====================================================================
นอกบ้านผ่านเมือง : กรุสมบัติลับของตระกูลคิมแห่งโสมแดง (1) : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
"เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" เป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน
โดยเฉพาะในค่ายสังคมนิยม ไม่ว่าจะเป็นแดนหมีขาวรัสเซียและหมีแพนด้าจีน
แต่ใครจะนึกว่า แค่ 2 ปีเท่านั้น หลานรักอย่าง นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
จะรีบรวบรัดหักเหลี่ยมโหดสังหารนายจาง ซอง แท็ก อาเขย ผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์จักรพรรดิโสมแดงอย่างเลือดเย็น
ท่ามกลางการพยายามวิเคราะห์เจาะลึกของสื่อโสมขาวและสื่อตะวันตกถึงเบื้องหลังของศึกสายเลือดครั้งนี้
ทฤษฎีหนึ่งที่พูดกันมากก็คือ เป็นเรื่องของศึกชิงอำนาจ การหักหลังและการคิดคดทรยศต่อประเทศชาติ
ในเมื่อนายจางเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ถูกระบายสีความผิดว่า เป็น "คนทรยศขายชาติและเป็นคนชั้นต่ำชั่วช้าที่เลวทรามยิ่งกว่าสุนัข"
สมกับสัจธรรมที่ว่า "แพ้เป็นโจร ชนะเป็นเจ้า" จริงๆ
อย่างไรก็ดี สื่อโสมขาวเริ่มนำเสนอทฤษฎีใหม่ที่น่าสนใจว่า
เบื้องหลังที่ทำให้ "หลานกับอาเขย" ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้ก็คือ "ศึกชิงเงินตรา"
เมื่อนายคิม ซึ่งเมื่อได้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในมือแล้ว
ก็อยากได้สมบัติของตระกูลคิมที่ฝากอยู่ในบัญชีลับในต่างแดน
โดยมีอาเขยเป็นผู้จัดการดูแลบัญชีลับนั้นมาตลอด กลับมาดูแลเอง หลังจากเริ่มสงสัยว่า
อาเขยและคนสนิทสมคบกันยักยอกเงินในกองทุนลับโพ้นทะเลเหล่านั้นที่อดีตประธานาธิบดีคิม จอง อิล ดำริให้ตั้งขึ้น
นอกเหนือจากการยื่นมือเข้าไปผูกขาดธุรกิจลับที่ทำกำไรก้อนใหญ่เข้าประเทศและเข้ากระเป๋าตระกูลคิม
รวมไปถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นในหน่วยพลาธิการของกองทัพที่คนสนิทของนายจางเป็นคนดูแลอยู่
เชื่อว่าขณะนี้เงินในกองทุนลับกองทุนนี้คงจะเหลือราว 4 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,200 ล้านบาท) เท่านั้น
หลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้และสหรัฐร่วมกันติดตามร่องรอยต่างๆ จนกระทั่งพบว่า
ส่วนหนึ่งซุกไว้ในบัญชีของธนาคารบังโก เดลตา เอเชีย ในมาเก๊า
ทำให้ทางการสั่งอายัดเงินจำนวน 25 ล้านดอลลาร์ ทันที เมื่อปี 2548
ก่อนที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะลงมติในปีถัดมาให้แซงชั่นโสมแดง
เปิดช่องให้มีการตรวจสอบบัญชีลับกว่า 200 บัญชี ที่เชื่อว่า หน่วยงานต่างๆ ของโสมแดง
แอบขนไปฝากตามธนาคารในออสเตรีย จีน ลิกเตนสไตน์ ลักเซมเบิร์ก รัสเซีย สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์
และเพื่อประกันว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นายจาง ในฐานะผู้จัดการใหญ่ มีหน้าที่ดูแลธุรกิจลับในต่างประเทศ
จึงส่งนายรี ซู-ยอง ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้ากงสุลของเกาหลีเหนือ
ดูแลกรุสมบัติลับของตระกูลคิมอย่างใกล้ชิดระหว่างปี 2523-2553
====================================================================
ที่มา
คมชัดลึก