Romantic Science Series: Every thing that concerns you concerns me.
หัวข้อของบทความนี้ คือ ประโยคสำคัญประโยคหนึ่ง ที่ปรากฏในจดหมายของ เอมม่า ดาร์วิน ที่สะท้อนให้เห็นการรับรู้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ของเธอ ที่มีต่อชายผู้เป็นที่รัก-- นักธรรมชาติวิทยา ที่ชื่อ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
เอมม่า ดาร์วิน เป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน อย่างมาก เธอเป็นแม่ของลูก สิบคน เป็นภรรยาที่อยู่เคียงข้างสามี จนถึงวันตายของเขา และเป็นที่พึ่งทางจิตวิญญาณ ในวันเวลาที่ชายผู้หนึ่งต้องการมันอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ ทั้งสองสูญเสียบุตรสาว จากวัณโรค หรือ ในยามที่ชาร์ลส์ ดาร์วินต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อ ผู้หญิงคนนี้คือ ผู้ที่ชาร์ลส์ ดาร์วิน มอบจิตวิญญาณให้ มากยิ่งกว่าการโหยหาการปลอบประโลมใจจากพระเจ้า..
ในบันทึกหลาย ๆ ฉบับ ชาร์ลส์ ดาร์วินได้พัฒนา ความไม่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าตามลำดับเวลา โดยเขาได้ตั้งข้อสงสัยในการมีอยู่จริงของพระองค์ ซึ่งเขาเรียกตัวเองว่า Agnostic หรือ ผู้ที่เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของพระเจ้า
ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่บิดาของชาร์ลส์ ดาร์วิน -- ดอกเตอร์ โรเบิร์ต ดาร์วิน ผู้เป็นบิดา เคยเตือนเขาไว้ว่า อย่าให้สิ่งนี้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยา
เอมม่า ดาร์วิน ในวัยสาว (ภาพ จาก //darwin-online.org.uk )
เอมม่า ดาร์วิน ก็เหมือนกับคนทั่วไปในยุคนั้น มีความศรัทธาด้านศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม เป็นศาสนิกชนที่ดี และเชื่อมั่นในพระเจ้า ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นปมขัดแย้ง ระหว่างเธอ กับชาร์ลส์ ดาร์วิน
หลายคนสงสัยว่าผู้หญิงที่ชาร์ลส์ พึ่งพา และมอบความรักให้อย่างลึกซึ้งแน่นแฟ้นนี้ มีชีวิตและใช่ชีวิตอย่างไร กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อ ทัศนคติ ที่ทั้งกล้าหาญและอันตราย ซึ่งตรงข้ามกับเธอและคนเกือบทั้งโลก
หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดซึ่งถ่ายทอดให้เห็นความแตกต่างในความเชื่อเรื่องศาสนา ระหว่าง ชาร์ลส์ ดาร์วิน กับ ภรรยา คือจดหมายฉบับหนึ่ง ที่เธอเขียนให้เขาหลังจากแต่งงานกันได้สามปี เป็นจดหมายที่เอมม่าไม่เพียงแสดงความเฉลียวฉลาดในการพูด แต่ยังสะท้อนความรู้สึกกังวลถึงความเชื่อของสามีและปลอบประโลมจิตใจตัวเอง ไป พร้อม ๆ กัน
"May not the habit in scientific pursuits of believing nothing till it is proved, influence your mind too much in other things which cannot be proved in the same way, & which if true are likely to be above our comprehension."
>> ต้นฉบับจดหมายและการถอดไฟล์เอกสาร <<
เธอกลัวว่าจิตวิทยาศาสตร์ที่เชื่อเฉพาะในสิ่งที่พิสูจน์แล้ว จะทำให้เขาละเลยสิ่งที่เป็นจริงแต่อยู่เหนือความสามารถการรับรู้ของคนเรา ซึ่งเป็นคำกล่าวเชิงวิงวอน เพื่อให้ชาร์ลส์ ระมัดระวังในความคิดของตนเอง ด้วยเกรงว่าผู้เป็นที่รักของเธอ จะต้องถูกลงทัณฑ์ในชีวิตหลังความตาย หากเขาเป็นฝ่ายคิดผิดเรื่องพระเจ้า
ในยามที่เอมม่า สวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเธอจะกล่าวอ้อนวอน อย่างไรกลับพระองค์ อาจจะเป็นไปได้ว่า เธอจะขอให้พระองค์อภัยให้ชาร์ลส์ ดาร์วิน ด้วยว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นบาป เพราะเกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ที่จะเข้าใจและเรียนรู้ความจริงของธรรมชาติ และทำมันไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือ เธออาจะจะสวดอ้อนวอนให้พระองค์ทรงยกโทษในความผิดที่เขาได้กระทำ
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม สิ่งที่เอมม่า ได้เขียนเพื่อแสดงความกังวลใจที่มีต่อแนวคิดของดาร์วินนั้น ก็คือ การแสดงความรักที่ลึกซึ้ง ห่วงหาอาทร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา ย่อมเกี่ยวข้องกับเธอด้วย เอมม่ากล่าวว่า อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเธอ เพราะแนวคิดอันตรายนี้ ทำให้เธอมีความเป็นทุกข์อย่างมาก หากทั้งสองไม่ได้เป็นของกันและกันชั่วนิรันดร์ ในชีวิตหลังความตาย
"Every thing that concerns you concerns me and I should be most unhappy if I thought we did not belong to each other forever."
แม้จะรักภรรยามากเพียงใด แต่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ก็ไม่อาจจะทำตามที่ภรรยาของเขาวิงวอนได้ ด้วยว่าแนวคิดที่เขากำลังบ่มเพาะนั้น มันชัดเจนและทรงพลังเสียจนเขาไม่อาจละทิ้งมันไป เขายังบ่มเพาะทฤษฎีวิวัฒนาการต่อไปตลอดยี่สิบปี ก่อนที่จะตีพิมพ์ "The Origin of Species" ซึ่งเนื้อหาและหลักการ มีสอนในหนังสือเรียนวิชาชีววิทยาทั้งในไทยและต่างประเทศ แม้ว่าจะยังเป็นประเด็นที่โต้เถียงกันจนทุกวันนี้
เขาเลือกที่จะแสดงความรักในรูปแบบอื่น โดยการเป็นพ่อที่ดีและทุ่มเทแก่ลูก ๆ ทั้ง 10 คน เป็นสามีอยู่เคียงข้างภรรยาจนถึงวันตาย
สำหรับจดหมายฉบับนั้น ชาร์ลส์ ดาร์วิน รักษามันไว้อย่างดีและพกติดตัวอยู่เสมอ ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำตามที่ภรรยาร้องขอในจดหมายได้ แต่เขาก็แบกรับความทุกข์ทรมานใจไว้ตลอดเวลา เป็นความเจ็บปวดที่เกิดจาก การที่ไม่สามารถเยียวยาความทุกข์ของคนที่เป็นที่รักได้
ชาร์ลส์ ดาร์วิน ใช้หมึกบรรจงเขียนข้อความบนจดหมายฉบับนั้น
When I am dead, know that many times, I have kissed & cryed over this.
C. D.
"เมื่อผมได้ตายจากไป โปรดรู้ไว้ หลายครั้งเหลือเกิน ที่ผมจุมพิตและร่ำให้กับจดหมายฉบับนี้"
ช.ด.
อ้างอิง
1. Nora, B. 1958. The Autobiography of Darwin Charles, 1809-1882. WW Norton & Company, New York.
2. //darwin-online.org.uk
3. Quammen, D. The Reluctant Mr. Darwin: An Intimate Portrait of Charles Darwin and the Making of His Theory of Evolution. WW Norton & Company, New York.
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 22:10:01 น. |
Counter : 551 Pageviews. |
| |
|
|
|