อย่าให้ถูกกลายเป็นผิด
อย่าให้ถูกกลายเป็นผิด
พระไพศาล วิสาโล
(สารคดี กันยายน ๒๕๔๘)


เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เกาหลีใต้

หญิงสาวผู้หนึ่งพาหมาออกไปนอกบ้าน จู่ ๆ มันเกิดทนไม่ไหว ถ่ายของเสียกลางถนน ตามกฎหมายเจ้าของมีหน้าที่ต้องเก็บของเสียเหล่านั้นให้หมด แต่เธอแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ คงเพราะคิดว่าไม่มีคนเห็น แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าภาพของเธอไปปรากฏทางอินเตอร์เน็ต
เป็นคราวเคราะห์ของเธอที่มีคนเห็นพฤติกรรมของเธอ ด้วยความร่วมมือของผู้ใช้เว็บทั่วประเทศ ในที่สุดก็สืบพบจนได้ว่าเธอเป็นใคร ทำงานที่ไหน ทันทีที่ภาพและข้อมูลของเธอปรากฏที่เว็บไซต์ ผู้คนจากทั่วสารทิศก็พากันประนามเธอทางเว็บบอร์ด แม้แต่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่เธอทำงานก็ท่วมท้นด้วยข้อความก่นด่าจากประชาชนที่ไม่พอใจ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่หญิงผู้นี้ติดอันดับหนึ่งของผู้ที่วงการอินเตอร์เน็ตจงเกลียดจงชังมากที่สุด ครอบครัวและมหาวิทยาลัยของเธอพลอยได้รับความอับอายไปด้วย ในที่สุดเธอก็ถูกกดดันให้ลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีใครรู้ว่าฝันร้ายจะตามมาหลอกหลอนเธออีกนานเท่าใด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงผู้นี้ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ควรแล้วหรือที่เธอจะถูกลงทัณฑ์จากคนทั้งประเทศอย่างนั้น แม้เธอจะไม่ถูกจำคุก แต่ก็ตกนรกทั้งเป็นไปแล้ว ข้อที่น่าสงสัยก็คือมีอาชญากรหรือคนโกงบ้านกินเมืองสักกี่คนที่ถูกรุมประนามเท่า ๆ กับเธอ ทั้ง ๆ ที่ความผิดของเธอมีเพียงแค่การไม่เก็บขี้หมาเท่านั้น
เป็นเรื่องน่าสรรเสริญที่ประชาชนมีสำนึกในหน้าที่ต่อส่วนรวม ไม่ยอมปล่อยให้พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องผ่านเลยไป แต่การลงโทษจนเกินขีดขั้นของความผิด ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะยอมรับได้ ถึงที่สุดเราจำเป็นต้องมาถามว่า ระหว่างคนที่ไม่เก็บขี้ที่หมาของตนถ่ายทิ้งไว้ กับคนที่ก่นด่าผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจนเขาเสียผู้เสียคนไปนั้น ใครกันแน่ที่ทำผิดมากกว่ากัน?
การใส่ใจกับความถูกความผิดนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไปเอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นเรื่องไม่ดีไปได้ เพราะสามารถนำไปสู่การลงทัณฑ์ที่เกินขอบเขต และบางครั้งอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมที่สวนทางกับหลักการหรือความถูกต้องที่ตนเชื่อก็ได้
หลายปีก่อนเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในสหรัฐอเมริกา เรื่องเริ่มต้นเมื่อชาวคริสต์ที่เคร่งศาสนากลุ่มหนึ่งจัดชุมนุมประท้วงหน้าคลีนิคที่ให้บริการทำแท้ง ผู้ประท้วงเหล่านี้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชิดชูชีวิต (pro-life) และเห็นว่าการทำแท้งเป็นการฆ่าที่ผิดบทบัญญัติของพระเจ้า แต่การประท้วงนั้นไม่สามารถหยุดยั้งหมอและพยาบาลที่ยืนกรานจะทำแท้งให้แก่หญิงที่ไม่พร้อมจะมีบุตร สถานการณ์ตึงเครียดเป็นลำดับ และเมื่อบรรยากาศร้อนแรงมากขึ้น ก็มีชายผู้หนึ่งในกลุ่มประท้วงบุกเข้าไปในคลีนิกนั้นพร้อมกับควักปืนยิงหมอจนถึงแก่ความตาย
ฆาตกรนั้นเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชิดชูชีวิต แต่แล้วกลับกลายเป็นผู้ทำลายชีวิตเสียเองไม่ต่างจากหมอที่ตนเองด่าประนาม เขาเกลียดหมอที่ปลิดชีวิตคน แต่แล้วก็ทำอย่างเดียวกับหมอผู้นั้น ทั้งนี้เพราะอะไรหากไม่ใช่เพราะความยึดติดกับความถูกความผิด(ตามมาตรฐานของตน)มากเกินไป จนเห็นฝ่ายที่ไม่ทำตามมาตรฐานของตนนั้นเป็นศัตรูอันเลวร้ายที่ต้องขจัดไปให้ได้
คนเราจำเป็นต้องยืนหยัดในความถูกต้อง แต่ถ้ายึดมั่นกับมันมากเกินไป จนไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากความถูกต้องดังกล่าว เมื่อเห็นใครทำสิ่งที่สวนทางกับความถูกต้องนั้น ความโกรธเกลียดก็เกิดขึ้นได้ง่าย และเมื่อปล่อยให้ความโกรธเกลียดลุกลามไปแล้ว นอกจากตัวเองจะทุกข์เพราะถูกไฟเผาลนจิตใจแล้ว ยังสามารถเผลอทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย ๆ ชนิดที่ตรงข้ามกับความถูกต้องที่ตนยึดถือ
ดังนั้นลำพังการยึนหยัดหรือยึดถือความถูกต้องอย่างเดียวย่อมไม่พอ ต้องมีอย่างอื่นเข้ามากำกับหรือควบคุมให้การยึดถือความถูกต้องนั้นเป็นไปอย่างพอดี ไม่เกินเลย หรือเบี่ยงเบนไปจนเกินผลเสีย สิ่งนั้นได้แก่สติ สติช่วยให้เราไม่ลืมตัวจนเผลอทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความถูกต้องที่ยึดถือ และช่วยให้เราไม่ยึดมั่นกับความถูกต้องจนลืมนึกถึงสิ่งอื่น ถ้าหากผู้ประท้วงคลีนิคทำแท้งมีสติ เขาย่อมรู้ว่าการถือปืนเข้าไปยิงหมอนั้นเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการเชิดชูชีวิตที่ตนยึดถือ ถ้าหากนักท่องเว็บมีสติเขาย่อมรู้ว่าหญิงที่ไม่เก็บขี้ที่หมาของตนถ่ายนั้นไม่ได้ทำความผิดอุกฉกรรจ์ชนิดที่จะต้องกดดันให้จมธรณี
นอกจากสติแล้ว เมตตาก็จำเป็นเช่นกัน ถ้าไม่มีเมตตาแล้ว ความดีหรือความถูกต้องที่เรายึดถืออาจกลายเป็นอาวุธที่ประหัตประหารผู้คนให้ตายทั้งเป็นได้ ความดีหรือความถูกต้องที่ไม่มีเมตตากำกับย่อมเป็นสิ่งอันตราย เพราะอาจกลายเป็นเครื่องมือให้ความโกรธเกลียดไปทำร้ายใครก็ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาอาจทำผิดเพียงเล็กน้อย เหมือนกับที่หลายคนเคยโกรธ เกลียด หรือไม่พอใจ ภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่บริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยสึนามิเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท แน่นอนว่าบุคคลสาธารณะอย่างเขาควรเสียสละหรือมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่านั้น แต่จะตำหนิเขาอย่างไรก็ตาม ควรมีเมตตาต่อเขาด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการรุมประชาทัณฑ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงราวกับเขาเป็นผู้คิดร้ายต่อชาติ ซึ่งในกรณีเช่นนั้นก็น่าสงสัยว่าระหว่างภราดรกับผู้ที่รุมประนามเขา ใครกันแน่ที่ทำสิ่งที่ไม่สมควรมากกว่ากัน
ในชีวิตจริงเราไม่ได้อยู่ด้วยความถูกต้องอย่างเดียว แต่ยังมีสิ่งดีงามอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงและรักษาไว้ด้วย เช่น สัมพันธภาพ และการเจริญเติบโตภายใน เป็นต้น การยึดมั่นกับความถูกต้องมากเกินไป มักทำให้เรามองข้ามสิ่งอื่นไป จนเกิดผลเสียตามมา ครอบครัวหรือหน่วยงานที่เอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดมากเกินไป มักจะลงเอยด้วยความร้าวฉาน ในทางตรงข้าม สัมพันธภาพจะยั่งยืนได้ จำเป็นต้องรู้ว่าจะยืนยันหรือเรียกร้องความถูกต้องแค่ไหนถึงจะพอดี


น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์เล่าถึงสามีภรรยาคู่หนึ่ง ผู้ชายนั้นชอบตกปลาขณะที่ผู้หญิงเห็นว่าเป็นบาป ภรรยาขอร้องสามีจนในที่สุดสามียินยอมว่าจะไม่ตกปลาอีกเพราะเห็นแก่ภรรยา แล้ววันหนึ่งภรรยามีกิจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นเวลา ๕ วัน สองวันแรกที่ภรรยาไม่อยู่บ้านนั้น สามีมือไม้สั่นทุกครั้งได้ยินเสียงปลากระโดดงับเหยื่อในสระหน้าบ้าน แต่ก็ห้ามใจไว้ได้ ครั้นถึงวันที่ ๓ ทนไม่ไหว คว้าเบ็ดเอาไส้เดือนมาเกี่ยวเบ็ดแล้วก็ไปตกปลา เผอิญภรรยากลับมาก่อนกำหนด เห็นสามีกำลังตกปลา ภรรยาแทนที่จะตวาดแหวว่า "ทำไมเธอตกปลา สัญญากันแล้วไม่ใช่หรือ?" เธอกลับถามว่า "พ่อกำลังทำอะไรเหรอจ๊ะ ?"
สามีแทนที่จะสารภาพผิด กลับพูดบ่ายเบี่ยงว่า "ผมกำลังสอนไส้เดือนให้ว่ายน้ำ"
เจอแบบนี้เข้าภรรยาจะตอบว่าอย่างไร ?
ภรรยาแทนที่จะโกรธ กลับพูดว่า "ไส้เดือนว่ายน้ำนานแล้ว เอามันขึ้นจากน้ำเสียที เก็บเบ็ดแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า" สามีเจอคำตอบเช่นนี้ก็ทำตามโดยดุษณี
ลองนึกดูว่า หากภรรยายึดมั่นกับความถูกต้องมากเกินไป ย่อมต้องคาดคั้นให้เขายอมรับผิดให้ได้ คงไม่ปล่อยให้สามีลอยนวลด้วยข้อแก้ตัวง่าย ๆ ว่ากำลังสอนไส้เดือนให้ว่ายน้ำ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอโต้กลับไปว่า "ไม่ยอมรับแล้วยังมาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีก บอกมาซิว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำผิดสัญญาแล้วยังมาแก้ตัวอีก......" เจอแบบนี้แล้วมีหรือสามีจะยอมแพ้ เพื่อไม่ให้เสียหน้าก็ต้องโต้ไปว่า "ทำไม ตกปลาไม่ได้เหรอไง เธอเป็นแม่ฉันหรือ?" ถ้าลงรูปนี้แล้วก็คงมีปากเสียงกันยาว เป็นไปได้ว่าในที่สุดภรรยาอาจต้อนให้สามียอมรับจนได้ว่าตนทำผิด แต่ถึงตอนนั้นสัมพันธภาพก็ร้าวฉานแล้ว ได้ความถูกต้องกลับคืนมาแต่เสียไมตรีไป จะคุ้มหรือไม่ในเมื่อความถูกต้องในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือคอขาดบาดตายแต่อย่างใด
ภรรยาในเรื่องนี้รู้ดีว่าการยืนยันเอาความถูกต้องจากสามี หรือคาดคั้นให้เขายอมรับผิดที่ตกปลา ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าสำหรับชีวิตคู่ ได้แก่สัมพันธภาพ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากแต่เธอรู้ว่าจะเตือนเขาอย่างไรโดยไม่ใช้วิธีต้อนเขาให้จนมุม ส่วนหนึ่งนั้นเธอมีเมตตาพอที่จะปล่อยให้เขารอดตัวไปได้โดยไม่เสียหน้า อีกส่วนหนึ่งนั้นเธอมีสติพอที่จะไม่ปล่อยให้ความขุ่นเคืองใจครอบงำหรือลุกลามเป็นความโกรธ


ที่วัดแห่งหนึ่งเกิดเหตุพระต่อยกันเนื่องจากแย่งกันอ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง ทั้งสองรูปซึ่งเป็นพระบวชใหม่ต่างอ้างว่าตนเป็นฝ่ายถูกทั้งคู่ รูปหนึ่งอ้างว่านิตยสารฉบับนั้นตนเป็นคนออกเงิน ดังนั้นจึงต้องมีสิทธิอ่านก่อน อีกรูปอ้างว่าคนที่ไปซื้อมานั้นยื่นให้ตนเองอ่านก่อน พอกำลังอ่านอยู่ดี ๆ ก็ถูกดึงไป จะยอมได้อย่างไร เถียงกันไปเถียงกันมาในที่สุดก็ลงไม้ลงมือกัน
หลวงพ่อเมื่อได้ทราบเหตุการณ์ ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย แต่แทนที่ท่านจะสอบสวนว่าใครผิดใครถูก ท่านกลับสนใจว่าทั้งคู่จะหันหน้าคืนดีกันได้อย่างไร เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลทั้งคู่ว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก อีกฝ่ายต่างหากที่ผิด ยิ่งสอบสวนก็คงยิ่งบานปลาย หาข้อยุติได้ยาก เพราะไม่มีใครยอมให้กัน ที่สำคัญก็คือถึงแม้จะพบว่าใครเป็นฝ่ายถูก แต่ถ้าความรู้สึกขุ่นเคืองใจยังมีอยู่ ย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไร
สิ่งที่ท่านทำก็คือแนะนำให้ทั้งคู่เลิกคิดที่จะเอาผิดเอาถูกจากกันและกัน แทนที่จะยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ควรหันมาขอโทษและให้อภัยกันดีกว่า เพราะถึงอย่างไรการต่อยกันก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว หลังจากที่สงบเย็นลงแล้ว ทั้งคู่ก็ได้คิด ต่างขอโทษและให้อภัยซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
หลวงพ่อท่านตระหนักดีว่าในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะนั้น การยืนยันความถูกต้องของตน หรือการเอาผิดจากกันและกันนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ยังมีสิ่งสำคัญกว่านั้นนั่นคือการรู้จักขอโทษและให้อภัยกัน แม้จะมั่นใจว่าตนถูก อีกฝ่ายนั้นผิด แต่ถ้าไม่รู้จักให้อภัยกันจะมีประโยชน์ อะไร และยิ่งคิดว่าตนเองถูกฝ่ายเดียว ไม่ผิดเลย ดังนั้นจึงไม่ยอมขอโทษ ก็ยากที่จะคืนดีกันได้
นิทานทั้งสองเรื่องนี้สอนว่าในการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ แม้ความถูกต้องจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน และควรคำนึงถึงอยู่เสมอ ได้แก่ สัมพันธภาพ ตลอดจน เมตตา การให้อภัย และการรู้จักขอโทษ
ยิ่งการทำงานเป็นหมู่คณะด้วยแล้ว นอกจากสัมพันธภาพแล้ว การเติบโตของแต่ละคนก็เป็นเรื่องสำคัญ บ่อยครั้งการทำงานผิดพลาดเป็นเรื่องจำเป็นเพราะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ แต่ถ้าผู้บังคับบัญชาเอาจริงเอาจังกับความถูกความผิดมากเกินไป ลูกน้องทำผิดพลาดเป็นไม่ได้ ต้องมีการเอ็ดตะโรอาละวาด ลูกน้องย่อมขาดความมั่นใจและไม่กล้าทำอะไรเลย มีผู้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยที่ทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องเข้ามาคุมงานด้วยตนเอง ไม่กล้าปล่อยให้ลูกน้อยรับผิดชอบ ผลก็คือลูกน้องไม่เติบโต
กรณีข้างต้นเป็นปัญหาของคนเก่ง ส่วนคนดีก็มีปัญหานี้เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นคนอื่นมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานของตน มักจะทนไม่ได้ ต้องมีการว่ากล่าวกัน การติเตียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่บ่อยครั้งเนื่องจากมีความยึดติดในความถูกต้องมากเกินไป การติเตียนจึงเป็นไปอย่างรุนแรงและเต็มไปด้วยอารมณ์ ผลคือเกิดความร้าวฉาน นี้คือเหตุผลว่าทำไมคนดีถึงรวมกันไม่ค่อยได้นาน ส่วนคนชั่วนั้นมักรวมกันได้ยั่งยืนกว่า นั่นก็เพราะเขาไม่ค่อยใส่ใจกับความผิดของกันและกัน สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าได้แก่ผลประโยชน์ร่วมกันที่รออยู่ข้างหน้า
คนดีนั้นสามารถรวมตัวกันได้อย่างยั่งยืนหากไม่ยึดมั่นถือมั่นหรือเอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดของคนอื่นมากเกินไป จนลืมนึกถึงจุดมุ่งหมายที่เป็นอุดมคติร่วมกัน คนดีนั้นมารวมกันเพื่อทำสิ่งที่ดีงาม เช่น การฝึกฝนพัฒนาตนร่วมกัน หรือการช่วยเหลือสังคม เป็นต้น การระลึกนึกถึงจุดมุ่งหมายดังกล่าวอยู่เสมอ จะช่วยให้เราพร้อมให้อภัยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ขยายความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนอยู่ด้วยกันไม่ได้ หรือคาดคั้นความผิดของคนอื่นจนมองหน้ากันไม่ติด
ความยึดมั่นถือมั่นมักก่อให้เกิดโทษ แม้สิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นนั้นจะเป็นความดีก็ตาม เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นในศาสนาใช่ไหมที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างศาสนิกมาโดยตลอด เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นในพระเจ้าของตนใช่ไหมจึงเกิดคนอย่างบินลาเดนขึ้นมาทั่วโลก จะยึดถือความดีหรือความถูกต้องเพียงใดก็ตาม อย่าลืมสติ เมตตา การให้อภัย ตลอดจนจุดมุ่งหมายของชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมก็แล้วกัน

//www.budpage.com/ba175.shtml



Create Date : 28 ธันวาคม 2550
Last Update : 28 ธันวาคม 2550 22:01:10 น.
Counter : 753 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend