|
Loving in Taiwan ตอนที่ 5
และแล้วเก้าโมงเช้าของวันอาทิตย์ทั้งสามสาวต่างก็พากันออกจากบ้านและเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าซีเหมิน* ระหว่างที่เดินไปนั้น แก้วก็นึกเรื่องที่อาเหม่ยบอกว่าจะพาไป Breeze Center ขึ้นมาได้ จึงรีบพูดกับหยินว่า “เออ หยิน เมื่อกี้ตอนที่กินข้าวกัน อาเหม่ยพูดค้างเรื่องที่จะพาเราสองคนไปเที่ยวห้าง Breeze Center ไว้ หยินถามให้แก้วหน่อยสิ แก้วอยากรู้ นะ ๆ หยิน แก้วเคยได้ยินว่า เมื่อเดือนมิถุนายน** ที่ผ่านมานี้ Jerry ได้ไปแจกลายเซ็นที่ห้างนี้ด้วยอ่ะ” แก้วกระซิบใส่หูข้างขวาของหยินพร้อมกับเอาไหล่สะกิดเพื่อนหลาย ๆ ทีด้วยความอยากรู้เรื่องของคนที่ตนชอบ “นี่แหน่ะแก้ว ได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับ Jerry เนี่ย หูแก้วผึ่งขึ้นมาทันทีเลยนะ” หยินเอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกับหยิกเพื่อนไปด้วยความหมั่นไส้ “อูย... หยินก็ แก้วก็บ้าแต่คน ๆ นี้นี่นา อะไรที่เกี่ยวกับคน ๆ นี้ แก้วก็อยากรู้ไปหมดแหละ แม้แต่ กกน. แก้วก็ยังอยากรู้เลยว่าเค้าใส่ไซส์อะไร 555 น่านะหยินรีบถามเร็ว ๆ เถอะ” แก้วเร่งยิก ๆ ให้หยินถามอาเหม่ย อาเหม่ยได้ยินสองสาวกระซิบกระซาบคุยกันด้วยภาษาที่ตนไม่เข้าใจเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความสงสัยก็รีบถามกับหยินขึ้นมาว่า “คุยอะไรกันเหรอหยิน เข้าใจแต่คำว่า Breeze Center ใช่เรื่องที่ฉันบอกค้างไว้หรือเปล่า” “ใช่ ๆ จ๊ะอาเหม่ย แก้วเค้าอยากรู้ว่าอาเหม่ยจะพาไปห้างนี้เพราะอะไร” หยินรีบตอบอาเหม่ยทันที ด้วยความที่ไม่อยากให้เพื่อนสาวคะยั้นคะยอ “อ๋อ... ก็ไม่มีอะไรหรอก ได้ยินหยินบอกฉันว่า แคล่วเค้าชอบ Jerry ไม่ใช่เหรอ” “5555” หยินได้ยินอาเหม่ยเรียกแก้วว่าแคล่วก็หัวเราะชอบใจทันที “ขำอะไรเหรอหยิน” ทั้งแก้วและอาเหม่ยได้ยินเสียงหยินหัวเราะก็ถามต่างภาษาขึ้นมาพร้อมกัน “หยิน... แก้วรู้แล้วนะว่าหยินขำอะไร” แก้วตะโกนเรียกหยินเสียงดังด้วยความฉุน “แหม... แก้ว พูดเบา ๆ ก็ได้ ไม่ต้องตะโกนเรียกหยินหรอก” หยินเริ่มพูดพร้อมกับกอดแขนแก้วอย่างเอาใจ แล้วก็รีบหันไปบอกอาเหม่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอกอาเหม่ย หยินนึกเรื่องขำ ๆ ออกมาก็เลยหัวเราะ ขอโทษทีนะอาเหม่ย” หยินไม่อยากอธิบายให้มากความ ด้วยความที่กลัวอาเหม่ยรู้สึกไม่ดีที่เรียกชื่อแก้วเพี้ยน “น่านะ ๆ แก้ว เรื่องแค่นี้เอง หยินขอโทษน๊า ๆ จ๊วบบบบ” หยินขอโทษแก้วเสร็จก็หอมแก้มแก้วหนึ่งฟอด “แก้วไม่โกรธหยินหรอก แก้วก็แค่ล้อเล่นหยินน่ะแหละ ดูสิ ลิบสติกหยินเลอะแก้มแก้วด้วย” แก้วรีบบอกพร้อมกับถูและเช็ดรอยที่หยินหอมแก้ม “มา เดี๋ยวหยินเช็ดให้แก้วเอง” หยินรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนขึ้นมาเช็ดที่แก้มของแก้ว ฝ่ายอาเหม่ยเห็นสองสาวคุยกัน ก็อยากรู้บ้างว่าทั้งสองสาวคุยกันเรื่องอะไร จึงหันไปถามกับหยินว่า “หยินคุยไรกันอ่ะ ให้ฉันรู้เรื่องบ้างสิ” อาเหม่ยถามหยินด้วยความอยากรู้อีกคน “ไม่มีอะไรหรอกอาเหม่ย ฉันสองคนแค่หยอกกันนิดหน่อยจ๊ะ” หยินรีบหันไปบอกกับอาเหม่ย “อืม.... ไม่มีอะไรก็แล้วไป ฉันคิดว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” อาเหม่ยบอกเพื่อนด้วยความกลัวว่าทำอะไรผิดพลาด เพราะเข้าใจว่าตนกับเพื่อนสาวทั้งสองต่างชาติและต่างภาษากัน “เอ้า มัวแต่คุยกันเพลิน ข้างหน้าก็สถานีรถไฟฟ้าซีเหมินติงแล้วนี่” แก้วรีบบอกสองสาว เพราะจำสถานที่ที่เพิ่งมาเมื่อวานได้ “หยิน ฉันพอจะเดาเรื่องที่แคล่วพูดได้บ้างแล้วนะ แคล่วใช่บอกว่าถึงสถานีรถไฟฟ้าซีเหมินแล้วใช่หรือเปล่า” “ฮิ ๆ ก็ประมาณนั้นแหละจ๊ะอาเหม่ย เออ ว่าแต่ ทำไมอาเหม่ยถึงเรียกสถานนีซีเหมินเฉย ๆ ล่ะ เรียกว่า ซีเหมินติงไม่ถูกเหรอ” หยินยังอดขำไม่หาย ด้วยความสงสัยเลยถามอาเหม่ยเสร็จแล้วก็หันไปแปลภาษาให้แก้วเข้าใจ “ก็เรียกได้ทั้งสองแบบนะหยิน แต่ตรงสถานีเค้าจะเขียนว่า ซีเหมินเฉย ๆ จ๊ะ” อาเหม่ยอธิบาย “พวกเราสามคนรีบไปกันเถอะ ถ้าสายกว่านี้คนจะเยอะมากเลยนะหยิน” อาเหม่ยรีบบอกด้วยความที่รู้นิสัยคนชาติเดียวกัน “ถ้าสายกว่านี้คนเยอะแล้วมีอะไรเหรออาเหม่ย” หยินถามด้วยความอยากรู้ “ก็วันนี้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดงาน คนไต้หวันส่วนใหญ่เค้าจะไปเที่ยวพักผ่อนกัน ถ้าคนที่เป็นแฟนกันเค้าก็จะไปเดทกันด้วยล่ะ และถ้าเป็นครอบครัวเค้าก็จะพากันไปเที่ยวจ๊ะ” อาเหม่ยบอกเพื่อน “ก็เหมือนกับคนไทยเลยน่ะสิอาเหม่ย ที่เมืองไทยก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน” หยินบอก “นี่ ๆ หยิน คุยไรกัน แปลให้แก้วเข้าใจมั่งสิ” แก้วฟังทั้งสองสาวคุยกันอยู่นานมากแล้ว ด้วยความอยากรู้จึงเอ่ยแทรกขึ้นมา “คืองี้นะแก้ว อาเหม่ยเค้าบอกว่าวันอาทิตย์คนไต้หวันเค้าหยุดงานกัน เค้าก็จะไปเที่ยวพักผ่อนเหมือนกับบ้านเราน่ะแหละ” หยินรีบอธิบายให้แก้วเข้าใจ “เหมือนบ้านเราด้วยเหรอ ฮิ ๆ ดีใจจังเลย” แก้วพูดจบก็ยิ้มหน้าบาน “ยิ้มดีใจอะไรเหรอแก้ว” หยินเห็นเพื่อนสาวยิ้มแย้มหน้าบาน เลยถามด้วยความสงสัย “ก็รู้สึกว่าไท่กั๋วยังมีอะไรที่เหมือนกับไถวานมั่งน่ะสิ ยิ่งรู้สึกใกล้กับ Jerry มากขึ้นเลยนะเนี่ย” แก้วพูดไปยิ้มไป “โธ่... แก้ว ขอร้องได้มั๊ยเนี่ย หยินเบื่อคำว่า Jerry ของแก้วจะแย่อยู่แล้วนะ ชักจะเริ่มเหม็นขี้หน้านายคนนี้จริงจริ๊งแต่ภาษาจีนของแก้วก็พอใช้ได้นะ” หยินบอกพร้อมกับยกมือไหว้ขอร้องแก้ว แต่ก็ยังอดชมเพื่อนไม่ได้ “แน่นอนอยู่แล้วล่ะหยิน ก็แก้วหัดฟังหนุ่มในดวงใจพูดบ่อย ๆ นี่นา” แก้วไม่กล้าเอ่ยชื่อ Jerry ออกมา “หยินกับแคล่วคุยเรื่องอะไรกัน ฉันได้ยินชื่อ Jerry ด้วย” อาเหม่ยรีบถามหยิน ระหว่างที่คุยทั้งสามสาวก็เริ่มเดินลงบันไดเลื่อนตรงทางเข้าหน้าสถานี โดยมีอาเหม่ยเดินลงไปก่อนจากนั้นก็เป็นหยิน ส่วนแก้วอยู่รั้งท้าย อาเหม่ยรีบบอกสองสาวว่า “นี่ ๆ หยินกับแคล่วต้องยืนชิดขวาด้วยนะ” หยินได้ยินอาเหม่ยบอกให้ยืนชิดขวาก็รีบบอกต่อกับแก้วทันที “แก้ว ๆ ยืนชิดขวาด้วยนะ” “ทำไมล่ะหยิน ทำไมต้องยืนชิดขวาด้วย” แก้วถามด้วยความสงสัย “เออนั่นสิ ทำไมเหรออาเหม่ย” หยินตอบประโยคแรกกับแก้วเป็นภาษาไทย แล้วก็หันไปถามอาเหม่ยด้วยภาษาจีน “ไม่มีอะไรมากหรอกหยิน มันเป็นธรรมเนียมของคนไต้หวันน่ะแหละ คนที่ไม่ได้รีบไปจะต้องยืนชิดซ้าย ส่วนคนที่รีบไปเค้าก็จะเดินลงทางขวาจ๊ะ” อาเหม่ยอธิบายให้ทั้งสองสาวเข้าใจ (การลงบันไดเลื่อนของคนไต้หวันเป็นแบบนี้จริง ๆ ค่ะ ^^) หลังจากหยินฟังอาเหม่ยอธิบายเสร็จก็หันไปบอกให้แก้วเข้าใจอีกคน “อ๋อ ไม่เหมือนบ้านเราเลยเนอะหยิน ไม่มีกฎระเบียบวินัยเลย จะทำอะไรก็ทำ แก้วชักอยากอยู่ไต้หวันแล้วสิเนี่ย” แก้วเริ่มทำหน้าละเมอเพ้อฝันว่ามีบ้านอยู่ในไต้หวัน “บ้าไปแล้วเหรอแก้ว เอ้า ถึงทางเข้าแล้ว เอาบัตรรถไฟฟ้ามาด้วยหรือเปล่าล่ะ” หยินเห็นเพื่อนท่าทางจะละเมอไม่เลิกเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอามาสิจ๊ะ เรื่องอะไรแก้วจะพลาดสถานที่ที่หนุ่มในดวงใจของแก้วเคยไป อิ ๆ” แก้วรีบตอบให้วกกลับมาเรื่องเดิม อาเหม่ยเห็นสองสาวคุยกันเพลิน ก็เลยเดินไปตรงทางกั้นก่อนเอาบัตรรถไฟฟ้าแตะลงไป แล้วเดินนำเข้าไปก่อน “แก้ว เราอย่ามัวคุยกันมากเลย ดูสิอาเหม่ยเดินเข้าไปแล้วนะ มาเราสองคนเข้ากันคนละข้างละกันนะ” ทั้งสองสาวหยิบบัตรขึ้นมาแตะกับทางเข้าพร้อมกันแล้วก็เดินเข้าไปสมทบกับอาเหม่ย “อาเหม่ย เราต้องไปทางไหนเหรอ เมื่อวานฉันก็ถาม ๆ ทางเค้ามาตลอดทางเลย” หยินรีบบอกอาเหม่ยให้เข้าใจ “มา เธอสองคนเดินตามฉันมาเลย เจ้าของบ้านจะพาไปเอง ไม่ต้องห่วง” ว่าแล้วอาเหม่ยก็จูงมือสองสาวไปยืนรอที่ทางขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนหยินก็แปลคำพูดของอาเหม่ยให้แก้วเข้าใจ “เดี๋ยวเราต้องนั่งรถไฟฟ้าจากซีเหมิน (Ximen) ไปถึงสถานีจงเสี้ยวฟู่ซิง (Zhongxiao Fuxing) ห่างจากสถานีซีเหมินไป 4 สถานีนะ ถึงสถานนีจงเสี้ยวฟู่ซิงแล้วเราสามคนก็เดินขึ้นไปอีกหน่อย” อาเหม่ยอธิบายเส้นทางให้หยินเข้าใจ จากนั้นหยินก็หันไปแปลให้แก้วฟัง “รถไฟฟ้ามาแล้ว เย้ ๆ” แก้วร้องขึ้นมาเหมือนเด็ก หลังจากที่รถไฟฟ้าวิ่งเข้ามาใกล้และกำลังจะจอด “แก้ว ๆ เบา ๆ สิ หยินอายเค้านะ” หยินรีบหันไปดุเพื่อนสาวด้วยความอาย “อะไรเหรอหยิน แคล่วเป็นอะไรไปเหรอ” อาเหม่ยงงกับอาการของแก้ว จึงเอ่ยปากถามกับหยิน พร้อมกับเดินนำสองสาวเข้าไปในรถไฟฟ้า หลังจากทั้งสามสาวหาที่นั่งได้ หยินก็รีบตอบกลับอาเหม่ยว่า “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะอาเหม่ย เค้าดีใจเหมือนเด็ก ๆ น่ะแหละ ได้มาเที่ยวที่ไต้หวันครั้งแรก” “หยินพูดอะไรกับอาเหม่ยรีบแปลมาเลยนะ” แก้วได้ยินอาเหม่ยเอ่ยถึงตนและหันมาถามอะไรสักอย่างกับหยินจึงคะยั้นคะยอให้หยินตอบ “อ้าว.... หยิน แล้วหยินล่ะ หยินก็มาครั้งแรกเหมือนกันกับแก้วน่ะแหละ ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนแก้วเหรอ” หลังจากหยินตอบให้แก้วฟังแล้ว แก้วก็ย้อนถามหยินอีกครั้ง “ก็ตื่นเต้นนะแก้ว แต่หยินไม่โอเว่อร์เหมือนกับแก้วหรอก 555” หยินตอบเสร็จก็หัวเราะ “จ้า ๆ ไม่โอเว่อร์เหมือนแก้วก็แล้วไป เชอะ” แก้วน้อยใจที่เพื่อนไม่เข้าใจหัวอกคนรักหนุ่มไต้หวัน เลยงอนใส่และหันหน้าหนี “โอ๋ ๆ อย่างอนสิแก้ว ดูสิ อาเหม่ยเริ่มงงแล้วนะ มองหน้าแก้วกระพริบตาปริบ ๆ เลย หันมาดูสิ” หยินรีบปลอบใจเพื่อน แก้วหันหน้ามามองอาเหม่ยปุ๊บ ก็รีบเอ่ยปากขอโทษกับอาเหม่ยทันที “ตุ้ยปู๋ฉีอาเหม่ย (ตุ้ยปู๋ฉี แปลว่า ขอโทษ)” เนื่องจากแก้วพูดจีนได้แต่คำง่าย ๆ จึงเอ่ยปากขอโทษอาเหม่ยเอง อาเหม่ยงงที่แก้วเอ่ยปากขอโทษตน แต่ก็ตอบกลับไป “เหมยกวานซี ๆ แคล่ว (เหมยกวานซี แปลว่า ไม่เป็นไร)” ระหว่างนั้นเสียงรถไฟฟ้าก็ร้องเตือนว่าถึงสถานีจงเสี้ยวฟู่ซิงขึ้นมา อาเหม่ยเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน ทั้งสองสามจึงลุกตาม หลังจากรถไฟฟ้าจอดแล้วทั้งสามสาวต่างก็พากันเดินออกจากสถานีรถไฟฟ้า *************************************************
เวลาประมาณ 10 โมงเศษ ชายหนุ่มก็จูงแม่เลี่ยวไปขึ้นรถ และขับออกจากบ้านที่เถาหยวน หลังจากชายหนุ่มสตาร์ทรถแล้วก็หันไปบอกกับแม่เลี่ยวว่า “แม่ฮะ อย่าลืมคาดเข็มขัดนะฮะ ปลอดภัยไว้ก่อนนะฮะ” ชายหนุ่มบอกแม่เลี่ยวด้วยความเป็นห่วง “จ้าลูก นาน ๆ แม่จะนั่งรถออกจากบ้านทั้งที แม่เกือบลืมไปเลยจ๊ะ” แม่เลี่ยวหันไปตอบเสร็จก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ลูกชายห่วงใย แล้วจึงหันไปคาดเข็มขัดนิรภัย “ผมจะไม่รีบขับนะแม่ ไปถึงโน่นก็พอดีห้างเปิด รู้สึกว่าห้างนี้จะเปิดตอน 11 โมงนะฮะ” ชายหนุ่มพูดเสร็จก็เริ่มสตาร์ทรถขับออกจากบ้าน “แอร์เย็นไปไหมฮะแม่” ชายหนุ่มปรับระดับลมแอร์ให้แม่เลี่ยว “เย็นกำลังดีเลยจ๊ะลูก” แม่เลี่ยวบอก แล้วก็นึกเรื่องไปเที่ยวเมืองไทยขึ้นมาได้จึงรีบถามลูกชายว่า “เออ ลูกเจิ้น จำชื่อไกด์สาวได้หรือยังล่ะลูก” “ยังจำไม่ได้เลยฮะแม่ โทรหาอาลี่ก็ไม่รับสาย สงสัยยังไม่ตื่นมั้งฮะ” ชายหนุ่มหันหน้ามาอธิบายให้แม่เลี่ยวฟังแล้วก็หันหน้าไปมองทางข้างหน้าตั้งใจขับรถต่อไป “แหม... น่าเสียดายจัง แม่อยากจะรู้รายละเอียดมากกว่านี้สักหน่อยนะเนี่ย” แม่เลี่ยวพูดด้วยความเสียดาย “ไม่เป็นไรหรอกฮะแม่ เดี๋ยวกลับจากไปเที่ยวห้าง Breeze Center แล้ว ผมจะลองโทรติดต่ออาลี่อีกครั้งนะฮะ” “จ๊ะลูก แม่อดตื่นเต้นไม่ได้น่ะ ทั้งที่ยังไม่ได้ไปเลย นาน ๆ แม่จะได้ไปเที่ยวกับลูกชายของแม่ซะที” “ฮะแม่ ถ้าติดต่ออาลี่ได้แล้วผมจะถามให้ละเอียดเลยนะฮะ แม่อยากรู้อะไรก็บอกนะฮะ” ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ที่เห็นแม่เลี่ยวตื่นเต้นและดีใจกับการไปเที่ยวเมืองไทย “ลูกตั้งใจขับรถไปเถอะนะ เดี๋ยวแม่ของีบสักหน่อย บรรยากาศในรถเย็นน่านอนจังเลยลูก” แม่เลี่ยวอดดีใจอีกครั้งไม่ได้ที่ลูกชายเอาใจใส่ตนอย่างดี “นอนพักตามสบายเลยนะฮะแม่ เดี๋ยวถึงแล้วผมจะปลุกแม่เอง” พูดเสร็จชายหนุ่มก็เปิดเพลงเถียนมี่มี่ของเติ้งลี่จวินให้แม่เลี่ยวฟัง “เถียน มี่ มี่ หนี่ เสี้ยว เตอ เถียน มี่ มี่ เฮา เซียง ฮวา เอ้อ ไค ไจ้ ฟง ชุ่น หลี” หลังจากที่มีเสียงร้องของเติ้งลี่จวินดังขึ้นมา ชายหนุ่มก็ตั้งใจร้องกล่อมให้แม่เลี่ยวฟัง *************************************************
*สถานีรถไฟฟ้าซีเหมินเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ในไต้หวันรถไฟฟ้าจะมีอยู่หลายสาย เส้นทางรถไฟฟ้าหลัก ๆ ก็จะมีสีแดง, สีน้ำเงิน, สีเขียว และน้ำตาล **วันที่ 21 เดือนมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมานี้ Jerry ได้ไปแจกลายเซ็นอัลบั้มที่ 2 “ตัว ชู ไหล เตอ จื้อ โหยว” หรือ “Freedom” ที่หน้าห้าง Breeze Center มีแฟนคลับต่างประเทศมางานประมาณ 2 พันคน (ผู้แต่งก็เป็น 1 ในนี้ค่ะ อิอิ)
Create Date : 08 กันยายน 2552 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 21:43:08 น. |
|
2 comments
|
Counter : 308 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ippyaui IP: 61.91.233.129 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:3:52:42 น. |
|
|
|
โดย: เดียร์ IP: 118.172.159.174 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:21:27:28 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขอบคุณสำหรับฟิกนะคะ
นอกจากได้ความบันเทิงแล้ว
ยังมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับไทหวันมาฝากด้วย
พี่หนุ่ยพักผ่อนด้วยนะคะ ^^