..ถ้าจักตายก็ขอตายในหน้าที่ ถ้าจักพลีก็ขอพลีแด่เหนือหัว ถ้าจักอยู่ก็ขออยู่เพื่อครอบครัว ถ้าจักชั่วก็ขอชั่วแก่ไพรี..
Group Blog
 
All Blogs
 

*กำลังสำรองของกองทัพ จะรบได้ไหมหากระดมพลมารบจริง*

**ครั้งสุดท้ายที่กองทัพไทยระดมพลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดคือ เมื่อสมัยสงครามอินโดจีน ไทย-ฝรั่งเศส
ครั้งนั้นกองทัพสั่งระดมพลทั่วประเทศเพื่อทำศึกบุกอินโดจีน เป้าหมายคือทวงแผ่นดินประเทศราชแต่โบราณของเราคืน ในการรบครานั้นเราได้ชัยชนะ เพราะแสนยานุภาพกองทัพไทยทั้งบก เรือ อากาศขีดความสามารถระดับบุกถึงไหนหญ้าแพรกก็แหลกราญ ครั้งนั้นเราใช้ทหารหลักเป็นแกนในกองทัพและใช้กองหนุนเป็นกำลังเสริม ยุทธวิธีที่ใช้แบบตะวันตกแทบร้อยเปอร์เซนต์ เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของกองทัพไทยที่รบเต็มรูปแบบพร้อมกันทั้งสามเหล่าทัพ แม้แต่ตำรวจยังต้องไปรบด้วย**

***กาลล่วงมาจนวันนี้ วันที่คนไทยทุกคนคิดว่ากองทัพไทยเข้มแข็งและทรงประสิทธิภาพกว่าชาติเพื่อนบ้านรอบๆ
ระบบกองหนุนหลักของกองทัพทุกแบบ ทั้ง รด. ทหารกองหนุน ทหารกองประจำการ เรามีประสิทธิภาพเพียงใด
หากมีศึกประชิดติดพันประเทศแบบเต็มรูปแบบ กำลังสำรองเหล่านี้จะนำมาใช้ได้จริงหรือไม่ และจะส่งผลต่อกองทัพอย่างไร เป็นปัญหาที่ ผบ.เหล่าทัพหลายท่านครุ่นคิดกันมาตลอด เพราะทุกท่านรู้ ทุกท่านเป็นทหารมาตลอดชีวิตรู้ได้ด้วยตำแหน่งหน้าที่ที่ทำ รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของคนที่เป็นทหาร รู้อะไร? ก็รู้ถึงประสิทธิภาพแท้จริงของกำลังสำรองของกองทัพเหล่านี้ว่า ส่งไปหนึ่งหมวดก็ตายยกหมวด ส่งไปหนึ่งกองร้อยก็ตายยกกองร้อย ส่งไปทั้งกองพลก็จะละลายไปกว่าค่อน ไม่ได้ดูถูก ไม่ได้หมิ่นน้ำใจ แต่มันคือความจริงที่ทหารทุกคนก็รู้ แม้แต่กำลังสำรองแต่ละคนลองถามตัวเองดู หากชาติต้องการกำลังเสริม ต้องลงแนวรบกับข้าศึก ตายจริง เจ็บจริง ถามว่าสู้ไหม ทุกคนเลือดไทยตอบว่าสู้อยู่แล้ว ถามต่อ จะสู้ยังไง ????? คำตอบจะสิ้นสุดเท่านี้ ***

****ผู้อ่านทุกท่านคงเคยเห็น นศ.วิชาทหาร หรือ รด. ท่านลองถามเขาดูว่าเขาเรียน เขาฝึก เขาสอนอะไร การฝึกภาคสนามของ รด. ปัจจุบันไม่ต่างจากลูกเสือเข้าค่าย รด.ที่มาอ่านอย่าเพิ่งด่าผู้เขียน ท่านถามตัวท่านเองก่อนว่าท่านจะรบกับทหารพม่าได้ไหม ท่านเข้าที่มั่น ทหารพม่าระดมยิงปืนใหญ่วิถีราบ ตูมๆๆๆใส่ที่มั่นของท่าน ท่านจะไหวมั้ย ท่านจะทำยังไงกับชีวิตท่าน ครูฝึก รด.เขาสอนท่านมั้ยเรื่องนี้ ท่านได้รับคำสั่งให้เข้าตีที่หมายของทหารพม่าพร้อมกับทหารหลัก โดยมียานเกราะสนับสนุน ท่านจะมูฟแบบไหน ท่านจะเอาตัวรอดจากห่ากระสุนปืนกลอย่างไร และหากพม่ายิงสกัดด้วยปืน ค.ใส่แนวรุกของท่านพร้อมปืนใหญ่แตกอากาศ ท่านจะหลบห่าสะเก็ดกระสุนยังไง ท่านจะรอดมั้ย ทหารหลักที่ร่วมรบก็มีภาระในชีวิตและหน้าที่ของเขา เขาไม่มีเวลามาสอนสดๆในสนามรบให้ท่านนะ ท่านนึกภาพตามสิแล้วอย่าลืมนึกถึงตอนที่ท่านฝึกท่านเรียนภาคสนามด้วยนะ อ้าว ผู้เขียนลืมไปว่า ครูฝึกเขาไม่ได้สอนเรื่องนี้****

*****หากถามกรมการรักษาดินแดน เขาตอบได้ทันทีว่า ฝึกกำลังสำรองเพื่อให้รู้กฎระเบียบวินัยทหาร ความรู้ทางทหารเบื้องต้นเพื่อให้รู้จักการใช้อาวุธ เพื่อให้รู้ยุทธวิธีตามตำราทหาร ฝึกภาคสนามเพื่อให้เหมือนสถานการณ์จริง ก็เหมือนฝึกทหารเกณฑ์นั่นแหล่ะ หลักสูตรเดียวกันในปี1-2 ปี3-4 ก็ฝึกเหมือนนักเรียนนายสิบ ปี4-5 เหมือนนักเรียนนายร้อย เหมือนจริงหรือ? ท่านผู้อ่านท่านอื่นท่านว่าเหมือนมั้ย? *****

******ครั้งหนึ่งเมื่อเกิดสงครามเวียดนาม ไทยเราเคยส่งทหารไปร่วมรบด้วยในนามของสหประชาชาติ ทหารไทยรุ่นแล้วรุ่นเล่าถูกส่งไปรบอย่างได้ผล เป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่เพื่อนทหารชาติอื่น แม้แต่ข้าศึกเองถ้าเลี่ยงจะไม่รบกับทหารไทยได้ เขาจะเลี่ยงเขายินดีที่จะอ้อมเป็นสิบกิโลเพื่อจะอ้อมฐานทหารไทย เพื่อไปตีฐานทหารชาติอื่น หากเวียดกงเข้าตีฐานอเมริกัน ยิงต่อสู้ไม่เกิน5นาทีอเมริกันจะขอปืนใหญ่สนับสนุน ขอรถถังมาอัด ขอ ฮ.มายิง หากเวียดกงเข้าตีฐานเวียดนามใต้ ไม่เกิน5นาที ทหารเวียดนามใต้หนีกระเจิงหากเวียดกงเข้าตีฐานผสมหลายชาติ แนวรบที่คงอยู่ได้นานที่สุดก็คือแนวที่มีทหารไทยประจำอยู่ แนวอื่นไม่เกิน5นาทีอีกเหมือนกัน จะสู้พลางถอยพลางเพื่อรอกำลังเสริม หากเวียดกงเข้าตีฐานไทย ทหารไทยจะยิงต่อสู้อย่างเหนียวแน่น และอย่าให้เห็นตัวนะ ถ้าเห็นจะปรี่เข้าใส่นานเป็นครึ่งๆชั่วโมงกว่าปืนใหญ่จะเริ่มยิง และที่พิเศษกว่านั้นเวลาต้องเข้าตีฐานทหารไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจะมากันเป็นพันๆคนเพื่อเข้าตีฐานทหารไทยที่มีทหารแค่30-40คน เราก็จะสู้ยิบตาถึงขนาดเคยสั่งปืนใหญ่ยิงลงกลางฐานตัวเองให้ตายพร้อมกันมาแล้ว ชื่อเสียงของทหารไทยในเวียดนามจึงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ท่าน รด.และกำลังสำรองทั้งหลายรู้มั้ยเอ่ย ว่ากำลังทหารที่รับบาลไทยส่งไปรบที่เวียดนามนั้นมาจากไหน? ก็มาจากรับพลเรือน ที่อาสาสมัครไปรบ และบัญชาการโดยทหารหลักในกองทัพนี่แหล่ะ แน่นอน เมื่อเอาพลเรือนไปรบก็ต้องฝึกก่อน สงสัยล่ะสิว่า ฝึกพลเรือนที่ไม่มีความรู้ทางทหารยังไงถึงได้ไปรบได้อย่างเก่งกาจอย่างนั้น งั้นจะเล่าให้ฟัง......******

******การฝึกพลเรือนและทหารเพื่อไปรบที่เวียดนามนั้น แบ่งการฝึกออกเป็น3ภาค ใช้เวลา 25 สัปดาห์ ฝึกแบบเข้มข้น เพราะต้องเอาไปใช้จริง ไม่ใช่ฝึกไม่ใช่เรียนเพื่อใช้เป็นหลักฐานข้ออ้างในการไม่ต้องเกณฑ์ทหาร(ใครที่คิดนโยบายนี้ขึ้นมา ขอให้รู้ตัวไว้ว่าท่านจะเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วน
ทำให้เด็กไทยหลายหมื่นคนต้องตายหากชาติเกิดวิกฤตทางความมั่นคง ถ้าวันนึงผมมีอำนาจและท่านยังไม่เกษียณ ผมจะย้ายท่านไปปรับแนวคิดที่กองข่าว เพราะท่านจะได้รับข้อมูลข่าวสารทางทหารทั่วโลกว่า การจัดการกำลังสำรองทั่วโลกเขาทำกันอย่างไร) การฝึกพลเรือน
และทหารเพื่อไปรบที่เวียดนามนั้น ใช้พื้นที่ที่เมืองกาญจน์ ผู้ฝึกมีทั้งทหารไทยและอเมริกัน ฝึกแบบเอาจริงเอาจัง ทั้งวิชาฆ่าคน วิชาการดำรงชีพวิชาการซ่อนพรางเอาตัวรอด ไม่มีหรอกที่จะฝึกมาเพื่อสวนสนาม เพื่อให้ผ่านพ้นเข้าเกณฑ์ไปวันๆ การฝึกพล.อสส นี้ผู้ที่ผ่านการฝึกจะซึมซับ
วิชาที่ฝึกไปอย่างไม่รู้ตัว และจะงัดมันออกมาใช้แบบอัตโนมัติเมื่อตนเองอยู่ในสถานการณ์จริง ประมาณว่าเป็นแล้วไม่ลืม ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดลึกๆของการฝึกก็แล้วกันเพราะแค่จะเปรียบเทียบให้เห็นภาพโดยรวมเท่านั้น และจะไม่ขอแนะว่าควรจะฝึกกำลังสำรองอย่างไร เจตนาเพียงแค่ให้รู้ว่านโยบายของกองทัพและการปฎิบัติจริงเรื่องกำลังสำรองของกองทัพมันออกทะเลอย่างไร หลายท่านเมื่ออ่านแล้วอาจแย้งว่า เอ้าก็ฝึกไปเป็นกำลังสำรองนี่หว่า ไม่ได้ฝึกเพื่อไปรบ จะให้เข้มข้นไปทำไม ผู้รับการฝึกเป็นระดับปัญญาชนทั้งนั้น รุนแรงไปไม่ได้เพราะเขาต้องเรียนหนังสือด้วยก็เพราะอย่างนี้ไงถึงได้บอกว่า กำลังสำรองจะใช้ได้จริงหรือไม่ หากระดมพลไปรบจริง ในความเป็นจริง ผลของการฝึกกำลังสำรองของกองทัพ ผลที่ได้ควรจะมีค่าเสมอกันทั้ง นศ.วิชาทหาร และ ทหารเกณฑ์ รด.เป็นปัญญาชนมีความรู้ ออกไปรบจริงตายเป็นเบือ ทหารเกณฑ์จบ ป.4 บางคนอ่านหนังสือไม่ออกด้วยซ้ำ ออกไปรบจริงอัตราอยู่รอดมีสูง ความจริงจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ ท่านลองถามตัวเองดู ฉนั้นวิชาการทหาร ไม่เกี่ยวกับความรู้ มันคือทักษะในการต่อสู้ ทักษะในการเอาตัวรอด ทักษะในการต่อสู้แบบมีแบบแผนเป็น หมวด เป็นหมู่ เป็นกองทัพ ความรู้เราเรียนมา วันข้างหน้าเราก็ลืมต้องเปิดตำราทบทวน แต่ทักษะมันติดตัวอยู่ตลอด เป็นแล้วไม่มีวันลืม ดังนั้น การจัดการกำลังสำรองของกองทัพ ต้องเน้นไปที่ทักษะ ไม่ใช่เน้นปริมาณแบบลมๆแล้งๆแล้วประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า กองทัพไทยมีกำลังสำรองถึง5แสนคน ไอ่5แสนคนที่ว่าเนี่ย แค่เข้าแถวชิดได้ สวนสนามได้ ยืนยามได้ ยิงปืนในสนามยิงปืนได้แม่นมาก บางคนโดดร่มโดดหอมาแล้ว บางคนสามารถเป็นผู้บังคับหน่วยได้ แต่ทักษะในการรบ ทักษะในการดำรงชีพ ทักษะในการฆ่า ยังไม่ได้ฝึก
ไว้เกิดสงครามก่อนแล้วค่อยฝึก ตกลงกำลังสำรองที่กองทัพจัดหลักสูตรฝึกฝนมาเนี่ย หลักสูตรลูกเสือ หรือ หลักสูตรทหาร ******













 

Create Date : 05 มีนาคม 2549    
Last Update : 16 ธันวาคม 2552 15:47:03 น.
Counter : 2477 Pageviews.  


Westpoint
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




* ทหารต้องมีวินัย วินัยเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมกองทัพ ทหารในกองทัพคือผู้ถืออาวุธของแผ่นดิน คำสั่ง สำหรับทหารนั้นคือสิ่งสำคัญที่เราไม่อาจละเลยได้ หากทหารทุกคนในทัพเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่นำพาต่อวินัยในการเป็นผู้ถืออาวุธของชาติ ไม่ว่าตัวเล็กตัวน้อย อาวุธเล็กอาวุธน้อย กองทัพจะเป็นกองโจร ในการมีการใช้ในการถือครองอาวุธของแผ่นดินด้วยหน้าที่นั้น วินัยล้วนเป็นหลักทั้งสิ้น ในสังคมทหาร ในกรมกองทหาร ไม่มีคำว่าประชาธิปไตย ไม่มีการออกสิทธิออกเสียง ไม่มีโหวต ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา การวางปืนแล้วหันหลังออกจากแนวไป ไม่สนใจไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชามิว่าด้วยเหตุผลใดไม่ว่าในสนามรบหรือในที่ตั้ง นั่นคือการหนีทัพ ในสนามรบนั้นหากทำอย่างนี้ ถูกยิงเป้าทันที หากทำนอกสนามรบ นั่นคือการละทิ้งหน้าที่ มีโทษไม่น้อยเหมือนกัน มีทหารอีกมากมายนักในกองทัพที่ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้บังคับบัญชาไปทุกเรื่อง แต่ทำได้แค่คิดเท่านั้น เราไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆในคำสั่ง สิ่งเดียวที่ทำได้สำหรับระดับปฎิบัติคือ เมื่อเราเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ผิด เป็นคำสั่งที่ผิดศีลธรรมจรรยาของทหารแห่งชาติที่ดี ไม่ว่าด้วยแง่มุมใดๆ เรายังคงต้องปฎิบัติไปตามคำสั่งนั้น เราอาจทำให้ไม่สำเร็จ ทำได้แค่นี้เท่านั้น เราทำแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ นี่เป็นทางออกเดียวเท่านั้นของระดับผู้ปฎิบัติหรือระดับสั่งการในสนามเล็กๆ รูปการณ์อย่างนี้มิใช่ว่ามิเคยมี ตัวอย่างมีให้ดูมาแล้วจากในอดีต เรามิได้ผิดวินัย แต่เราทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในเบื้องลึกในจิตใจเท่านั้น นี่เป็นคำตอบที่ว่า ทำไมทหารค่อนกองทัพ ถึงต้องทำอย่างที่ประชาชนทุกคนเห็นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ในรร.ทหารในระดับเริ่มต้น ก้าวย่างแรกของการเป็นทหาร ทุกคนในกองทัพจะต้องถูกหล่อหลอมเรื่องวินัยอย่างสุดขั้ว รร.ทหารที่ไหนๆในโลกก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น เพราะทุกคนในโลกรู้กันดีว่า ผู้ที่จะจบออกไป จะเป็นผู้ที่ต้องถืออาวุธของชาติ และจะต้องใช้อาวุธในมือไปตามหน้าที่ และวินัยที่ รร.ทหารเฝ้าหลอมให้ทหารทุกคนนั่นก็คือ วินัยในการมีหน้าที่ ส่วนการจะถือจะใช้อาวุธในมือของตนตามหน้าที่และคำสั่งนั้น มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกเฉพาะตนในความเป็นชาติ และความเป็นคนไทยเท่านั้น *นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะมีอำนาจเหนือกว่า หน้าที่ในทางเป็นจริงของทหาร *
Friends' blogs
[Add Westpoint's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.