1.ในโลกร้าง หมู่บ้านเงียบสงบในตอนกลางวัน ประชากรออกหากินตามครรลอง ข้าพเจ้านั่งจับเจ่า สลับกับจับเต่า จ้องมองโทรศัพท์สลับกับอีเมล์ ตามประสาผู้ว่างงานและรอคอย อาทิตย์นี้ช่างเงียบเหงา ไม่มีดาวตกจากฟ้า คุณยายบ้านตรงข้ามนั่งคุยกับเจ้าแมวหนุ่ม ข้าพเจ้านั่งมองอุปกรณ์สื่อสาร นานๆ ที จะมีลูกหลานมาเยี่ยมคุณยาย ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส นานๆ ที ข้าพเจ้าจะไปเยี่ยมตายายที่เมืองกรุง ในวันที่ฟ้าหม่นมัว หมู่บ้านชานเมืองแห่งนี้ ก็เหมือนแห่งอื่นนับร้อยนับพันตามตะเข็บชายแดนกรุงเทพฯ ทั่วๆ ไป ดาษดื่น แออัดไปด้วยบ้านกล่องสี่เหลี่ยม ติดกันเป็นพังผืด แสดงอาณาเขตหมู่บ้านด้วยสีหลังคา แสดงอาณาบริเวณบ้านด้วยพังผืดซึ่งไม่ได้กั้นกลางบ้านสองหลังเท่านั้น มันยังกั้นกลางเสียงทักทาย พูดคุย ความเข้าใจ และความใส่ใจของผู้อยู่อาศัย หมู่บ้านของเราอยู่ในสภาพหลับใหลไม่ได้สติเกือบตลอดทั้งวัน และจะตื่นขึ้นอีกครั้งช่วงสั้นๆ ยามพระอาทิตย์จะตกมิตกแหล่ หรือตกมิดไปได้นิดหน่อย ผู้คนต่างมีหน้าที่และแตกต่าง เร่งรีบมุ่งหน้ากลับเข้าบ้านและนอน สาวโสดวัยรุ่นตอนปลายเลยยี่สิบห้ามาไม่กี่ฝน ออกเผชิญโลกที่เปลี่ยนแปลงทั้งด้วยภาวะโลกร้อนและแรงสั่นสะเทือน เมื่อแม่จากไป พ่อจากลา โลกที่สับสนกลับเชื่องช้า และถอยห่าง เหลือเพียงห้องสี่เหลี่ยมพอซุกอิง มีเพื่อนที่คล้ายจะสนิทในโลกเสมือนจริง แต่กลับหยุดนิ่งเดียวดายในโลกที่จริงแท้ ในขณะที่โลกกำลังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับมนุษย์ดี และข้าพเจ้าก็คิดไม่ตกเช่นกันว่าจะเอายังไงกับโลกและตัวเองดี ฉับพลันเสียงจิ๊บๆ ก็แทรกตัวผ่านอากาศเข้ามากระทบใบหูและเด้งกลับเข้าไปด้านใน เมื่อตั้งใจฟังและทิ้งโลกร้างไว้เบื้องอื่นก่อน เสียงของมันดังไม่ขาดระยะ คล้ายสม่ำเสมอแต่ก็ไม่มีรูปแบบเฉพาะจนสามารถหาสูตรทางคณิตศาสตร์มาคำนวณได้ หรืออาจจะได้หากใครสักคนต้องการและตั้งใจจริง กระนั้นก็ตาม เสียงเล็กใสก็ได้ปลุกใครบางคนให้ตื่นจากความเงียบวังเวง เจ้าปูนแมวไข่ห้อยหน้าบากของคุณยายย่องกริบที่หน้าบ้าน ข้าพเจ้าลุกจากโต๊ะคอม ย่องกริบเช่นกัน จ๊ะเอ๋ เจ้าปูน แมวไข่ห้อยหน้าบากสะดุดสุดตัว ขู่ฟ่อสะบัดหางจนสะโพกยักย้าย มองมาพร้อมแววตากล่าวหา ก่อนสะบัดก้นปอดๆ จากไปอย่างไม่ใยดี ข้าพเจ้าเดินไปที่ข้างกำแพง แหวกไม้ชุ่มน้ำจำพวกคาลีเบียดอกแดง ก้มมองหาที่มาของเสียงร้อง เมื่อมีเสียงมันย่อมมีแหล่งกำเนิด แต่ข้าพเจ้ายังหาไม่พบ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีมด ปลวก หนู พบมันเสียก่อนแล้ว ยกบันไดมาปีนดู ชะโงกข้ามกำแพงบ้านหลังใหญ่กว่า ปีนกลับลงมาแหวกไม้ชุ่มน้ำอีกครั้ง ก้มลงไปให้ชิดกระถาง ครั้งก่อนอาจไม่ใกล้พอ แหล่งกำเนิดอาจใกล้หมดแรง หรือแหล่งกำเนิดอาจถูกปิดกั้นด้วยกระพุ้งแก้มของสัตว์อื่น ทุกเสียงร้องที่ผ่านไป ย่อมหมายถึง ความทุกข์ระทม และความตระหนกที่เพิ่มมากขึ้น เจ้านกน้อยเดียวดายอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในโลกกว้างใหญ่ที่รกร้างและถอยห่าง มันร้องเรียกด้วยเสียงดัง เสียงแผ่ว และด้วยเสียงจากหัวใจของมัน มันเฝ้ารอความอบอุ่นคุ้มภัยในโลกใบใหม่ที่กว้างใหญ่กว่าเปลือกไข่ที่มันอยู่มาทั้งชีวิต ยามเมื่อพ่อแม่จากไป ในหนทางใดหนทางหนึ่ง ก็เหมือนนกน้อยสิ้นหนทางจะบินต่อ ส่งเสียงอีกเจ้านก อย่าเพิ่งถอดใจ ฉันจะหาแกให้พบ ไม่ว่าแกอยู่ที่ไหน อย่าเพิ่งตาย แกไม่ได้อยู่ตัวเดียวในโลกนี้ (ข้าพเจ้าพร่ำบอกตัวเอง) และแล้ว ในที่ที่ลึกที่สุด มืดที่สุด เสียงที่บริสุทธิ์และมุ่งมั่นจะนำทางแสงสว่างให้พบเจอ อยู่นี่เอง เจ้าตัวน้อย แล้วฉันจะเอาแกขึ้นมายังไงเนี่ย เจ้าก้อนขนเป็นกระจุกสีดำน้ำตาลกระปุ๊กลุก แหมะอยู่บนดิน พื้นที่ราวสองตารางนิ้ว ในช่องแคบของกระถางปูนสี่เหลี่ยมยาวขนานไปกับกำแพงรั้ว พื้นดินที่ชุ่มน้ำ เย็น และวิเวก ข้าพเจ้าค่อยๆ สอดมือเข้าไปจากจุดที่กว้างที่สุด ลอดเข้าไปตรงที่แคบกว่า ที่เจ้าก้อนกระจุกร้องเรียกอยู่ แต่มือของข้าพเจ้าก็เอื้อมไปไม่ถึงมัน เหมือนถ้วยรางวัลอยู่แค่เอื้อมแต่คว้าไม่ถึง ข้าพเจ้าเปลี่ยนไปใช้ก้านใบคาลีเบีย ค่อยๆ เขี่ยมันจากพื้นตรงที่แคบ ค่อยๆ ดันก้อนกระปุกมาตรงที่กว้างกว่า ลองสอดมือเข้าไปใหม่ให้ตายเถอะมือก็ยังจับตัวมันไม่ได้อยู่ดี ถ้วยรางวัลล้มหงายจากแรงไม่กี่นิวตันของข้าพเจ้า ความพยายามคงน้อยเกินไปกับรางวัลที่จะได้มา สุดท้ายข้าพเจ้ากระดืบ เหยียดนิ้วมือเท่าที่จะยืดได้อีกครั้ง ใช้สองปลายนิ้วในข้อสุดท้ายค่อยๆ คีบปีกมันขึ้นมา มันคงจะเจ็บปวดบ้าง หรือ เจ็บปวดมาก จากเงื้อมมือของข้าพเจ้า ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่รู้คือปีกเล็กจ้อยของมันค่อยๆ ลอยสูงขึ้นและแขนของข้าพเจ้าก็ขูดขีดกับขอบปูน แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อก้มลงมา เจ้าก้อนกระปุกน้อยบนฝ่ามือ ความตระหนกจากที่แคบ ไม่มีเปลือก ไม่มีกิ่งไม้ ไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ คงจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อบรรยากาศเปิดกว้างและโลกแบนออก แต่ความตระหนกจากนิ้วมือ ใบหน้าด้วยดวงตาที่ยังมองไม่เห็นจะน่าหวาดกลัวขนาดไหนหนอ เจ้านกน้อยเดียวดายแรกเกิดสงบนิ่งอยู่ในฝ่ามือเล็กๆ ของข้าพเจ้า เจ้าก้อนเล็กจ้อยสีน้ำตาลก้อนนี้ผิวหนังยังอ่อนบาง ดวงตาปิดสนิท ยังไม่เคยได้เรียนรู้ภัยพาล แต่ก็ต้องมาพบเจอโลกร้างขณะที่ขายังไม่แข็ง ขนยังไม่หนา สัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวของมันที่อาจถ่ายทอดมาจากเผ่าพงศ์จะช่วยให้มันอยู่รอดจนกว่าจะถึงวันที่พร้อมได้หรือไม่ มนุษย์ต่างสายพันธุ์อย่างข้าพเจ้าที่ยังอ่อนหัดไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่ เดียวดายและเป็นส่วนหนึ่งของความรกร้างว่างเปล่า จะช่วยให้มันโผบินได้อีกครั้งหรือไม่ ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า เห็นแต่ชายคาบ้าน ปลายใบต้นคาลีเบีย กับท้องฟ้าสีขาว ก้อนเมฆปุกปุยที่ค่อยๆ ลอยผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะลอยกลับมา หนึ่งชีวิตที่ตกลงมาจากฟ้าหล่นลงมาจากก้อนเมฆ ยินดีต้อนรับสู่โลกเจ้านกน้อยถูกทิ้ง มันเงยหน้ามาที่ข้าพเจ้า อ้าปากเล็กๆ พร้อมส่งเสียง จิ๊บๆ มันว่าอย่างงั้นนะ
Create Date : 25 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2555 14:13:15 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1169 Pageviews. |
|
|
ออก ตจว บ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะ
มีความสุขกับการทำงานนะคะ
อากาศร้อนๆมีไอศครีมมะพร้าวอ่อนมาฝากค่ะ