T-72B เป็นรุ่นที่2ของตระกูลT-72มีสาขาแยกเป็น9เวอร์ชั่น คือB-1985/B-1989/B-1990/BK/B1/B1K/B2/BU/BM/BA/S ซึ่งนับว่ามากอยู่และก่อให้เกิดการอัพเกรดใหม่ๆลงไปและเป็นพื้นฐานในการอัพเกรดรถถังและขีดความสามารถที่รถถังรัสเซียต้องมี
T-72B ตัวแรกปี1984 ก่อนติดตั้งเกราะเสริม
T-72B-1985 (อ๊อปเจค-184)จริงๆก็เริ่มหลังรถถังT-72Aปี1979เข้าประจำการในกองทัพได้ไม่นานเนื่องจากการพัฒนาของรถถังหลักอย่างLeopard-2และM-1 ในเรื่องเกราะนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่า ทางกองทัพแดงจึงให้สำนักออกแบบVagonka construction ทำการเริ่มพัฒนาในราวปี1980 นัยๆแล้วก็แข่งขันกับT-80Uที่กำลังเร่งพัฒนาเช่นกัน โดยเน้นไปที่การเสริมเกราะใหม่เข้ากับตัวป้อมและเปลี่ยนเครื่องยนต์รวมถึงระบบควบคุมการยิง โดยการผลิตตัวรถยังเหมือนเดิมตั้งแต่รุ่นAเรื่อยมา
ในเรื่องเกราะเสริมนั้นก็หลังจากที่ได้เกราะBlazerของอิสราเอลในปี1982 จึงนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาT-72Bแบ่งเป็น2ทางคือการเสริมเกราะที่มีขีดความสามารถสูงขึ้นและเพิ่มความหนาป้อมเข้าไปอีก เสริมความหนาบริเวณด้านหน้าของป้อมและตัวรถ
ป้อมรูปทรงคงเดิมแต่ในเนื้อเกราะมีแผ่นเหล็กกล้าหนา30มม.สลับด้วยยาง อลูมิเนียมและเซรามิค เสริมเกราะบริเวณช่วงหลังคาป้อมและบริเวณปืนกลหนักเหนือป้อมลาดลงมาทางหน้าป้อมให้มีความหนาอีก20มม. เพื่อให้ตัวป้อมเดิมๆสามารถทนกระสุนระเบิดแรงสูงให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งทางกองทัพแดงสนใจพัฒนาอย่างเต็มที่เมื่อได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของเกราะBlazerของอิสราเอล จึงเริ่มลงมือพัฒนาในราวปี1982นั้นเอง ซึ่งถูกนำไปตั้งชื่อการพัฒนาT-72B จากอ๊อปเจค-184เป็น184M
พอในปี1985 การผลิตรถถังT-72ทุกรุ่นจึงปรับมาเป็นการการผลิตT-72Bอ๊อปเจค-184M ทั้งหมด การติดเกราะเสริมเข้าไปทำให้ตัวรถมีน้ำหนักพร้อมรบเพิ่มขึ้นอีก3ตัน จึงทำการใส่เครื่องยนต์ใหม่เข้าไปเป็นเครื่องขนาด840แรงม้า วี-84 เนื่องจากส่วนใหญที่ทำการผลิตมาตั้งแต่ปี1972-75ยังมีเครื่อง760แรงม้า วี-46 เป็นจำนวนมาก พอเริ่มผลิตเป็นฺBจึงใช้เครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด และเนื่องจากสภาพป้อมที่ดูอวบๆขึ้นจึงได้รับชื่อใหม่ว่าSuper Dolly Parton การปรับปรุงอื่นๆยังคงเหมือนT-72Aตัวมาตราฐานปี1983คือป้อมบุชั้นกันรังสี ท่อยิงระเบิดควันแบบ902B 12ท่อ ล้อกดสายพานหุ้มยางตัน โดยT-72B มีชื่อเรียกจากฝั่งนาโต้เรียกว่าT-72M2หรือSMT M1988
T-72B1ปี1985 เป็นรุ่นBที่ทำการติดตั้งเกราะเสริมเป็นครั้งแรก
T-72ที่อยู่ในช่วงผลิตก่อนจะปรับเป็นรุ่นBทั้งระบบในปี1985 คือปี1984เป็นรุ่นBถูกถอดท่อยิงระเบิดควันเหลือ8ท่อติดตั้งไว้ทางด้านซ้ายของป้อม เพื่อเตรียมส่งเข้าไปติดตั้งเกราะKontakt-1 ERA ซึ่งการติดตั้งก็ยังคล้ายคลึงกับรุ่นAV/AB นั้นเอง โดยในปี1985
T-72B1 คือรถถังT-72Bที่ทำการติดตั้งเกราะเสริมในชื่อเวอร์ชั่นT-72B1 ติดตั้งเกราะเสริมเกราะKontakt-1 ERA จำนวน227แท่ง ซึ่งเรียกไม่เป็นทางการว่าT-72BV นาโต้เรียกว่าSMT M1986 นอกจากนั้นยังเป็นT-72B1 คือรถถังที่ยิงจรวดต่อสู้รถถังจากลำกล้องได้เป็นรุ่นแรกภายใต้ชื่อ T-72
ระบบควบคุมการยิงที่เรียกระบบว่า1A40-1 ถอดเลเซอร์วัดระยะTPD-K1 ตัวเก่าออก ซึ่งโดยรวมระบบคำนวณการยิงยังเป็นรองT-80Uที่มีความแข็งแกร่งและอำนาจการยิงที่ดีกว่าส่วนนึงที่ทำให้T-72ยังพอแข่งกับT-80Uได้คือความสามารถในการยิงจรวดต่อต้านรถถังจากลำกล้องปืนใหญ่125มม. ด้วยจรวดแบบ9K120 Svir หรือที่เรียกว่า AT-11 สไนเปอร์ นำวิถีด้วยเลเซอร์ ควบคุมด้วยกล้องเล็งยิงและนำวิถีแบบ1K13-49 โดยระบบ1K13 สามารถใช้แทนกันได้ในกรณีกล้องสำหรับพลปืนรุ่นใหม่แบบTPN-3-49เสียหาย และยังใช้เป็นเลซอร์วัดระยะด้วย แต่ภาพรวมยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่าTPD-K1 โดยสามารถยิงจรวดจากลำกล้องปืนเข้าหาเป้าหมายที่นะยะ4000เมตรได้
ระบบควบคุมการยิง1A40-1
ปืนใหญ่125มม. ยังเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนระบบสตาบิไลเซอร์ที่ทำงานระหว่างไฮโดรลิค-อิเล็คทรอนิค ร่วมกันหรือกรณีระบบใดระบบนึงเสียหาย ซึ่งก็คือระบบ2E42 - 2 รวมถึงระบบโหลดกระสุนของรุ่นBนั้นยังหมุนโหลดกระสุนได้แบบเวียนซ้าย-ขวา เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนกระสุน โดยสามารถรองรับกระสุนปืนใหญ่ในรถได้45นัดและจรวดยิงรถถังอีก4นัด ซึ่งสูงสุด
T-72BK ปี1987 เป็นรถถังที่ทำการปรับปรุงระบบสื่อสารเหมือนรุ่น AK
T-72B1K ปรับปรุงเหมือนรุ่นAK
T-72B-1989 เป็นเวอร์ชั่นที่ทำการเปลี่ยนเกราะจาก"Kontakt-1" ERA เป็น "Kontakt-5 นาโต้เรียกว่าSMT M1990
T-72B-1989
T-72B-1990 ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่รุ่น วี-32เอส2 ขนาด1000แรงม้า ระบบควบคุมการยิงแบบใหม่
T-72B-1990
T-72BM-2006 เป็นโครงการอัพเกรดรถถัง T-72Bภายใต้ชื่อ Rogatka รวมถึงป้อมแบบ Relikt เปิดตัวครั้งแรกในงานRussian Arms Expo ปี2006 ติดตั้งระบบวบคุมการยิงใหม่ชื่อ"Nakidka เครื่องยนต์ใหม่ วี-92เอส2ขนาด1000แรงม้า ป้อมติดตั้งเกราะKontakt-5 ปืนใหญ่แบบใหม่2เอ46-เอ็ม5 ทั้งยังเป็นรุ่นส่งออกด้วย แถมหน้าตาจะคล้ายกับT-90ค่อนข้างมาก
T-72BM ปี2006
T-72BA อ๊อปเจค-184เอ ผลมาจากการสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ๆในT-72B ที่สร้างโดยUralvagonzavodโดยโครงการอัพเกรดT-72Aเริ่มในราวปี1999-2000 ซึ่งสิ้นสุดในปี2009โดยมีรถถัง T-72เข้าทำการอัพเกรดจำนวน210คัน ซึ่งใช้การพัฒนารถถังT-90ปี1993 เข้ามาทำการอัพเกรดT-72 ส่วนใหญ่เป็นเกราะของตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน เสริมเกราะที่แผ่นยางป้องกันสายแทร็ค
T-72BU เริ่มในราวปลายทศวรรษ1988 โดยใช้พื้นฐานจากT-72BM เพื่อพัฒนาเป็นรถถังแบบT-90
T-72S Shilden ปี1987 เป็นรุ่นส่งออกของT-72BV ติดเกราะเสริมKontakt-1จำนวน155หรือ227แท่ง
T-72SShilden
T-72B2 อ๊อปเจค-184เอ็ม เป็นรุ่นอัพเกรดโดยใช้พื้นฐานT-72BM เพื่อทำการส่งออก เป็นรุ่นที่อาจจะเรียกได้ว่าเทพสุดในนามT-72 ได้รับชื่อว่า "Slingshot" มีการปรับปรุงระบบควบคุมการยิงของปืนใหญ่หลัก2เอ-46เอ็ม5 ระบบควบคุมการยิงขณะเคลื่อนที่ทำงานร่วมกันระหว่างเลเซอร์วัดระยะ กล้องจับภาพความร้อน และตัวควบคุมการยิงจรวดจากลำกล้องปืน โดยระบบนี้มีชื่อว่า "Pine"สร้างโดยสำนัก Belarusian production of "Bearing" ซึ่งร่วมมือกับฝรั่งเศสโดยบริษัท French production company CATHERINE Thomson-CSF นอกจากนั้นติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด1000แรงม้า พร้อมระบบAPU และระบบป้องกันทุ่นระเบิดแม่เหล็ก ซึ่งเปิดตัวในปี2006 ในงานNizhny Tagil
T-72B2
โดยนาโต้ใช่รหัสเรียก T-72Aทั้งหมดว่า รุ่นM โดยรุ่นMยังเป็นรุ่นส่งออกในปี1980 โดยได้รับการผลิตในโปแลนด์ เชคฯ ยูโกสลาเวีย ลงนามกับโซเวียตในปลายปี1970 เพื่อเข้าประจำการในกลุ่มกองทัพวอร์ซอแพ็ค ติดตั้งชุดอำนวยการยิงรุ่นแรกคือTPN-1-49-23 โดยถอดเกราะเสริมตรงพลขับออก เครื่องยิงระเบิดควันก็ถอดออก ภาพรวมทำการบได้เพียงกลางวันเท่านั้น ส่งออกภายใต้ลิขสิทธิ์ ZTS Martin -ของ Slovakia และ ZM Bumar-Łabędy" S.A. ของ Poland อาจจะเรียกได้ว่ารุ่นMonkey model แท้ๆเพราะเหมือนT-72Aตัวแรกที่เริ่มผลิตทุกเม็ด โดยบางทีก็เรียกรุ่นนี้ว่า T-72G โดยมีรหัสว่า อ๊อปเจค-172M-E1ถึง4 ส่วนนาโต้เรียกว่า T-72M1980-1 ต่อมาโปแลนด์พัฒนาเป็นรุ่น T-72M1 มีการเสริมเกราะที่ถูกถอดออก เสริมแผ่นเกราะและยางด้านข้าง ผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันคือเยอรมันตะวันออก ในปี1986จำนวน23คัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมี1คันที่หลุดไปถึงมืออเมริกาOPFOR ในปี1993มีT-72 27คันที่เยอรมันขายให้อเมริกา และอีก5คันขายให้สวีเดน
โดยรุ่นT-72M ซึ่งประเทศยูโกสลาเวียสร้างเอาไว้และพัฒนาเองในชื่อM-84นั้น พอแยกตัวกันออกมาก็ทำให้เกิดM-84หลายๆรุ่นอีกเช่นกัน
M-84 ของยูโกสลาเวีย
กำเหนิดM-84 ของ ยูโกสลาเวียในปี1984 เป็นชาติแรกที่นำไปทำใหม่เพื่อส่งออกเป็นสินค้าของยูโกฯเอง ในชื่อ M-84 ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจาก T-72A มาตราฐานโซเวียตปี1983 ใช้เครื่องยนต์แบบV-46-6TK ขนาด985แรงม้า
M-84AB ใช้ระบบอำนวยการรบภายในที่บางส่วนเป็นของยูโกฯเอง ระบบคงไว้เช่นเลเซอร์วัดระยะTPD-2-49 เพิ่มกล้องมองกลางคืน TPH-1 เลเซอร์วัดระยะของพลปืน DNNS-2 ถอดกล้องผ.บ.รถเดิมTKN-3 ใส่กล้องDNKS-2 กล้องเพอริสโคปมองกลางคืนสำหรับพลขับ PPV-2 ระบบควบคุมการยิงแบบSUV-M84
M-84A4 ของโครเอเชีย ติดตั้งระบบอำนวยการรบใหม่ทั้งคัน
M-84AS ของเซอร์เบีย
M-84A4 ของโครเอเชีย และร่วมกับสโลเวเนียในการพัฒนาโดยสโลเวเนียใช้ระบบอำนวยการรบแบบEFCS-3 FCS
M-84D โครเอเชีย
T-72M1 ปี1982 เพิ่มเติมเกราะบริเวณห้องพลขับ แผ่นเกราะหนา16มม. (ที่เป็นรูปตัววี)
T-72M1M หรือเรียกว่า T-72M1K อ๊อปเจค-172เอ็ม2
T-72M1M
ในรุ่นนี้แบ่งเป็นรุ่นT-72M1หรือรุ่นAที่นำมาอัพเกรดจนเป็นรุ่นB และรุ่นส่งออกของT-72B ที่ใช่เกราะแบบใหม่ สามารถยิงจรวดนำวิถีจากลำกล้องปืนได้ ภาพรวมเป็นรุ่นที่ผสมระหว่างรุ่นBMกับB2 ติดตั้งระบบป้องกันจรวดKAZT "Arena" ใช้ชื่อว่า อ๊อปเจค-172เอ็ม-อี8
T-72M2 โมเดนน่า พัฒนาและอัพเกรดจากรุ่นT-72M1-A เพื่อเข้าประจำการในกองทัพสโลวาเกีย ติดตั้งคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิงใหม่ กล้องจับภาพความร้อนSFIM ระบบแจ้งเตือนเมื่อถูกเกาะติดด้วยเลเซอร์
ติดตั้งปืนกลหนัก20มม. ข้างป้อมฝั่งล่ะ1กระบอก ตอนหลังใช้ปืน30มม.2เอ-42 เกราะERA ใช้เครื่องยนต์850แรงม้า
T-72M-4 ของเชคฯ มีรุ่นM-3และM-4 เสริมเกราะERA กล้องพาโนรามิคจากอิตาลี ระบบควบคุมการยิงTURMS
PT-91 ของโปแลนด์
หากถามว่าเจ้าT-72 ออกรบครั้งแรกที่ไหนก็คือ ปี1982ในเลบานอนที่หุบเขาเบก้า รัสเซียส่งT-72รุ่นแรกๆไปให้ซีเรียใช้งานข้อมูลบางส่วนบอกว่าT-72สามารถทำลายรถถังหลักMerkava อิสราเอลได้60คัน แต่T-72โดนจรวดTOW ยิงพังไป20คัน โดยTOWถูกนำมาติดตั้งบนรถจี๊ปM-151
ตกลงแล้วมันคือ T-72 เองหรือนี่