ชีวิตนี้ถ้าเลือกได้.................กรูไปโลด ก้อมันเลือกไม่ได้ ก้อเลยไปเรื่อย ๆ
 

ชำแหละโครงการ.....เช่ารถเมล์สี่พันคัน ภูมิใจ? ช่วยชาติ


ชำแหละโครงการ.....เช่ารถเมล์สี่พันคัน ภูมิใจ? ช่วยชาติ

โดย: สมเพช
ตั้งเมื่อ: 15:58 น. 10 ต.ค. 2009
//talk.mthai.com/topic/78383



ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไปแบบค้านสายตาประชาชนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า...ข้อ เสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในหนังสือบันทึกข้อความ เลขที่ นร.1115/4245 ลง วันที่ 21 กันยายน 2552 ที่ยื่นต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถึงเหตุผลในการ เช่ารถเมล์ 4,000 คัน

...เมื่อ พิจารณาเปรียบเทียบความเหมาะสมระหว่างวิธีการเช่า และวิธีการซื้อ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย วิธีเช่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า วิธีการซื้อ

เนื่อง จากวิธีการเช่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการให้มี รถโดยสารประจำทางพร้อมใช้งานตลอดเวลา และลดความเสี่ยงด้านต้นทุน ทางการเงิน ภาระดอกเบี้ยของ ขสมก.

สำหรับวิธี การซื้อจะมีข้อจำกัดในเรื่องการจัดการแหล่งเงินที่มีต้นทุน อัตราดอกเบี้ยต่ำ ภาระหนี้ของ ขสมก. และความคล่องตัวในการบริหารจัดการเดินรถ...

ไม่ น่าเชื่อว่า การระดมสมองของผู้รู้ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ใช้เวลาในการคิดพิจารณาวิเคราะห์สังเคราะห์ นาน 3 เดือนครึ่ง...จะได้ข้อสรุปแค่นี้

ผลลัพธ์คำตอบออกมาอย่างนี้...คนธรรมดาต่ำต้อย แม้แต่พลเมืองชั้น 2-3 อย่าง แรงงานพม่า มอญ ลาว เขมร คิดได้ไม่ต่างกัน

เพราะ เป็นเรื่องของสามัญสำนึก ไม่ต้องให้ด็อกเตอร์เสียเวลาพินิจพิเคราะห์ แต่อย่างใด...เป็นแรงงานอพยพหลบหนีเข้าเมือง ฐานะยากจน จะทำงานหาที่ทางอยู่อาศัย ก็ต้องเช่าเขาก่อน เพราะไม่มีเงินก้อนไปซื้อบ้าน

ขสม ก.ก็เช่นกัน ฐานะการเงินอ่อนแอ เอาตัวไม่รอด มีหนี้สิน ล้นพ้นตัว ไร้ความสามารถที่จะหาเงินมาซื้อรถได้...ก็ต้องเช่าเขา เท่านั้นเอง

ความจริงแล้วเช่า หรือซื้อ...ไม่ใช่คำถามที่สังคมไทยต้องการคำตอบ จากผู้ทรงคุณวุฒิ

สิ่งที่คนไทยต้องการคำตอบมากที่สุด...โครงการนี้คิดทำขึ้นมาเพื่ออะไร กันแน่ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และช่วยแก้ปัญหาขาดทุน ให้ ขสมก.ได้หรือเปล่า

หรือว่า? เป็นโครงการที่คิดขึ้นมาแบบตั้งใจโกง...หาเงินเข้าพรรค 2,000 ล้าน ไว้เตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างที่คนในวงการรถเมล์เขาว่ากัน

ราคา ค่าเช่ารถเมล์ 4,442 บาท ต่อคันต่อวัน เช่า 10 ปี ตกคันละ 15.99 ล้านบาท...จะเป็นหลักฐานฟ้องชัด ตั้งหน้าตั้งตาโกง ชัดเจนเกินไปหรือไม่

รถเมล์เทวดาแห่งความภูมิใจไทยอะไร จึงได้แพงมโหฬารขนาดนั้น?

"นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจีนมา ได้สอบถามหรือเปล่าว่า รถเมล์เอ็นจีวี ที่กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. ระบุสเปกเจาะจงเอามาเช่านั้น ที่ประเทศจีนขายกันคันละเท่าไร 2 ล้านบาทเท่านั้นเอง

ถ้าไม่ได้ถามก็ลองให้รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่เดินทางไปกัมพูชาเจรจาเรื่องเขาพระวิหา รบ่อยๆ ถามเจ้าหน้าที่เขมรดูก็ได้ เพราะตอนนี้กัมพูชาได้นำรถเมล์แบบเดียวกันนี้มาวิ่งในกรุงพนมเปญแล้ว ราคาคันละ 2 ล้านบาทเท่านั้นเอง"

นายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก. บอกอีกว่า รถ เมล์ 2 ล้านบาท นำเข้าประเทศไทยเสียภาษี 40% บวกค่าดำเนินการ ค่าบริหารจัดกับกำไรแล้ว เมื่อนำมาจำหน่ายให้ผู้ประกอบการทั่วไป ราคาขายสดจะอยู่ที่ 3 ล้านบาทเท่านั้นเอง

อัตราการผ่อนรถ ในวงการเดินรถโดยสาร คิดกันง่ายๆ...1 ล้านบาทต้องผ่อนจ่ายวันละ 600 บาท

รถเมล์เอ็นจีวีราคา 3 ล้านบาท ผ่อน 5 ปี (60 เดือน) กว่าจะได้เป็นเจ้าของรถเต็มตัว...ต้องจ่ายเงินไปทั้งหมด 3.24 ล้านบาท

แต่ ขสมก.เช่าวันละ 4,442 บาท 5 ปีต้องจ่ายถึง 7.99 ล้านบาท...โดยไม่ได้เป็นเจ้าของรถ

แน่นอนคณะทีมงานที่ขันอาสามาทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชน ไม่ได้ ตั้งใจโกง มีเหตุผลจ่ายแพงกว่าเพราะรวมค่าซ่อมด้วย

ค่าตัวรถ 3.24 ล้านบาท...ค่าซ่อม 4.75 ล้านบาท...ค่าซ่อมอะไร ถึงได้แพงกว่าค่าตัวรถ เกินกว่าเท่าตัว

ถ้าคิดจะทำเพื่อชาติกันจริงๆ และยืนยันอยากจะจ่ายค่าเช่าวันละ 4,442 บาท...เปลี่ยนไปใช้วิธีการเช่าซื้อแบบเอกชนไม่ดีกว่าหรือ?

ผ่อนแค่ 25 เดือน ได้เป็นเจ้าของรถ ไม่ต้องมาห่วงเรื่องซ่อม เพราะ รถใหม่ 1-2 ปี ไม่ค่อยเสียอยู่แล้ว

แถม ยังได้เป็นเจ้าของรถ เอาไปขายทำเงินเข้า ขสมก.ได้อีกต่างหาก แล้วไปเช่าซื้อคันใหม่มาวิ่งแทน คนไทยได้นั่งรถเมล์ใหม่ทุก 2-3 ปี ไม่ แฮปปี้กว่าหรือ...

"ค่าเช่าแพงเว่อร์ไม่พอ มติคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการหาอู่เพิ่ม เป็นเรื่องตลกสิ้นดี มีอย่างที่ไหน รถเมล์เช่าเป็นรถของ
เอกชน ไม่ใช่ของ ขสมก. แล้วทำไมต้องให้ ขสมก.ควักเงินสร้าง ที่จอดรถให้เอกชน"

เอกชน ต้องไปหาที่ หาทางสร้างอู่จอดรถเอง ถึงจะถูกต้อง...อย่างแท็กซี่ เจ้าของรถต้องมีอู่สร้างที่จอดรถเอง ไม่ใช่ให้คนเช่าแท็กซี่ไปซื้อที่ดินมาให้ เถ้าแก่ใช้จอดรถ

"รถเมล์ ขสมก. ต้องเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี ไม่มีใครคัดค้าน ทุกฝ่ายยอมรับว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะขืนใช้น้ำมันต่อไป ชาวบ้านเดือดร้อนสู้ราคาค่าโดยสารขึ้นตามราคาน้ำมันไม่ไหวแน่

ที่ ผ่านมารัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนา เชิงปฏิบัติการ เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งเอกชน ทั้งราชการ ระดมสมองคิดกัน ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า รถเมล์ ขสมก.ต้องเปลี่ยนไปใช้เอ็นจีวี และปรับปรุงเส้นทาง เดินรถเมล์ใหม่"

เปลี่ยนไปใช้เอ็นจีวี...มีด้วยกันหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องไปซื้อไปเช่ารถเมล์ใหม่ก็ทำได้

ทำ แบบพอเพียง รู้จักฐานะยากจนของตัวเอง ก็ทำแค่เอารถเมล์ไปปรับแต่งติดแก๊ส...ถ้าอยากจะให้รถดูดี ดูใหม่เอาใจผู้โดยสาร ก็เอารถเก่าไปปรับปรุง แต่งองค์ทรงเครื่องใหม่

หรือ ขี้เกียจไม่อยากรับผิดชอบอะไรมาก เงินสดไม่มี ปัญญามีได้ แค่เช่า เอกชนก็ยังมีข้อเสนอ เอารถใหม่มาให้เช่าราคาวันละ 2,500 บาท ราคานี้ถูกกว่า

รวมหมดทุกอย่างแม้กระทั่งอู่ที่จอดรถ ขสมก.ไม่ต้องจัดซื้อจัดหา...เอกชนมีอู่ให้

" ส่วนความจำเป็นของการปรับปรุงเส้นทางเดินรถเมล์ใหม่ 155 เส้นทาง ที่ สศช.นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องเก่าที่ทำกัน มาตั้งแต่สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ที่ ศึกษายังไม่เสร็จเรียบร้อยดี เพราะตั้งใจทำแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เพื่อให้นัก วิชาการระดับด็อกเตอร์บางคน ได้มีเงินมีงานทำ รัฐจ่ายไป 27 ล้านบาท ไม่ได้ ประโยชน์อะไรเลย"

แต่ด้วยวันนี้ เรื่องจวนตัว...หาข้อสรุป หาเหตุผลใหม่ๆมากลบเกลื่อนไม่ได้ ก็เลยไปคว้าของเก่ามาย้อมแมว

" ม็อบสภาพแรงงาน ขสมก.ที่มาประท้วงหน้าทำเนียบ ก็มีสาเหตุมาจากการย้อมแมวนี่แหละ เดิมที่คณะกรรมการยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ได้มีข้อสรุปจะให้เอกชนและ ขสมก. ร่วมเดินรถใน 155 เส้นทางที่ปรับปรุงใหม่

แต่รายงานย้อมแมวต้มทั้งคนดู ทั้งคณะรัฐมนตรี ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ ด็อกเตอร์ เขียนรายงานบิดเบี้ยวไปว่า จะให้สัมปทานเอกชนเดินรถทั้งหมด ใน 155 เส้นทาง"

เท่ากับว่า คน ขสมก.ต้องตกงานทั้งหมด สหภาพฯ เลยต้องขนม็อบมาปิด ทำเนียบ...บีบที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ตามแผนบัญชาผู้เชี่ยวชาญด้านม็อบชนม็อบ.




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2552    
Last Update : 10 ตุลาคม 2552 18:29:31 น.
Counter : 491 Pageviews.  

ไทยสามัคคี คำผกา มติชนสุดสัปดาห์ (อีกแล้วครับท่าน)

จากคุณ : Hug Bakery
เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 10:50:50
จาก //www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8389977/P8389977.html

คำผกา มติชนสุดสัปดาห์



20 กันยายน 2552 ถึง 4 ธันวาคม 2552 จะมีการเปิดเพลงชาติเวียนกันไปในแต่ละจังหวัดเรียงกันไปตามตัวอักษร เริ่มตั้งแต่จังหวัดกระบี่ ไล่ไปจนครบทุกจังหวัด

นี่คือโครงการ ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลอันฉลาดปราดเปรื่องของเราอุตส่าห์คิดขึ้นมาได้

(กรุณาอ่านออกเสียงว่า คิดขึ้นมาด้ายยยยยยยย)

บท เรียนเรื่องความสามัคคีบทเรียนแรก ในชีวิตเท่าที่จำได้แบบขาด ๆ เกิน ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ คือนิทานที่พ่อเล่าให้ลูกหักไม้ไผ่ทีละอัน ลูก ๆ ก็หักกันได้ง่ายดาย แต่พอเอาไม้ไผ่อันเล็ก ๆ หลาย ๆ อันมามัดรวมกัน พ่อยื่นให้ลูกลองหักดูปรากฏว่าหักไม่ได้ งานนี้ลูกเลยได้บทเรียนจากพ่อว่าเรี่ยวแรงเล็ก ๆ ตามลำพังที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้นเปราะบางหักโค่นได้ง่าย

แต่แรงเล็ก ๆ คนเล็ก ๆ หากร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันแล้วย่อมยากที่ (ศัตรู)จะมาบ่อนทำลายลงได้

เด็ก ๆ อ่านแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ มันเป็นตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เห็นภาพชัดเจน และไม่มีอะไรเถียงได้เลย ไม้อันเล็ก ๆ หลายอันมัดรวมกันไม่มีวันถูกหักได้ด้วยมือ แต่ไม่มีใครพิเรนท์พอที่จะถามว่าถ้าเอามีดลงฟันฉับหรือจุดไฟเผาให้วอดวายตาย หมู่แบบสมัครสมานสามัคคีโดยพร้อมหน้า

เมื่อไม่มีใครถาม เราจึงพากันท่องคำว่า สามัคคี คือพลังกันต่อไป

คำ ว่าสามัคคีก็คงเหมือนคำอีกเป็นจำนวนมากที่เต็มไปด้วยที่ว่างสามารถบรรจุความ หมายใหม่ๆ ได้ไม่มีที่สิ้นสุด การที่ชุมชนสักชุมชนหนึ่งรวมแรงรวมใจรักษาเหมืองฝาย ช่วยกันดูแลแหล่งน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก สอดส่องดูแลมิให้ลูกบ้านคนใดคนหนึ่งมีอภิสิทธิเหนือคนอื่น หรือฉ้อฉลใช้น้ำมากกว่าชาวบ้านคนอื่น ๆ อาจจะอธิบายได้ด้วยคำว่า สามัคคี

การที่ชาวบ้านในหมู่บ้านสักหมู่บ้านหนึ่งช่วยกันทำถนนหนทาง ขุดบ่อน้ำใช้ในชุมชนอาจอธิบายได้ด้วยคำว่าสามัคคีเช่นกัน

ทว่า การกระทำของชาวบ้านในชุมชนนั้น ๆ ก็อาจอธิบายได้ว่า ทั้งหมดเป็นเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นแค่เทคนิคการจัดการบริหารชุมชนให้อยู่รอด ทำมาหากินได้โดยไม่มีใครต้องลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันเพราะตกลงกันไม่ได้เรื่องการ ใช้น้ำ หรือหากไม่ช่วยขุดบ่อก็ไม่มีน้ำใช้

การร่วมมือกันในที่นี้จึง เป็นไปเพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับร่วมกัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสามัคคี เพราะหลังจากสร้างถนนเสร็จ หรือขุดบ่อน้ำเสร็จ จัดงานฉลองอาจมีการยกพวกตีกันของชาวบ้านที่เกลียดขี้หน้ากันก็เป็นได้ไอ้คน ที่เพิ่งสามัคคีกันมาหยก ๆ ก็ลุกขึ้นมาต่อย หรือถลกผ้าถุงด่ากันได้ในชั่วข้ามคืน

ครอบครัวบางครอบครัวทะเลาะ ตบตี ถกเถียง ดุด่าว่ากล่าวกันได้ทุกวี่ทุกวัน พี่ด่าน้อง น้องแย่งมรดกพี่ เมียด่าผัว ผัวด่าเมีย ฯลฯ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งมีอันต้องไปทะเลาะกับคนนอกบ้านแล้ว หละก็ คนในครอบครัวทุกคนที่เคยด่าทอ เกลียดชังกันทุกวันกลับหันหน้าเข้าหากัน จับมือรวมพลังละวางความขัดแย้งภายในครอบครัวชั่วคราว หันไปต่อสู้กับคนนอกครอบครัว เกิดความสามัคคี ปรองดอง รักใคร่ไยดี พร้อมจะปกป้องกันและกันอย่างน่าตกใจ แต่เมื่อไหร่ที่กำจัดศัตรูภายนอกสิ้นซาก ก็ค่อยหันมาตบตีกันอีกครั้ง




ชาติไทยเราเคยมีประสบการณ์กับความสามัคคีเช่นนี้ เราเคยร่วมกันสร้างศัตรูภายนอกขึ้นมาเพื่อให้คนภายใน รู้รักสามัคคี ช่วยกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้พ้นจากภัยคุกคามของศัตรู

ศัตรู เรามีหลายโฉมหน้า ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร คอมมิวนิสต์ จีน ญวน สินค้าญี่ปุ่น เป็บซี่ ไมเคิลแจ๊คสัน โลกาภิวัตน์ วัฒนธรรมตะวันตก เหล้า บุหรี่ ทุนนิยม อาหารฟาสต์ฟู้ด โจรใต้ ภาพหัวนม และอวัยวะเพศในภาพยนตร์

ศัตรูคนล่าสุด ของชาติที่ยังตามล่าตามล้างไม่สำเร็จน่าจะเป็น “ทักษิณ ชินวัตร”

ข้อเท็จจริงอย่างไรยังไม่ได้พิสูจน์ แต่คำว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้บรรจุเอาความหมายเชิงสัญลักษณ์ของการเป็นศัตรูของชาติไว้เกือบทั้งหมด

ตั้งแต่คนไทยเชื่อสายจีนจากเชียงใหม่ ที่พูดภาษาไทยไม่ชัดเจน ออกเสียง ร.เรือ และควบกล้ำไม่ถูกต้อง

เป็นสัญลักษณ์ของทุนนิยม วัตถุนิยม

เป็น ตัวแทนของโลกโลกาภิวัตน์จากการทำธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม แถมยังมีคอนเนคชั่นกับนักธุรกิจในประเทศแบบแปลก ๆ ที่เรามักไม่เคยได้ยินชื่อ

เป็นอดีตเจ้าของทีมฟุตบอลในอังกฤษ

เป็นตัวแทนของนักการเมืองที่ร่ำรวยขึ้นมาด้วยอำนาจทางการเมืองที่มีอยู่

มี ภรรยาที่มีบุคลิคเป็นเจ้าแม่จอมบงการวางอำนาจ แทนที่จะเป็นผู้หญิงที่คอยเดินตามหลังสามี ฉีกยิ้มแบบอบอุ่น ในมาดของแม่พระผู้เต็มไปด้วยสัญชาติญาณแห่งความเป็นแม่ที่แสนอ่อนหวาน ไร้พิษสง น่ารัก น่าเอ็นดู น่าทะนุถนอม

หรือไม่ก็ควรจะเป็นภาพ ผู้หญิงนั่งบนสนามหญ้าเขียวขจี ยิ้มน้อย ๆเฝ้าดูลูก ๆ ด้วยสายตาเปี่ยมรัก ทว่าในความเป็นจริงเรามักจะเห็นแต่ภาพ คุณหญิงพจมาน สวมแว่นกันแดดอันเบิ้มเริ่ม กับผมตั้งกำบังน่ากลัวแถมบังทียังตีโป่งไปทั้งหัว เดินช๊อบปิ้งกับลูก ๆ ชาย-หญิง ถือถุงสินค้าแบรนเนมพะรุงพะรังอันเป็นสัญลักษณ์ของบริโภคนิยมอันเป็นหนึ่งใน ศัตรูอันฉกาจฉกรรจ์ ในยุคนิยมความพอเพียงของชาติไทยเช่นกัน

ด้วยต้น ทุนเช่นนี้ทำให้เรื่องเล่าทั้งหลายเกี่ยวกับทักษิณ สมจริงสมจังขึ้นมาในฐานะที่เป็นคนไทยไม่รักชาติ ตั้งแต่เรื่องเล่าเกี่ยวกับโครงการนำนักธุรกิจจากโลกอาหรับมาซื้อที่นาเมือง ไทยเพื่อปลูกข้าวขายต่างประเทศ คนไทยที่ถูกสอนฝังหัวมาโดยตลอดว่าเมืองไทยนั้น ดินดีสม เป็นนาสวน จึงไม่ทันคิดว่า มันน่าจะมีแหล่งเพาะปลูกที่น่าเย้ายวนให้ไปลงทุนเพราะปลูกมากกว่าเมืองไทย เมื่อเช่นนี้จึงพากันคิดว่าทักษิณ และพวกเป็นคนขายชาติ

เลวยิ่งกว่า นั้น พรรคพวกของทักษิณ อย่างนายนพดล ปัทมะ ยังบังอาจไปยกดินแดน (ที่คิดกันไปเองว่าเป็น) ของเราให้เขมร จากเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจึงลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โต คนที่ปลุกปั่นเรื่องนี้ขึ้นมายังหาทางลงจากเขาพระวิหารแบบไม่ให้หน้าแตกไม่ ได้จนถึงวันนี้


ข้อหาร้ายแรงที่สุดที่ทักษิณได้รับ และถูกตราหน้าให้กลายเป็นศัตรูของชาติไทยไปอย่างถาวรคือ ข้อหาไม่จงรักภักดี ภาพทักษิณแต่งตัวใส่เครื่องเครารุงรังนั่งบัลลังก์ทอง ถูกปล่อยออกมาหลายปีก่อนหน้านี้พร้อมข้อสังเกตว่าเขากำลังแข่งบารมีกับพระ มหากษัตริย์ ตามมาด้วยภาพในวัดพระแก้วที่เจอข้อหาเดียวกันคือ ตีเสมอ แข่งบารมี

จากนั้นก็มีข่าวเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ และอีกหลายเหตุการณ์ที่ถูกนำมาโน้มน้าวให้คนไทยเชื่อว่า ทักษิณ ไม่จงรักภักดี ข้อหานี้เองทีทำให้ทักษิณบรรลุซึ่งการเป็นศัตรูของชาติ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ลำพังทักษิณ ครอบครัว และพรรคพวกไม่กี่คนน่าน่าจะขจัดออกไปให้พ้นจากเมืองไทยได้ไม่ยาก แต่ทักษิณดันมีมวลชนหนุนหลังมหาศาล และมวลชนที่หนุนหลังทักษิณอยู่ดันเป็นประชาชนไทยนับสิบล้านคน อันเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สมัยที่เรามีคอมมิวนิสต์ เป็นศัตรูของชาติแค่ตั้งลูกเสือชาวบ้าน บรรดาชาวบ้าน ประชาชนไทย ก็แห่กันมาเป็นลูกเสือชาวกันคับคั่ง รัฐจัดตั้งมวลชนให้สำแดงพลังความสามัคคีเป็นที่ประจักษ์ไม่ยากเย็น แต่คราวนี้กลุ่มคนที่เคยสนับสนุนลูกเสือชาวบ้านนั่นแหละที่กลายเป็นมวลชน ของทักษิณในปัจจุบัน

และที่น่าชวนหัวคือ คนที่เคยซ้ายและอยู่ตรงข้ามกับลูกเสือชาวบ้านในวันนั้น กลับกลายเป็นกลุ่ม หันขวา จนคอเคล็ดในวันนี้ การขจัดศัตรูของชาติต่องพ่วงเอาประชาชนจำนวนมากในชาติเข้าไปด้วยจึงเป็น เรื่องที่น่าปวดหัว และถึงที่สุดมันกลายเป็นตรรกะที่ไม่ make sense ว่าจะนับประชาชนส่วนมากเป็นส่วนหนึ่งของศัตรูของชาติได้ยังหว่า

ฉัน คิดว่าเป็นโชคดีของทักษิณ เพราะมวลชนที่สนับสนุนเขา เพราะฝ่ายรัฐบาลผู้ได้รับมอบหมาย (จากฝ่ายที่เห็นทักษิณเป็นศัตรูของชาติ) ให้มาสลายขั้วมวลชนที่เคยประกาศว่าอยู่ฝ่ายทักษิณนั้น

“ไม่มีน้ำยาสักเท่าไหร่”

เห็น ได้จากโครงการไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง อันมีเนื้อหาสาระอยู่ที่การเกณฑ์ให้แต่ละจังหวัดหาคนมาร้องเพลงชาติ นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ร้องเพลงชาตินำที่สนามหลวง (แบบนี้เรามีนายก หรือหัวหน้ากันหละเนี่ย อีกหน่อยสวดมนต์พร้อมเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเขาด้วยเลยสิคะ) พร้อมกับคณะประชาชนเท่าที่ฝ่ายรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่ต้องรับผิดชอบสัก เลข เอ๊ยเกณฑ์มาร่วมงานได้

ฉันเง็งจริง ๆ โครงการนี้มันทำให้คนไทยรักชาติมากขึ้นได้อย่างไร ยังไม่ต้องถามว่าจะทำให้สามัคคีกันขึ้นได้อย่างไร

เง็ง พอพอกับเวลาที่เห็นสมุดลงนามต่าง ๆ นานา ที่วางอยู่ตามศาลากลางจังหวัดบ้าง ศาลาเทศบาลเมืองบ้าง หรือสมุดลงนามประเภทอดเหล้าเข้าพรรษา หรือลงนามให้สัตย์ปฏิญาณนู่นนี่ ที่แสนจะพร่ำเพรื่อ เห็นแล้วเง็งเป็นกำลังว่าให้มาลงไว้ทำไมใครจะอ่าน (ถ้าไม่ดูตัวเลขเพื่อเป็นผลงานของมหาดไทย)


ความคิดเห็นที่ 3 [ถูกใจ] [แจ้งลบ]

ใครจะมารู้จักว่า นายสมชาย นกเขาขัน หมายเลขประชาชน xxxxxxxxxxxxx ได้มาลงนามร่วมอดเหล้าช่วงเข้าพรรษาลงไปแล้วได้ลดหย่อนภาษี หรือได้บัตรกำนัลซื้อนมราคาถูกไปกินแทนเหล้า ??

ลงชื่อไปแล้วเดี๋ยวมีจับรางวัลตามหมายเลขที่ไปลงนาม

ใน ข่าวบอกว่าจุดมุ่งหมายของโครงการนี้เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยทุกคนได้แสดงความ รักชาติ และความสามัคคีผ่านการร้องเพลงชาติ ซึ่งมันคงคล้าย ๆ กับการล่าคนมาลงชื่ออดเหล้าหรือลงนามเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ นานา ที่สักแต่ทำเพื่อให้มีผลงานติดบอร์ด โชว์รอให้ครูมาให้คะแนน (ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่ารัฐบาลนี้ทำงานเหมือนทีมหัวหน้าห้องเรียน ป.3 จริง ๆ)

งงและเง็งยิ่งกว่านั้นก็คือ ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ฉันเห็นว่าการที่รัฐบาลพยายามปิดกั้นโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุมทางการเมืองทุกรูปแบบที่อาจบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาล หรือสถาบันใดสถาบันหนึ่ง หรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่งที่รัฐบาลต้องการปกป้องเป็นพิเศษต่างหาก

“คือการปิดกั้นการแสดงออกซึ่งความรักชาติของประชาชน”

โอกาส ที่เราจะได้แสดงการรักชาตินั้นคือ......”โอกาสที่เราจะได้พูด ได้เขียน ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชะตากรรมของชาติบ้านเมืองอย่างเปิดเผยต่างหาก”

ส่วน โอกาสที่จะได้ร้องเพลงชาติไทยเป็นหมู่คณะภายใต้โครงการบ้า ๆ บอ ๆ นี้ไม่น่าจะช่วยให้ใครได้รักชาติมากขึ้น มีแต่จะเบื่อหน่ายเอือมระอา จนอยากลาออกไปเป็นพลเมืองประเทศดิสนีย์แลนด์เสียให้หมดเรื่องหมดราวไป

ท้ายที่สุดรัฐบาลควรทบทวนว่าไทยสามัคคี นั้นจะสามัคคีไปไหน ?

สามัคคีไปรบกับใครไม่ทราบ ?

สามัคคีแปลว่าอะไรยังไม่ค่อยแน่ใจเลย ถ้าแปลว่าร่วมแรงร่วมใจกัน ก็ต้องตอบให้ได้ว่าจะร่วมกันทำอะไร ?

หากตอบว่าร่วมกันทำความดี ก็ต้องถามต่อไปอีกว่า อะไรคือความดี ?

และทุกวันนี้คนไทยอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ทำอะไรไม่ดีหรือ จึงต้องมาสั่งให้ทำความดี ?

หรือ ความสามัคคีแปลว่าห้ามแตกแถว ห้ามคิดมาก ห้ามตั้งคำถาม ห้ามแหกคอก จงคิดอย่างพอเพียง รัฐบาลสั่งหันซ้ายก็ซ้าย สั่งหันขวาก็หันขวา สั่งให้ร้องเพลงก็ร้อง สั่งให้ไปลงชื่อในวาระโอกาสอะไรก็ไป

นายกออก ทีวีพูดอะไรก็ให้เชื่อ ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่พลเมืองดี เสียภาษี ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มีครอบครัวอบอุ่น ทำบุญเยอะ ๆ อย่าทำตัวน่ารำคาญ เดี๋ยวจะเอานั่นเอานี่เดี๋ยว ๆ ประท้วง เดี๋ยว ๆ ประท้วง ไม่น่ารัก ไม่รู้จักสามัคคีกันเล้ยยย

หรือสามัคคี ณ ขณะนี้ รัฐบาลประชาธิปัตย์แค่อยากสลายมวลชนเสื้อแดงที่ประกาศสนับสนุนคุณทักษิณ ซึ่งถูกหมายเอาไว้ในฐานะศัตรูของชาติ ใครก็ตามที่ประกาศตัวเป็นเสื้อแดงถือว่าเป็นศัตรูของชาติ และจะเจอข้อหา ไม่สามัคคี

อันที่จริงฉันคิดว่าวิธีคิดที่อยากจะควบคุมพลเมืองให้ นิ่ง ๆ เชื่อง ๆ นั้นเป็นความฝันของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว และออกจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ที่น่าอเนจอนาถก็คือวิธีการที่รัฐบาลของเราอุตส่าห์คิดค้นขึ้นมานั้นช่าง น่ารักน่าเอ็นดู จะครอบงำพลเมืองทั้งทีคิดได้แค่เกณฑ์คนมายืนร้องเพลงชาติแล้วถ่ายทอดสดออก อากาศ

คิดอีกทีเราน่าจะดีใจทีมีรัฐบาลบ้องตื้นถนัดแต่เรื่องงานปาหี่ และคงจัดการครอบงำความคิดของใครไม่สำเร็จ




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2552    
Last Update : 4 ตุลาคม 2552 20:57:57 น.
Counter : 671 Pageviews.  

การขับเคลื่อนประเทศไทย ด้วยรถยนต์

โดยคุณ Mr.Warut
12 ก.ค. 52 22:11:44
//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8074555/P8074555.html

หากจะเปรียบการขับเคลื่อน"ประเทศไทย" ด้วยรถยนต์ และมีการตั้งทีมขึ้นมา และมีนายกสารถีขับรถ และรถที่นายกแต่ละคนเลือกมาใช้นะครับ

เริ่ม จากนายแมว เป็นคนขับรถที่ใช้เป็นกระบะอีซูซุสเปซแค๊บโฟร์วีลไดร์ฟ เครื่องคอมมอนเรล3000ซีซี. สามารถบุกตะลุยไปได้ทุกถิ่นทั้งแรงและเร็วติดหล่มก็ไม่กลัว

นายแมว เขาเป็นคนค้าขายเก่ง พูดเก่ง แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่พ่อค้าคนนี้ ที่ชาวบ้านว่าแกปากไว แกบุกตลาดทำการค้าไปทั่วแว่นแคว้น จนเป็นที่ชื่นชอบของคนหลายคน แต่ก็มีอีกมากมายหลายคนที่ไม่ชอบแก ทั้งคู่แข่ง ทั้งผู้ได้รับความเดือดร้อนจากแก เพราะแกมีนิสัยขับรถเร็ว เป็นตีนผี เป็นพวกระบะบ้าพลัง มีเพื่อนร่วมทางหลายคน อันได้แก่
-นายไม้บรรทัดลูกครูระเบียบ ผู้ที่ซึ่งชาวบ้านชื่นชอบในความเป็นคนเจ้าระเบียบของเขา
-นายลูกคิด ผู้วางแผนการเงิน เก็บเงิน เก็บทอง
-นายห้อย บทบาทสำคัญจำไม่ได้ รู้แต่ว่าเข้ามาเเล้วทำให้รถคันนี้ครบทีม รถวิ่งได้

รถ คันที่นายแมวขับคันนี้แกขับได้ไว ทำการค้าไปทั่ว แกขายหลายอย่าง ตั้งแต่มือถือ ข้าวสาร ยางพารา ขายได้ซะหมด แต่แกก็โดนคู่แข่งพยายามลดบทบาทของเขา ด้วยวิธีการต่างๆนานา ไม่ว่าจะกล่าวหาว่าเขาโกงตาชั่ง เอาสินค้าที่ไม่ดีมาขายให้ หรือเอาสินค้าที่ไม่ดีมาขาย เสียแล้วก็จะได้ซ่อมกับแก แต่แล้วด้วยความที่เป็นนักซิ่งตีนผีของเขา เขาโดนตำรวจทางหลวงยึดใบขับขี่ไป ทำให้เขาไม่สามารถขับรถด้วยตนเองต่อไปได้ กลับบ้านก็ไม่ได้ เพราโดนจิ๊กโก๋ดักชิงรถ

ระหว่างนี้รถที่ขับเคลื่อนประเทศไทยจึงกลายเป็นรถฮัมวี่ ซึ่งมีสารถี ชื่อน้าแอ๊ด
น้า แอ๊ดก็นำรถฮัมวี่คันนี้มาทำการค้าขาย เพื่อนก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เพราะแกมาด้วยรถฮัมวี่ ซึ่งผิดแผกแตกต่างไปจากเพื่อนร่วมโลก ที่ส่วนใหญ่เขาใช้รถกระบะมาค้าขายกัน

น้าแอ๊ดดูเหมือนจะค้าขายไม่ค่อยเก่ง แกขายแต่ขิงแก่ๆ ต้มยำทำแกงทำอะไรก็ไม่ได้มาก

ระหว่าง นี้ฝ่ายกฎหมายก็ออกกฏหมายฉบับใหม่มาเพื่อกีดกันคนขับที่ชื่อแมว เพื่อไม่ให้นายแมว ได้มาขับรถอีกต่อไป น้าแอ๊ดขับมาได้ระยะนึงจึงต้องมีการให้มีการเลือกผู้ขับรถคนใหม่

ผม การคัดเลือกทีมนายแมวก็ยังคงอยู่ เพียงแต่นายแมวเองไม่สามารถเป็นคนขับเองได้ นายแมวจึงต้องหาคนขับคนใหม่ ซึ่งมองไปมองมา ก็เจอลุงหมัก กำลังทำกับข้าวอยู่ ชิมไปก็บ่นไป (ไม่รู้จะบ่นอะไรกันนักหนา)

เขาก็เจรจากับลุงหมักว่าให้มาเป็นสารถีขับรถคันแทน ลุงหมักก็โอเช ชาวบ้านที่ทราบข่าวก็โอเค ให้การหนับหนุนลุงหมักเป็นอย่างดี
อ้อ! ลุงหมักเลือกระบะเชพโรเล็ต Z71 ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายรถโฟร์วีลไดร์ฟแต่ขับเคลื่อนด้วย2ล้อหลังครับ และก็มีหน่อเนื้อเชื้อไขมาจากคันอีซูซุเดิม

แต่หยั่งว่า มีคนรักก็มีคนชัง คนที่ไม่ชอบนายแมว สารถีคนเก่า ก็มีเยอะไม่แพ้กัน ตั้งม็อบปิดกั้นไม่ให้แกได้ทำการค้าได้สะดวกเหมือนแต่เก่าก่อน
แม้ว่าจะรู้ว่าเปลี่ยนคนขับใหม่แล้วก็ตาม เพราะรู้อยู่ว่าลุงหมักคือคนขับแทนให้เท่านั้น
ลุงหมักก็ขับรถคันนี้ไป แต่ขับรถไปแบบเรื่อยๆ ผ่านไปย่านไหน ใครด่ามา แกด่ากลับ
วัน นึงก็ถึงวันเพลี่ยงพล้ำรถเชพโรเล็ตZ71ที่ลุงหมักขับ มันไม่ใช่โฟร์วีลไดร์ฟ ติดหล่มซะงั้น เพราะลุงหมักแกดันไปชิมข้าวร้านไหนมิทราบ ทำให้ลุงหมักท้องเสีย ไม่สามารถขับรถคันนี้ได้อีกต่อไป เพราะต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัว


เอาล่ะซิคราวนี้ นายแมวพ่อค้าคนเก่าก็ต้องหาคนขับใหม่อีกแล้ว หันซ้าย แลขวาไปเจอเจ้าสะมะชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยกะลังเล่นปาจิงโกะอยู่ เขาจึงดึงตัวมาเป็นคนขับรถแทนให้ รถที่ขับ เป็นรถกระบะเชพโรเล็ต4ประตูครับ เครื่องก็ไม่แรงนัก2500ซีซี. ออฟชั่นธรรมดาๆกระจกมือหมุนเพราะเป็นเครื่องรุ่นเก่า เทคโนโลยีไม่ล้ำเลิศ บรรจุสินค้าไม่ได้มาก

จะว่าไปเจ้าสะมะชายคนนี้ เขาทำใบขับขี่ที่ขนส่งไหนมิทราบ ต้นขั้วดันแปะอยู่ที่สนามบินดอนเมือง แทนที่จะอยู่ข้างๆเขาดินเหมือนสารถีคนอื่นๆอยู่กัน

สะมะชายนายนี้ดู เหมือนจะขับไม่เก่งไม่คล่องนะ มักจะโดนคู่แข่งสวนเอาอยู่เรื่อย บางครั้งเห็นคู่แข่งแกซักฟอก ผมดูแกเหมือนยืนหลับซะงั้น

แกขับมาได้ไม่กี่เดือน มาถึงวันพระจันทร์ยิ้ม

ทาง ขนส่งแจ้งมาว่ารถคันนี้ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะทำผิดกฎหมาย ดัดแปลงแต่งเติม จนรถแทบไม่สมประกอบ จะต้องโดนยึดรถ ไม่ให้ใช้รถอีกต่อไป รวมทั้งตัวแกด้วยโดนเพิกถอนใบขับขี่ ที่มาขับรถคันนี้

คราวนี้ถึงที ของนายมากขา ผู้ซึ่งสอดส่องติดตามโวยวายการทำงานของนายแมวมานาน คราวนี้แหละถึงทีตูบ้าง อุตส่าห์ส่งซองติดแสตมป์ไปตั้งหลายฉบับเพิ่งได้รับพิจารณาก็คราวนี้เอง
นาย มากขา หนุ่มหล่อนักเรียนนอก ถึงคราวเลือกรถ มาเลือกนิวบีทเทิ่ล เพราะเห็นจากเมืองนอกเขาใช้กัน อีกอย่างก็เห็นรุ่นพี่ใช้โฟล์กเต่า ก็ไม่อยากให้เสียคอนเซ็ป นายมากขาก็นำรถนิวบีทเทิ่ลคันนี้มาใช้งาน

แต่รถยังออกไม่ได้ เพราะยังไม่ครบทีม นายมากขาก็แอบทาบทามมายังนายห้อยที่อยู่ในทีมของฝ่ายตรงข้ามเพื่อร่วมทีมกัน
นายห้อยก็โอเช ชาวบ้านที่หนับหนุนแกก็โอเค รถนายมากขาก็เริ่มขับออกไป

แต่ ด้วยรถนายมากขาที่เป็นรถเก๋ง ทำการค้าอะไรก็ไม่ได้ อย่างมากก็แค่เปิดท้ายขายของ ขับบุกตะลุยไปทางไหนก็ไม่ค่อยได้ ต้องค่อยๆหยอดหลบหลุม
ระหว่างที่ออกเดินทางนายห้อยก็เปิดกระจกรับลมจนปาก ห้อย เสียงโทรศัพท์มือถือนายห้อยดังขึ้น นายห้อยรับ นายมากขาเงี่ยหูฟัง ได้ยินคำว่า"มันจบแล้วครับนาย"
นายห้อยพูดกับใครหนอ

การเดินทางก็ มีขัดแย้งกันภายในรถอยู่บ้าง แต่ก็เคลียร์กันได้ รถก็วิ่งต่อไป เปิดท้ายขายของต่อไป ก็วิ่งๆไปเปิดกระจกหยั่งงี้แหละจนฝนสาด คนในรถเริ่มเป็นหวัด กระจกรถก็ยังไม่ปิด นายห้อย ปากก็ยังคงห้อยอยู่เหมือนเดิม การค้าการขายก็ยังไม่ค่อยได้มาก เพราะรู้อยู่ว่าเป็นนิวบีทเทิ่ล อย่างมากก็เป็นได้แค่เปิดท้ายขายของ หาของมาขายได้น้อยนิดจนตอนนี้เริ่มจะต้องหาของเก่ามาขายกันแล้ว
ขณะนี้นายห้อยชวนนายมากขาไปเที่ยวบ้านเกิดที่บุรัมรี ยังไม่กลับ ยังคงเพลิดเพลินอยู่กับการต้อนรับของคนในบ้านเกิดของนายห้อย

เรื่องราวการขับรถของนายมากจะเป็นอย่างไร นายแมวจะกลับมาทำทีมใหม่ได้หรือไม่ แล้วจะเอารถอะไรมาขับ ติดตามเอาเองละกัน




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2552 19:55:07 น.
Counter : 551 Pageviews.  

ก่อนจะมีวันนี้ เราลองมาย้อนอดีตความพ่ายแพ้ และฝันเปียกของคุณหนู ‘มะม่วงจำบ่ม’ กันสักนิดดีไหมค่ะ?

ก่อนจะมีวันนี้ เราลองมาย้อนอดีตความพ่ายแพ้ และฝันเปียกของคุณหนู ‘มะม่วงจำบ่ม’ กันสักนิดดีไหมค่ะ?

เคดิต โดยคุณ เต้าแตงโม
10:36 น. 20 พ.ค. 2009
//talk.mthai.com/topic/59421



ตั้งแต่ประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้าอภิสิทธิ์ประกาศยอมรับการพ่ายแพ้ แทนที่จะออกมากระแหนะกระแหน๋เสียดสี ฝันลมๆแล้งหวังพึ่งอำนาจจากมือที่มองไม่เห็น เพื่อหวังเป็นนายก ความรู้สึกดีๆต่ออภิสิทธิ์ก็ยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย แต่ว่าวันนี้ ความรู้สึกไม่เหมือนวันวานอีกต่อไปแล้ว ทำไมนะหรือ ...??


ลองมาย้อนอดีตความพ่ายแพ้ และฝันเปียกของคุณหนูมะม่วงจำบ่ม กันสักนิด


ฝัน เปียก ครั้งที่ 1 : อำนาจมืดประทานกฏหมายเอาผิดย้อนหลัง ให้ยุบพรรค ทรท ผลสำเร็จในครั้งนั้นมาร์คหวังว่า ทรท จะแตกกระซานซ่านกระเซ็น แต่คาดไม่ถึง ทรท กลับรวมตัวกันใหม่เป็น พปช ที่ฆ่าไม่มีวันตาย ยุบใหม่ก็ตั้งใหม่


ผลการเลือกตั้ง 50 ปรากฏมาร์ค โมเดส พ่ายแพ้หลุดหลุ่ย ทั้งๆที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้ สาระพัด


ฝัน เปียก ครั้งที่ 2 : ได้เงินสนับสนุนจากการจัดโต๊ะจีนทล่มทะลาย ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์พรรค ทางทีวีถี่ยิบ พรรคคู่แข่งถูกกีดกันเซ็นเซอร์สาระพัดไม่ให้ออกทีวี แต่ นโยบาย 99 วันทำได้จริงของมาร์ค โมเดส ก็ไม่เป็นที่จดจำขึ้นใจของประชาชนเลยสักนิด


ฝัน เปียก ครั้งที่ 3 : มีต้อมโซฟี ช่วยทำฝนเทียม แถวสนามหลวง ไล่คนไปฟังคำปราศรัย ยังไหง๊ยังไหง ฝนจะตกแค่ไหน หน้าเวทีปราศรัยของ ปชป นับหมาแมว เดินผ่านแล้วยังไม่ได้ครึ่งคนที่ไปฟังที่สนามหลวงเลย


ฝัน เปียก ครั้งที่ 4 : มาร์ค โมเดส ได้ทั้งมือที่มองไม่เห็น ทั้งรถถัง ช่วยอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้นให้ไปนั่งเก้าอี้นายก นอกจากนี้ยังมีสื่อชั่วรวมหัวกัน โปรโมทสุดฝีตี.... น บางช่วงก่อนการเลือกตั้งหลังโพลครั้งสุดท้าย เห็นหน้า มาร์ค โมเดส ทุก 4 ชั่วโมง สลับช่องกันไป นี่ยังไม่นับ ผู้พันขนมจีนแกงไก่ กับผลงานเลือกตั้งล่วงหน้าใน กทม ที่คะแนนออกมาขัดหูขัดตา ยังไหง๊ยังไงมาร์คก็ยังฝันเปียกอยู่ดี


ฝันเปียก ครั้งที่ 5 : สนช. สงค์-ฟันดำช่วยออกพรบ. ประกอบการเลือกตั้งตั้งเกณฑ์การ แบ่งเขต เบี้ยวบูด เอื้อให้ได้บางพรรคได้เปรียบ จำนวน สส.แบบสัดส่วน สุดฤทธิ์สุดเดท มาร์คก็ยังได้ สส. สัดส่วนน้อยกว่าพรรคคู่แข่ง


ฝัน เปียก ครั้งที่ 6 : หวังพึ่ง อำนาจใบเหลือง +ใบแดงจาก กกต แจกให้พรรคคู่แข่ง ผลปรากฏว่า ใบเหลืองเลือกใหม่ก็ได้เหมือนเดิม ใบแดงเลือกใหม่ก็ได้พรรคนอมินีของ พปช ยังไหง๊ยังไหง๊ ตัวเลข สส. พรรค ปชป ก็ไม่เพิ่มแถมลดลงอีกต่างหาก


ฝัน เปียก ครั้งที่ 7 : เสนอชื่อตัวเอง โหวตแข่งตำแหน่งนายก ในสภา รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้ ก็ยังอยากตอกย้ำความพ่ายแพ้ ของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก


ไม่น่าเลยมาร์ค ความพ่ายแพ้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกของมาร์ค มันกลับตอกย้ำความจำในใจคนไทยเรื่องขี้แพ้ ยิ่งกว่าจะจำหน้าตาหล่อๆของมาร์คซะอีก


ถ้า หากวันนั้นผลการเลือกตั้งออกมา มาร์คประกาศยอมรับการพ่ายแพ้ แล้วกลับไปทบทวนหาจุดอ่อนของตัวเอง ก็คงไม่มีใครว่าอะไร เพราะมาร์คยังอายุน้อย ยังมีโอกาสอีกเยอะ รอโอกาสให้อีก 2 ปี เลือกตั้งใหม่ก็ยังไม่สาย ไม่เห็นต้องรีบร้อนเป็นนายกด้วยเสียงปริ่มน้ำ มันจะทำอะไรได้ แค่ฝ่ายค้านอย่างพรรค พปช เตะตัดขาด้วยคะแนนเสียง 233 นโยบาย 99 วันทำได้จริงของมาร์ค ก็จะกลายเป็น 99 วันเผาจริงมากกว่า


วันนี้ จุดอ่อนของ ปชป ที่เห็นชัดคือ เลขาฯ พรรค ช่วงก่อนหน้าก็ออกมาพูดจาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หวังลมๆแล้งๆใบแดง จาก กกต มันทำให้ความเคลือบแคลงว่า ปชป ได้รับการเกื้อหนุนจากมือที่มองไม่เห็น ชัดเจนขึ้นทุกวันๆ ความเป็นมาร์ค คนหนุ่ม พูดจาดี การศึกษาดี ภาพพจน์ดีๆกับอนาคตสดใสของมาร์คในการเป็นนายกมันลดน้อยถอยไปเรื่อยๆ


ผิด หวังครั้งที่ 1 : เคยชมเชย มาร์ค ว่าพูดจาดี แต่ก็ผิดหวัง ตั้งแต่หลังผลการเลือกตั้งออกทางทีวี เห็นหน้า มาร์ค ให้สัมภาษณ์พูดจาเสียดสี ด้วยน้ำเสียงกระแหนะกระแหน๋ และสายตาที่เย้ยหยัน


ผิดหวังครั้งที่ 2 : คิดว่ามาร์ค เป็นลูกผู้ชาย แต่มาร์ค กลับหนีการเกณฑ์ทหาร มาร์คควรจะอายพวกตุ๊ด แต๋ว กะเทย บ้างนะ

ผิดหวังครั้งที่ 3 : คิดว่ามาร์คเป็นคนที่ยึดหลักการประชาธิปไตย


- แต่มาร์ค บอยคอดการเลือกตั้ง ปี 49
- มาร์ค ขอนายก พระราชทาน ตามมาตรา 7
- มาร์คไม่เคารพผลการเลือกตั้ง 50 ซึ่งเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ให้ พปช. แต่มาร์คกลับหน้าด้าน จะตั้งรัฐบาลแข่ง แถมจะแย่งเขาเป็นนายกฯ อีกด้วย

- มาร์ค เห็นชอบกับ รธน. 50 (รัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการประทานมาให้)

ผิด หวังครั้งที่ 4 : คิดว่ามาร์คเป็นคนหนุ่มอนาคตสดใส เหมาะแก่การเป็นผู้นำประเทศนี้ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมาร์คไม่มีความเป็นผู้นำ แค่กำจัดจุดอ่อน เลขาฯ พรรค และโฆษกให้หยุดพูดจาลามก ยั่วยุ และ สิ่งที่ไม่ควรพูดออกทีวี มาร์คยังคุม เทพโกเต็กซ์ กับ โคสกขนเพชร ไม่ได้เลย นับอะไรจะไปเป็นนายก จากเหตุการณ์นี้มันบ่งบอกสภาวะผู้นำของมาร์คมีปัญหาแล้วหล่ะ



ผิด หวัง ครั้งที่ 5 : คิดว่ามาร์ค เป็นคนมีวิสัยทัศน์ แต่ก็ต้องผิดหวัง ตั้งแต่มาร์ค ออกมาพูดจาผ่านสื่อว่าคนอีสาน โง่ ซื้อเสียงได้ ถ้ามาร์คมีวิสัยทัศน์จริง อยากเป็นนายก ก็ไม่ควรพูดจาแบบนี้ออกทีวี เพราะมาร์คจะไม่มีวันได้ใจคนอีสานเลยถ้ายังไม่เปลี่ยนคำพูดและแนวคิดแบบนี้ การจะเป็นนายกแค่ชนะภาคใต้ทั้งหมดคงไม่พอ ต้องได้ที่นั่งภาคอีสาน มาเพิ่มด้วย นอกจากนี้ พรรค ปชป ของมาร์ค ยังกลืนน้ำลายตัวเอง เอานโยบายประชานิยมที่ตัวเองพ่นกล่นคำด่าว่าเป็นนโยบายขายชาติ เอา Copy เติมนี้นิด เพิ่มนี้หน่อย เปลี่ยนชื่อโครงการอีกสักกระติ๊ด แล้วก็เอามาเป็นโนบายพรรคตัวเอง หาได้ใช้มันสมองคิดเองไม่ การกระทำแบบนี้ส่วนตัวคิดว่ามาร์คขาดวิสัยทัศน์


ผิดหวังครั้ง ที่ 6: ผิดหวังที่มาร์คไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่มีสปิริต ไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ ทั้งๆที่มีขวากนาม กางกั้นสาระพัด แต่พรรค พปช ก็ยังชนะการเลือกตั้ง แค่มาร์ค ยกหูกล่าวแสดงความยินดีกับท่าน นายก สมัครเสียหน่อยมันจะเป็นไรไป ยังไงท่านก็เป็นผู้ใหญ่กว่า แล้วยังเคยพูดชื่นชม มาร์ค ว่าเป็นคนหนุ่มอนาคตสดใส ดูแลตัวเองดีๆ อนาคตคงได้เป็นนายก แม้ท่านจะแทนคำนิยามสั้นๆถึงมาร์ค ว่าเป็นมะม่วงจำบ่ม ก็ตาม


ผิด หวัง ครั้งที่ 7: ผิดหวังที่มาร์ค ขาดความกล้า ความกล้าที่จะมายืนอยู่เคียงข้างประชาชน เพื่อทวงคืนประชาธิปไตย หลัง 19 ก.ย 49 เป็นต้นมา ไม่เคยเลยที่ พรรค ปชป จะแสดงท่าทีไม่เห็นชอบกับการปฏิวัติรัฐประหาร การฉีก รธน 40 ที่ประชาชนร่วมกันเขียน และเป็นที่มาของการประกาศใช้ รธน. 50 ในปัจจุบันที่มีเนื้อหาหลายประการขัดกับหลักการประชาธิปไตย มันคือความเจ็บปวดในใจของพวกเรานักประชาธิปไตยที่ต้องทนกล้ำกลืน รับ รธน.50 ฉบับนี้ และเจ็บมากยิ่งขึ้นกับ พรบ.ความมั่นคง


ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา การทำงานของรัฐบาลยุคขิงเน่าเขายายเที่ยง มีความไม่ชอบมาพากล ทั้งงบลับ การเพิ่มงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธ การบริหารงานผิดพลาดในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เศรษฐกิจฝืดเคือง ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้กระทบต่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน เดือดร้อนไม่มีจะกิน พรรค ปชป ของมาร์ค ไม่เคยปริปากท้วงติง หรือ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยในเรื่องที่ไม่ถูกต้องหลายอย่างที่ คมช และพวกได้ร่วมกันทำไว้ตลอด 1 ปี ที่ทำมา อย่างนี้หรือ "ประชาชนมาก่อนในสายตามาร์ค" หรือ "ประโยชน์พรรคตูมาก่อนกันแน่" อะไรที่ทำแล้วพรรคไม่ได้ประโยชน์มาร์คไม่กล้าใช่ไหม โดยเฉพาะอะไรที่ขัดใจ คมช .. มาร์คไม่กล้าทำ ??? ดังนั้นความคิดส่วนตัวจึงหมดศรัทธามาร์คในแหง๋ "ความกล้า" ยุคบ้านเมืองดำมืด มีใครบ้างจะมีความกล้าจุดเทียนเดินนำประชาชน ไปสู่แสงสว่างแห่งประชาธิปไตย มองหาจาก ปชป รึก็มืดมิด


สรุป :

เคย รู้สึกเศร้าใจ และเสียดาย คนแบบ มาร์ค แต่ ณ. วันนี้ ไม่มีความเสียใจแบบนั้นแล้ว เพราะ มาร์ค ขาดสภาวะการนำ ขาดสปิริต ความเสียสละ วิสัยทัศน์ และขาดความกล้า มาร์คมีแค่หน้าตาดี พูดจาสุภาพ มีความรู้ทางวิชาการดี


" จากคุณสมบัติที่มาร์คมีดี จึงฟันธงได้ว่า มาร์คเหมาะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมากว่าเป็นนายกผู้นำประเทศ "


จาก วันนี้เป็นต้นไป ถึงแม้พรรค พปช เป็นรัฐบาลจะบริหารงานดี หรือบริหารงานผิดพลาดล้มเหลว ปางตายแค่ไหนก็ตาม หากมีเลือกตั้งครั้งใหม่ ครั้งต่อก็คงไม่มองพรรค ปชป อีกแล้วหล่ะ ถ้ามีพรรคใหม่ก็จะให้โอกาสพรรคนั้นมากกว่า ปชป ไม่มี วันจะเทียบรัศมี พปช ได้แม้แค่ปลายเล็บ แค่ความเป็นประชาธิปไตย พปช ก็กินขาด ไม่เห็นผุ่น หมดแล้วพรรคเก่าแก่ กว่า 60 ปี หาใช่ความหวังแก่ประชาชน มีแต่เป็นพรรคที่ให้ความรู้สึกผิดหวังซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำอีก


เต้าแตงโม รู้สึกแบบนี้จริงๆนะ คนอื่นว่าไงค่ะ ??? ชิมิ!




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 19:52:27 น.
Counter : 570 Pageviews.  

จักรวรรดิเปรม

จักรวรรดิเปรม
เครดิตจากเว็บเสธแดง
โดยคุณ จ.ส.ต. พิสดารพันลึก รหัสเรียกขาน เกียกกาย 712
ตั้งกระทู้เมื่อ 01/05/2552 เวลา 15:10:21
//board.sae-dang.com/ReadTopic.php?no=13502



สืบเนื่องจากกระทู้นี้
//board.sae-dang.com/ReadTopic_M.php?no=13455

นี้
//board.sae-dang.com/ReadTopic_M.php?no=13443

ทำให้เกิดการปะติดปะต่อเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกัน ย้อนหลังตั้งแต่หลังโค่นกลุ่มสุจินดาลงได้ ดังนี้

1. เพื่อสถาปนาจักรวรรดิเปรมขึ้นมาให้ได้ และไร้ซึ่งการต่อต้านโดยสิ้น เชิง ต้องประกอบด้วย กองทัพ ข้าราชการ พ่อค้า และเงินอย่างไม่จำกัดจึง สถาปนาจักรวรรดิเปรมขึ้นมาได้ ตอนนั้นที่ขาดมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ เงินอย่างไม่จำกัด

2. เปรมให้พรรคประชาธิปัตย์โดยธารินทร์เข้ามาออกกฎหมายเปิดเสรีทางการเงิน ด้วยความคิดง่ายๆจากสภาพแวดล้อมทางการเงินของเมืองไทยในตอนนั้นคือ 1. ค่า เงินบาทคงที่ 2. ดอกเบี้ยเงินฝากในไทยก็คงที่ โดยไม่สนใจความผันผวนทางการ เงินในโลกมาตลอด เพียงแต่คิดง่ายๆ ว่าเอาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์จากต่างประเทศ มาให้กู้ดอกร้อยละ 16-20 จะได้กำไร มหาศาล ต้นคิดก็น่าจะเป็นแบงก์ในเครือเปรมนั่นเอง รวมถึงแบงก์ที่ธารินทร์ เคยทำงานอยู่ด้วยก็ได้ประโยชน์มหาศาลจากการนี้

3. พฤติกรรมชวลิตตลอดเวลาที่ผ่านมาคล้ายคนเสียสติ ผีเข้าผีออก จริงหรือที่ ขงเบ้งกองทัพอย่างชวลิตจะเป็นคนเสียสติผีเข้าผีออก จริงๆแล้ว ชวลิตพยายาม สลัดตัวเองจากการครอบงำของเปรม แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไมได้ เพราะบารมีอิทธิพล ของเปรมนั้นมีมากมายเกินกว่าจะใช้พลกำลังใดมาต่อต้าน

4. ชวลิตเองก็โดนหลอกเหมือนสุจินดา ที่โดนหลอกให้เอาอานันท์มาเป็น นายกฯ เหมือนทักษิณที่โดนหลอกให้ยอมแพ้ตอนอยู่นิวยอร์ค ชวลิตโดนหลอกให้ เอา อำนวย วีรวรรณมาดูแลการคลัง(คนแบงก์กรุงเทพเก่าแก่)

5. อำนวยพยายามปกปิดสถานการณ์ทางการเงินของประเทศไว้ เพื่อให้ทุนกลุ่มเปรม กอบโกยเงินจากความต่างของดอกเบี้ยเงินกู้ โดยไม่สนใจว่าประเทศไทยได้เปิดบาด แผลทางการเงินให้ต่างชาติเห็นอย่างชัดเจน และบุกเข้ามาโจมตีค่าเงินบาทอย่าง เมามัน แน่นอน พวกมันไม่สนอยู่แล้ว เอาเงินจากคลังไปทุ่มต่อสู้การโจมตีค่า เงินบาทอย่างเต็มที่ แล้วก็รับเงินเข้ากระเป๋าจากดอกเบี้ยเงินกู้เข้า กระเป๋าตัวเองจนเงินประเทศไทยหมดเกลี้ยง

6. เมื่อเงินหมดเกลี้ยง ประกอบกับชวลิตที่พยายามสลัดเปรมออกไป เปรมจึงสั่ง ให้อำนวยทิ้งรัฐบาลชวลิตทันที ให้ชวลิตแห้งกรอบตายรับผิดชอบไปคน เดียว กระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว

7. ชวลิตก็ยังโดนหลอกโดนให้เอาคนจากแบงก์กรุงเทพมาคุมคลังอีก ถึงตอนนี้คนใน สายทักษิณถึงเริ่มเป็นที่ไว้วางใจให้เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์

8. การที่ชวลิตโดนหลอกให้เอาคนจากแบงก์กรุงเทพเข้ามาดูคลังอีกครั้ง เพราะ กลัวว่าชวลิตจะลดค่าเงินบาท จึงหาคนมาคุมเพื่อไม่ไห้ชวลิตลดค่าเงินบาท

9. ชวลิตเลือกเชื่อกลุ่มทักษิณ ลดค่าเงินบาท ทำให้ความใฝ่ฝันในการสร้างจักร วรรดิ์เปรมพังทลายลงทันที นักธุรกิจในกลุ่มเปรม ทั้งจากแบงก์ จากเงินทุน หลักทรัพย์ เช่น มนตรี ศรไพศาลเรียงหน้ากันออกมาไล่รัฐบาลชวลิต สถานการณ์ นี้จักรวรรดิเปรมย่อมแค้นกลุ่มทักษิณเป็นพิเศษอยู่แล้ว

10. ในที่สุดรัฐบาลชวลิตภายใต้การแนะนำของเปรมถึงได้ลาออกอย่างว่าง่าย ท่าม กลางการอ้าปากค้างของใครต่อใครอีกหลายคน ว่าทำไม เพราะเปรมได้รับคำแนะนำอีก ครั้งจากธารินทร์ให้แก้สถานการณ์ด้วยการสร้างปรส.

11. รัฐบาลชวลิตถึงได้ลาออกแทนการยุบสภา เพราะโดนเปรมหลอก เพื่อให้ชวนได้ จัดตั้งรัฐบาลทันที เพราะก็กลัวเหมือนกันว่าถ้ามีการเลือกตั้ง ชวนอาจไมได้ เป็นนายกฯ เพราะทุนของจักรวรรดิเปรมหมดเกลี้ยงไปกับการลดค่าเงินบาทแล้ว

12. รัฐบาลชวนจึงสร้างปรส.ขึ้น โดยมีอัมเรศ กรณ์ ฯลฯ ตัวดีอีกหลายตัวใน เครือเปรมช่วยกันสร้างเงื่อนไขแปลกๆในการล้มและยึดกิจการต่างๆมาขายต่อให้ ฝรั่งถูกๆ โดยกรณ์ทำหน้าที่ฟอกเงินและนำเงินกลับเข้ามาสู่จักรวรรดิเปรม มัน จึงเป็นตัวเต็งหนึ่งมาตั้งนานแล้วให้มาคุมระบบเศรษฐกิจในพรรคประชาธิปัตย์ไง

13. และก็มี"สมัคร" นี่ไง ที่รู้ทัน และโจมตีมาตลอด 10 ปี และการโจมตีปรส.ก็คือการโจมตี"เปรม"นั่นเอง




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 19:46:22 น.
Counter : 505 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  
 
 

ไม้โมก
Location :
นครปฐม Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยังคงมี.............ความรักจะมอบให้
ยังคงมี.............หัวใจที่เปี่ยมฝัน
ยังคงมี.............ความหมายความผูกพันธ์
ยังคงมี.............ความหวานแม้นานเนาว์
[Add ไม้โมก's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com