ช่วยลูกคลายความเครียด
ช่วยลูกคลายความเครียด
คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต
ความ เครียด เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาหรือความไม่สบายใจเกิดขึ้น และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ใหญ่เท่านั้นแต่ความเครียด หรืออาการไม่สบายใจสามารถเกิดได้กับเด็กทุกคน
พ่อแม่จึงควรสังเกต ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในจิตใจของลูก ในเด็กโตเราอาจสังเกตได้จากท่าทางการแสดงออก แล้วพ่อแม่สามารถบอกลูกให้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หรือให้ลูกระบายความไม่สบายใจเหล่านั้นให้พ่อแม่ฟัง แล้วพ่อแม่สามารถให้ความช่วยเหลือ ให้กำลังใจ เมื่อลูกต้องการใครสักคนที่อยู่ใกล้ชิด เพื่อคอยปลอบโยนหรือให้กำลังใจ ซึ่งจุดนี้จะช่วยให้เกิดความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับลูก
สำหรับ ลูกที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ไม่สามารถส่งภาษาบอกเราได้ พ่อแม่ต้องคอยสังเกตท่าทาง พฤติกรรมการแสดงออกที่บ่งบอกว่าลูกกำลังเกิดความไม่สบาย เช่นร้องไห้งอแง ไม่ยอมทานนม ทานอาหาร ตรงจุดนี้ลูกกำลังต้องการให้พ่อแม่เข้ามาช่วยผ่อนคลายความเครียดให้กับเขา
//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPVEExTURnMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdPQzB3TlE9PQ==
พัฒนาลูกด้วยความรัก
พัฒนาลูกด้วยความรัก
คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต
การ แสดงออกถึงความรักของพ่อแม่นั้นสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการพูดคุยกับลูก ตั้งแต่ลูกยังเล็ก พ่อแม่ก็สามารถพูดคุยกับลูกได้ แม้ลูกจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่พูดคุย แต่ลูกก็สัมผัสได้ถึงแววตา ท่าทาง น้ำเสียง ที่บ่งบอกถึงความรักที่มีให้ รวมถึงการสัมผัสที่นุ่มนวล การอุ้ม การโอบกอด หรือจูบ จะช่วยให้ลูกรับรู้ถึงความรู้สึกรักและเป็นห่วงที่พ่อแม่มีให้ พ่อแม่บางคนอาจละเลยการสัมผัสเมื่อลูกเริ่มโต เพราะคิดว่าลูกโตแล้วคงไม่ชอบ แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกยังต้องการสัมผัสที่นุ่มนวลจากพ่อแม่อยู่เสมอ เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบการแสดงออกไปตามช่วงวัย
ความรักของพ่อแม่จำ เป็นและส่งผลต่อพัฒนาการของลูก เพราะเป็นการบอกถึงความรักและความพอใจในพฤติกรรมที่ดีของลูกจึงเป็นแรงจูงใจ ที่สำคัญที่ทำให้ลูกอยากแสดงพฤติกรรมนั้นซ้ำอีก เพราะเด็กเล็กเกินกว่าจะสร้างแรงจูงใจได้ด้วยตนเอง จึงต้องอาศัยพ่อแม่ คนใกล้ชิดเป็นตัวช่วยในการสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตัวเอง
//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPVEEwTURnMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdPQzB3TkE9PQ==
ลูกไม่อยากอาหาร
ลูกไม่อยากอาหาร
สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์ /กรมสุขภาพจิต
พ่อ แม่หลายคนมีปัญหาหนักใจลูกในวัย 1-3 ขวบ ไม่ค่อยยอมกินอาหาร ทั้งที่จริงแล้วการเล่นซนและไม่ยอมทานอาหารเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้ วัยที่เริ่มสำรวจสิ่งแวดล้อม หากพัฒนาการของลูกเป็นไปอย่างปกติ และน้ำหนักตัวเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานแล้วยังอยู่ในเกณฑ์ปกติก็ไม่น่าเป็น ห่วงมากนัก สำหรับแนวทางในการปรับพฤติกรรมให้ลูกเจริญอาหารพ่อแม่สามารถทำได้โดย
- ให้ลูกมีโอกาสเล่น และออกกำลังนอกบ้านที่ต้องใช้แรงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเล่น ขี่จักรยาน เล่นบอล โดดเชือก ความเหนื่อยและการใช้พลังงานของลูกจะทำให้ลูกเจริญอาหารมากขึ้น
- งดขนมนมเนย ของขบเคี้ยว ขนมหวาน ระหว่างวัน เพราะจะทำให้ลูกไม่รู้สึกหิว ไม่อยากอาหาร เพราะกินขนมจนอิ่ม
- ให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหาร และรับประทานอาหารร่วมกับคนในบ้าน รวมถึงการไม่เดินตามป้อนอาหาร ให้ลูกกินเป็นเวลา ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงยังไม่กิน ก็ให้เก็บทันที เพื่อให้ลูกเรียนรู้เวลาและระเบียบวินัยในการกินอาหาร
//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNREUyTURjMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB4Tmc9PQ==
ทักษะการรับมือกับปัญหา
ทักษะการรับมือกับปัญหา
คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต
การ ปลูกฝังให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่อดทนและมีทักษะในการรับมือกับปัญหาที่อาจ เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด รวมทั้งสามารถเรียนรู้พัฒนาตนเองได้นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรคำนึงถึง เพราะชีวิตคนเราอาจพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เสมอ สำหรับเด็กที่มีความสามารถมีทักษะในการรับมือกับปัญหาที่ดีนั้นจะมีลักษณะ ดังนี้
- เป็นเด็กที่สามารถบอกเล่าสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ ชอบพูดชอบคุย เปิดเผย ไม่เก็บตัว เข้าร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ของโรงเรียน และมักแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรื่องราวและความคิดของตัวเองกับเพื่อน ครูหรือพ่อแม่อยู่เสมอ
- เป็นเด็กที่เข้าใจ เห็นใจคนอื่น ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
- เป็นเด็กที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับครอบครัว มีความไว้วางใจ อบอุ่นใจในพ่อ แม่ พี่ หรือปู่ย่าตายาย มีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
- เป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบการเรียน มีความหวัง มีภาพในอนาคตว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร รวมทั้งสามารถคิดและแก้ปัญหาที่ไม่ซับซ้อนได้ด้วยตนเอง
//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNREE0TURjMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB3T0E9PQ==
กระตุ้นพัฒนาการช่วยลูกพัฒนา
กระตุ้นพัฒนาการช่วยลูกพัฒนา
สดจากจิตวิทยา
นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต
พ่อแม่ทุกคนย่อมมุ่งหวังให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี มีความฉลาดสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ตามช่วงวัยของตน
สิ่งสำคัญที่พ่อแม่สามารถช่วยพัฒนาลูกได้คือการกระตุ้นพัฒนาการลูกอย่าง เหมาะสมกับช่วงวัย เช่นวัยทารกลูกต้องการการอุ้ม สัมผัส ยิ้ม การพูดคุยของพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นลูกต้องการการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการ และการเรียนรู้มากขึ้น พ่อแม่หลายคนเข้าใจว่าการทำทุกอย่างให้แก่ลูกเป็นการแสดงความรัก เป็นความเข้าใจที่ผิด และมีผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของลูก เพราะลูกจะไม่ได้ฝึกการช่วยเหลือตนเอง การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งมีผลต่อการปรับตัว ความคิดและการแก้ไขปัญหาของลูกในอนาคต นอกจากนี้การส่งเสริมให้โอกาสลูกได้เล่นอย่างอิสระ ในสถานที่ที่ปลอดภัย เป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้ลูกได้พัฒนาทั้งร่างกาย สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย
ลูกสามารถพัฒนาได้หากพ่อแม่มีความเข้าใจถึงความต้องการและความสามารถของลูกในแต่ละช่วงวัย
//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPVEEzTURjMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB3Tnc9PQ==