Group Blog All Blog |
แกงป่ากุ้ง
กว่าจะได้ฤกษ์เอาเมนูมาลงอีกที ก็ผลัดแล้วผลัดอีก จะเรียกว่าขี้เกียจก็ว่าได้ หลายเมนูทำแล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้
เมนูวันนี้เป็นรีเควสจากพี่สาวที่อยากกินแกงป่าก็เลยจัดให้ แต่ขอเป็นแกงป่ากุ้งละกัน มาดูวัตถุดิบของแกงป่ากุ้งหม้อนี้กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง ในส่วนของเครื่องพริกแกงป่า พริกแห้ง พริกขี้หนูสด พริกไทยเม็ด กระเทียม ข่าหั่นละเอียด ตะไคร้ซอยละเอียด ผิวมะกรูดซอย กะปิ เอาทุกอย่างมาขโลกรวมกัน เร็วหน่อยก็เข้าเครื่องปั่นไม่ต้องให้เมื่อยมือ หรือ่ถ้าอยากเอาสะดวกเดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องน้ำพริกแกงป่าแบบสำเร็จ อันนี้ใช้ได้เหมือนกัน เครื่องปรุง กุ้งสด(จะกุ้งอะไรก็แล้วแต่ทุนทรัพย์ รวยหน่อยก็ล็อบสเตอร์เลยก็ได้) มะเขือเปราะ กระชายหั่นฝอย พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ พริกไทยอ่อน ข่าอ่อนหั่นแว่นบาง ๆ หอมแดง กระเทียมโทน โหระพา ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน แครอท (น้ำมันพืชนิดหน่อย) ส่วนผสมทั้งหมดที่ไม่บอกสัดส่วนก็เพราะว่าทั้งหมดใช้วิธีกะเอาเอง ชอบอะไรก็ใส่อันนั้นเยอะหน่อย เพราะงั้นแกงป่าหม้อนี้ ตามใจฉันสุด ๆ มาดูวิธีทำกันดีกว่าว่าทำยังไง ก่อนอื่นเลยแกะเปลือกกุ้ง แ้ล้วเอาเปลือกกุ้งต้มน้ำให้เดือด เนื้อกุ้งพักไว้ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในหม้อแล้วเอาเครื่องแกงลงผัดพอหอม จากนั้นก็นำกุ้งที่แกะเปลือกใส่ตามลงไป ผัดจนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสี แล้วค่อย ๆ เติมน้ำต้มจากเปลือกกุ้งลงไป อยากได้น้ำไว้ซดมากน้อยแค่ไหน ก็กะเอาจากปริมาณเครื่องพริกแกง (ถ้ามากไปรสชาติอาจจะจืดได้) หลังจากนั้นก็ใส่บรรดาสารพัดผักลงก่อนหลังตามแต่ว่าอันไหนนิ่มเร็วหรือช้า แต่สำหรับนุชเททุกอย่างลงไปพร้อมกันนั่นแหละ (ยกเว้นโหระพา) ต้มไปเรื่อยจนเดือด จากนั้นก็ใส่โหระพา แล้วก็ปิดไฟยกลงจากเตาพร้อมเสริฟ สังเกตได้ว่าแกงป่าหม้อนี้ไม่มีการปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือน้ำตาลทั้งสิ้น สาเหตุเป็นเพราะเราได้ความเค็มจากกะปิ ซึ่งถ้าเลือกใช้กะปิที่ดีจะส่งผลให้อาหารอร่อยด้วย ส่วนความหวานได้จากเนื้อกุ้งที่ต้ม และน้ำซุปจากเปลือกกุ้งอยู่แล้ว แต่ถ้าใครชอบรสจัดกว่านี้ก็สามารถปรุงรสเพิ่มได้ตามใจชอบ จากนั้นก็ตักใส่ชามเสริฟ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยเหาะ เคยได้ยินมาว่าแกงป่าที่อร่อย จะต้องเป็นน้ำที่เข้มข้นและเผ็ดกันจนลิ้นห้อย แต่เนื่องด้วยกลัวว่าท้องไส้และปากตัวเองจะรับไม่ไหว ก็เอาแบบที่เผ็ดกำลังดีละกัน เผ็ดมากเกินถึงอร่อยจริง แต่เดี๋ยวจะมาลำบากก็ไอ้ตอนเข้าห้องน้ำนี่สิ ขนมถ้วย
หลังจากที่นัดกับป๊ะป๋าไว้ว่าจะทำขนมถ้วยให้ทาน วันนี้ก็ได้ฤกษ์ จริง ๆ แล้วขนมถ้วยนี่ถือได้ว่าเป็นขนมของโปรดของที่บ้านเลยก็ว่าได้
เรามาดูกันดีกว่าว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง เริ่มจากส่วนของตัวขนม แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย แป้งเท้ายายม่อม 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย น้ำใบเตย 1/4 ถ้วย หางกะทิ 1 ถ้วย ส่วนประกอบของหน้าขนม หัวกะทิ 1 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่า 1. นำแป้งข้าวเจ้ากับแป้งท้าว มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็เอาน้ำตาลมะพร้าวที่ไปทำให้นิ่มด้วยการเข้าไมโครเวฟ นำมานวดกับแป้ง (หรืออาจจะใช้น้ำตาลปี๊บแทนก็ได้) จากนั้นจึงใส่น้ำใบเตยผสมลงไป แล้วนวดให้เข้ากัน เมื่อผสมจนเข้ากันแล้ว เราก็เทหางกะทิลงไปผสมให้เข้ากัน 2. ในระหว่างที่เราผสมตัวขนมอยู่ ให้เรานึ่งถ้วยตะไลในรังถึงให้ร้อน 3.เมื่อผสมตัวขนมเสร็จถ้วยตะไลก็จะร้อนจัดแล้ว เราก็จะเอาตัวขนมตักใส่ถ้วยประมาณ 1/2 ถ้วย แล้วก็ปิดฝานึ่งไปประมาณ 5-10 นาที 4.ช่วงที่กำลังนึ่งตัวขนมอยู่ เราก็มาทำส่วนของหน้าขนมกัน ด้วยการนำกะทิมาผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ แล้วคนให้เข้ากัน 5.ตอนนี้ตัวขนมของสุกแล้ว เราก็เอาหน้ากะทิที่ผสมไปราดลงบนตัวขนมต่อได้เลย 6. ปิดฝารังถึงนึ่งต่อไปอีกประมาณ 5-7 นาที จนสุก ตอนแรกไม่รู้อยากลองกินร้อน ๆ พอปิดเตาปุ๊บก็ลองหยิบมากินเลย กลายเป็นว่าหน้ากะทิมันยังเหลวอยู่ นึกว่าใส่แป้งน้อยไป แต่พอลองไปหยิบมากินอีกถ้วย ถึงได้รู้ว่าต้องปล่อยให้มันเย็นลงหน่อยให้ขนมอยู่ตัว หลังจากชิมรสแล้วสำหรับนุชรู้สึกว่าตัวขนมจะออกรสหวานไปหน่อย อาจจะเพราะไม่ค่อยกินรสหวานจัดก็ได้ เอาไว้คราวหน้าถ้าทำอีกจะลดปริมาณน้ำตาลลงซะหน่อย กะปิคั่ว
กลับมาทำ blog อีกครั้ง หลังจากที่ลบของเก่าทิ้งไป เพราะคราวนี้ตั้งใจแค่อยากจะเก็บสูตรอาหารที่ตัวเองสนใจและเคยทำเอาไว้ดูเท่านั้น และจะพยายามทยอยเอาเมนูเก่าที่เคยทำเอาไว้มากลับมาลงไว้เหมือนเดิมด้วย
เริ่มใหม่ด้วยเมนู กะปิคั่ว ด้วยความที่เป็นคนชอบกินน้ำพริกอยู่แล้วก็เลยมักจะสรรหาเมนูน้ำพริกมาลองทำดู สูตรนี้ได้มาจากพี่ที่ทำงานตึกเดียวกันที่เค้าทำมากิน ก็เลยขอสูตรเค้าไว้มาลองหัดทำเอง ก่อนอื่นเรามาเตรียมวัตถุดิบกันก่อน 1. กะปิดี 2 - 3 ช้อนโต๊ะ 2. กะทิสำเร็จ 300 กรัม 3. ตะไคร้ 5 ต้น 4. หอมแดง 1 ถ้วย 5. กระชาย 4 แง่ง 6. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา 7.ใบมะกรูด 4-5 ใบ 8. พริกแห้งเม็ดใหญ่ 6-7 เม็ด 9. พริกชี้ฟ้า 6 - 7 เม็ด 10. หมูสับ 100 กรัม 11. กุ้งสับ 50 กรัม วิธีทำ 1. เริ่มด้วยการนำพริกแห้งเอาเมล็ดข้างในออก แช่น้ำเอาไว้ 2. ซอยตะไคร้ หอมแดง กระชาย ผิวมะกรูด ใบกรูด 3. นำพริกแห้ง ตะไคร้ หอมแดง กระชาย ผิวมะกรูด ใบมะกรูดมาตำในครกหินให้ละเอียด ตรงส่วนนี้หากใครที่ชอบรสเผ็ดก็ใส่พริกขี้หนูลงตำเพิ่มได้ตามความชอบ 4. ใส่กะปิลงโขลกให้เข้ากัน แต่ถ้าหากใครไม่ถนัดใช้ครกตำ อนุญาตให้ใช้เครื่องปั่นได้ ใช้ครกหินตำก็สนุกไปอีกแบบ.. ถือว่าได้ออกกำลังกายไปด้วย 5. จากนั้นก็เอากะทิใส่กระทะขึ้นตั้งไฟ ให้พอเดือด แล้วจึงใส่น้ำพริกที่ตำไว้ลงไป 6. เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนเริ่มแตกมัน 7. จากนั้นเราก็ใส่หมูสับกับกุ้งสับลงไป (แต่จะบอกว่านุชลืมซื้อกุ้งมาอ่ะ ก็เลยเบิ้ลหมูสับเข้าไปอีก 1 ขีดเลย แบบว่าชอบกินแบบเนื้อเยอะ ๆ ) 8.แล้วก็เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ให้น้ำกะทิเริ่มงวดลง ในความงวดของน้ำกะทินี่ นุชว่าแล้วแต่คนจะชอบด้วยมากกว่า อย่างนุชอยากจะกินแบบไม่ต้องแฉะมาก เพราะงั้นก็จะเคี่ยวนานหน่อย จนเกือบแห้ง แต่ถ้าใครชอบแบบมีน้ำก็ไม่ต้องเคี่ยวนาน ซึ่งทำออกมาก็จะออกแนวเหมือนหลนเต้าเจี้ยวนั่นแหละ 9.เสร็จเรียบร้อย ตักใส่ชาม แต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้ากับใบมะกรูดหั่นฝอย กินกับผักสด แตงกวา, กระหล่ำขาว, ถั่วพู, มะเขือ หรือผักอื่น ๆ ตามแต่จะชอบ * + * + * + * + * + * + * อย่างคุณนายแม่ของนุช พอน้ำพริกเสร็จคุณนายแม่ไปเด็ดยอดมะยมอ่อน ๆ มากินกับน้ำพริกด้วย ไม่หมดแค่นั้น สารพัดผักของคุณนายแม่ ทั้งใบยอ ใบชะพลู ตักกินเหมือนเป็นเมี่ยงเลย แกบอกว่าอร่อยดี เด็กที่บ้านที่เป็นคนไม่ชอบกินทุกอย่างที่ใส่กะทิ แต่พอได้ลองกินกลับติดใจ แต่จะว่าไปนุชว่ากินไปกินมา รสชาติมันคล้ายกับกินน้ำยาของขนมจีนเลยนะเนี่ย |
BuaChomPooH_NucH
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |