..ถ้าจักตายก็ขอตายในหน้าที่ ถ้าจักพลีก็ขอพลีแด่เหนือหัว ถ้าจักอยู่ก็ขออยู่เพื่อครอบครัว ถ้าจักชั่วก็ขอชั่วแก่ไพรี..
Group Blog
 
All Blogs
 
* ค.ฅนพันธุ์พม่า *

*ค.ฅนพันธุ์พม่า*
คนไทยส่วนใหญ่มีความไม่ชอบไปจนถึงเกลียดชังพม่าอยู่แล้วมาแต่โบราณจากความที่เป็นคู่ศึกกันมาตั้งแต่เริ่มสร้างชาติ จากพฤติกรรมของทหารพม่าที่เข้าย่ำยีคนไทยในทุกครั้งที่เป็นฝ่ายได้เปรียบในการศึก ความทารุณบนรากฐานของความคิดชาตินิยมในสมัยโบราณของทหารพม่า สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทยจนสั่งสอนบอกกล่าวสืบกันมารุ่นต่อรุ่น พฤติกรรมของมนุษย์นับถือพุทธพันธุ์พม่านั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอำนาจนิยมเป็นหลัก การกดขี่ การกระทำที่มุ่งแสดงอำนาจ ปรากฎอยู่ในความคิดของคนพม่าในส่วนลึกมากกว่าความเชื่อทางศาสนาพุทธ พม่าเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีเจดีย์มากที่สุดมากกว่าชาติพุทธอื่นๆ แต่การสร้างสิ่งเหล่านี้ในแผ่นดินพม่า ล้วนแล้วเกิดขึ้นจากการต้องการแสดงอำนาจเหนือผู้อื่น เชื่อ ก็ต้องแสดงความเชื่อมากกว่าผู้อื่น ศรัทธา ก็ต้องแสดงความศรัทธามากกว่าผู้อื่น ผู้อื่นในที่นี้ก็คือชาวพม่าด้วยกันเอง จึงเห็นได้ว่าคนพม่านิยมสร้างอำนาจในเชิงประจักษ์ นิยมสร้างความเชื่อในเชิงประจักษ์ นิยมการปกครองในเชิงประจักษ์ สิ่งเหล่านี้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการตีความในพุทธศาสนาของพม่าในเรื่องของการรู้แจ้งเห็นจริง ตามทฤษฎีของพุทธศาสนาที่ว่า เหตุย่อมเกิดจากผล และผลย่อมเกิดจากเหตุ เพราะการสร้างอำนาจนั้นคือเหตุ และผลของการสร้างอำนาจนั้นคือ ผล ดังนั้นการสร้างอำนาจในเชิงประจักษ์ของคนพม่าที่สืบต่อกันมาเป็นสายเลือดคือ อำนาจนั้นต้องจับต้องได้เห็นได้ในทุกคน และผลแห่งอำนาจสูงสุดที่มนุษย์พึงมีได้ในโลกนี้คือการมีอำนาจในโลกแต่เพียงผู้เดียว นี่จึงเป็นที่มาของความเชื่อในหมู่กษัตริย์และชนชั้นปกครองของพม่าในทุกยุคว่า เมื่อมีชาติพม่า จะมีชาติอื่นที่เทียบเท่าหรือมีอำนาจมากว่าพม่าในชมพูทวีปนี้ไม่ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่พม่าจะยกทัพมาตีไทยทุกครั้งที่พม่าเห็นว่าไทยโตเกือบเท่าพม่า และในสงครามไทย-พม่าตั้งแต่โบราณนั้นส่วนใหญ่พม่าจะเป็นฝ่ายยกทัพมารุกรานทั้งนั้น การเผาทำลายกรุงศรีอยุธยา ไม่เว้นวัดวาอาราม การฆ่าฟันพระเถรเณรชี ในครั้งนั้น คือการบ่งบอกว่าความเชื่อในอำนาจนั้นอยู่เหนือความเชื่อทางศาสนา การขุดรากถอนโคนอำนาจของอยุธยาเพื่อมิให้ฟื้นตัวได้อีกในครั้งนั้น คือความเชื่อในเรื่องอำนาจกษัตริย์นิยมเชิงประจักษ์ของพระเจ้ามังระ ที่ต้องการแสดงอำนาจที่พระองค์มีอยู่ให้โลกรู้ *

**การที่คนพันธุ์พม่ามีทรรศนะคติเรื่องอำนาจที่รุนแรงสืบทอดกันมาเช่นนี้ ทำให้พม่าในยุคต่อมา มีหลายกษัตริย์ มีหลายเจ้า มีหลายเผ่า มีหลายแคว้น และมีหลายผู้นำ และทุกคน ทุกแคว้น ทุกเผ่า ก็มุ่งจะแสดงอำนาจเหนือผู้อื่นโดยตลอดตามความเชื่อที่ฝังลึกมานานอย่างที่กล่าว หากยุคใดที่หมู่ใดหมู่หนึ่งมีผู้นำที่เก่งกาจ ก็จะสามารถแสดงพลังอำนาจเหนือหมู่อื่นและมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้พิชิต ดังนั้นพื้นฐานของคนในชนชาตินี้คือ การไม่นิยมรอมชอม ไม่นิยมกลมกลืน ไม่เคยยอมรับข้อดีข้อเสียของตนอย่างแท้จริง และนิยมใช้อำนาจเป็นหลักในการหาผลที่ถูกต้อง คนชาติพันธุ์นี้จึงดำรงค์อยู่ได้ด้วยสงครามและการรบ ต่างฝ่ายต่างสั่งสอนลูกหลานของตนสืบต่อกันว่า เกิดมาเป็น พม่า ฉาน ยะไข่ กระเหรี่ยง ว้า คะฉิ่น มอญ ฯลฯ ต้องต่อสู้ต้องรบต้องสร้างสายพันธุ์เราให้ยิ่งใหญ่เหนือพวกดินแดนอื่นพันธุ์อื่น ความเชื่อในชาติพันธุ์ของตนเองเหล่านี้เป็นเหมือนกองไฟที่แผดเผาแผ่นดินพม่ามาเป็นหลายร้อยปี ก่อนที่อังกฤษจะจากดินแดนนี้ไป อังกฤษเป็นเหมือนผู้ที่มาตัดวงจรการแย่งชิงอำนาจของคนในดินแดนนี้อย่างสิ้นเชิง แต่เงื่อนไขของการให้เอกราชดินแดนนี้ มันคือการสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟอย่างร้ายกาจ ด้วย นโยบายแบ่งแยกและปกครอง ยิ่งทำให้ช่องว่างที่กำลังจะแคบลงจากการมีศัตรูร่วมกันของคนทุกหมู่ในพม่า กลายเป็นถ่างห่างยิ่งกว่าเก่าเป็นทวีคูณ เพราะชนชั้นปกครองของทุกหมู่ที่เคยถูกกดขี่จากหมู่ที่เรืองอำนาจ มีฐานะเท่าเทียมกันใหม่หมดตามนโยบายของอังกฤษ จึงเหมือนเป็นการเริ่มวงจรรบเพื่ออำนาจที่เหนือกว่าอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่มีชนชาติอื่นหรือองค์กรอื่นมาตัดวงจรนี้ได้อีก เพราะพม่าและชนกลุ่มต่างๆในดินแดนนี้มีบทเรียนที่ล้ำค่าและมีอคติกับคนพันธุ์อื่นเสียแล้ว**

***คนพันธุ์พม่า จัดได้ว่าเป็นพันธุ์นักรบที่เข้มแข็งไม่แพ้คนพันธุ์อื่นในโลกนี้ เพราะการมีดินแดนเป็นของตนเอง การเป็นชาติ การดำรงค์อยู่ของชาติ แม้จะผ่านการต่อสู้ที่เจ็บปวดมายาวนาน แต่ก็ยังมีแผนที่ประเทศพม่าปรากฎให้ชาวโลกทั้งมวลได้เห็น แสดงให้เห็นได้ว่าคนพันธุ์นี้เขาก็มีดีพอที่จะรักษาแผ่นดินเอาไว้ได้ ไม่เหมือนคนบางสายพันธุ์ที่ต้องกลายสภาพไปอยู่รวมกับพันธุ์อื่น เช่น เมารี ละติน อินเดียแดง ม้ง แม้ว และพวก อะบอริเจี้ยนทั้งหลาย ทุกวันนี้การที่พม่าไม่ฟังมติสหประชาชาติ ไม่สนอเมริกา ไม่เกรงไทย และไม่คิดยอมมหาอำนาจชาติไหน ล้วนแล้วแต่เป็นผลพวงของความเชื่อในอดีตทั้งสิ้น ความหยิ่งทรนงในสายเลือดเชื้อชาติพันธุ์นักรบของคนพันธุ์พม่าเป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนให้พม่าต่อสู้กับความยากลำบากในกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลกนี้ เช่น อองซานซูจี หากไม่มีผัวเป็นอังกฤษ สถานการณ์ของเธอจะไม่เลวร้ายอย่างนี้ เจ้ายอดศึกแห่งรัฐฉาน หากไม่ได้ไปเรียนที่อเมริกา กองทัพพม่าจะไม่ขึ้นบัญชีเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งและปราบปรามอย่างรุนแรงอย่างทุกวันนี้ รร.นายร้อยของพม่า เน้นสอนประวัติศาสตร์ของชาติควบคู่กับการทหารตั้งแต่ปีแรกยันปีสุดท้าย รัฐบาลทหารพม่าไม่มีวันจะยอมให้พม่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างเด็ดขาด เพราะพม่ามีพื้นฐานไม่เหมือนชาติอื่นๆ พม่าจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆหากประชาธิปไตยเบ่งบานบนแผ่นดิน พม่ามองประเทศไทยเป็นเหมือนกรุงศรีอยุธยา ที่วันหนึ่งพม่าจะต้องแสดงอำนาจเชิงประจักษ์ให้ชาวโลกได้เห็นอีกครั้ง และวันนี้มีมนุษย์พันธุ์พม่ามาอยู่ในเมืองไทยแล้วกว่าแสนคน โดยที่ไทยก็ยังทำตัวเหมือนในสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่มีผิดเพี้ยน การช่วยเหลืออาณาจักรหรือแคว้นใกล้เคียงที่เป็นศัตรูกับพม่า การอุปถัมภ์ด้านมนุษยธรรมต่อผู้อพยพของทั้งพม่าเองและอาณาจักรใกล้เคียง การอวดรวยฟุ้งเฟ้อในนาๆวัตถุที่ทุกอาณาจักรใกล้เคียงต้องอิจฉาและหมั่นไส้ การอ่อนแอของกองทัพ การเสื่อมโทรมของศาสนา สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเมื่อครั้งเรายังมีราชธานีชื่อกรุงเทพทาราวดีศรีอโยธยา มิมีผิดเพี้ยน การที่ไทยและอเมริกา ต่างช่วยกันโอบอุ้มฉานสเตจ ศัตรูตัวฉกาจของพม่าตั้งแต่โบราณเหมือนไทยนั้น ยิ่งทำให้พม่าต้องเร่งเพิ่มแสนยานุภาพกองทัพ หากเกิดสงครามขึ้นระหว่างอเมริกา-พม่า อเมริกาจะได้บทเรียนเป็นครั้งที่สองเหมือนสงครามเวียดนาม ชนทุกเผ่าในพม่าจะหันมาจับมือกันสู้อเมริกาทั้งบนดินและใต้ดิน และหากอเมริกาทำสงครามแบบทารุณตัดมือตัดตีนเหมือนที่ทำกับอิรัค ฉานสเตจจะไม่เอาด้วยกับอเมริกาแน่นอน เพราะอย่างน้อยพม่าก็คือชนร่วมแผ่นดิน ฉานสเตจจะไม่ได้รับการยอมรับอย่างจริงใจจากชนทุกหมู่ในดินแดนนี้ เหมือนกับที่ ซาอุฯเป็นอยู่ในตะวันออกกลาง หากไทยร่วมวงไพบูลย์กับอเมริกาด้วย ก็เช่นกัน ทุกประเทศในย่านนี้จะหมดความไว้วางใจคนสายพันธุ์ไทย ทุกประเด็นนี้ไทยรู้ อเมริการู้ สิงค์โปรรู้ พม่าก็รู้ สงครามตัวแทน ไทยมุมแดง มีอเมริกา-พันธมิตรนาโต้เป็นพี่เลี้ยง พม่ามุมน้ำเงินมีจีน-อินเดียเป็นพี่เลี้ยง จะบังเกิดขึ้นและเป็นทางเลือกสุดท้ายของอเมริกาที่เข้ามาชักศึกนี้เพียงเพื่อจะเอาทรัพยากรบางอย่างในพม่าที่จะเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกันในทศวรรษหน้าเพียงแค่นั้น**












Create Date : 25 มีนาคม 2549
Last Update : 16 ธันวาคม 2552 15:54:37 น. 2 comments
Counter : 297 Pageviews.

 
ติดตามมานานแล้วครับ......ขอคอมเมนต์สักนิด
ผมชื่นชมบทความของท่านมากครับ....

ว่าไปผมก็รุ่น....หลานท่านได้เลยนะครับเนี่ยะ....
ปกติ ผมอ่านบทความตามกระทู้ต่างๆ ของท่านตลอด

ท่านใช้ชื่อ ผบ.กรม.ใช่หรือเปล่า.....
อยากคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติ....กับท่านจะรังเกียจหรือเปล่าครับ......

ถ้าไม่รังเกียจ.....กรุณาตอบกลับเมลล์ของผมนะครับ..

pitakrath@gmail.com

แล้วผมจะขอแนะนำตัวทางเมลล์....นะครับ


โดย: tum-marine IP: 203.156.1.214 วันที่: 26 มีนาคม 2549 เวลา:1:16:38 น.  

 
ท่าน ผบ.กรมฯ เล่า ค.ฅน พันธุ์พม่า แล้ว ท่านทิ้งปุจฉาให้คิดต่อ เรื่อง ฅนพันธุ์อเมริกัน คงต้องให้ท่านเล่าให้อ่านต่อแล้ว ว่าอเมริกา เลี้ยงคนอย่างไร ถึงได้ ugly วางแผนแอบระรานใคร ๆ เขาไปได้ทั่ว
.....................................
เกือบหาตัวพิมพ์ "ฅ" ไม่เจอ คิดมานานแล้วกับตัวอักษรตัวนี้ พูดกับใคร ๆ ไปทั่วเหมือนกันว่า ต้องหยิบมาใช้ เพราะแสดงให้เห็นได้ทางหนึ่งว่า "ฅน" แตกต่างจาก "ควาย"
......................................
ไม่ได้ว่าควายไม่ดีนะ ทุกวันนี้เห็นความดีของควายมากกว่าของผู้นำบางคน (ไปไหนมา 3 วา 2 ศอก ก็ต้องมาลงเรื่องเนี้ยะ เพราะ เรื่อง ก่น--ผู้นำเลว ๆ เป็น hot issue ประจำใจตัวเองช่วงนี้)


โดย: aaa IP: 58.147.123.164 วันที่: 26 มีนาคม 2549 เวลา:11:03:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Westpoint
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




* ทหารต้องมีวินัย วินัยเป็นเครื่องมือที่ใช้ควบคุมกองทัพ ทหารในกองทัพคือผู้ถืออาวุธของแผ่นดิน คำสั่ง สำหรับทหารนั้นคือสิ่งสำคัญที่เราไม่อาจละเลยได้ หากทหารทุกคนในทัพเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่นำพาต่อวินัยในการเป็นผู้ถืออาวุธของชาติ ไม่ว่าตัวเล็กตัวน้อย อาวุธเล็กอาวุธน้อย กองทัพจะเป็นกองโจร ในการมีการใช้ในการถือครองอาวุธของแผ่นดินด้วยหน้าที่นั้น วินัยล้วนเป็นหลักทั้งสิ้น ในสังคมทหาร ในกรมกองทหาร ไม่มีคำว่าประชาธิปไตย ไม่มีการออกสิทธิออกเสียง ไม่มีโหวต ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา การวางปืนแล้วหันหลังออกจากแนวไป ไม่สนใจไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชามิว่าด้วยเหตุผลใดไม่ว่าในสนามรบหรือในที่ตั้ง นั่นคือการหนีทัพ ในสนามรบนั้นหากทำอย่างนี้ ถูกยิงเป้าทันที หากทำนอกสนามรบ นั่นคือการละทิ้งหน้าที่ มีโทษไม่น้อยเหมือนกัน มีทหารอีกมากมายนักในกองทัพที่ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้บังคับบัญชาไปทุกเรื่อง แต่ทำได้แค่คิดเท่านั้น เราไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆในคำสั่ง สิ่งเดียวที่ทำได้สำหรับระดับปฎิบัติคือ เมื่อเราเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ผิด เป็นคำสั่งที่ผิดศีลธรรมจรรยาของทหารแห่งชาติที่ดี ไม่ว่าด้วยแง่มุมใดๆ เรายังคงต้องปฎิบัติไปตามคำสั่งนั้น เราอาจทำให้ไม่สำเร็จ ทำได้แค่นี้เท่านั้น เราทำแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ นี่เป็นทางออกเดียวเท่านั้นของระดับผู้ปฎิบัติหรือระดับสั่งการในสนามเล็กๆ รูปการณ์อย่างนี้มิใช่ว่ามิเคยมี ตัวอย่างมีให้ดูมาแล้วจากในอดีต เรามิได้ผิดวินัย แต่เราทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในเบื้องลึกในจิตใจเท่านั้น นี่เป็นคำตอบที่ว่า ทำไมทหารค่อนกองทัพ ถึงต้องทำอย่างที่ประชาชนทุกคนเห็นตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ในรร.ทหารในระดับเริ่มต้น ก้าวย่างแรกของการเป็นทหาร ทุกคนในกองทัพจะต้องถูกหล่อหลอมเรื่องวินัยอย่างสุดขั้ว รร.ทหารที่ไหนๆในโลกก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น เพราะทุกคนในโลกรู้กันดีว่า ผู้ที่จะจบออกไป จะเป็นผู้ที่ต้องถืออาวุธของชาติ และจะต้องใช้อาวุธในมือไปตามหน้าที่ และวินัยที่ รร.ทหารเฝ้าหลอมให้ทหารทุกคนนั่นก็คือ วินัยในการมีหน้าที่ ส่วนการจะถือจะใช้อาวุธในมือของตนตามหน้าที่และคำสั่งนั้น มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกเฉพาะตนในความเป็นชาติ และความเป็นคนไทยเท่านั้น *นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะมีอำนาจเหนือกว่า หน้าที่ในทางเป็นจริงของทหาร *
Friends' blogs
[Add Westpoint's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.