เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ อย่างที่ปกหลังหนังสือกล่าวไว้ว่า เป็นเรื่องราวการผจญภัยอันเหลือเชื่อและน่าทึ่งของพาย พาเทล เด็กหนุ่มชาวอินเดียวัย 16 ปี ที่รอดชีวิตจากเรือขนส่งสินค้าอับปาง เรือชูชีพลำน้อยลอยเท้งเต้งโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมกับลูกเรือผู้รอดชีวิตอย่าง ไฮอีนา ลิงอุรังอุตัง ม้าลาย และเสือเบงกอลหนัก 450 กิโลกรัม หนังสือที่เขียนโดยชาวแคนาดา และได้รับจดหมายแสดงความชื่นชมจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นักเขียนที่ได้รับรางวับ Man Booker Prize, 2002 หนังสือดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ กำกับโดย อั้ง ลี่ ชาวไต้หวัน มีคำกล่าวยกย่องและพูดถึงหนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้มากมาย ในทำนองว่า ศรัทธาในพระเจ้าจะคืนมาหลังจากได้ฟังเรื่องนี้ .... (หมายเหตุผู้เขียน หน้า 14) ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจนักหลังจากดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือจบ ชื่อผู้เขียน Yann Martel ชื่อผู้แปล ตะวัน พงศ์บุรุษ สำนักพิมพ์ เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง หนังสือหนา 335 หน้า ในอารมณ์และความรู้สึกของฉัน คนไทยธรรมดาๆ ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มอ่านหนังสือมาไม่นาน ผู้นับถือศาสนาพุทธและรู้แบบงูๆ ปลาๆ ในเรื่องของศรัทธา หลังอ่านหนังสือจบในราวหนึ่งอาทิตย์เป็นการอ่านแบบไม่ต่อเนื่องในครั้งเดียวและดูภาพยนตร์ความยาวราว 2 ชั่วโมงโดยไม่ได้ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ è หลังจากออกจากโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนธันวาคม 2555 คำถามที่เบียดเสียดอยู่ที่กระพุ้งแก้มแต่ไม่อาจผ่านซอกฟันเกๆ ออกมาได้ในขณะที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ ก็พุ่งปรี๊ดออกมาพร้อมขาที่ก้าวผ่านประตูโรงภาพยนตร์ è ระหว่างเรื่องเหลือเชื่อมหัศจรรย์ของเสือ กับความดำมืดหม่นของคน แกเชื่อสิ่งไหนเรื่องที่มีเสือหรือเรื่องที่มีคน เพื่อนคนแรกตอบอย่างไม่ลังเล /เชื่อเรื่องเสือ คนที่สองตอบพร้อมคนแรก / เชื่อเรื่องคน ฉันตอบ / เป็นไปได้ทั้ง 2 เรื่อง หรือ กรูก็ไม่รู้ว่ะ ...ตึง...ตึง...ตึง... ความแตกต่างของ 3 ความคิดความเชื่อทำให้ฉันดั้นด้นค้นหาหนังสือสีฟ้า หน้าปกครึ่งเสือครึ่งคนมาอ่านเพิ่มเติม ใคร่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้เขียนเชื่อในสิ่งใด และได้พบว่า ฉันชอบการตัดต่อดัดแปลงของหนังมากว่า มันเปิดกว้าง ไม่ชักจูง ไม่หลอกล้อ ส่วนหนังสือมีหลายสิ่งที่หงุดหงิดใจ แต่ตัวหนังก็ไม่ได้ทำให้ฉันตื่นเต้น ตื่นตามากเท่าใด ก็ดูได้เรื่อยๆ หรือเป็นเพราะเราคาดหวังมากเกินไป เกินจริง (หนังสือแปลภาษาไทย ไม่ได้อ่านจากฉบับต่างประเทศ) สำหรับฉัน ในภาพยนตร์ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ คนเรานับถือและเชื่อหลายสิ่งได้ ทั้งความรู้และความเชื่อทำให้รอดชีวิต ต้องเลือกเอามาใช้ในเวลาที่เหมาะสม คนกับสัตว์ หรือ คนที่มีวิถีแตกต่างอยู่ร่วมกันได้ และภาพยนตร์ไม่ได้ชี้นำเราเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องสิ่งมหัศจรรย์ที่เสือจะอยู่กันคนได้บนเรือลำเดียวกันกลางทะเลกว้าง หรือ ชักนำให้เราเชื่อว่ามนุษย์นั้นเลวร้าย แต่ถามเราว่า เราเชื่อเรื่องดีๆ ที่แปลกประหลาด หรือเชื่อเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างทางของชีวิต ปลายทางก็เหมือนกัน คือ พาย สูญเสียครอบครัว นี่คือเรื่องจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ หรือค้นหาด้วยศรัทธาของศาสนา สำหรับหนังสือ ทำให้ฉันคิดมากไปกว่านั้น แตกต่าง ฉงน ขัดแย้ง และชี้นำให้ฉันเลือก สิ่งที่ฉันเลือกจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะและเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของผู้อ่านทุกท่านที่จะเลือกเชื่อเรื่องที่มีเสือ หรือเรื่องที่ไม่มีเสือ (บางครั้งความเชื่อ ของงดใช้คำว่าศรัทธาก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่เรามี) โดยส่วนตัวมันไม่ใช่หนังสือศาสนา ไม่ใช่การผจญภัยสุดลิ่ม แต่เป็นเรื่องของจิตใจมนุษย์ที่มีความคิดสับสนปนเปท่วมท้น มีความรักในตัวเอง มีความโกรธความเกลียดตัวเองและความกลัวต่อมนุษย์ต่อสรรพสิ่ง หนังสือที่ฉันค้นพบคือเรื่องราวความซับซ้อนของจิตใจ ความยุ่งเหยิงของอารมณ์แต่พยายามที่จะมีชีวิตรอดทั้งในอดีตและปัจจุบัน....ไม่แน่ว่าเขายังคงเดินทางค้นหาเส้นทางรอดจากทะเลเวิ้งว้างนั้นอยู่ เรื่องเล่าในหนังสือส่วนใหญ่คล้ายกับหนัง(เฉยๆ) คือผู้เขียนเดินทาง แล้วได้พบผู้ชักนำให้ค้นหา พาย ต้นเรื่องการเดินทางบนเรือ ผู้มีเรื่องเล่าเหลือเชื่อ แต่หนังสือมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของพายก่อนขึ้นเรือ และในโรงพยาบาลหลังรอดชีวิต ในหนังจะเน้นเรื่องราวบนเรือมากกว่า ส่วนที่มีบรรยายเพิ่มเข้ามาเหล่านี้หลายอย่างที่ทำให้ฉันคิ้วขมวด ขัดใจ และเข้าไม่ถึงในหลายๆ ประโยค เกริ่นนำในส่วนหมายเหตุผู้เขียน หน้า 15 หากพวกเราผู้เป็นพลเมืองไม่ส่งเสริมศิลปินของประเทศชาติ เอาจินตนาการไปแลกสังเวยกับความเป็นจริงอันหยาบช้าแล้วไซร้ เราทั้งผองคงสิ้นศรัทธา เหลือแต่ความฝันลมๆ แล้วๆ อันไร้ค้า (ความเป็นจริงบางอย่างมันไม่หยาบช้านา อีกอย่างเราจะมีศรัทธาโดยละเลยความจริงอันหยาบช้าหรือ ไฉน) และในความคิดเห็นของพายที่บรรยายให้ฟังทั้งใน 3 ภาคถึงแม้ว่าเขาจะเล่าถึงเรื่องราวก่อนเรือจม ในภาค 1, ในมหาสมุทร ภาค 2 และระหว่างการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเจ้าของเรือขนส่งสินค้าที่จม ในความคิดเห็นจขบ. เห็นว่าความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้นหลังจากชีวิตได้ผ่านพบเรื่องเลวร้ายในทะเลหลังเรือจมมาแล้ว ระยะเวลาที่พายรอดชีวิตหลังจากเรือซิมซัมจมคือ 227 วัน (นานถึง 7 เดือนช่างเป็นคืนวันที่หนักหนาสาหัส) หมายเหตุ : ในเครื่องหมาย ... เป็นข้อความจากหนังสือ, ใน เครื่องหมาย (...) เป็นความคิดเห็นของ จขบ. หนังสือเริ่มต้นด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมกลายเป็นคนเศร้าอมทุกข์ (โดยส่วนตัวฉันคิดว่ามีความเกลียดชัง ขมขื่นอยู่ในนั้นด้วย ฉันเห็นมันชัดเจนในภาค 1 ส่วนในภาค 2เป็นเรื่องราวชวนท้าท้ายความคิด และในภาค 3 นั้นแสนระทมทุกข์)
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2556 11:19:36 น. |
|
14 comments
|
Counter : 2201 Pageviews. |
|
|
ดูภาพยนตร์แล้วแต่ก็อยากหาหนังสือมาอ่านบ้างจังค่ะ
ป.ล. ไม่ได้ไปดูด้วยกันค่ะ แต่น่าจะรักหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ฮ่าๆ