ขออีก 1 นาที
ขออีก 1 นาที ครอบครัวหนึ่งมีลูกชายชื่อ "เจี๊ยบ" เป็นเด็กที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นทำอะไรชักช้า และค่อนข้างขี้เกียจ ทุกๆ เช้าเมื่อแม่เรียกให้ตื่นไปโรงเรียน เจี๊ยบจะงัวเงียบอกว่า "ขออีก 1 นาทีนะครับแม่" พอลงมาข้างล่างแทนที่จะรีบกินข้าวเช้าก็ไปเปิดโทรทัศน์นั่งดูการ์ตูน พอแม่เรียนกให้มากินข้าวก็บอกว่า "เดี๋ยวแม่ ขออีก 1 นาที" จนแม่เอ่ยปากว่าจะทำโทษนั้ล่ะ เจี๊ยบจึงจะมานั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารได้สักที "คอยดูเถอะเจี๊ยบ" พ่อซึ่งมองลูกชายคนเดียวอย่างระอาพูดขึ้น "สักวันแกจะต้องเจอเรื่องที่แม้ 1 นาทีก็ให้ไม่ได้ ถ้าถึงวันนั้นแล้วแกจะรู้สึก" การขอเวลา 1 นาททำให้เจี๊ยบไปโรงเรียนสายทุกวัน และการทำโทษให้วิ่งรอบสนามก็ไม่ได้ทำให้เจี๊ยบจดจำเลยแม้แต่น้อย เขากล้าต่อรองเวลาแม้แต่ครู "ไปเข้าห้องเรียนได้แล้วเจี๊ยบ" ครูร้องเตือนเมื่อเห็นเจี๊ยบยังเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในสนามหญ้า ทั้งๆ ที่ออดเรียกเข้าชั้นเรียนดังไปพักหนึ่งแล้ว "ขออีก 1 นาทีครับครู" เจี๊ยบบอกโดยไม่ทุกข์ร้อน วันหนึ่งเป็นวันหยุด แม่บอกเจี๊ยบตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าจะไปเยี่ยมยายที่บ้านสวน เจี๊ยบชอบบ้านสวนของยายจึงขอตามแม่ไปด้วย แต่พอรุ่งเช้าเจี๊ยบก็ตื่นสาย ไม่ว่าแม่จะขึ้นไปปลุกกี่ครั้ง เจี๊ยบก็พูดว่า "ขออีก 1 นาที...ขออีก 1 นาที" ตลอด จนในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจไปบ้านสวนของยายคนเดียว เพราะถ้าออกช้ากว่านั้นจะหารถโดยสารไปยาก สักพักเจี๊ยบก็เดินงัวเงียลงมาจากห้องนอน เมื่อไม่เห็นแม่อยู่ในบ้านจึงถามพ่อว่า "แม่ล่ะครับพ่อ" "แม่ไปบ้านยายแล้ว" พ่อบอก "อ้าว ทำไมไม่รอผม" เจี๊ยบร้อง เขาอยากไปบ้านสวนของยายมาก "แม่รอแกจนรอไม่ได้อีกแล้ว รู้รึเปล่าว่าแค่ 1 นาทีที่แกขอก็ทำให้แม่ตกรถได้ นี่ยังไม่รู้เลยว่าแม่จะได้นั่งรถอะไรไป ถ้าโชคดีก็ได้ไปรถสายประจำ แต่ถ้าไปไม่ทันก็ต้องขึ้นรถที่วิ่งเป็นทางผ่าน แล้วรถสายนั้นน่ะขับอันตรายจะตายชัก" พ่อบ่นเจี๊ยบด้วยความเป็นห่วงแม่ "แหม ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่าพ่อ" เจี๊ยบบอก ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงขณะที่เจี๊ยบกำลังอาบน้ำอยู่ เขาได้ยินเสียงพ่อร้องเอะอะอยู่ชั้นล่าง จึงรีบวิ่งลงมาดู หน้าของพ่อเขาซีดขาวราวกับกระดาษ "รถที่แม่นั่งประสบอุบัติเห แม่อาการสาหัส เราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้" พ่อพูดเสียงแตกพร่า เจี๊ยบตกใจจนหน้าซีดตามพ่อไปอีกคน เขารีบขึ้นไปแต่งตัวโดยไม่มีคำว่า "ขออีก1 นาที" เหมือนเช่นทุกครั้ง ทันที่ที่สองพ่อลูกไปถึงโรงพยาบาลก็ช่วยกันตามหาแม่ในห้องฉุกเฉิน มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้หลายคน นอนร้องโอดโอยอยู่บนเตียง พ่อกับเจ๊ยบเดินเข้าไปดูหน้าคนเจ็บที่แต่ละเตียงด้วยความใจหาย แล้วก็พบแม่นอนแน่นิ่งอยู่ที่เตียงในสุด เลือดสีแดงไหลอาบอยู่เต็มหน้าแม่ และพยาบาลกำลังจะเข็นแม่ไป "แม่ แม่" เจี๊ยบร้องเรียกแม่เสียงดังลั่น น้ำตาเอ่อล้นทะลัก บุรุษพยาบาลเข้ามากันเขาไว้เพราะเกรงว่าจะกีดขวางทางของรถเข็น "แม่ แม่ ตื่นสิแม่ ผมอยู่นี่ อยู่ตรงนี้" เจี๊ยบยังคงร้องเรียกแม่เขาต่อไป และทุบตีบุรุษพยาบาลที่จับตัวเขาไว้ "ปล่อยผม ผมจะไปหาแม่" พยาบาลคนหนึ่งหันมาบอกพ่อของเจี๊ยบซึ่งยืนกุมมือแม่อยู่ว่า "เราต้องพาภรรยาของคุณไปผ่าตัดด่วน เธอเสียเลือดไปมากจากอุบัติเหตุครั้งนี้" คำพูดนั้นทำให้เจี๊ยบรู้ทันทีว่าเขาจะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก "เดี๋ยวครับขอเวลาให้ผมอยู่กับแม่สัก 1 นาที ได้โปรดให้ผมได้บอกแม่ว่าผมรักแม่ ให้ผมได้กอดแม่อีกสักครั้ง" เจี๊ยบร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา แต่ไม่มีใครฟังเสียงของเด็กชายเจี๊ยบ พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นเตียงของแม่เข้าห้องผ่าตัดและไปในนั้นเป็นเวลานาน ก่อนที่แพทย์จะออกมาแจ้งข่าวร้าย...แม่ของเจี๊ยบเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัด เจี๊ยบมารู้อีกในภายหลังว่ารถคันที่แม่นั่งไปประสบอุบัติเหตุนั้นไม่ใช่รถแมล์สายประจำไปบ้านยาย แต่เป็นรถสองแถวที่ขับโดยคนขับรถที่ขาดความรับผิดชอบ คนๆ นั้นอยากได้เงินมากๆ แต่ไม่สนใจความปลอดภัยของผู้โดยสาร แม่ของเจี๊ยบมาคนสุดท้ายจึงต้องนั่งเบียดอยู่นอกสุด และกระเด็นออกไปไกลเมื่อรถประสบอุบัเหตุ...พ่อโกระคนขับรถมาก บอกจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เจี๊ยบไม่โกรธคนขับรถเลย เขาโกรธและเกลียดตัวเอง ด้วยเพิ่งเข้าใจว่าเวลา 1 นาที่ที่เขาเคยขออย่างพร่ำเพรื่อนั้นมีค่ามากมายเพียงไร เพราะ 1 นาทีที่ได้มาในวันนี้ต้องแลกกับเวลาทั้งหมดในชีวิตของแม่ ถ้าเจี๊ยบตื่นทันทีที่แม่เรียก ถ้าเขาไม่ขอแค่ 1 นาทีเพื่อให้ได้นอนต่อ แม่ก็คงไม่ตกรถประจำทางจนต้องไปนั่งรถปีศาจคันนั้น กระทั่งถึงคราวที่เจี๊ยบต้องการเวลาจริงๆ เขากลับไม่มีแม้เพียง 1 นาทีที่จะได้อยู่กับแม่...ไม่มีแม้เพียงวินาทีด้วยซ้ำไป...ไม่มีเลย...
= เ ธ อ ทั้ ง ห ล า ย ... เงยหน้ามองเข็มวินาทีอันเล็กๆ ที่เดินอยู่ในนาฬิกาสิ...นั่นล่ะ คือ เวลาในชีวิตของคนเรา ทันทีที่เธอคิดว่า 'เดี๋ยว ขอเวลาอีกหน่อย' หรือ 'เดี๋ยว เอาไว้ทำวันหลัง' รู้ไว้เลยว่าเธอกำลังสูญเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปมากมาย คนที่ตื่นแต่เช้ามา ทำงานย่อมทำงานได้มากกว่าคนนอนตื่นสายอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กที่ทำ การบ้านเสร็จมาจากโรงเรียนก็ได้วิ่งเล่นในตอนเย็นกับเพื่อนอย่างเต็มที่ คน ที่รู้คุณค่าของเวลามักได้เปรียบคนอื่นและเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปน้อยมาก แน่นอนว่าชีวิตของคนแบบนี้ย่อมปรีดิ์เปรมไปด้วยความสุขสมหวัง เข็มวินาทีเดินเร็วกว่าจังหวะการหายใจเสียอีก ชีวิตของคนเราก็เป็น อย่างนั้น มักมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และบางทีก็ เกิดขึ้นเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน เราไม่มีทางรู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าวันนี้เราไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่พูดว่า 'เดี๋ยว' และใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร เราก็ไม่กลัวที่จะรับมือกับมัน และไม่ต้องตั้งคำถาม ที่ไร้ประโยชน์ในภายหลังว่า "เมื่อวานเรามัวทำอะไรอยู่"
|
Create Date : 13 มกราคม 2552 | | |
Last Update : 18 มกราคม 2552 10:22:03 น. |
Counter : 221 Pageviews. |
| |
|
|
|