ภาคแรก เรื่องก่อนเรือขนส่งสินค้าแตกและอับปาง พาย พาเทล บรรยายความคิดหลังจากรอดชีวิตแล้วมาเรียนต่อที่โทรอนโต เลือกเรียนวิชาศาสนาและสัตววิทยา ซึ่งบ่งบอกภูมิหลังและความคิดของเขา เขาเริ่มเล่าเรื่องวัยเด็ก(บทที่16) การนับถือ การหาความรู้ในศาสนา 3 ศาสนา คริสต์ อิสลาม ฮินดู (น่าเสียดายไม่มีศาสนาพุทธรวมอยู่ด้วย เรื่องเล่าอาจเปลี่ยนไป) พายรักศาสนา รักสวนสัตว์ ขณะเดียวกันเขาแสดงอารมณ์รุนแรงเกี่ยวกับคนที่เข้าใจศาสนาไม่เหมือนเขา และคนที่ไม่ชอบสวนสัตว์ (มันดูสับสนและน่าเศร้าใจในความคิดของฉัน) หน้า 21 บางครั้งบางคราวความรู้จากสองวิชาเอกก็มาพานพบกัน เห็นเพื่อนเอกวิชาศาสนาบางคนแล้วอดนึกถึงตัวสลอทสามนิ้วไม่ได้ (สัตว์เชื่องช้า ตอบสนองสิ่งรอบข้างน้อยมาก) พวกไร้ศรัทธาไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ดีรู้ชั่ว สำคัญผิดคิดว่าเหตุผลคือปัญญา ชีวิตมหัศจรรย์ของตัวสลอทสามนิ้วชวนให้ถวิลถึงพระเจ้า (ฉันขีดเส้นใต้ คำที่ทำให้คิดไปว่า พาย ค่อนข้างขุ่นเคืองในชีวิต) หน้า 22 (พายเล่าเรื่องการไม่ได้รางวัลทุนเรียนออกซฟอร์ด และ ฝรั่งได้รางวัลไปแทน) พูดถึงเรื่องนี้ไรผมมักจะเสียวแปลบนิดๆ ในหัวใจ เมื่อเราพานพบความทุกข์ใหญ่หลวงมาครั้งหนึ่ง ทุกข์อื่นในภายหลังแม้จะขี้ปะติ๋วจึงกลับเจ็บสุดทน (เอ ทุกข์ใหญ่หลวงของเขา คือการสูญเสีย ริชาร์ด หรือการสูญเสียครอบครัวไปกับเรือ หรือการฆ่าพ่อครัวไฮอีนา กันแน่นะ...ชวนสงสัยจริงๆ) หน้า 32-36 (พายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้คนที่วิจารณ์สวนสัตว์) ผู้หวังดีจำนวนมากหลงผิดคิดว่าสัตว์ในป่ามี ความสุข เพราะมันมี เสรี...พวกเขามักคิดเอาว่าชีวิตสัตว์ป่าช่างเรียบง่าย สง่างาม...แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย สัตว์ในป่ามีชีวิตซ้ำซาก ต้องเอาตัวรอด ต้องทนอยู่ในสังคมที่มากด้วยการกดขี่ข่มเหง ขณะเดียวกันอาหารกลับมีน้อย พวกมันต้องต่อสู้เพื่อรักษาอาณาเขต แต่ต้องทนให้ตัวปรสิตกัดเจาะเบียดเบียนทุกเมื่อเชื่อวัน ชีวิตแบบนี้ยังจะหาเสรีได้หรือ...ถ้าเลือกได้คุณอยากอยู่ห้องพักหรูในโรงแรมริตช์พร้อมรูมเซอร์วิชฟรี ค่ารักษาพยาบาลฟรี หรืออยากจะเป็นคนไร้ที่อยู่ ไม่มีใครแลเหลียว ทว่าเดรัจฉานผู้ด้อยปัญญาย่อมขาดวิจารณญาณ จึงจำใจต้องอยู่ในป่าตามปัจจัยธรรมชาติเอื้อมาให้ (พายจะรู้ได้ยังไงว่าสัตว์สุข หรือ ทุกข์ มีเสรีหรือไม่มีกันแน่ หรือว่ามันจำใจหรือไม่จำใจ อย่างไรเสีย มนุษย์ที่เรียนด้านศาสนาและสัตววิทยาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคิดทุกอย่างถูกต้องเสมอไป แต่ก็อีกนั่นแหละความคิดเหล่านี้มันอาจเป็นผลมาจาก การต่อสู้ดิ้นรนบนเรือน้อยท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ โดดเดี่ยว จมอยู่กับความทุกข์ และรู้สึกเหมือน ไม่มีใครแลเหลียว) หน้า 109 เรื่องแย่ที่สุดคือ ผมนึกหน้าตาแม่ผมไม่ออกแล้ว ใจผมยังพอเห็นหน้าแม่ แต่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว พอจะดูหน้าให้ชัดๆ แม่ก็เลือนหายไป เสียงแม่ก็เหมือนกัน (ในหนังสือภาคสุดท้ายพายเล่าเรื่องที่ไม่มีสัตว์บนเรือให้เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นฟัง เกี่ยวการตายของแม่ที่ถูกพ่อครัวตัดหัวแล้วโยนมาให้พายบนแพเล็กที่ต่อขึ้น เลือดไหลไปตามเส้นผมของแม่ลงสู่มหาสมุทร เป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าเศร้าจริงๆ) |
ต้องบอกว่าเคยอ่านเล่มนี้เมื่อนานมากแล้วค่ะ ตอนที่อ่านณัชชาไมไ่ด้คิดอะไรนะคะ แต่พอมาอ่านส่วนที่เป็นวงเล็บแล้วนี่ ทำให้แอบฉงนว่า ตัวเราอ่านแล้วคิดน้อยไปหรือเปล่าเนี่ย ส่วนทีเ่ป็นความคิดจขบ.ในวงเล็บนี่ เกิดจากการอ่านเอาเพลิน หรืออ่านจริงจังคะเนี่ย เริ่มสงสัยเพราะเห็นบอกว่า "แต่ตอนอ่านเพลินๆมีเครียด"