Group Blog
 
All blogs
 

เรื่องสั้นวันแห่งความรัก : เรื่องสั้นของฉันเอง



เรื่องสั้น...วันแห่งความรัก

ที่จริงตอนนี้ฉันควรจะเขียนนิยายเรื่องที่สัญญากับทางสำนักพิมพ์ไว้ว่าจะต้องส่ง แต่เมื่อฉันได้รับคำอวยพรจากน้องๆใน MSN ฉันถึงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันแห่งความรัก แล้วความรักของฉันเป็นยังไง? ฉันถามตัวเองแบบนี้ เสียงปลายสายที่ส่งตามสายโทรศัพท์ของฉันในระหว่างที่ฉันกำลังรับคำอวยพรจากน้องๆ พร้อมกับดูการ์ตูนเรื่องหนึ่งไปด้วย กำลังบอกให้ฉันรู้ว่า...ฉันกำลังมีความรัก

วันนี้ฉันได้รับข้อความน่ารักๆจากเจ้าของเสียงปลายสายนั้น เป็นข้อความสั้นๆที่สั้นจริงๆ “ยัยบ้า” คือข้อความนั้นที่ฉันได้ สั้นอย่างที่ฉันบอกไหม แต่สำหรับฉันมันยาว...ยาวมากกว่าที่คนอื่นจะเข้าใจ

เมื่อคืนฉันรู้สึกไม่สบายใจมาก เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉัน ฉันเชื่อได้ว่าถ้าฉันเล่าให้ใครฟังทุกคนก็จะบอกเป็นคำเดียวกันว่า อย่าคิดอะไรมาก และฉันก็อยากจะบอกว่าฉันคิดมากไปแล้ว เราสองคนคิดกันยังไงมีแต่เราเท่านั้นที่รู้ และก็เหมือนกันเค้ากับคนๆนั้นคิดกันยังไงก็มีแต่คนสองคนเท่านั้นที่รู้ น้ำตาของฉันรินไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรลงไป ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเค้าจะไม่ชอบการกระทำของฉัน แต่ใจฉันกลับต่อต้านกับความรู้สึกนั้นอย่างสุดทน ฉันทำได้แค่นั่งเงียบ เงียบแบบที่เค้าไม่รู้เลยว่า...ฉันร้องไห้ เมื่อเค้าพาเรียกเธอคนนั้นมาให้ฉันได้ทำความรู้จัก

ฉันเชื่อว่าผู้หญิงร้อยทั้งร้อยก็คงทนไม่ได้กับการที่คนรักของเราให้ความสำคัญกับผู้หญิงอื่น แม้เค้าจะยืนยันกับเราว่าไม่มีใครแทนที่เราได้ ยิ่งคนที่เคยมีบาดแผลกับความรักอย่างฉันแล้ว ก็ยิ่งกลัว...กลัวจนทำให้ตัวฉันเองเสียน้ำตา
ย้อนไปวันนี้เมื่อสามปีก่อน ฉันคือผู้หญิงที่อ่อนแอเสียจนไม่ยากจะรักใครได้อีก คนรักคนนั้นของฉันทิ้งฉันไปในวันเกิดของพี่ชายช่วงปลายเดือนตุลาคมหลังจากวันเกิดของฉันเองไม่กี่วัน ฉันจับได้ว่าเค้าคบกับผู้หญิงคนใหม่และอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลยหากผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่คนรักเก่าฉันบอกกับฉันว่า “เป็นเพื่อนกันอย่าคิดมาก” และเธอคนนั้นก็บอกกับฉันว่า “พี่ไม่คิดไรกับเค้าหรอก เราเป็นเพื่อนกัน”

มันอาจจะฟังดูแล้วงี่เง่านะที่ฉันจะเอาเรื่องในอดีตมาผูกกับปัจจุบัน แต่ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับจากเมื่อสามปีก่อนนั้นมันทรมานจนฉันจำฝังใจมาในวันนี้ ทั้งที่ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ฉันได้พบกับความรักครั้งใหม่ฉันจะเอาข้อผิดพลาดทั้งหมดมาแก้ไข้เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจอีก ฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัวใช่ไหมที่ฉันกลัวตัวเองเจ็บ แต่ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ ในเมื่อฉันจะรักใคร ความรักใหม่ของฉันจะไม่มีคำว่าจบลงเหมือนวันเก่า หากมันจะต้องจบ ฉันก็จะจบแบบที่ฉันไม่มีน้ำตา และไม่เรียกหาให้คนๆนั้นกลับมาอีกครั้ง

ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ฉันกลายเป็นคนที่เลื่อนลอยกับความรัก ฉันรักใครแล้วก็ต้องเลิกอยู่ร่ำไป จนมาช่วงปีสุดท้ายที่ฉันสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเองโดยไม่มีคำว่าแฟน ฉันอยู่กับครอบครัวกับงานที่ฉันรัก แต่แล้วโชคชะตาก็สั่งให้ฉันได้พบกับใครบางคน ฉันเปิดใจยอมรับใครคนนั้นเข้ามา คนที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน เราสองคนอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ แต่การเจอกันของเราหากเล่าให้ใครฟังทุกคนก็จะบอกว่า “โลกกลม” แต่สำหรับฉัน ฉันเชื่อว่า “ไม่ใช่โลกกลมแต่คือพรหมลิขิตต่างหาก” เพราะฉันไม่เคยคิดว่าการที่เราได้รักใครสักคนมันคือเรื่องบังเอิญ เราอาจจะเคยเจอกัน อาจจะเคยเห็นกันมาก่อน วันนี้เราถึงกลับมาเจอกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์แบบเมื่อสามปีก่อนก็กำลังย้อนกลับมาอีกครั้ง

ครั้งนี้ฉันเรียนรู้ว่าความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้ฉันและเค้าผ่านพ้นมันไปได้ ต้องขอบคุณรายการช่องพระรามสี่ยามดึกรายการหนึ่งที่ให้ข้อคิดเรื่องความรักกับฉันว่าถ้าฉันรักเป็นฉันก็จะไม่มีวันเจ็บปวดกับความรัก เพราะความรักก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและไว้ใจกัน แต่ฉันก็แย้งในใจว่า “เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าคนรักของเราจะไม่มีวันนอกใจ?” ฉันพยายามคิดหาคำตอบอยู่นาน เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นด้ายบางๆที่กั้นกลางความรู้สึกไว้ ตอนนั้นขาข้างหนึ่งของฉันกำลังยืนอยู่บนความเชื่อใจ ที่เหตุผลของมันก็คือเรื่องราวดีๆระหว่างเรา ส่วนขาอีกข้างหนึ่งฉันยืนอยู่บนความไม่เชื่อใจ เพราะชื่อของผู้หญิงคนนั้นที่ฉันได้ยินจากปากของเขา แต่ฉันก็คิดอีกทีว่าถ้าเขามีอะไรกันมากกว่าเพื่อน เค้าจะเล่าให้ฉันฟังไหม? นั่นทำให้ขาข้างนั้นของฉันเขยิบเข้ามาใกล้เส้นด้ายของฝั่งตรงข้ามมาอีกนิด

จนกระทั่งฉันได้ยินคำพูดหนึ่งจากรายการโทรทัศน์รายการเดิมว่าถ้าฉันกำลังเป็นทุกข์เพราะความรักก็แสดงว่าฉันรักไม่เป็น ดังนั้นฉันควรจะคิดในแง่บวกไว้ก่อน ฉันต้องรักให้เป็น ฉันจะไม่ทำให้ความรักต้องมาทำให้ฉันเป็นทุกข์ ฉันต้องมีความสุขกับมัน สุขที่ได้รักกับคนที่เราเลือกแล้ว ในเมื่อเราเลือกที่จะรักเค้า เราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็น แกล้งโง่บ้าง ตาบอดหูหนวกบ้าง ชีวิตเราจะได้ไม่ต้องเสียใจและเป็นทุกข์อย่างไร้สาระ เพราะหากความรักทำให้เราเป็นทุกข์และความสุขของเราคืออะไร? เรายังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องทำในหน้าที่การงานของเรา งานที่ต้องใช้หัวใจของเรานำทาง

ฉันตัดเรื่องผู้หญิงคนนั้นออกไปจากสมอง ส่วนสองมือของฉันกำลังควานหาโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในรุ่งสางของวัน ปลายสายเป็นชื่อของคนที่ทำให้ฉันยิ้มได้จากการทำงานที่ยากและละเอียดอ่อน ฉันรับสายเค้าและเรียกชื่อเค้าอยู่นาน จนได้ยินเสียงปลายสายที่รู้ว่าเจ้าของหมายเลขนี้ยังไม่ตื่นดี เค้านอนทับโทรศัพท์และมันก็โทรออกเอง แสดงว่าสายล่าสุดที่เค้าโทรออกมานั้นคือฉัน และฉันก็จำได้ว่าวันนั้นเราคุยกันครั้งสุดท้ายในช่วงเย็นของวันก่อน ก็หมายความว่าเค้าไม่ได้โทรหาใครและก็ไม่มีใครโทรเข้ามา และฉันก็เป็นสายเดียวของเค้า ที่อาจจะเป็นคนเดียวในใจเค้าไปด้วย

ฉันยังจำวันที่เราสองคนตกลงเป็นแฟนกันได้ เค้าไม่ได้บอกรักฉัน แต่เค้าบอกฉันว่า “เป็นแฟนกันไหม” ตอนนั้นฉันอาจจะเป็นผู้หญิงใจง่ายในสายตาใครๆ เพราะฉันตอบกลับไปในทันทีว่า “ก็เป็นซิ” เสียงเพลงองศาที่ต่างกันดังขึ้นในเวลานั้น ฉันรู้สึกถึงความไพเราะของมันในทันที เค้าบอกกับฉันว่า “ให้จำวันนี้ไว้นะ” ฉันก็จะจำวันนั้นไว้ ฉันจะไม่นับวันที่เราคบกัน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะรู้จำนวนของวันเวลาไปทำไม ปริมาณของเวลาที่มากขึ้นไม่ได้ช่วยให้เรารักกันมากขึ้นเสียหน่อย ใจเราต่างหากที่ทำให้เรารักกัน ไม่จำเป็นต้องมากขึ้นทุกวัน แต่ขอให้เรารักกันทุกวันก็พอ

เรามีบาดแผลจากอดีตมาเหมือนกันทั้งคู่ ระยะเวลาของเราก็สามปีเหมือนกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญใช่ไหม แต่กับฉัน...ฉันว่ามันไม่บังเอิญ การที่เราได้พบกับคนที่เคยเสียใจในช่วงเวลาเดียวกับเรา กับการถูกทิ้งเหมือนเรา ฉันว่ามันคือสิ่งที่โชคชะตากำหนดมามากกว่าโชคชะตาคงกำหนดมาให้เราได้เจอกัน ให้เราได้รู้ว่าในวันนั้นที่เราเจ็บ ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เสียใจ แต่ยังมีใครอีกคนที่รู้สึกไม่ต่างจากเรา เราสองคนจึงเดินทางมาเจอกัน ข้ามผ่านกาลเวลามาพบกันในวันที่หัวใจพร้อมจะเปิดรับใครคนใหม่เข้ามา โชคชะตาไม่ได้เล่นตลกกับเรา แต่โชคชะตากำลังพาให้เราเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นใหม่และใช้อดีตที่ผ่านมาให้เป็น

วันนี้ฉันให้สัญญากับตัวเองไว้ ฉันจะต้องให้ไว้ใจเค้าและเชื่อใจเค้า เพราะนั่นหมายถึงการให้เกียรติกับคนที่เรารัก เค้าอาจจะคิดไม่ถึงในวันนี้ แต่ฉันเชื่อว่าสักวันเค้าจะรับรู้ได้ ทุกคนมีสัมผัสพิเศษเรื่องความรัก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรู้จักมันช้าหรือเร็วเท่านั้น

มีคนบอกว่าความรักที่เริ่มมาจากคำว่าเพื่อน จนกลายเป็นคนรัก แล้วเปลี่ยนมาเป็นคู่ครอง บั้นปลายก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง จะทำให้ความรักของเรายืนยาว ความรักของฉันก็คงเข้าข่ายแบบนั้นซินะ เพราะเราเริ่มจากความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนรู้จักกันจนกลายมาเป็นคนรักกันในที่สุด แล้วฉันจะปล่อยให้วันเวลาที่ผ่านมานั้นจางหายไปเพราะคนอื่นอย่างนั้นหรือ?

เชื่อไหม? ตอนนี้ฉันกำลังนั่งยิ้มอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ฉันยิ้มให้กับสิ่งที่ฉันเขียนขึ้นมาเพราะฉันไม่คิดว่าฉันจะเขียนมันได้ ฉันฝันไว้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันแต่งงานฉันจะเขียนนิยายเรื่องราวความรักของฉันกับเจ้าบ่าวคนนั้นและตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มเพราะฉันเป็นนักเขียน ฉันเขียนนิยายมาก็หลายเรื่องแล้ว เขียนเรื่องของตัวเองบ้างจะเป็นไร บางทีสิ่งที่ฉันเขียนไปทั้งหมดนี้อาจจะถูกกล่าวถึงในนิยายเรื่องนั้นก็ได้ ฉันอาจจะเขียนว่าครั้งหนึ่งฉันเคยเขียนเรื่องสั้นๆพรรณนาความรู้สึกของตัวเอง และระบายความรู้สึกของตัวเองในวันวาเลนไทน์ เพราะเค้านั้นอาจจะเป็นคู่ชีวิตของฉันในอนาคตก็ได้

วาเลนไทน์ปีนี้...อาจจะเหมือนกับทุกๆปีที่ฉันไม่เคยได้ของขวัญจากใครเลย ฉันหมายถึงของขวัญที่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนที่คนอื่นนิยมให้กันนะ แต่ฉันได้ของขวัญชิ้นใหญ่กว่านั้น เพราะฉันได้เรียนรู้ว่า หากเราคิดจะรักใคร เราก็ต้องรักให้เป็น เราต้องได้รักความสุขจากความรัก มากกว่าจะต้องเสียใจเพราะความรัก ตอนนี้ฉันได้ของขวัญจากเค้าคนนั้นและความรักแล้ว เพราะฉันกำลังยิ้มและมีความสุขที่ฉันได้รักกับคนๆนั้นของฉัน...สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะพี่หนุ่ย





 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 17:41:44 น.
Counter : 967 Pageviews.  

รักเธอ... "ชาลี ราชเสนา" @ ศิลามณี 2008

คือไม่คิดว่าจะดูละครช่องเจ็ดอีกเลยยยยย นับแต่ดั่งดวงทำให้เสียจิตร
แต่เมื่อวันที่ 8 พย 2551 ก็เปิดดูศิลามณี แบบว่า โอ้ แม่เจ้า ดีมากกกกก
ก็ตามดูมาเรื่อยๆ ทุกอย่างดีหมดเลยเรื่องนี้ กลัวแต่ว่าคุณแดงเธอจะยืด
คาดว่าคงไม่นะ แต่ถ้ายืดก็ขอชาลีเยอะๆ สนองนีทมะเหมี่ยวหน่อยก็ดี 555+
ชาลีเวอร์ชั่นนี้หล่ออ่า สเปคเหมี่ยวเลย

น้องพล พูลภัทร เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่
อดีตนักกีฬาฟันดาบ อายุ 20 ปี
เกิดวันที่ 23 พย 2531 (น้องเหมี่ยว 2 ปี)


น้องเหมาะมากกกับความเป็นชาลี และเป็นแฟนพี่ 555+

ว่าแต่น้องพลสนใจรับพี่เหมี่ยวไว้สักคนไหมคะ

แต่ไม่ว่าจะยังไงพี่เหมี่ยวก็ เต็มใจ จะร้องเพลง "รักเธอ"

ของศิลามณีเวอร์ชั่นเก่าให้น้องพลนะคะ


หากรักคือทุกข์ในใจ
หากรักมีไว้เพื่อเจ็บ
เก็บรักปวดร้าวเกินทน
หากแม้คนรักคนนั้นคือเธอก็จะยอม
ยอมเธอคนเดียวเท่านั้น



*  แค่ขอได้รักเธออยู่
แค่รู้ความหมายในใจ
ที่ฉันมีให้เธอไป
ได้รักอย่างนี้พอแล้วไม่ทำให้หนักใจ
จะช้ำเพียงใดให้เธอ



**  ส่งความรักติดตามไป
หมดใจทั้งใจที่มี
แค่ได้รู้ แค่ได้เห็น
ความเป็นไปของเธออย่างนี้
เก็บเธอไว้อยู่กับใจ
ในความฝันยาวนานที่ฉันมี
เพราะ อะไรเธอคงรู้ดี
คำตอบเดียว ที่ฉันพอจะมี
คือรักเธอ(น้องพล)...



*  แค่ขอได้รักเธออยู่
แค่รู้ความหมายในใจ
ที่ฉันมีให้เธอไป
ได้รักอย่างนี้พอแล้วไม่ทำให้หนักใจ
จะช้ำเพียงใดให้เธอ




**  ส่งความรักติดตามไป
หมดใจทั้งใจที่มี
แค่ได้รู้ แค่ได้เห็น
ความเป็นไปของเธออย่างนี้
เก็บเธอไว้อยู่กับใจ
ในความฝันยาวนานที่ฉันมี
เพราะ อะไรเธอคงรู้ดี
คำตอบเดียว ที่ฉันพอจะมี
คือรักเธอ



 


ไม่ว่าเธอนั้นเป็นของใคร
จะอย่างไรใจฉันก็ยังเป็นของเธอ




Credit รูป : //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A7190533/A7190533.html








 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2551 16:54:17 น.
Counter : 505 Pageviews.  

คนบนโลกนี้มีเป็นล้าน แต่จะมีหนึ่งในล้านเท่านั้นที่เป็นคนของเรา

คนบนโลกนี้มีเป็นล้าน แต่จะมีหนึ่งในล้านเท่านั้นที่เป็นคนของเรา


เราได้พบเจอผู้คนมากมายหลายรูปแบบ


แต่จะมีหนึ่งคนที่เราให้ความสนใจเป็นพิเศษ


เพียงแค่แวปแรกที่เรารู้จัก หรือได้สัมผัสสายตา


ก็จะมีบางอย่างบอกกับเราว่า “คุ้นเคย”


เพราะสิ่งนั้นคือแรงดึงดูดที่ถือกำเนิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว


เราไม่มีวันรู้ว่าแรงดึงดูดนั้นจะเกิดขึ้นตอนไหน 

เราไม่รู้ว่ามันเกิดมาได้อย่างไร


แต่เรารับรู้ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว


 


บางสิ่งบางอย่างที่เรามองไม่เห็น แต่เราสัมผัสได้


กำลังบอกให้เรารับรู้สัญญาณหนึ่ง


เราไม่รู้ว่าสัญญาณนั้นคืออะไร มีหน้าตาแบบไหน และกำลังจะบอกอะไรเรา


สิ่งเดียวที่เราทำได้คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของมัน


ทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเราคือสิ่งที่ใจเรากำหนด


แต่สัญญาณนั้นคือสิ่งที่กำหนดหัวใจเรา


แม้ในบางครั้งการทำงานของสัญญาณนั้นจะผิดพลาด


แต่เราก็ห้ามไม่ให้มันทำงานไม่ได้


 


หากวันหนึ่งที่เกิดสัญญาณที่มีชื่อเรียกว่าสายใยนี้ แล้วเราพยายามจะหนีมัน


เราก็จะเหนื่อยเองแบบไม่รู้ตัว เพราะนั่นคือการฝืนโชคชะตาบางอย่างอยู่


 


คู่แท้ จะมีสัญญาณบางอย่างดึงดูดคนสองคนนี้เอาไว้


วันใดที่เขาหรือเธอเดินทางมาพบกัน


วันนั้นสัญญาณก็จะดังขึ้นเพื่อให้หัวใจหวั่นไหว


ต่อให้ฝืนความรู้สึกเท่าไหร่ ก็ยังรู้สึกได้ว่ามันหวั่นไหว


เมื่อคนสองคนนั้นโคจรมาพบกัน


สายรัดแห่งความผูกพันก็จะทำหน้าที่ของมันทันที


ต่อให้ต้องการหลีกหนีหรือหนีหาย สายรัดนี้ก็จะรั้งให้กลับมาเสมอ


แรงดึงดูดจากคนสองคนคือสิ่งที่หนีพ้นไม่ได้


ทั้งที่ใจบอกว่าไม่ใช่ หรือ ไม่อยากได้คนนี้


ในเมื่อคนทั้งสองคนคือดวงวิญญาณของกันและกัน


ต่อให้ฝืนแค่ไหนก็ทำได้แค่ฝืน แต่หนีกันไปไม่ได้


 


เพราะ คู่แท้ ก็คือคู่แท้ คือคนที่ดวงวิญญาณของเราตามหา


 


วันนี้เรายังตามหาคู่แท้ของเราไม่เจอ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มี


เพียงแต่ว่าอีกหนึ่งคนที่กำลังตามหาเราอยู่...ก็ยังหาเราไม่เจอเช่นกัน


เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้ แต่ยังมีอีกหนึ่งคนรอเราอยู่


รอเพื่อที่จะได้ใช้คำว่า “คู่แท้” กับเรา






 

Create Date : 21 สิงหาคม 2551    
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 21:03:23 น.
Counter : 421 Pageviews.  

วันแม่ - ขนมของแม่ที่แม่ชอบ กับความในใจที่ไม่เคยบอกใคร

"วันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ"

กะว่าตื่นแล้วจะมาบอกรักแม่ แต่แม่ยังไม่ตื่น 55+

เลยทำขนมให้แม่กินตามคำสั่งแก

เรื่องมันมีอยู่ว่า ก่อนวันแม่ไม่กี่วัน

มะเหมี่ยว : วันแม่ ม๊าจะกินอะไรดี

แม่ : อะไรก็ได้ที่หนูทำ

มะเหมี่ยว : งั้นหนูทำเค้กกล้วยหอมนะ

แม่ : ก็ได้ 

ไม่หรอกจริงๆแล้วแม่ชอบกินขนมโดยเฉพาะเค้กกลัวยหอม (พ่อบอก)

ก็เลยตัดสินใจทำ โดยไปบีบคอให้คุณกวินไปหาสูตรแบบไม่ใช้เตาอบ

เพราะจำได้ว่าพี่สะใภ้เคยนึ่งขาย 

และก็ได้มาเป็นสูตรจาก //www.zomzaa.com 

ตอนแรกไม่ทันได้ถ่ายอุปกรณ์เพราะลืมชาร์ตแบตโทรศัพท์ 

เอาเป็นว่ามันเป็นแบบในรูปที่พี่ส้มทำเลย

นี่เป็นอุปกรณ์นะคะ เหมือนกันทุกอย่าง


 


 1.  แป้งเค้ก  1 ถ้วย (แป้งสาลีตราพัดโบก)
ขอเล่าหน่อย เคยบอกวินผิดว่าเป็นสีแดง
คุณเพื่อนก็ด้วยความเชื่อเพื่อนเลยไปเถียงกับแม่ค้าว่า
"พัดโบกมันต้องสีแดงไม่ใช่เหรอพี่"
แต่สุดท้ายก็ได้สีส้มมา เพราะมันมีสีเดียว 
สรุปว่าดิฉันผิดที่บอกเพื่อนผิด ขอโทษนะวิน 555+
 2.  กล้วยหอม  1 ผล (ดูของพี่ส้มจะได้ที่กว่า)
 3.  ไข่ไก่  1 ฟอง
 4.  น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
 5.  น้ำมะนาว  1 ช้อนโต๊ะ
 6.  ผงฟู  1 ช้อนชา (เหมี่ยวใช้ของเบสท์ฟูด แต่พี่ส้มใช้อิมพีเรียล)
 7.  เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
 
8.  เนยสด  1/4 ถ้วยตวง
 (แนะนำว่าให้ใช้ออร์คิด เพราะอีตราอลาวลีที่ขายในเซเว่น...เค็ม!!!)


ต่อไปเป็นขั้นตอนการทำจ้า 
(มือถือยังชาร์ตไม่เต็มเลยยืมของพี่ส้มมาก่อนนะคะ)


    


 


 


 1.  เริ่มจากบดกล้วยหอมก่อนคะ บด ๆ ให้ละเอียดเลย ถ้าใช้กล้วยที่งอมมากๆ จะยิ่งดีคะ ใยกล้วยเยอะ นึ่งหรืออบแล้วสีขนมจะสวยคะ ดูน่าทานแถมกลิ่นยังหอมมากอีกด้วย จากนั้นเตรียมพิมพ์คัพเค้กหรือพิมพ์ถ้วยเบอร์ 2616 และถ้วยกระดาษขนาดเดียวกันไว้ด้วยคะ^^”


      
 
 2.  ตีเนยกับน้ำตาลทรายให้เนียนคะ ตีประมาณ 3 นาที ความเร็วสูงสุดคะ คือให้พอน้ำตาลละลาย



    


 3.  จากนั้นก็ใส่ไข่ลงไปคะ ตีให้เข้ากันประมาณ 1 นาที ความเร็วปานกลาง แล้วจึงเติมน้ำมะนาวลงไปคะ



      


 4.  เติมกล้วยหอมบดลงไปคะ ตีให้เข้ากันอีกครั้งประมาณ 2 นาทีความเร็วปานกลางคะ (ตรงนี้ถ้าเห็นส่วนผสมแตกตัวเหมือนไขมันแตกตัว ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ ถ้าอากาศร้อนไขมันอาจแตกตัวได้คะ ไม่เป็นไรคะ)



      


 5.  แป้งให้ผสมผงฟู+เบคกิ้งโซดาคนให้เข้ากันด้วยพายยางก่อนนะจ๊ะ จากนั้นก็นำเติมแป้งลงไปคะตีต่อไม่เกิน 1 นาที จากนั้นปิดเครื่องใช้พายยางตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้งคะ


      


 6.  ตักหยอดใส่ถ้วยได้เลยคะ  ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะนะจ๊ะหรือ ¾ ของพิมพ์คะ จากนั้นนำไปนึ่งเลยคะ การนึ่งมีเทคนิคนะจ๊ะ จะคล้าย ๆ กับการนึ่งปุยฝ้าย คือส้มจะให้ตั้งไฟแรง ให้น้ำเดือดแบบปุด ๆ ๆ ก่อน จากนั้นลดไฟลงเหลือไฟอ่อนแล้วจึงวางขนมลงไปนึ่งคะ จากนั้นก็ปิดฝานึ่งประมาณ 20 – 25 นาทีคะ

ตอนนี้กล้องมือถือใช้ได้แล้ว เลยถ่ายยยยยย รูปตอนขนมสุกไว้ 



*กรุณาสังเกต พิมพ์ของเหมี่ยวกับของพี่ส้ม
ของเหมี่ยวออกแนวอนาถาเพราะว่าเอาถ้วยน้ำจิ้มในบ้านมาใช้
ประมาณว่าหาได้แค่ไหนก็แค่นั้น แถมกล้วยก็ของฟรี ป้าที่ตลาดให้มา 555+

และสุดท้ายเป็นภาพรวมขนม เอาไปให้แม่ 




แล้วบอกแม่ว่า

" กินเยอะๆนะม๊าขอให้ม๊าหายไวๆนะ "

เดินเข้าไปกอดแม่ (ปกติก็กอดประจำ)

หลังจากนั้นคุณป๋าก็สั่งพิซซ่ามาเพราะแม่ก็ชอบอีกเช่นกัน

สรุปว่าวันนี้ทำขนมให้แม่ เป็นของขวัญวันแม่ที่ต่างจากทุกปีเลย

"หนูรักแม่นะจ๊ะ"


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คำอวยตอบจากแม่ในวันแม่ปีนี้

"แม่รักหนูนะ ไม่ว่ายังไงหนูก็คือลูกแม่"

รู้ไหม ทำไมปีนี้ฉันถึงบอกให้แม่หายไวๆ...ก็แม่ไม่สบาย

ปีกว่าแล้วที่แม่ไม่สบาย อยากให้แม่หายจริงๆ

ครั้งหนึ่งพาแม่ไปหาหมอที่รามา แม่พูดคำแรกกับหมอว่า

"เป็นห่วงลูก คิดถึงลูก อยากให้ลูกกลับบ้าน"

ตอนนั้นยอมรับว่าดื้อมาก รั้นที่สุด ยังไงก็ไม่กลับบ้าน 

ยังไงก็จะเรียนที่กรุงเทพ ซึ่งแม่เองก็ตามใจ ลูกอยากทำอะไรก็ทำ

จนวันที่รู้ว่าคำเตือนของแม่ และ คำพูดของแม่ในวันนั้นมีความหมาย

3 ปี ที่เรียนอยู่กทม เพิ่งจะมารู้ตัวก็เกือบสาย

ทั้งที่อีกแค่ปีเดียวก็จะได้รับปริญญาแล้ว 

ปริญญาใบแรกและใบเดียวของแม่จากลูกสาวคนนี้

แต่ผลการเรียนออกมาแย่กว่าคนอื่นเค้า และก็คิดแล้วว่ามันไม่ใช่

ตอนนั้นเครียดมาก เครียดจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง

เรียนไปก็โดนทาย แล้วจะให้ทำยังไง

แต่ก็เหมือนกับโชคเข้าข้าง เมื่อนิยายเรื่องแรกได้ตีพิมพ์

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เห็นแม่ยิ้มได้

แต่ใจเราซิร้องไห้ เพราะไม่รู้ว่าจะบอกกับแม่ยังไงเรื่องเรียน

จนสุดท้ายตัดสินใจบอก เพราะคิดว่ายังไงเค้าก็คงไม่โกรธ

" แม่หนูเรียนไม่ไหว หนูอยากย้ายมาเรียนที่บ้านเรา " 

น้ำตามากมายไหลออกมาดวงตาเลย เพราะรู้ว่าแม่คงหัวใจสลาย

แต่แม่ยิ้มแล้วเดินมากอด ลูบหัว แล้วพูดว่า

"ไม่เป็นไรลูก เรียนไม่ไหวก็กลับบ้านเรา"

วินาทีนั่นรู้แล้วว่าคนที่พร้อมจะให้อภัยเราเสมอคือใคร

คนที่พร้อมจะอยู่ข้างกายเราเสมอคือใคร

และคนที่รักเราเสมอคือใคร

ทั้งที่แม่หัวใจสลายไปแล้ว 

ความฝันที่จะได้เห็นลูกสาวคนนี้รับปริญญาในปีหน้าก็สลายไปด้วย

เราใช้เวลาปรับตัวกันอยู่นาน ในการกลับบ้าน

ตอนแรกพ่อก็ยอมรับไม่ได้ 

แต่เมื่อเห็นหนังสือทั้งสองเล่มของลูก พ่อกลายเป็นคนขายหนังสือไปเลย

ส่วนแม่จับหนังสือแล้วเอามาแนบอกว่านี่ของลูกนะ

ลูกสาวเป็นคนเขียน แกบอกใครๆแบบนี้

จนวันนี้...การกลับมาอยู่บ้านทำให้หนูสัมผัสได้หลายๆอย่าง

หนูรู้ว่าไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่าบ้านเราอีกแล้ว

ไม่มีใครให้ความรักเราได้ดีกว่าพ่อกับแม่แล้ว

หนูยังจำคำพูดของพ่อกับแม่ได้ดี

" ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง ประตูบ้านเปิดต้อนรับหนูเสมอ " 

ตอนนี้หนูอยู่ในบ้านแล้ว หนูจะอยู่ที่นี่ 

ที่ๆไม่มีใครทิ้งหนู เหมือนที่หนูจะไม่ทิ้งพ่อกับแม่ไปไหนอีก

I love you Mom & Dad

ถามว่าวันนี้ได้เป็นนักเขียน ได้เดินตามความฝันของตัวเองเพราะใคร

ก็ตอบได้เต็มหัวใจว่า "เพราะพ่อกับแม่" 

ไม่เชื่อคุณลองอ่านจุดเริ่มต้นบนเส้นทางนักเขียนของเหมี่ยวซิ

เรื่องสั้นทำดีเพื่อพ่อของเวปเด็กดีไงหล่ะ



//my.dek-d.com/mameowmeow/story/view.php?id=382043










 

Create Date : 12 สิงหาคม 2551    
Last Update : 12 สิงหาคม 2551 22:34:31 น.
Counter : 800 Pageviews.  

1  2  3  

กานท์ชญา
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add กานท์ชญา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.