างความบกพร่องทางกาย ไปเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับจิตใจของเขา คำอธิษฐานของแป ในวันลอยกระทง และท้ายที่สุด ก็ขอให้เขา (แป) จงอย่าได้รู้สึกเกลียดชังทรงวาด และขอให้ทรงวาดอย่าได้เกลียดชังเขา จนในเย็นวันหนึ่ง ที่ดวงอาทิตย์สาดแสงให้กับหนังตะลุงตัวน้อยของแป อันเป็นวันเช่นเดิม หลังจากพาควาย 8 ตัวของเขาไปกินหญ้าเสร็จแล้ว ฟ่อน ฟางแห้งที่แปทำขึ้นมาเองเป็นตัวแสดง เด็ก ๆ เลี้ยงควายเพื่อนของเขารุมล้อม เป็นผู้ชมที่กระตือรือร้น ความสุขจากการร้องเล่าเรื่องราวของเจ้าชาย ที่แปขับขาน ความใคร่จะเสพศิลปะของผู้ชมวัยเยาว์กำลังเริ่มขึ้น ขณะนั้นเอง อสรพิษ เพศเมียตัวหนึ่งที่สุ่มจับจ้องอยู่อย่างระแวดระวังภัยให้กับไข่ของมัน อาณาเขตที่กำลังถูกแปรรบกวนและเข้ายึดครอง การต่อสู้ระหว่างแป แขนเดียว กับ อสรพิษ แม่ลูกอ่อน ดำเนินไปยาวนาน ผ่านผู้คนในหมู่บ้าน ฉากระทึกที่เกิดขึ้น จนเราต้องเอาใจช่วยเขาไปตลอดทาง และรู้สึกได้ถึง ความเลียบลื่นของผิวงูที่ดูเหมือนว่าจะได้รัดร่างเราเช่นเดียวกับร่างของแป สุดท้าย...แม้ว่าเขาจะไม่ได้เสียชีวิตจากพิษของงูแม่ลูกอ่อนตัวนี้ แต่เขากลับสูญเสียสิ่งบางสิ่งไป อันเนื่องจากอสรพิษอีกตัว และความนิ่งเฉยของผู้คนรอบข้าง ทรงวาดเดินเข้ามาใกล้เขา ใกล้มากกว่าที่คนอื่น ๆ จะกล้า ทรงวาดจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา เขาจ้องตอบโดยไม่สะทกสะท้าน ในดวงตาของคนทรงเจ้า เจ้าเด็กแขนพิการเห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะ มีแต่เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ว่านั่นคือชัยชนะขอนักลวงโลกผู้ยิ่งใหญ่ เขารู้แล้วว่าคำอธิษฐานของเขาต่อแม่พระคงคงในคืนลอยกระทง.....นั้นไม่สัมฤทธิ์ผลดังที่เขาได้มาดหมาย และแล้วทุกองคาพยพของเขาก็พลันอ่อนยวบสิ้นแรง หนักอึ้ง และมิอาจลืมเลือนต่อสิ่งที่ได้ฟังจากการอ่าน อสรพิษ
Free TextEditor
ฝากชื่อ ทักทายกันคะ
Free TextEditor
Free TextEditor
Create Date : 29 เมษายน 2554 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 11:18:29 น. |
|
7 comments
|
Counter : 3526 Pageviews. |
|
|