นาน นาน ที บล๊อก - ยินดีที่ผ่านมาพบนะ ปล.ช่วงนี้ หนี้เยอะ งดเที่ยว พักหนังสือ มารับจ้างทำงานก่อนนนนน
space
space
space
space

การเดินทางของพาย พาเทล Life of PI “เรื่องเล่าของพายทำไมถึงดัง”2

หนังสือที่อ่านจริงจังแล้วมันส์ดี แต่ตอนอ่านเพลินๆมีเครียด

หมายเหตุ : ในเครื่องหมาย “...” เป็นข้อความจากหนังสือ, ใน เครื่องหมาย (...) เป็นความคิดเห็นของ จขบ.

 

ภาคแรก เรื่องก่อนเรือขนส่งสินค้าแตกและอับปาง พาย พาเทล บรรยายความคิดหลังจากรอดชีวิตแล้วมาเรียนต่อที่โทรอนโต เลือกเรียนวิชาศาสนาและสัตววิทยา ซึ่งบ่งบอกภูมิหลังและความคิดของเขา เขาเริ่มเล่าเรื่องวัยเด็ก(บทที่16) การนับถือ การหาความรู้ในศาสนา 3 ศาสนา คริสต์ อิสลาม ฮินดู (น่าเสียดายไม่มีศาสนาพุทธรวมอยู่ด้วย เรื่องเล่าอาจเปลี่ยนไป) พายรักศาสนา รักสวนสัตว์ ขณะเดียวกันเขาแสดงอารมณ์รุนแรงเกี่ยวกับคนที่เข้าใจศาสนาไม่เหมือนเขา และคนที่ไม่ชอบสวนสัตว์ (มันดูสับสนและน่าเศร้าใจในความคิดของฉัน)

 

หน้า 21 “บางครั้งบางคราวความรู้จากสองวิชาเอกก็มาพานพบกัน เห็นเพื่อนเอกวิชาศาสนาบางคนแล้วอดนึกถึงตัวสลอทสามนิ้วไม่ได้ (สัตว์เชื่องช้า ตอบสนองสิ่งรอบข้างน้อยมาก) พวกไร้ศรัทธาไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ดีรู้ชั่ว สำคัญผิดคิดว่าเหตุผลคือปัญญา
ชีวิตมหัศจรรย์ของตัวสลอทสามนิ้วชวนให้ถวิลถึงพระเจ้า”

(ฉันขีดเส้นใต้ คำที่ทำให้คิดไปว่า พาย ค่อนข้างขุ่นเคืองในชีวิต)

 

หน้า 22 (พายเล่าเรื่องการไม่ได้รางวัลทุนเรียนออกซฟอร์ด และ ฝรั่งได้รางวัลไปแทน) “พูดถึงเรื่องนี้ไรผมมักจะเสียวแปลบนิดๆ ในหัวใจ เมื่อเราพานพบความทุกข์ใหญ่หลวงมาครั้งหนึ่ง ทุกข์อื่นในภายหลังแม้จะขี้ปะติ๋วจึงกลับเจ็บสุดทน”
(เอ ทุกข์ใหญ่หลวงของเขา คือการสูญเสีย ริชาร์ด หรือการสูญเสียครอบครัวไปกับเรือ
หรือการฆ่าพ่อครัวไฮอีนา กันแน่นะ...ชวนสงสัยจริงๆ)

 

 

หน้า 32-36 (พายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้คนที่วิจารณ์สวนสัตว์) “ผู้หวังดีจำนวนมากหลงผิดคิดว่าสัตว์ในป่ามี ความสุข เพราะมันมี เสรี...พวกเขามักคิดเอาว่าชีวิตสัตว์ป่าช่างเรียบง่าย สง่างาม...แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย สัตว์ในป่ามีชีวิตซ้ำซาก ต้องเอาตัวรอด ต้องทนอยู่ในสังคมที่มากด้วยการกดขี่ข่มเหง ขณะเดียวกันอาหารกลับมีน้อย พวกมันต้องต่อสู้เพื่อรักษาอาณาเขต แต่ต้องทนให้ตัวปรสิตกัดเจาะเบียดเบียนทุกเมื่อเชื่อวัน ชีวิตแบบนี้ยังจะหาเสรีได้หรือ...ถ้าเลือกได้คุณอยากอยู่ห้องพักหรูในโรงแรมริตช์พร้อมรูมเซอร์วิชฟรี ค่ารักษาพยาบาลฟรี หรืออยากจะเป็นคนไร้ที่อยู่ ไม่มีใครแลเหลียว ทว่าเดรัจฉานผู้ด้อยปัญญาย่อมขาดวิจารณญาณ จึงจำใจต้องอยู่ในป่าตามปัจจัยธรรมชาติเอื้อมาให้” (พายจะรู้ได้ยังไงว่าสัตว์สุข หรือ ทุกข์ มีเสรีหรือไม่มีกันแน่ หรือว่ามันจำใจหรือไม่จำใจ อย่างไรเสีย มนุษย์ที่เรียนด้านศาสนาและสัตววิทยาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคิดทุกอย่างถูกต้องเสมอไป แต่ก็อีกนั่นแหละความคิดเหล่านี้มันอาจเป็นผลมาจาก การต่อสู้ดิ้นรนบนเรือน้อยท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ โดดเดี่ยว จมอยู่กับความทุกข์ และรู้สึกเหมือน ไม่มีใครแลเหลียว) หน้า 109 “เรื่องแย่ที่สุดคือ ผมนึกหน้าตาแม่ผมไม่ออกแล้ว ใจผมยังพอเห็นหน้าแม่ แต่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว พอจะดูหน้าให้ชัดๆ แม่ก็เลือนหายไป เสียงแม่ก็เหมือนกัน”
(ในหนังสือภาคสุดท้ายพายเล่าเรื่องที่ไม่มีสัตว์บนเรือให้เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นฟัง เกี่ยวการตายของแม่ที่ถูกพ่อครัวตัดหัวแล้วโยนมาให้พายบนแพเล็กที่ต่อขึ้น เลือดไหลไปตามเส้นผมของแม่ลงสู่มหาสมุทร เป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าเศร้าจริงๆ)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาคสอง เรื่องเล่าในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีสัตว์ ในภาคนี้โดยส่วนใหญ่คล้ายกับในหนัง คือ เรือสินค้าแตก พายและสัตว์บางตัวขึ้นมาอยู่บนเรือชูชีพ และลอยเท้งเต้งกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีเพิ่มเติมรายละเอียดกรรมวิธีการจับสัตว์น้ำ การกินสัตว์สดๆ แต่ละชนิด เช่น ปลา เต่า กุ้ง ปู และฉลามเด็ก ซึ่งให้ภาพที่สะเทือนใจกว่าในหนังจากการที่พายนั้นเป็นมังสวิรัติ ผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์แต่ต้องฆ่าและกินสัตว์ด้วยมือของเขาเอง บนเรือ เขาสวดต่อพระคริสต์ ทำละมาด และขอบคุณทวยเทพ ทนทุกข์ในห้วงผิดบาปที่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ที่บาดลึกคือการกินเนื้อชายตาบอดผู้รอดชีวิตที่บังเอิญพบกัน เรือชูชีพอีกลำที่มาพร้อมกับคนในเรือตาบอด เหมือนกับพาย ที่อยู่ในช่วงที่ตาบอดจากภาวะขาดแคลนต่างๆ พวกเขาคุยกันด้วยบทสนทนาที่ไม่อาจมองข้าม และในหนังไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ สุดท้าย ริชาร์ด ปากเกอร์ (เสือ สัตว์ที่อยู่รอดเพียงตัวเดียวหลังจาก ลิงอุรังอุตัง ม้าลาย และไฮอีนาตายไปหมดแล้ว) ฆ่าชายตาบอดผู้นั้น และที่น่าสังเกต หน้า 264 – 269 (บทสนทนาของพายกับชายตาบอดอีกคน ทำไมถึงต้องตาบอด...น่าคิดนะ) “กาลครั้งหนึ่ง ยังมีกล้วยต้นหนึ่ง ต้นโตใหญ่ ออกลูกอวบๆ เหลืองอ่อย กล้วยหล่นลงดิน มีคนผ่านมาเก็บไปกิน”
“แล้วนายมีกล้วยหรือเปล่า” ชายตาบอดอีกคนถาม “เปล่า ตอนนั้นมัวแต่สนใจอุรังอุตัง” พายตอบ
“กาลครั้งหนึ่ง ยังมีกล้วยต้นหนึ่ง ต้นโตใหญ่ ออกลูกอวบๆ เหลืองอ่อย กล้วยหล่นลงดิน มีคนผ่านมาเก็บไปกิน จากนั้นเขาสบายขึ้นมาก”

“ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทำไม่ดีพูดไม่ดีกับนาย ฉันมันแย่จริงๆ” เขาละล่ำละลัก (ไม่เห็นมีตอนไหนในบทสนทนาที่ชายคนนั้นพูดไม่ดีกับพาย มันจึงอาจเกี่ยวกับเรื่องไม่มีเสือ)
“นี่แหละข้อเสียของริชาร์ด พาร์เกอร์ มันไม่ยอมต่อรอง มันให้ชีวิตผม แลกด้วยการเอาชีวิตคนอื่น มันฉีกเนื้อชายคนนั้น ขบกระดูก กลิ่นคาวเลือดเหม็นคลุ้ง
บางสิ่งในตัวผมตายโดยไม่มีทางกลับฟื้นคืนมา”

(เป็นประโยคที่เจ็บร้าวสำหรับฉันทีเดียวเมื่ออ่านไปจนถึงภาคสามในเรื่องเล่าที่ไม่มีเสือ...
เมื่อมันไม่มีเสือ..)

 

 

 

 

ความคิดของพาย ส่วนที่ฉันฉงน หน้า 132 “ผมคิดหาเหตุผลว่าเจ้าไฮอีนามาอยู่ในเรือชูชีพนี้ได้อย่างไร...นอกจากนั้นผมยังรู้ว่าเป็นเพราะไฮอีนานี่เอง กะลาสีจึงโยนผมลงมาบนเรือ กะลาสีไม่ได้คิดจะช่วยผมเลย พวกเขาใช้ผมเป็นเหยื่อ... พวกเขาเอาชีวิตผมมาแลก ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมกะลาสีจึงโวยวายนัก
เมื่อเห็นม้าลายโดดลงเรือมา”
(ทำไมพายจึงคิดว่า กะลาสีไม่ได้คิดช่วยเหลือเขา....) หน้า 194 “แต่คืนนั้นเป็นคืนแรกที่เห็นความจริงข้อนี้ ผมรู้แจ้งถึงความทุกข์ รู้ว่าทุกข์นั้นมีเกิดก็มีดับ ความรู้นี้ทำให้ใจสงบ ผมตระหนักว่าความทุกข์เกิดที่นี่ดับที่นี่ ไม่มีที่อื่นอีก เป็นความจริงซึ่งผมยอมรับ...  (หากกลางวันผมเฝ้าแต่โวยว่ายว่า “ไม่เอา ! ไม่เอา ! ไม่เอา ! ความทุกข์แบบนี้ไม่เอา ฉันไม่อยากตาย ยังอยากรวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล ชีวิตเป็นแค่รูเล็กๆ ที่เราใช้ส่องดูจักรวาลอันไพศาล ถึงรูจะเล็กเท่ากระผีกริ้น แต่ถ้าไม่มีชีวิต แล้วข้าน้อยจะยลจักรวาลได้อย่างไร....)”
(ฉันคิดว่าพายแค่รู้สิ่งที่เขาบอกว่าเป็นความจริงนั้นแค่คืนเดียว แล้วเขาก็ไม่เคยหวนกลับไปคิดถึงความจริงที่เขารู้ในคืนนั้นอีกเลย....น่าเสียดาย)

 

หน้า 297-298 เมื่อพายรอดชีวิตมาถึงชายฝั่งเม็กซิโก เสือริชาร์ดจากไป
“ตอนนี้ถ้าแกต้องไปก็จงไปเถิด แกรู้จักแต่ที่กักขังมาตลอดชีวิต ต่อไปแกจะพบเสรีในป่าใหญ่”
 (ตอนแรกๆ พายบอกว่าสัตว์ไม่ได้เป็นสุขเพราะมีเสรีในป่า....ฉันไม่ได้บอกว่าพายงง แต่ฉันคิดว่าพายคงสับสนมากกับการดำรงชีวิตหลังเรื่องแย่ๆ ผ่านไป เรื่องแย่ๆ ที่ทำให้เขาสูญเสียสิ่งที่ยึดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมา เรื่องแย่ๆ เขาไม่อาจลืม...)

 

 

 

 

ภาค 3 >>>

 

 

 




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2556 11:16:27 น. 7 comments
Counter : 1520 Pageviews.

 
แวะมาแปะหัวใจค่า

ต้องบอกว่าเคยอ่านเล่มนี้เมื่อนานมากแล้วค่ะ ตอนที่อ่านณัชชาไมไ่ด้คิดอะไรนะคะ แต่พอมาอ่านส่วนที่เป็นวงเล็บแล้วนี่ ทำให้แอบฉงนว่า ตัวเราอ่านแล้วคิดน้อยไปหรือเปล่าเนี่ย ส่วนทีเ่ป็นความคิดจขบ.ในวงเล็บนี่ เกิดจากการอ่านเอาเพลิน หรืออ่านจริงจังคะเนี่ย เริ่มสงสัยเพราะเห็นบอกว่า "แต่ตอนอ่านเพลินๆมีเครียด"


โดย: narumol_tama วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:50:21 น.  

 
เล่มนี้น้องสาวยกให้ค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่านเลย


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:57:08 น.  

 
วันนี้งานไม่หนัก เข้าบล็อกได้แต่เช้าจ้าคุณเพลิน
เลยหยิบหัวใจติดมือมาฝากด้วย
ชักอยากจะอ่านมากๆ แล้ว เล่มนี้ ขนาดคุณเพลินรีวิว ยังมีภาค 2 แน่ะ!

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ normalization เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 2 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


โดย: PhueJa วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:38:03 น.  

 
(ฉันคิดว่าพายแค่รู้สิ่งที่เขาบอกว่าเป็นความจริงนั้นแค่คืนเดียว แล้วเขาก็ไม่เคยหวนกลับไปคิดถึงความจริงที่เขารู้ในคืนนั้นอีกเลย....น่าเสียดาย)

^
^

ส่วนตัวคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์คล้าย ๆ กับพายค่ะ
เป็นสภาวะที่ได้จากการปฏิบัติ แต่เป็นแค่ประพิมประพาย ยังไม่ใช่ของจริงมันเลยหายไปได้ ต่อให้หวนกลับไปคิดถึงมันก็ไม่สามารถ"รู้สึก"ได้เหมือนตอนที่มัน"เป็น"หรอกค่ะ

ส่วนตัวถึงได้สรุปการอ่านของตัวเองออกมาอย่างที่เขียนไว้ในบล็อกไงคะ เพียงแต่ไม่ได้แจกแจงแยกย่อยในรายละเอียดเหมือนที่คุณเพลินทำ

สุขสันต์วันแห่งความรักย้อนหลังค่า


โดย: แม่ไก่ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:49:05 น.  

 
เรื่อง"รู้สึก" หรือ "เป็น" จขบ.ก็ไม่ค่อยทราบหรอกค่ะ ส่วนใหญ่รีวิวจากเนื้อหาที่พบ จขบ.ไม่ค่อยมีความรู้หรือปฏิบัติธรรมหรอกค่ะคุณแม่ไก่ ในวงเล็บนี้คือการนำมาจากการหาดูในหนังสือว่า ในเรื่องเล่าของพาย ไม่มีการนำประโยคเกี่ยวกับความทุกข์ หรือความสุขอะไรเหล่านั้นมาเล่าอีกนะคะคุณแม่ไก่ แล้วเรื่องนี้โดยส่วนตัวเห็นว่ากระทบอารมณ์อย่างแรง เศร้าค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แวะมา "จุ๊บๆ" เดือนแห่งความรักค่ะ


โดย: normalization วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:30:56 น.  

 
คุณณัชชา ตอนแรกๆ อ่านเอาเพลินค่ะ รู้สึกว่า พาย มีความคิดจิตใจไม่ค่อยดี ขุ่นเคือง ส่วนตัวก็เลยออกเครียด แต่พออ่านแบบจริงจังกลับรู้สึกสงสารเห็นใจ คอยคิดเปรียบเรื่องมีเสือกับไม่มีเสือในประโยคเดียวกัน ก็เริ่มสนุก แต่ก็เศร้า หรือว่าเราจะเป็นพวกซาดิส คิดแต่เรื่องร้ายๆก็ไม่ทราบค่ะ


โดย: normalization วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:33:00 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้มากๆค่ะ>> slotxo


โดย: ritcha (สมาชิกหมายเลข 5596831 ) วันที่: 30 มกราคม 2563 เวลา:11:38:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

normalization
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"ขอทุกท่านจง ปกติสุข ในทุกวัน"
วันแรกสร้าง : 25 กุมภา.54

เป็นเพียงการบอกกล่าว เล่าเรื่อง ตามที่ข้าพเจ้าเข้าใจ
หากว่ามีประโยชน์บ้างแม้เพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ยินดียิ่ง
หากว่าส่วนใดผิดพลาด ฝากข้อความไว้ได้เสมอ
@comeback 18/1/18

free counters สำหรับธงขอขอบคุณ blog paradijs
space
space
space
space
[Add normalization's blog to your web]
space
space
space
space
space