โลกนี้มีมาก่อนผู้คน แต่โลกจะทนอยู่ได้นานสักเท่าใด

ถ้าเงินหมื่นแสนล้านถูกผลาญไป ใช้สร้างอาวุธมายัดใส่มือคน
 
เจาะลึก T-72 รถถังที่มีรุ่นเยอะมาก

หลังจากเคยกล่าวถึงT-72 เพียงผิวๆรอบนี้มาเจาะลึกๆกันเลย สำหรับรถถังรุ่นนี้ที่มีรุ่นเยอะมากที่สุดรุ่นนึง


Image
T-72 อูราล อ๊อปเจค-172เอ็ม-2เอ็ม จะติดตั้งไฟฉายค้นหาที่ด้านซ้าย ตอนหลังจะติดตั้งด้านขวา


T-72 นั้นเป็นรถถังที่ได้จากการพัฒนาจากโครงการT-62(อ๊อปเจค-167) ที่พัฒนามาจากT-55อีกทีนึง โดยไม่เกี่ยวกับT-64(อ๊อปเจค-630)แต่อย่างใดมีเพียงนำบางส่วนจากT-64มาเพิ่มใน T-72เท่านั้น โดยT-64เป็นการพัฒนาเองใหม่ทั้งหมด
ต้นแบบของT-72คืออ๊อปเจค-172 พัฒนาตั้งแต่ปี1967-68และเข้าเริ่มทำการผลิตโดยบริษัทCB Uralvagonzavod หัวหน้า วิศวกร VN Venediktov ต้นแบบมี7คันคือ อ๊อปเจค172จำนวน1คัน อ๊อปเจค-172เอ็ม/172เอ็ม-2เอ็ม อีกรวม6คัน


T-72 อูราล อ๊อปเจค-172ต้นแบบ
Image


T-64 อ๊อปเจค-630


Image



เกราะที่ทำขึ้นใหม่นั้นรวมถึงป้อม มีความลาดเอียง70องศา เกราะเป็นแบบ3ชั้นความหนาต่างกันที่70/105/40 มม. แบ่งเป็นเหล้กกล้า-ไฟเบอร์-เหล้กกล้า จากพื้นฐานการออกแบบ T-62 มาก่อน
ป้อมของT-72นั้นสามารถทานการยิงของกระสุนทังสเตน125มม. ที่มีความเร็ว1600เมตร/วินาที และกระสุน115มม. ที่ความเร็ว1400เมตร/วินาที พอเข้ากลางปี1974 จึงทำการติดตั้งจอแสดงข้อมูลการรบ ในคันที่6กับ7 เลเซอร์วัดระยะTPD-2-49 กล้องมองกลางคืนBuran - PA ระบบควบคุมการยิงและสตาบิไลนเซอร์ 2E28Mควบคุมด้วยไฮโดรลิค ระบบเซ็นเซอร์Jasmine-2 ระบบกล้องสำหรับผ.บ.รถTKN-3 กล้องมองกลางคืนTPN-1-49-23ค้นหาเป้าหมายด้วยอินฟาเรดกำลังขยาย6เท่า ชุดกรองแสงอินฟาเรด A-2a "Moon" ยังมีระบบป้องกันและฟอกอากาศในสภาวะNBC ด้วยเช่นกัน
ปืน125มม.2เอ-46เอ็ม-48คาลิเบอร์ ให้ความแม่นยำที่ระยะ1600-1800เมตร ทดสอบยิงรถถัง15คัน ความแม่นยำ80-100% พอเปลี่ยนเป็นยิงขณะเคลื่อนที่ความแท่นยำเหลือ50.4%
ปืนกลร่วมแกน7.62มม. ปืนกลหนักต่อสู้อากาศยานเหนือป้อม NSVT-12.7มม. ควบคุมด้วยรีโมทจากภายในตัวรถผ่านกล้องมองROM 5ศูนย์เล็งred-dot sight K10-T



Image
T-72 อ๊อปเจค-172 จากโรงงาน



หลังจากออกจากโรงานในปี1972จึงได้เรียกว่าT-72เต็มปาก ก็ต้องเข้าทำการทดสอบตามข้อกำหนดไม่ว่าจะผ่านทุกสภาพอากาศ ระยะทาง15000ก.ม. ระบบภายในทำงานต่อเนื่อง668ช.ม. ใน200ช.ม.แรกระบบน้ำมันและหล่อเย็นเครื่องยนต์มีปัญหา พอถึงปี1975จึงทำการออกแบบใหม่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่มีกำลัง840แรงม้า ในรุ่น B-67 จากรุ่นแรก B-46Fที่ให้กำลังเพียง760แรงม้า ความจุน้ำมัน1000ลิตรและเพิ่มถึงน้ำมัน200ลิตรได้อีก2ถังทางด้านซ้ายโดยคำสั่งรัฐบาล ลงนามวันที่16ธันวาคมปี1976 เอกสารคำสั่ง1043-361 ให้ทำการทดสอบระบบรองรับน้ำหนักและไฮโดรลิคระยะทาง15000ก.ม. แทร็คสายพาน6400ก.ม.
วิทยุของT-72 ปี1972 นั้นใช้วิทยุR-123M ความถี่20.0 - 36.0 MHz และ 36.0 - 51.0 MHz วิทยุติดต่อภายใน P-160 TPU-A
ต้นแบบสุดท้ายก่อนเข้าทำการผลิตเพื่อประจำการคือ T-72A (obr.1978g) เสริมเกราะตัววีด้านหน้าตรงพลขับ หนาอีก16มม.


 
Image
T-72A ต้นแบบสุดท้ายก่อนเข้าประจำการปี1978


 
T-72K อ๊อปเจค-172 เอ้มเค T-72K อ๊อปเจค-172เอ็มเค (ปี1972)
เป็นรุ่นบังคับการรบนั้นเองติดตั้งวิทยุR-130M/R-173 2ชุด พร้อมเสาอากาศสูง10เมตร พร้อมระบบนำทางด้วยดาวเทียมTNA-3 เครื่องกำเหนิดไฟฟ้าGPK - 59 เพิ่มกระสุนปืนกลร่วมแกนPKTอีก500นัด โดยมีการพัฒนาถึง3บริษัทจึงมาตั้งแต่รุ่น เค-1ถึง3


T-72A อ๊อปเจค-176 (obr.1979g) เป็นรุ่นมาตราฐานของ T-72 เพื่อผลิตเข้าประจำการในกองทัพ
Image



หลักๆเป็นการปรับปรุงป้อมเพื่อเสริมชั้นเกราะหลายชั้นระหว่างเซรามิค ลามิเนท เหล็กกล้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันกระสุนหัวระเบิดแรงสูงและกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลล์ เสริมเกราะป้องกันพลขับหนาอีก10มม.
ระบบค้นเป้าหมายด้วยอินฟาเรด ลูน่า L2AG ถูกติดตั้งเข้าไปใหม่ โดยมีระยะค้นหาไกล1.2พันเมตร ติดตั้งกล้องเพอริสโคป TNPO-168W กล้องมองกลางคืนTVNE-4B รวมถึงเครื่องยิงระเบิดควันที่ป้อม เลเซอร์วัดระยะกลางวัน TPD-K1 เลเซอร์วัดระยะกลางคืนTPN-1-49-23 ระบบควบคุมการยิง1A-40

T-72A (obr.1983g)
Image



เป็นรุ่นสุดท้ายของT-72A ที่ทุกอย่างเริ่มลงตัวและส่งออกให้กับกลุ่มมิตรประเทศ

T-72AK ปี1978 เป็นรุ่นบังคับการ ติดตั้งระบบวิทยุใหม่ที่มีระยะส่งไกลขึ้นR - 173 วิทยุและเครื่องรับวิทยุ R - 173P ถอดวิทยุ R - 123m ออกรวมถึง R - 130 และทดแทนด้วย R - 163 - 5KV


T-72A รุ่นต่อมาคือ T-72ABหรือAV อ๊อปเจค-176B



Image


มันก็คือT-72A ที่ได้รับการติดตั้งเกราะเสริมที่เรียกว่าเกราะระเบิดปฏิกิริยา แบบKontakt ERA จำนวน151แท่ง โดยเริ่มทำการติดตั้งในปี1983
นอกจากนั้นยังมีรุ่น AKB ก็คือT-72AKที่ติดตั้งเกราะเสริมนั้นเอง ซึ่งก็เริ่มทำในปีเดียวกัน
ในส่วนที่กล่าวไปทั้งหมดคือรุ่นA

รถถังที่ผลิตในยูเครน T-72AM/BananและAG
Image

คือT-72A ที่ผลิตในยูเครนและอัพเกรดโดยยูเครนเพื่อส่งออกนำเทคโนโลยีที่ได้จากT-80UD กับ T-84 มาผสมเข้าไป เสริมเกราะKontakt ERA เครื่องยิงระเบิดควัน ส่วนรุ่นAG ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่1000-1200แรงม้า ที่ผลิตโดยยูเครน ปืนใหญ่120มม.
T-72AMGและUMG ติดตั้งและพัฒนาภายในใหม่โดยยูเครน เช่นระบบควบคุมการยิงปืนกลหนักด้วยรีโมท โดยบริษัทKiev BTRZ และ DMZ

T-72-120 เป็นT-72ติดตั้งปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด120มม. แบบKBM-2 และปืนใหญ่140มม. เพื่อส่งออกรองรับระสุนจากกลุ่มนาโต้ รวมถึงปืนกลร่วมแกนและปืนกลหนัก12.7ควบคุมด้วยรีโมท ก่อนพัฒนาไปเป็นรุ่น AG
T-72MP ยูเครน-เชคฯ-ฝรั่งเศส เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์1000แรงม้า เสริมเกราะ ระบบป้องกันแบบ Shtora-1,ระบบอำนวยการรบของ SAGEM และกล้องจับภาพความร้อน กล่องพาโนรามิค(ส่วนนึงจากรถถังเลอแคร์) จอแสดงภาพข้อมูลการรบ
T-72E ยูเครนนำT-72B มาทำการปรับปรุงเพื่อส่งออกเช่นเครื่องยนต์ 5TDFE ขนาด900แรงม้าพร้อมระบบAPU
T-72E1 อัพเกรดจากรุ่นE โดยใช้เครื่องยนต์ใหม่5TDFMA-1 ขนาด1050แรงม้า

Image
T-72E1


T-72B เป็นรุ่นที่2ของตระกูลT-72มีสาขาแยกเป็น9เวอร์ชั่น คือB-1985/B-1989/B-1990/BK/B1/B1K/B2/BU/BM/BA/S ซึ่งนับว่ามากอยู่และก่อให้เกิดการอัพเกรดใหม่ๆลงไปและเป็นพื้นฐานในการอัพเกรดรถถังและขีดความสามารถที่รถถังรัสเซียต้องมี



T-72B ตัวแรกปี1984 ก่อนติดตั้งเกราะเสริม


T-72B-1985 (อ๊อปเจค-184)จริงๆก็เริ่มหลังรถถังT-72Aปี1979เข้าประจำการในกองทัพได้ไม่นานเนื่องจากการพัฒนาของรถถังหลักอย่างLeopard-2และM-1 ในเรื่องเกราะนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่า ทางกองทัพแดงจึงให้สำนักออกแบบVagonka construction ทำการเริ่มพัฒนาในราวปี1980 นัยๆแล้วก็แข่งขันกับT-80Uที่กำลังเร่งพัฒนาเช่นกัน โดยเน้นไปที่การเสริมเกราะใหม่เข้ากับตัวป้อมและเปลี่ยนเครื่องยนต์รวมถึงระบบควบคุมการยิง โดยการผลิตตัวรถยังเหมือนเดิมตั้งแต่รุ่นAเรื่อยมา


ในเรื่องเกราะเสริมนั้นก็หลังจากที่ได้เกราะBlazerของอิสราเอลในปี1982 จึงนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาT-72Bแบ่งเป็น2ทางคือการเสริมเกราะที่มีขีดความสามารถสูงขึ้นและเพิ่มความหนาป้อมเข้าไปอีก เสริมความหนาบริเวณด้านหน้าของป้อมและตัวรถ


ป้อมรูปทรงคงเดิมแต่ในเนื้อเกราะมีแผ่นเหล็กกล้าหนา30มม.สลับด้วยยาง อลูมิเนียมและเซรามิค เสริมเกราะบริเวณช่วงหลังคาป้อมและบริเวณปืนกลหนักเหนือป้อมลาดลงมาทางหน้าป้อมให้มีความหนาอีก20มม. เพื่อให้ตัวป้อมเดิมๆสามารถทนกระสุนระเบิดแรงสูงให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งทางกองทัพแดงสนใจพัฒนาอย่างเต็มที่เมื่อได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของเกราะBlazerของอิสราเอล จึงเริ่มลงมือพัฒนาในราวปี1982นั้นเอง ซึ่งถูกนำไปตั้งชื่อการพัฒนาT-72B จากอ๊อปเจค-184เป็น184M


พอในปี1985 การผลิตรถถังT-72ทุกรุ่นจึงปรับมาเป็นการการผลิตT-72Bอ๊อปเจค-184M ทั้งหมด การติดเกราะเสริมเข้าไปทำให้ตัวรถมีน้ำหนักพร้อมรบเพิ่มขึ้นอีก3ตัน จึงทำการใส่เครื่องยนต์ใหม่เข้าไปเป็นเครื่องขนาด840แรงม้า วี-84 เนื่องจากส่วนใหญที่ทำการผลิตมาตั้งแต่ปี1972-75ยังมีเครื่อง760แรงม้า วี-46 เป็นจำนวนมาก พอเริ่มผลิตเป็นฺBจึงใช้เครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด  และเนื่องจากสภาพป้อมที่ดูอวบๆขึ้นจึงได้รับชื่อใหม่ว่าSuper Dolly Parton การปรับปรุงอื่นๆยังคงเหมือนT-72Aตัวมาตราฐานปี1983คือป้อมบุชั้นกันรังสี ท่อยิงระเบิดควันแบบ902B 12ท่อ ล้อกดสายพานหุ้มยางตัน  โดยT-72B มีชื่อเรียกจากฝั่งนาโต้เรียกว่าT-72M2หรือSMT M1988



T-72B1ปี1985 เป็นรุ่นBที่ทำการติดตั้งเกราะเสริมเป็นครั้งแรก


T-72ที่อยู่ในช่วงผลิตก่อนจะปรับเป็นรุ่นBทั้งระบบในปี1985 คือปี1984เป็นรุ่นBถูกถอดท่อยิงระเบิดควันเหลือ8ท่อติดตั้งไว้ทางด้านซ้ายของป้อม เพื่อเตรียมส่งเข้าไปติดตั้งเกราะKontakt-1 ERA ซึ่งการติดตั้งก็ยังคล้ายคลึงกับรุ่นAV/AB นั้นเอง โดยในปี1985


T-72B1 คือรถถังT-72Bที่ทำการติดตั้งเกราะเสริมในชื่อเวอร์ชั่นT-72B1 ติดตั้งเกราะเสริมเกราะKontakt-1 ERA จำนวน227แท่ง ซึ่งเรียกไม่เป็นทางการว่าT-72BV นาโต้เรียกว่าSMT M1986 นอกจากนั้นยังเป็นT-72B1 คือรถถังที่ยิงจรวดต่อสู้รถถังจากลำกล้องได้เป็นรุ่นแรกภายใต้ชื่อ T-72


ระบบควบคุมการยิงที่เรียกระบบว่า1A40-1 ถอดเลเซอร์วัดระยะTPD-K1 ตัวเก่าออก ซึ่งโดยรวมระบบคำนวณการยิงยังเป็นรองT-80Uที่มีความแข็งแกร่งและอำนาจการยิงที่ดีกว่าส่วนนึงที่ทำให้T-72ยังพอแข่งกับT-80Uได้คือความสามารถในการยิงจรวดต่อต้านรถถังจากลำกล้องปืนใหญ่125มม. ด้วยจรวดแบบ9K120 Svir หรือที่เรียกว่า AT-11 สไนเปอร์ นำวิถีด้วยเลเซอร์ ควบคุมด้วยกล้องเล็งยิงและนำวิถีแบบ1K13-49 โดยระบบ1K13 สามารถใช้แทนกันได้ในกรณีกล้องสำหรับพลปืนรุ่นใหม่แบบTPN-3-49เสียหาย  และยังใช้เป็นเลซอร์วัดระยะด้วย แต่ภาพรวมยังมีประสิทธิภาพด้อยกว่าTPD-K1  โดยสามารถยิงจรวดจากลำกล้องปืนเข้าหาเป้าหมายที่นะยะ4000เมตรได้



ระบบควบคุมการยิง1A40-1


ปืนใหญ่125มม. ยังเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนระบบสตาบิไลเซอร์ที่ทำงานระหว่างไฮโดรลิค-อิเล็คทรอนิค ร่วมกันหรือกรณีระบบใดระบบนึงเสียหาย ซึ่งก็คือระบบ2E42 - 2 รวมถึงระบบโหลดกระสุนของรุ่นBนั้นยังหมุนโหลดกระสุนได้แบบเวียนซ้าย-ขวา เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนกระสุน โดยสามารถรองรับกระสุนปืนใหญ่ในรถได้45นัดและจรวดยิงรถถังอีก4นัด ซึ่งสูงสุด


T-72BK ปี1987 เป็นรถถังที่ทำการปรับปรุงระบบสื่อสารเหมือนรุ่น AK


T-72B1K  ปรับปรุงเหมือนรุ่นAK


T-72B-1989 เป็นเวอร์ชั่นที่ทำการเปลี่ยนเกราะจาก"Kontakt-1" ERA เป็น "Kontakt-5 นาโต้เรียกว่าSMT M1990



T-72B-1989


T-72B-1990 ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่รุ่น วี-32เอส2 ขนาด1000แรงม้า ระบบควบคุมการยิงแบบใหม่



T-72B-1990


T-72BM-2006 เป็นโครงการอัพเกรดรถถัง T-72Bภายใต้ชื่อ “Rogatka” รวมถึงป้อมแบบ “Relikt” เปิดตัวครั้งแรกในงานRussian Arms Expo ปี2006 ติดตั้งระบบวบคุมการยิงใหม่ชื่อ"Nakidka เครื่องยนต์ใหม่ วี-92เอส2ขนาด1000แรงม้า  ป้อมติดตั้งเกราะKontakt-5 ปืนใหญ่แบบใหม่2เอ46-เอ็ม5 ทั้งยังเป็นรุ่นส่งออกด้วย แถมหน้าตาจะคล้ายกับT-90ค่อนข้างมาก



T-72BM ปี2006


T-72BA อ๊อปเจค-184เอ ผลมาจากการสร้างและพัฒนาสิ่งใหม่ๆในT-72B ที่สร้างโดยUralvagonzavodโดยโครงการอัพเกรดT-72Aเริ่มในราวปี1999-2000 ซึ่งสิ้นสุดในปี2009โดยมีรถถัง T-72เข้าทำการอัพเกรดจำนวน210คัน ซึ่งใช้การพัฒนารถถังT-90ปี1993 เข้ามาทำการอัพเกรดT-72 ส่วนใหญ่เป็นเกราะของตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน เสริมเกราะที่แผ่นยางป้องกันสายแทร็ค


T-72BU เริ่มในราวปลายทศวรรษ1988 โดยใช้พื้นฐานจากT-72BM เพื่อพัฒนาเป็นรถถังแบบT-90


T-72S  “Shilden” ปี1987 เป็นรุ่นส่งออกของT-72BV ติดเกราะเสริมKontakt-1จำนวน155หรือ227แท่ง



T-72S“Shilden”


T-72B2 อ๊อปเจค-184เอ็ม เป็นรุ่นอัพเกรดโดยใช้พื้นฐานT-72BM เพื่อทำการส่งออก เป็นรุ่นที่อาจจะเรียกได้ว่าเทพสุดในนามT-72 ได้รับชื่อว่า "Slingshot"  มีการปรับปรุงระบบควบคุมการยิงของปืนใหญ่หลัก2เอ-46เอ็ม5 ระบบควบคุมการยิงขณะเคลื่อนที่ทำงานร่วมกันระหว่างเลเซอร์วัดระยะ กล้องจับภาพความร้อน และตัวควบคุมการยิงจรวดจากลำกล้องปืน โดยระบบนี้มีชื่อว่า "Pine"สร้างโดยสำนัก Belarusian production of "Bearing" ซึ่งร่วมมือกับฝรั่งเศสโดยบริษัท French production company CATHERINE Thomson-CSF นอกจากนั้นติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด1000แรงม้า พร้อมระบบAPU และระบบป้องกันทุ่นระเบิดแม่เหล็ก ซึ่งเปิดตัวในปี2006 ในงานNizhny Tagil




T-72B2


โดยนาโต้ใช่รหัสเรียก T-72Aทั้งหมดว่า รุ่นM โดยรุ่นMยังเป็นรุ่นส่งออกในปี1980 โดยได้รับการผลิตในโปแลนด์ เชคฯ ยูโกสลาเวีย  ลงนามกับโซเวียตในปลายปี1970 เพื่อเข้าประจำการในกลุ่มกองทัพวอร์ซอแพ็ค ติดตั้งชุดอำนวยการยิงรุ่นแรกคือTPN-1-49-23  โดยถอดเกราะเสริมตรงพลขับออก เครื่องยิงระเบิดควันก็ถอดออก ภาพรวมทำการบได้เพียงกลางวันเท่านั้น ส่งออกภายใต้ลิขสิทธิ์ ZTS Martin -ของ Slovakia และ ZM “Bumar-Łabędy" S.A. ของ Poland อาจจะเรียกได้ว่ารุ่นMonkey model แท้ๆเพราะเหมือนT-72Aตัวแรกที่เริ่มผลิตทุกเม็ด  โดยบางทีก็เรียกรุ่นนี้ว่า T-72G โดยมีรหัสว่า อ๊อปเจค-172M-E1ถึง4 ส่วนนาโต้เรียกว่า T-72M1980-1 ต่อมาโปแลนด์พัฒนาเป็นรุ่น T-72M1 มีการเสริมเกราะที่ถูกถอดออก เสริมแผ่นเกราะและยางด้านข้าง ผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันคือเยอรมันตะวันออก ในปี1986จำนวน23คัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมี1คันที่หลุดไปถึงมืออเมริกาOPFOR ในปี1993มีT-72 27คันที่เยอรมันขายให้อเมริกา และอีก5คันขายให้สวีเดน


โดยรุ่นT-72M ซึ่งประเทศยูโกสลาเวียสร้างเอาไว้และพัฒนาเองในชื่อM-84นั้น พอแยกตัวกันออกมาก็ทำให้เกิดM-84หลายๆรุ่นอีกเช่นกัน



M-84 ของยูโกสลาเวีย


กำเหนิดM-84 ของ ยูโกสลาเวียในปี1984 เป็นชาติแรกที่นำไปทำใหม่เพื่อส่งออกเป็นสินค้าของยูโกฯเอง ในชื่อ M-84 ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจาก T-72A มาตราฐานโซเวียตปี1983 ใช้เครื่องยนต์แบบV-46-6TK ขนาด985แรงม้า


M-84AB ใช้ระบบอำนวยการรบภายในที่บางส่วนเป็นของยูโกฯเอง ระบบคงไว้เช่นเลเซอร์วัดระยะTPD-2-49 เพิ่มกล้องมองกลางคืน TPH-1 เลเซอร์วัดระยะของพลปืน DNNS-2 ถอดกล้องผ.บ.รถเดิมTKN-3 ใส่กล้องDNKS-2 กล้องเพอริสโคปมองกลางคืนสำหรับพลขับ PPV-2 ระบบควบคุมการยิงแบบSUV-M84


M-84A4 ของโครเอเชีย ติดตั้งระบบอำนวยการรบใหม่ทั้งคัน



M-84AS ของเซอร์เบีย


File:M-84AS mbt 1.JPG


M-84A4 ของโครเอเชีย และร่วมกับสโลเวเนียในการพัฒนาโดยสโลเวเนียใช้ระบบอำนวยการรบแบบEFCS-3 FCS



M-84D โครเอเชีย


alt text



T-72M1 ปี1982 เพิ่มเติมเกราะบริเวณห้องพลขับ แผ่นเกราะหนา16มม. (ที่เป็นรูปตัววี)



T-72M1M หรือเรียกว่า T-72M1K อ๊อปเจค-172เอ็ม2



T-72M1M


ในรุ่นนี้แบ่งเป็นรุ่นT-72M1หรือรุ่นAที่นำมาอัพเกรดจนเป็นรุ่นB และรุ่นส่งออกของT-72B ที่ใช่เกราะแบบใหม่ สามารถยิงจรวดนำวิถีจากลำกล้องปืนได้ ภาพรวมเป็นรุ่นที่ผสมระหว่างรุ่นBMกับB2 ติดตั้งระบบป้องกันจรวดKAZT "Arena" ใช้ชื่อว่า อ๊อปเจค-172เอ็ม-อี8


T-72M2 โมเดนน่า พัฒนาและอัพเกรดจากรุ่นT-72M1-A เพื่อเข้าประจำการในกองทัพสโลวาเกีย ติดตั้งคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิงใหม่ กล้องจับภาพความร้อนSFIM  ระบบแจ้งเตือนเมื่อถูกเกาะติดด้วยเลเซอร์


ติดตั้งปืนกลหนัก20มม. ข้างป้อมฝั่งล่ะ1กระบอก ตอนหลังใช้ปืน30มม.2เอ-42 เกราะERA  ใช้เครื่องยนต์850แรงม้า



T-72M-4 ของเชคฯ มีรุ่นM-3และM-4 เสริมเกราะERA กล้องพาโนรามิคจากอิตาลี ระบบควบคุมการยิงTURMS


Image


PT-91 ของโปแลนด์



หากถามว่าเจ้าT-72 ออกรบครั้งแรกที่ไหนก็คือ ปี1982ในเลบานอนที่หุบเขาเบก้า รัสเซียส่งT-72รุ่นแรกๆไปให้ซีเรียใช้งานข้อมูลบางส่วนบอกว่าT-72สามารถทำลายรถถังหลักMerkava อิสราเอลได้60คัน แต่T-72โดนจรวดTOW ยิงพังไป20คัน โดยTOWถูกนำมาติดตั้งบนรถจี๊ปM-151






Create Date : 31 สิงหาคม 2554
Last Update : 31 สิงหาคม 2554 17:45:55 น. 2 comments
Counter : 10591 Pageviews.  
 
 
 
 
PT91 นี่ใช่ที่มาเลย์เซียใช้อยู่ใช่ไหมครับ
ตกลงแล้วมันคือ T-72 เองหรือนี่
 
 

โดย: NATSKI13 วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:9:21:30 น.  

 
 
 
ถ้าเราทะเลาะกับมาเลย์ แล้วเอา oplot ไปยิงกันนี่ได้เห็นศึกสายเลือดเลยนะ
 
 

โดย: Kross_ISC วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:11:50:31 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






" ผมไม่ได้บ้าฝรั่ง แต่ผมชอบในความมีอารยะของเขา แต่ฝรั่งเลวๆผมก็เกลียดเป็นเท่าตัวเหมือนกัน "



New Comments
[Add ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com