มือของแม่
มือของแม่
ภาพหญิงชรา ที่เดินหาบขนมขายอยู่ริมถนน ทำให้ผมหยุดชะงักอยู่ชั่วขณะ แม้ว่า แกจะเดินจากไปแล้ว
แต่ภาพหญิงแก่ ที่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เดินฝ่าเปลวแดดออกไปนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในสายตาของผม
จนยากที่จะสลัดออก มือหยาบกร้านที่มีแต่เส้นเอ็นปูดโปนของหญิงแก่
ทำให้ผมนึกถึง มือของผู้หญิงคนหนึ่ง....

ผู้หญิงซึ่งทำทุกอย่างเพื่อลูกน้อยของตนได้โดยไม่หวังอะไร นอกจากรอยยิ้มของลูก

ผู้หญิงคนนั้น.... คือ แม่ของผมเอง

แม่เป็นแม่ค้า ที่หาบขนมขายอยู่ข้างถนน วันไหน ขายดี ก็มีเงิน พอจับจ่ายตามอัตภาพ
หากวันไหน ขายไม่ได้ ก็ต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียร แต่แม่ก็ไม่เคยยอมให้ผมรู้จักกับความหิวโหย

อะไรที่อยากกิน แม่มักหามาให้ผมเสมอไม่ว่า ของสิ่งนั้น มันจะทำให้แม่ต้องอดสักกี่มื้อก็ตาม
เวลาที่ผมนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แม่มักจะมองดูเงียบ ๆ ริมฝีปากของแม่
ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆอย่างมีความสุข

ตอนนั้น ผม ไม่เคยสนใจเลยว่า ขนมชิ้นเล็ก ราคาแพงที่แม่หามาให้นั้น
ต้องแลกมาด้วย หยาดเหงื่อของแม่กี่หยด
ไม่เคยนึกสงสัยด้วยซ้ำ ว่า หลังจากที่ผมกินขนมจนอิ่ม จะมีอะไรเหลือตกถึงท้องแม่ไหม ?

ผมรู้เพียงอย่างเดียวคือ แม่เป็น หญิงแก่ที่หาบขนมขาย ยามใดที่มโนธรรม
มาย้ำเตือนให้ผมคิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่
สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดก็มักจะหลบเลี่ยงความรู้สึกผิดในใจด้วยการบอกว่า
ในเมื่อแม่เกิดผมมา มันก็เป็น หน้าที่ ของแม่
ที่ต้องหาบขนมขาย เพื่อหาเลี้ยงผม ถ้าไม่มีอะไรกิน ขนมที่เหลือจากการขายมันก็ช่วยให้แม่อิ่มได้นี่นา

สองมือของแม่ แตก ระแหง หยาบกร้าน เพราะกรำงานหนัก มือที่หยิบจับ
งานสารพัด ทั้งงานบ้าน งานครัว และงานเร่ขายของ
มือที่เหลาไม้กลัด เจียนใบตอง ห่อขนม แล้วจัดเรียงใส่ลังนึ่ง มือที่จับพร้าผ่าฟืน ก่อไฟนึ่งขนม แต่เช้าตรู่
มือที่จับไม้คาน หาบกระจาดหนักอึ้งไปเร่ขายขนมจากเพลาสายจนบ่ายคล้อย
แล้วมือนั้นอีกนั่นแหล่ะ ที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้
เมื่อลูกชายนอนซมเพราะพิษไข้ ยามเด็ก เมื่อผมมองมือของแม่
บางครั้งผมต้องแอบเมินหน้าหนีด้วยนึกรังเกียจ มือแม่
มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน หยาบ หนา เต็มไปด้วยริ้วรอยไม่น่ามอง
ผมไม่ชอบความรู้สึกยามที่มือสาก ๆ มาจับต้องผิวอ่อนบางของผมเลย

ความมีสติ ทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยความรู้สึกนี้ออกมาให้แม่ได้ยิน
แต่มันก็ปิดบังแม่ไม่ได้หรอก

ยามใดที่มือนั้นยื่นมาจับต้องดึงผมไปกอดไว้แนบอก ยามนั้น ผมก็มักจะเบี่ยงตัวหนีด้วยความรู้สึกขยะแขยง
แม้ไม่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นวาจา แต่แววตาที่ผมแสดงออก มันก็บอกถึงความรู้สึกภายในอย่างโจ่งแจ้ง
แววตาที่ทำให้แม่ชะงัก แม่มองหน้าผมอย่างเข้าใจ แล้วก็มีท่าทีงก ๆ เงิ่น ๆ อย่างคนรู้สึกผิด
แม่ไม่พูดอะไรสักคำ มือหยาบกร้านนั้นกำแน่นค่อย ๆ ตกอยู่ข้างลำตัว ไหล่ของแม่ลู่ลง...

หลังจากวันนั้น มือของแม่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมากอดผมอีกเลย

ตอนนั้น ผมรู้สึกสบายใจนะ ที่ไม่ต้องสัมผัสกับมือที่หยาบกระด้างที่น่ารังเกียจนั่น
แต่เมื่อ เวลาผ่านไป ผมกลับเกิดความรู้สึกที่ต่างจากเดิม...

จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช้มือหยาบกร้าน ของแม่หรอก
มือที่เนียนสวยราวกับลูกผู้ดี ของผมต่างหาก ที่น่าขยะแขยง
ขณะที่ มือแม่กร้านเพราะ กรำงานหนักเพื่อเลี้ยงผม แต่มือที่อ่อนนุ่มของผม
ไม่เคยทำประโยชน์เพื่อใครเลย นอกจากตัวเอง

น่าขันนะ เมื่อผมเติบใหญ่ และประสบความสำเร็จในชีวิต หลายครั้งหลายครา
ที่มีโอกาสจับต้องมือของผู้หญิงมากหน้ามือที่นิ่ม หอมกรุ่นกับเล็บเคลือบสีสดและเรียวปากนุ่มสวยช่างฉอเลาะนั้นไม่ได้ทำให้ผมโหยหาเลยสักนิด
สิ่งที่ผมร่ำร้อง กลับเป้น มือที่หยาบกระด้างของผู้หญิงเพียงคนเดียว...

ผู้หญิงที่หาบคอนกระจาด เดินเร่ขายขนมอยู่ข้างถนนเพื่อเลี้ยงลูกชาย
ผู้หญิงไม่ค่อยพูด ที่มักใช้สายตาเฝ้ามองผมอยู่เงียบ ๆ สายตาที่สื่อความรู้สึกของแม่คนนึงซึ่งมีต่อลูก
สายตาอ่อนโยนคู่นั้น เหมือนกับจะบอกผมเสมอว่า ผมคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของแม่...

อาจจะเป็นเพราะพ่อจากไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่ผมยังเล็ก ก็ได้
ทำให้แม่พยามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความเป็นลูกไม่มีพ่อให้ผม เท่าที่แม่ค้าหาบขนมขายอย่างแม่จะทำได้
แม่คงกลัวว่าผมจะกลายเป็นเด้กมีปัญหา เพราะขาดพ่อล่ะมั้ง

แต่แม่ไม่เคยรู้หรอกว่า ในสายตาของผม ผู้ชายที่ทำให้ผมเกิดมา
ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยสักนิด ผมเกลียดผู้ชายคนนั้น .....

ตาแก่ที่กินเหล้าจนเมา เอะอะ โวยวาย ทำร้ายแม่ผม หลายครั้งที่
ผมเห็นพ่อใช้คำพูดถากถาง ระราน อาละวาดใส่แม่
แม่ผู้น่าสมเพชของผม ก็ไม่เคยลุกขึ้นมาต่อต้านเลยสักนิด
แม่มักยอมพ่อเสมอ ยอมถูกซ้อมเป็นกระสอบทราย แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ
ยอมทำงานหนักเดินขายของวันละหลาย ๆ กิโล เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนเงินเดือนของพ่อน่ะหรือ ? มันจมลงในขวดเหล้าหมดแล้ว

สภาพของแม่ที่ผมเห็น ทำให้ผมได้แต่นึกในใจว่า

ถ้าผมแต่งงาน ผมจะหา เมีย อย่างแม่ แต่ถ้าผมเป็น ผู้หญิง ผมจะไม่ยอมมีชีวิตที่น่าเวทนาแบบแม่ เด็ดขาด !

ผู้หญิงที่ยอมเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของผู้ชาย
ผู้หญิงที่ยอมให้สามีโขกสับอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย ยอมทำงานบ้านจนดึกจนดื่น
ยอมตื่นแต่เช้ามาทำขนมขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ยอมแม้กระทั่งให้ผู้หญิงอื่นมาแย่งผัวตัวเองไปต่อหน้าต่อตา

แม่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น โดยไม่เคยคิดจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิอะไรเลย
แม่มีปากเสียงกับพ่อเพียงครั้งเดียว ตอนที่พ่อจะเอาผมไปอยู่ด้วย ตอนนั้นผมเห็นแม่สู้ยิบตาราวกับ
หมาจนตรอก เลยทีเดียว

พ่อยอมให้ผมอยู่กับแม่อย่างไม่คิดจะเยื้อแย่ง

" น้ำหน้าอย่างเธอ จะเลี้ยงลูกได้สักแค่ไหนกันเชียว อีกหน่อยลูกมันคงต้องหาบขนมขายทั้งชาติ เหมือนเธอ นั่นแหล่ะ "

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่และผมได้ยินจากปากของพ่อ มันเป็นคำพูดที่ทำให้แม่ฮึดสู้
แม่ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินส่งผมเรียนสูง ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวังเลย
การเรียนของผมอยู่ในขั้นดีเยี่ยมจนได้รางวัลจากทางโรงเรียนเสมอ เปล่าหรอกนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเพื่อแม่หรอก
ตลอดเวลาผมไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเพื่อแม่เลยสักครั้ง แต่ที่ผมตั้งใจเรียน ก็เพราะรู้ว่า
การศึกษาเป็นหนทางเดียว ที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากบ้านในสลัมโทรม ๆ แห่งนี้ต่างหาก

ความทะเยอทะยานในอดีตเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต
โดยมี โอกาสดี ๆ ที่โชคชะตาหยิบยื่นให้ เป็นตัวช่วยสนับสนุน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ผมหลงระเริงอยู่นานทีเดียว
มันทำให้ผมหยิ่งผยอง คิดว่า ตัวเองนั้นเก่งกล้า สามารถก้าวจากจุดศูนย์ขึ้นมายืนผงาดอยู่ได้ด้วยขาตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้ว ความสำเร็จของปริญญาระดับด๊อกเตอร์ที่แปะข้างฝาบ้านของผมนั้น
มีแม่ อยู่เบื้องหลังเสมอ แม่ผู้จบ ป. 4 แต่ไม่มีเงินซื้อใบสุทธิ
ขาของผมยืนผงาดออยู่ได้ ด้วยการเหยีบบ่าของแม่ โดยแท้และผมก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิดว่า
บ่าที่เหยียบเป็นฐานนั้นจะชอกช้ำเพียงใด เพราะเจ้าของบ่า ไม่เคยปริปากบอกผมเลย
ไม่ว่า เวลาจะผ่านไปเท่าไร แม่ก็ยังคงเป็นคนพูดน้อยทำมากเสมอ แม่เป็นผู้ฟังที่ดีมาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว

ทุกครั้งที่ผมมีความกังวล แม่จะคอยรับฟังเสมอ เวลาที่ผมระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ
หลายครั้งที่แม่ฟัง จำนวนเงิน ที่เด็กชายเอ่ยขอ ยามต้องการจะซื้อ ของต่าง ๆ เพื่อให้มีเหมือนลูกคนอื่น
แม่ไม่เคย แย้ง นิ่ง...ฟัง...

หลังจากวันนั้น แม่ขายของจนค่ำมืดกว่าปกติ อยู่หลายวันและ วันหนึ่งแม่ก็ยื่นเงินให้ผม เพื่อไปซื้อของที่อยากได้
ยามที่ผมรับเงินจากมือของแม่ ผมรู้สึกว่า มือของแม่หยาบกร้านกว่าเคย....
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก เพราะถึงมือ มือนี้จะต้องหยาบกร้านเพิ่มขึ้นสักแค่ไหน
มันก็ยังคงหยิบยื่นมความสะดวกสบายให้ผมได้เหมือนเดิมและมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา ไม่ว่ายามที่ผม สุข หรือ ทุกข์
มือของแม่จะอยู่เคียงข้าง คอยช่วยประคับประคองผมเสมอ ตราบชั่วชีวิตของแม่

จนกระทั่ง วันนี้...หลายสิ่งในชีวิตของผมเปลี่ยนไป.....

ผมมีชื่อเสียง มี เกียรติยศ มีคนนับหน้าถือตา มีบ้านหลังใหญ่ มีรถคันงาม มีเงินทอง
มีมือนุ่มนิ่มของผู้หญิงสวย ๆ คอยคลอเคลีย ทุกสิ่งที่ผมเคยต้องการล้วนมากองอยู่แทบเท้าของผม

แต่สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดกลับขาดหายไป
ณ วันนี้ ข้างกายของผม ไม่มีมือของแม่.....

----------------------------------------------------------------
*-* กำลังใจ คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงใจคนให้ยืนหยัดต่อสู้
เมื่อรู้ว่ามี..ใครคนหนึ่ง..พร้อมที่จะยืนเคียงข้าง
จริงใจและไม่ทอดทิ้ง *-*




Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 23:39:13 น.
Counter : 874 Pageviews.

1 comment
สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป
สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป
นางฟ้าสององค์กำลังเดินทาง จำต้องพักแรมในบ้านของครอบครัวผู้มั่งมีครอบครัวหนึ่ง
เจ้าของบ้านนั้นแสดงกริยาหยาบคายและไม่ให้นางฟ้าทั้งสององค์ค้างในห้องรับแขกของคฤหาสน์
แต่กลับให้นอนพักในห้องเล็กๆ ที่อยู่ชั้นใต้ถุนอันเย็นเยียบแทน
ขณะที่นางฟ้าทั้งสององค์กำลังปูที่นอนอยู่นั้น นางฟ้าองค์โตเห็นรูโหว่ที่กำแพงจึงปิดรูนั้นให้
นางฟ้าองค์เล็กถามว่าทำไม นางฟ้าองค์โตตอบว่า
"สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป" คืนต่อมา ทั้งคู่ได้แวะพักที่บ้านของยาจกครอบครัวหนึ่ง
เจ้าของบ้านและภรรยาให้การต้อนรับอย่างดี หลังจากแบ่งปันอาหารที่มีอยู่เพียงน้อยนิดให้แล้ว
ทั้งสองก็ให้นางฟ้าสององค์ไปนอนที่เตียงของตน เพื่อจะได้หลับอย่างสบาย
รุ่งอรุณถัดมา นางฟ้าเห็นชาวนาและภรรยามีน้ำตานองหน้า
วัวที่พวกเขามีอยู่เพียงตัวเดียวและให้นมพอได้ขายยังชีพไป วันๆ นั้น นอนตายอยู่ในทุ่ง นางฟ้าองค์เล็กรู้สึกโมโหยิ่งนัก
จึงถามนางฟ้าองค์โตว่าเหตุใดจึงปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้?
ชายคนแรกมีทุกสิ่งบริบูรณ์ แต่นางฟ้าองค์โตกลับช่วยเขา
ครอบครัวที่สองแสนยากจน แต่เต็มใจแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วทำไมยังปล่อยให้วัวของพวกเขาตาย
"สิ่งต่างๆไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป" นางฟ้าองค์โตตอบ
"ตอนที่เราพักอยู่ในชั้นใต้ถุนของคฤหาสน์พี่สังเกตเห็นว่าเขาเก็บทองไว้ในรูโหว่ของกำแพงนั้น
และเพราะชายเจ้าของบ้านเป็นคนละโมบไม่ยอมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
พี่ก็เลยปิดที่ซ่อนในกำแพงไม่ให้เขาหาทองเจอ แล้วคืนต่อมาที่เราได้นอนบนเตียงของชาวนานั้น
เทวทูตแห่งความตายมาเอาชีวิตของภรรยาชาวนา พี่ให้ชีวิตของวัวไปแทน สิ่งต่างๆไม่เป็นอย่างที่เห็นเสมอไป"
บางครั้งก็มีเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากคุณมีศรัทธา คุณก็เพียงแต่เชื่อว่า ผลลัพธ์ทุกๆอย่างเป็นประโยชน์ต่อคุณเสมอ
คุณอาจไม่รู้จนถึงเวลาในภายหลัง... บางคนผ่านเข้ามาในชีวิตของเราแล้วพลันจากไปอย่างรวดเร็ว...
บางคนกลายเป็นเพื่อน และอยู่กับเราชั่วครู่...จากไปพร้อมกับทิ้งรอยพิมพ์ใจที่สวยงาม...
และเราไม่เคยต้องจบลงอย่างนั้นเพราะเราได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!!

วันวานเป็นเพียงอดีต
พรุ่งนี้ยังคงเป็นความลับ
วันนี้คือของกำนัล
นั่นคือเหตุให้ปัจจุบันเป็นของขวัญแห่งชีวิต!
ชีวิตนี้เป็นสิ่งพิเศษ...จงมีชีวิตอยู่และเก็บเกี่ยวทุกนาทีแห่งชีวิต



Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 23:38:30 น.
Counter : 675 Pageviews.

0 comment
เคล็ดลับของความสุข
เคล็ดลับของความสุข
พ่อค้าคนหนึ่งส่งลูกชายของเขาไปเรียนรู้เคล็ดลับของความสุข จากชายผู้ชาญฉลาดที่สุดในโลก
เด็กหนุ่มเดินทางไปในทะเลทรายถึง 40 วัน ในที่สุดเขาก็มาถึงปราสาทสวยงาม ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูผา
ปราสาทนี้ เป็นที่พำนักของผู้ชาญฉลาดที่เขาตามหา แต่แทนที่เขาจะได้พบชายมีลักษณะเหมือนนักบุญ
เมื่อพระเอกของเราเข้าไปในห้องโถงกลางปราสาท เขากลับเห็นว่าในห้องนั้นมีกิจกรรมต่างๆมากมาย
พ่อค้ากำลังเดินเข้าออก คนจับกลุ่มคุยกันตรงมุมห้องด้านหนึ่ง มีวงดนตรีเล็กๆกำลังบรรเลงเพลงอยู่
และบนโต๊ะก็วางอาหารที่อร่อยที่สุดในส่วนนั้นของโลกเต็ม

ชายผู้ชาญฉลาดสนทนากับทุกคน เด็กหนุ่มต้องรอนานถึง 2 ชั่วโมง กว่าจะได้พูดคุยกับเขา

ชายผู้ชายฉลาดตั้งใจฟังเด็กหนุ่มอธิบายว่าเขามาที่นี่ทำไม และบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีเวลาอธิบายเคล็ดลับของการมีความสุขให้ฟัง
ชายผู้ชาญฉลาดแนะให้เด็กหนุ่มเดินดูรอบๆปราสาท และกลับมาหาเขาใหม่ใน 2 ชั่วโมงหลังจากนั้น
"ระหว่างนั้นฉันอยากให้เธอทำอะไรบางอย่าง"
ชายผู้ชาญฉลาดบอกเด็กหนุ่ม แล้วยื่นช้อนซึ่งมีน้ำมันสองหยดให้
"ระหว่างที่เดินดูรอบๆประสาทจงถือช้อนนี้ไปด้วย แต่ระวังอย่าให้น้ำมันหกเสียล่ะ"

เด็กหนุ่มขึ้นและลงบันไดที่มีมากมายในปราสาทแห่งนั้น ตาของเขาจับอยู่ที่ช้อนและหยดน้ำมัน สองชั่วโมงผ่านไป
เขาก็เดินกลับมายังห้องที่ชายผู้ชาญฉลาดรออยู่
"เอาล่ะ" ชายผู้ชาญฉลาดเอ่ย
"เธอเห็นผ้าทอเปอร์เซียที่ประดับอยู่ในห้องอาหารของฉันไหม รวมทั้งสวนซึ่งคนทำสวนที่เก่งที่สุดต้องใช้เวลาถึง 10 ปี
กว่าจะจัดเสร็จและเอกสารที่คัดด้วยลายมืออันสวยงามในห้องสมุด เธอเห็นของพวกนั้นไหม"

เด็กหนุ่มรู้สึกอาย เขาสารภาพว่าไม่ได้มองอะไรเลย สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียว คือ
หยดน้ำมันที่ชาญผู้ชาญฉลาดสั่งให้เขาดูแล
"ถ้าเช่นนั้น เธอจงกลับไปใหม่ และดูความน่ามหัศจรรย์ทั้งหลายในโลกของฉัน"
ชายผู้ชาญฉลาดบอก "อย่าไว้ใจใครหากเธอยังไม่รู้จักบ้านของเขา"

เด็กหนุ่มรู้สึกสบายขึ้น เขาหยิบช้อนและเริ่มออกสำรวจปราสาทครั้งนี้
เขามองเห็นผลงานศิลปะชั้นเลิศทำบนผนังและเพดาน เห็นสวนและเทือกเขาที่ล้อมรอบเขาอยู่
เห็นความงามของดอกไม้ และรสนิยมของเจ้าของปราสาท ซึ่งสะท้อนผ่านสรรพสิ่งที่ถูกเลือกสรรมา

เมื่อเขากลับมาหาชายผู้ชาญฉลาด เด็กหนุ่มเล่าทุกสิ่งที่เขาเห็นอย่างละเอียดละออ

"แล้วหยดน้ำมันที่ฉันให้เธอดูแลล่ะ"
ชายผู้ชาญฉลาดถามขึ้น

เด็กหนุ่มมองช้อนที่เขาถืออยู่และพบว่าหยดน้ำมันหายไปแล้ว

"สิ่ ง ที่ ฉั น อ ย า ก บ อ ก เ ธ อ มี อ ย่ า ง เ ดีย ว"
ชายผู้ชาญฉลาดที่สุดในโลกกล่าว
"เ ค ล็ ด ลั บ ข อง ค ว า ม สุ ข คื อ
ก า ร ม อ ง เ ห็ น ค ว า ม ม หั ศ จ ร ร ย์ ทั้ ง ป ว ง ใ น โ ล ก
ใ น ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น ก็ ต้ อ ง ไ ม่ ลื ม ห ย ด น้ำ มั นใ น ช้ อ น




Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 23:37:47 น.
Counter : 630 Pageviews.

0 comment
เพื่อน...
เพื่อน...



แม่ลูกคู่หนึ่งเดินบนชายหาด แล้วลูกก็ถามแม่ว่า

"แม่ครับทำอย่างไรจึงจะรักษาเพื่อนให้รักและอยู่กับเรานานๆ"


แม่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ก้มลง เอามือทั้งสองกำทรายแล้วชูให้ลูกดู จากนั้นแม่ก็บีบมือข้างหนึ่งให้แน่น
ทันใดนั้นเองทรายก็ไหลออกจากมือข้างนั้นเรื่อยๆ แม่บีบมืออยู่พักหนึ่ง แล้วก็แบมือให้ลูกดูมือข้างที่บีบแน่นหรือทรายอยู่เพียงเล็กน้อย แต่มือข้างที่กำอย่างหลวมๆยังคงมีทรายอยู่เต็ม เมื่อลูกเห็นดังนั้นก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดกับแม่ขึ้นว่าผมเข้าใจแล้วครับ

แล้วคุณเข้าใจไหมว่าอะไร........





Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 23:37:15 น.
Counter : 666 Pageviews.

0 comment
ปาฏิหาริย์
ปาฏิหาริย์

เมื่อได้ยินคุณพ่อคุณแม่คุยกันเรื่อง
แอนดรูว์น้องชายเทสส์ในวัย 8 ขวบที่ดูฉลาดเกินอายุ ก็รับรู้ว่าแอนดรูว์กำลังป่วยมาก และทั้งพ่อแม่ก็ ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลย แถมเดือนหน้ายังจะต้องโดนย้ายไปอยู่ อพาร์ทเม้นท์ เพราะพ่อหมดปัญญาที่จะหาเงินมาจ่ายค่าหมอและค่าเช่าบ้านนี้ หนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตแอนดรูว์ได้ก็คือ การผ่าตัดซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครจะมาหยิบ
ยื่นอะไรให้แก่ครอบครัวนี้เลย แต่เทสส์ก็แอบได้ยินพ่อกระซิบกับแม่ที่มีน้ำตานองว่า
"ในตอนนี้...คงมีเพียง ปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยแอนดรูว์ได้"

เทสส์จึงตรงไปยังห้องนอนของเธอ และหยิบขวดโหลเจลลี่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ แล้วแม่หนูก็เทเศษสตางค์ทั้งหมดลง บนพื้นห้อง ค่อยๆ นับ...ถึง 3 ครั้ง ก็ได้จำนวนเท่าเดิม แล้วบรรจงเก็บใส่ ขวดโหลและปิดฝาตามเดิม เธอผลุบผลันวิ่งไปไกลถึง 6 บล็อกเพื่อไปยังร้านขายยาที่มีสัญลักษณ์ รูปหัวหน้าอินเดียนแดงติดอยู่บนประตูทางเข้า เทสส์นั่งรอเภสัชกรอย่างอดทน แต่เขาช่างดูยุ่งเสียเหลือเกิน เธอจึงขยี้เท้าไปมาแต่เสียงนั้นก็ไม่ช่วยอะไร เธอเลย ลองกระแอมดู แต่ก็ไร้ผลเช่นเคย
ในที่สุดเธอก็เอาเหรียญ 25 เซนต์ ออกมาจากขวดโหลแล้วเคาะกับเคาน์เตอร์กระจก... ได้การล่ะ.. เภสัชกรหันมาถามด้วยเสียงรำคาญๆ ว่า
"หนูจะเอาอะไรเหรอ ฉันกำลังคุยกับน้องชายที่เพิ่งมาจากชิคาโก เราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว" เขาพูดต่อโดยมิทันที่จะรอคำตอบจากหนูน้อย "ค่ะ..หนูอยากจะคุยเรื่องน้องชายของหนู"
เทสส์ตอบด้วยเสียงเนือยพอกัน "เขาป่วยหนักมาก หนูเลยอยากจะมาขอซื้อปาฏิหาริย์"
"อะไรนะ" เภสัชกรถามขึ้น
"เขาชื่อแอนดรูว์ค่ะ หนูรู้แต่ว่าเขามีอะไรก็ไม่รู้อยู่ในหัวใจ ได้ยินพ่อพูดว่า มีเพียงปฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยชีวิตเขาได้ เจ้าปาฏิหาริย์นี้ราคาเท่าไรค่ะ" "หนู ..เราไม่ได้ขายปาฏิหาริย์หรอก ขอโทษนะ ฉันช่วยเธอไม่ได้ หรอก " เภสัชกร คนเดิมตอบเสียงนุ่มขึ้น "แต่หนูมีเงินจ่ายนะคะ ถึงมันจะไม่พอ แต่หนูจะเอาที่เหลือมาให้อีก
เพียงแต่ช่วยบอกหนูหน่อยเถอะว่า ราคาเท่าไร น้องชายของเภสัชกรผู้แต่งตัวภูมิฐานที่นั่งฟังมา
โดยตลอดก้มลงถามแม่หนูว่า "น้องชายของหนูอยากได้ปาฏิหาริย์แบบไหนเหรอ"
"หนูไม่ทราบค่ะ" ถึงตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มเอ่อแล้ว
"หนูรู้แต่ว่า เขาป่วย หนักมาก แม่บอกว่า เขาต้องได้รับการผ่าตัด แต่พ่อไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ หนูก็เลยอยากใช้เงินของหนูเองค่ะ" "แล้วหนูมีอยู่เท่าไรล่ะ" ชายจากชิคาโกถามต่อ
"1 ดอลลาร์ กับ 11 เซนต์ค่ะ" เทสส ์ตอบอย่างไม่เต็มเสียง "มันเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่หนูมีอยู่..แต่หนูจะหามาอีกถ้าเกิดจะต้องใช้มากกว่านั้น"
"อืมม.. ช่างบังเอิญแท้ๆ" ชายผู้นั้นยิ้ม "1 ดอลลาร์ 11 เซนต์ ช่างพอเหมาะ พอเจาะกับราคาของปาฏิหาริย์เสียจริง "
เขากำเงินจำนวนนั้นในมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งฉวยถุงมือของแม่หนูพร้อมกับบอกว่า
"เอาละ พาฉันไปที่บ้านหน่อย ฉันอยากพบพ่อแม่ของหนู เราจะมาดูกันว่า ฉันจะมีปาฏิหาริย์ อย่างที่หนู ต้องการหรือเปล่า"

ที่แท้ชายภูมิฐานผู้นั้นคือคุณหมอคาร์ลตัน อาร์มสตรอง ศัลยประสาทแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การผ่าตัดเสร็จสมบูรณ์โดยไม่ได้ใช้เงินเลย สักแดง แอนดรูว์สามารถกลับบ้านได้ภายในเวลาไม่นานนัก ทั้งยังมีสุขภาพแข็งแรงดี
พ่อกับแม่ดูมีความสุขมากที่ได้คุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ "การผ่าตัดนี้..เป็นเหมือนดังปาฏิหาริย์
ฉันสงสัยจังว่ามันน่าจะต้องใช้เงินสักเท่าไรนะ" แม่พูดกับตัวเองเทสส ์ยิ้ม
เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า ปาฏิหาริย์นี้มีมูลค่าเท่าไร.. 1 ดอลลาร์ 11 เซนต์..
บวกกับความศรัทธา ของเด็กน้อยคนหนึ่ง ปาฏิหาริย์มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้กฎธรรมชาติ
หากอยู่เหนือกฎธรรมชาติ

ผู้เขียน : เขียนจากเรื่องจริงโดยผู้เขียนนิรนาม

ผู้แปล : แบ่งปัน




Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 23:36:44 น.
Counter : 647 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend